18/09/2025
บทความนี้ส่วนตัวผม ลังเลที่จะเขียนอยู่สักพัก
แต่เอาว่ะ เขียนเตือนตัวเองด้วยและเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ
เหตุผลที่ผมลังเลๆ ก็ เพราะอาหารที่จะพูด ที่กล่าวนี้ มัน "อร่อย" ครับ
แน่นอนว่า หลายคนคงเคยได้ยินมาและจริงๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นครับ
" กินอะไรเข้าไป มันก็จะเป็นอย่างนั้น "
กินอาหารอย่างไรเข้าไป ต่อเนื่อง ยาวนาน ร่างกายของเราก็จะเป็นแบบนั้น อันนี้ย้ำอีกทีครับ
แต่วันนี้ผมอยากจะนำเสนอในมุมมองของอาหารที่ผมเชื่อว่า พวกเรากินและเลือก และหยิบมันเข้าปากเราอยู่ทุกวี่วัน และแน่นอนว่าอยู่รอบๆ ตัวเราเต็มไปซะหมด - อาหารแปรรูป (Ultra-processed foods) -
ที่ผมหมอบิทจะมาเล่าถึง การที่ทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำมันเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานของสมองที่ถดถอย และปลายทางแล้ว ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมทั้งโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือดสมอง
พวกเราสงสัยหรือไม่ว่าอาหารที่เราเลือกรับประทานในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพสมองในระยะยาวอย่างไร?
งานวิจัยล่าสุดหลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่น่ากังวลระหว่างการบริโภคอาหารแปรรูปพิเศษ (Ultra-processed foods) หรือที่เรียกกันติดปากว่า "อาหารขยะ" กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะสมองเสื่อม (Dementia) และการถดถอยของกระบวนการคิด (Cognitive decline)
อาหารแปรรูปพิเศษคืออะไร?
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ "อาหารแปรรูปพิเศษ"
อาหารกลุ่มนี้เป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ในเนื้ออาหารและแต่ละกระบวนการมักมีส่วนผสมของน้ำตาล เกลือ ไขมัน สารปรุงแต่งรสชาติ และสารกันบูดในปริมาณสูง
อ่ะ . . . ขอยกตัวอย่างที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่
อาหารสำเร็จรูปที่อุ่นด้วยไมโครเวฟ, เนื้อสัตว์แปรรูป (deli meat), ขนมปังขาว, คุกกี้บรรจุห่อ, ชีสพัฟ, ขนมอบ, แฮมเบอร์เกอร์, มันฝรั่งทอด, ไก่ทอด, ไส้กรอก, พิซซ่า, บิสกิต, น้ำอัดลม, ซีเรียลอาหารเช้า, โยเกิร์ตปรุงแต่งรสหวาน, ไอศกรีม, ซอสมะเขือเทศ และมายองเนส
พูดไป คิดไปแล้วน้ำลายจะไหล 5 5 5
หลักฐานจากงานวิจัยมากมายชี้ชัด แต่วันนี้ผมจะขอยกสักสองงานวิจัยนะครับที่บอกเราว่า
1. งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร : JAMA Neurology
**การศึกษาเรื่องอัตราการถดถอยของกระบวนการคิด:**
ติดตามผู้เข้าร่วมที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อมเกือบ 11,000 คน เป็นเวลา 8 ปี พบว่า **กลุ่มคนที่บริโภคอาหารขยะมากที่สุด มีอัตราการถดถอยของกระบวนการคิด เช่น ความจำ การจดจำคำศัพท์ และทักษะการคิดอื่นๆ เร็วขึ้นถึง 28%** เมื่อเทียบกับกลุ่มที่บริโภคน้อยที่สุด และ
2. อีกหนึ่งงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร : Neurology
**การศึกษาเรื่องความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อม:**
ซึ่งศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 72,000 คนในสหราชอาณาจักรเป็นเวลาเฉลี่ย 10 ปี ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจหลายประการ
* ทุกๆ 10% ของการบริโภคอาหารแปรรูปพิเศษที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมขึ้น 25%
* ในทางกลับกัน การแทนที่อาหารแปรรูปพิเศษเพียง 10% ด้วยอาหารทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผักผลไม้สด หรือเนื้อสัตว์ไม่แปรรูป สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมที่ ลดลงถึง 19%
ทำไมอาหารเหล่านี้จึงส่งผลเสียต่อสมอง?
คุณ Huiping Li หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยอธิบายว่า อาหารแปรรูปพิเศษถูกออกแบบมาให้สะดวกและอร่อย แต่ก็มักจะ "ลดทอนคุณภาพของอาหารโดยรวม" นอกจากนี้ อาหารเหล่านี้อาจมีสารปรุงแต่ง หรือโมเลกุลที่ปนเปื้อนจากบรรจุภัณฑ์หรือเกิดจากกระบวนการให้ความร้อน ซึ่งมีงานวิจัยอื่นชี้ว่าอาจส่งผลเสียต่อทักษะการคิดและความจำได้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลดีได้อย่างมีนัยสำคัญ
คุณ Li กล่าวว่า การเพิ่มอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือแปรรูปน้อยที่สุดเพียง 50 กรัมต่อวัน (เทียบเท่าแอปเปิ้ลครึ่งผล หรือข้าวโพดหนึ่งหน่วยบริโภค) และในขณะเดียวกันก็ลดการบริโภคอาหารแปรรูปพิเศษลง 50 กรัมต่อวัน (เทียบเท่าช็อกโกแลตแท่งหนึ่ง) มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมที่ลดลง 3%"
มาถึงจุดนี้แล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีและสมองเฉียบคมในระยะยาวๆ
ไอ้เราก็ควรพยายามลดการบริโภคอาหารขยะและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ผัก, ผลไม้, พืชตระกูลถั่ว, ธัญพืชไม่ขัดสี, ถั่ว, เมล็ดพืช และโปรตีนไขมันต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมันและอาหารทะเล (ที่ไม่ใช่แบบทอด)
เป็นห่วงนะครับ
#อาหารแปรรูปเสี่ยงสมองเสื่อม
#สมอง
#สมองของคุณให้เราดูแล