บ้านความงามประยูรรัตน์

บ้านความงามประยูรรัตน์ ร้านบริการ เสริมสวย ดูแลผิวพรรณ ด้ว?

09/11/2024

“พระตัณหังกร” พระอดีตพุทธเจ้า ผู้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้น “ตีนเป็ด”
เมื่อล่วงถึงช่วงนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ลมหนาวหอบพัดเอากลิ่นหอม (ฉุน) ที่หลายคนคุ้นเคยและจำนวนหนึ่งรู้สึกแขยงเข้าไส้อย่างกลิ่นดอกพญาสัตบรรณ หรือ “ตีนเป็ด” ให้ตลบอบอวลไปทั่ว และกลิ่นรุนแรงนี้ดูจะเป็นข้อพิพาทประจำปลายปีระหว่างคนกับต้นไม้ไปเสียแล้ว
แต่รู้หรือไม่ว่า ต้นไม้เจ้าปัญหาข้างต้นมีบทบาทโดดเด่นอยู่ในคัมภีร์พุทธศาสนา ระดับเดียวกับ “ต้นโพธิ์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะ “พญาสัตบรรณ” คือต้นไม้ที่พระอดีตพุทธเจ้าประทับตอนตรัสรู้เช่นกัน
คัมภีร์บาลีพุทธวงศ์ อธิบายถึง “พระอดีตพุทธเจ้า” ว่าเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศากยโคดมพุทธเจ้า (พระสิทธัตถะ) พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ประกอบด้วยพระพุทธ 27 องค์ (พระโคดม ลำดับ 28)
ใน ชินกาลมาลีปกรณ์ ที่พระรัตนปัญญาเถระรจนาเป็นภาษาบาลี และ ร.ต.ท. แสง มนวิทูร แปลเป็นภาษาไทย เป็นตำราเล่มสำคัญที่เล่าถึงพระอดีตพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ระบุว่า ใน “สารมัณฑกัป” มีพระพุทธเสด็จอุบัติ 4 พระองค์ ได้แก่ พระตัณหังกร พระเมธังกร พระสรณังกร และพระทีปังกร
สำหรับ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระอดีตพุทธเจ้าลำดับแรก ได้รับการพรรณนากาลตรัสรู้ของพระองค์ไว้ ดังนี้
“ในพระพุทธ ๔ พระองค์นั้น พระโพธิ์สัตว์ตัณหังกร บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยแสนกัปมาแล้ว ทรงเกิดเป็นพระราชโอรสของพระนางสุนันทา อัครมเหสีของพระเจ้าอานันท ในนครปุปผวดี ครองฆราวาสอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์
ทรงกระทำความเพียรอยู่ ๗ วัน ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธที่โคนต้น ‘พญาสัตบรรณ’ (ต้นตีนเป็ดขาว) ดำรงพระชนม์อยู่ ๑๐๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน”
กล่าวคือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า ตรัสรู้ใต้ต้น “ตีนเป็ด” นั่นเอง
ไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่า เหตุใดคัมภีร์พุทธศาสนาจึงให้ความสำคัญกับต้นพญาสัตบรรณ ถึงขั้นให้เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระอดีตพุทธเจ้าลำดับที่ 1 อย่างพระตัณหังกร
มีเพียงร่องรอยความเชื่อในอินเดียที่นิยามว่า ต้นไม้นี้คือสัญลักษณ์การ “ตื่นรู้” เพราะกลิ่นฉุนของมันทำให้มนุษย์เกิดสมาธิจดจ่อ และเกิดสภาวะ “ตระหนักรู้” (หากผู้อ่านมีข้อมูลเพิ่มเติม แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนไว้จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง)
ถึงอย่างนั้น สำหรับคนแพ้กลิ่นดอกตีนเป็ดคงไม่ใช่แค่ “ตระหนัก” อย่างเดียว แต่จะพา “ตระหนก” เอาด้วย
ภาพ : ภาพวาดในศิลปะพม่า พระตัณหังกรพุทธเจ้าตรัสรู้ที่โคนต้นพญาสัตบรรณ (ภาพถ่ายโดย Jana Igunma ต้นฉบับจาก British Library)
#พุทธศาสนา #พระตัณหังกรพุทธเจ้า #ต้นตีนเป็ด #พญาสัตบรรณ #วัฒนธรรม #ศิลปวัฒนธรรม

04/12/2023

7 ข้อคิด
เพื่อความสุขสำเร็จในการงาน
พศิน อินทรวงค์

1. ความรัก
รักในงานคือรู้สึกภูมิใจและเห็นคุณค่าในการงานของตน

2. ประโยชน์
รู้จักเชื่อมโยงประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านไว้ด้วยกัน อย่าทำงานแบบเห็นแแก่ตัว คิดถึงแต่ผลกำไร ทว่า ขอให้คิดถึงประโยชน์ของผู้อื่น และสังคมควบคู่ไปด้วย ที่สำคัญ อย่าให้การงานของเราไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นและส่วนรวม

3. เพียรพัฒนาอยู่เสมอ
การงานใดๆจะดีเลิศไม่ได้ หากไม่มีการปรับปรุงพัฒนา จงหมั่นศึกษาหาความรู้ หาจุดอ่อน จุดแข็งในงานอยู่เสมอ จุดอ่อนรู้ไว้เพื่อสร้างสรรค์ให้ดีขึ้น รู้จุดแข็งรู้ไว้เพื่อส่งเสริม ต่อยอด ทำให้ยิ่งๆขึ้นไปออกพบผู้รู้ เปิดหูเปิดตาดูโลกกว้าง บันทึก วิเคราะห์ ทดลอง สรุปผล แล้วจึงลงมือทำด้วยความเพียรเต็มกำลัง

4. ทำด้วยความสุข
เวลาทำงาน อย่าหงุดหงิดง่าย
อย่างโกรธง่าย แต่ควรจดจ่อด้วยความเบิกบาน ทำใจโล่งๆ เบาๆ ทำจริงแต่อย่าจริงจังนัก
ทำเล่นๆ แต่ทำด้วยความเพียร
ให้ความสุข ความสนุก
เป็นอารมณ์หล่อเลี้ยงการทำงาน

5. ปัญหาไม่ใช่ปัญหา
จากนี้ไป ให้ตระหนัก เข้าใจกว่าการแก้ปัญหาคือส่วนหนึ่งของการทำงาน อย่าตกใจ ปัญหาคือเรื่องธรรมดา และปัญหาจะให้ปัญญาแก่เรา

6. ใช้ความรักมากๆ ใช้อำนาจน้อยๆ
เห็นเพื่อนร่วมงานเป็นครอบครัว ถนอมน้ำใจ พูดคุยด้วยเหตุผลบนพื้นฐานของความเมตตา

7. เงิน 5 กอง
ได้กำไรมาแล้ว แบ่งเป็น 5 ส่วน
หนึ่ง นำมาปรับปรุงพัฒนางาน
สอง เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ทดแทนผู้มีพระคุณ
สาม ช่วยเหลือสังคม แบ่งปันทำประโยชน์
สี่ ให้รางวัลตนเองบนพื้นฐานปัญญา
ห้า ต่อยอดให้เพิ่มพูน เก็บออมไว้ใช้ยามจำเป็น

***ติดต่อ พศิน อินทรวงค์***
วิทยากร/บรรยาย/หนังสือ/บทความ
https://www.facebook.com/talktopasin2013
***ติดตามช่องยูทูป***
พศิน อินทรวงค์ - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQ

11/06/2023

ใครๆก็ฝึกสติในชีวิตประจำวันได้เพราะมันง่ายมาก!!!
พศิน อินทรวงค์

1. ขณะที่ไม่ได้ใช้ความคิด ให้พยายามเอาจิตมาจับที่ลมหายใจ ให้รับรู้อยู่ที่โพรงจมูก เหมือนนายทวารเฝ้าประตู ถ้ามีลมเข้า ให้รู้เหมือนคนเฝ้าประตูที่รู้ว่ามีใครเข้ามา ถ้ามีลมออก ให้รู้เหมือนคนเฝ้าประตู รู้ว่ามีคนออกไป ให้ทำเพียงเท่านี้ แค่รู้อยู่ที่โพรงจมูก ไม่ต้องตามไปลมหายใจเข้าไป รู้อยู่ที่โพรงจมูกเท่านั้น รู้ไปเรื่อยๆ เราสามารถทำเช่นนี้ได้ทุกเวลาที่ไม่ได้ใช้ความคิด ว่างๆ ให้ทำ นั่งรออยู่ว่างๆ ให้ทำ เดินไปไหนมาไหน ให้ทำ เพราะนี่คือสิ่งที่เรียกว่า "การภาวนา" และเป็นการภาวนาที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ การภาวนานี้ทำได้ง่ายมาก และไม่เกี่ยวอะไรกับวัด คนอยู่ในวันอาจไม่ได้ทำ คนอยู่นอกวัดอาจทำมันอยู่ตลอดเวลาก็ได้

2. ขณะที่รู้ลมอยู่ที่โพรงจมูก เมื่อเกิดความคิด พูดง่ายๆ ว่าเมื่อคิด จะคิดอะไรก็ตาม คิดนินทา คิดอิจฉา คิดเบื่อ คิดเซ็ง คิดเรื่องงาน คิดเรื่องบุญ คิดเรื่องบาป คิดถึงสิ่งลามก คิดถึงสิ่งดีงาม ทั้งหมดเรียกรวมๆ ว่าคิด ซึ่งมีค่าเท่ากันทั้งหมดไม่ว่าคิดดีหรือคิดร้าย รวมความแล้วมันคือความคิด ให้กำหนดรู้เพียงผ่านๆ ว่า "จิตไหลไปคิดนะ" หรือจะกำหนดว่า "คิดหนอๆ" ก็ได้ เมื่อรู้สึกตัวว่าคิด ก็ดึงกลับมาที่ลมใหม่ จะคิดอะไรก็ช่างมัน แค่รู้ว่าคิด แล้วดึงกลับมาที่ลม ห้ามไปนั่งจัดการกับความคิดเด็ดขาดเพราะนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ต้องไปตั้งคำถามว่าทำไมฉันจึงคิด ทำไมฉันจึงฟุ้งซ่าน อย่าไปสนใจความคิด แค่รู้ แค่ดู แค่เห็น ไม่ต้องวิเคราะห์ ตัดสินใดๆ แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจตนเองลูกเดียว เกิดอะไรขึ้นก็ตาม กลับมารู้ลมหายใจลูกเดียว

3. เวลาทำงานที่ต้องใช้สมาธิ หรือทำสิ่งใดที่ต้องใช้สมาธิ ให้หยุดภาวนา แล้วอยู่กับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าไป ทำงานให้เต็มที่ ทำหน้าที่ให้เต็มที ไม่ต้องสนใจกับการภาวนา แต่ให้สนใจอยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า

4. เมื่อทำสิ่งใดที่ไม่ต้องใช้สมาธิมากนัก พูดง่ายๆ ว่าขณะที่ทำสิ่งไร้สาระอยู่ เช่นเดิน รอรถประจำทาง เข้าห้องน้ำ นั่งดูโทรทัศน์ ให้พยายามตามรู้ลมหายใจไปเรื่อยๆ แบบเบาๆ ระหว่างที่ทำสิ่งเหล่านี้ กึ่งหนึ่งให้รู้ลม กึ่งหนึ่งก็ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป

5. ช่วงแรกๆ ของการฝึกฝน เราไม่มีวันอยู่กับลมหายใจได้ ย้ำว่าเราจะอยู่กับลมหายใจไม่ได้ทันที และจะไม่มีวันที่จิตสงบได้ง่ายๆ ความฟุ้งซ่านคือเรื่องปกติ ความสงสัยคือเรื่องปกติ ความกังวลต่างๆ คือเรื่องปกติ ดังนั้น เราต้องตัดความลังเลสงสัยให้หมด เมื่อความคิดเหล่านี้เกิดขึ้น แค่เพียงรู้ว่ามันเกิดขึ้น สังเกตว่ามันดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป สังเกตไปเรื่อยๆ แล้วพยายามดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ ถ้ามันไหลไปคิดอีก ก็สังเกตแล้วดึงกลับมาอีก ทำเพียงเท่านี้ รับรู้ว่าเกิดอารมณ์ หรือความรู้สึกขึ้นมา แล้วดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ มันจะเกิดอาการดึงไปดึงมาอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา คือไหลไปคิด เราดึงกลับ แล้วก็ไหลไปคิดอีก แล้วเราก็ดึงกลับมาอีก ให้ทำไปเรื่อยๆ จนเกิดความชำนาญ ความสงบ ความเข้มแข็งในจิตใจก็จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อมีความสงบเป็นฐานกำลังของใจแล้ว สติปัญญาจะเกิดขึ้นมาเอง สติปัญญาตัวนี้สามารถรู้ทันกิเลสก็ได้ ตัดกิเลสก็ได้ หรือจะใช้ไปทำงานทำการก็ได้ทั้งนั้น

ป.ล. ขอให้ลองคิดตาม คิดแล้วลองทำตาม จะเห็นได้ว่า การภาวนาเป็นเรื่องที่ทำง่ายมาก และทำได้ตลอดเวลา ใครๆ ก็สามารถภาวนาในชีวิตประจำวันได้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ควรทำให้ชำนาญ จนกลายเป็นสัญชาติญาณ แล้วสิ่งดีงามก็จะเกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้นๆ ที่สำคัญจะต้องไม่แยกการภาวนาออกจากชีวิต แต่ต้องหลอมทั้งการภาวนาและการใช้ชีวิตให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำเองก่อน แล้วสอนคนรอบข้าง ถ่ายทอดแนวความคิดนี้ไปเรื่อยๆ แล้วสังคมของเราก็จะกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่ เพราะทุกคนมีกิเลสน้อย มีความเมตตาสูง เป็นคนมีคุณภาพ และเป็นคนดีที่มีสติปัญญาอย่างแท้จริง!!!

***ติดต่อ พศิน อินทรวงค์***
วิทยากร/บรรยาย/หนังสือ/บทความ
https://www.facebook.com/talktopasin2013
***ติดตามช่องยูทูป***
พศิน อินทรวงค์ - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQ

27/04/2023

สิ่งล้ำค่า 5 ประการ
ที่พ่อแม่ทุกคนควรมอบให้ลูก
เพื่อให้เขาเติบโต เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
พศิน อินทรวงค์

1. ความรัก
จงให้ความรักแก่ลูกของท่าน ความรักหาใช่เพียงแค่พูดว่ารัก แต่คือการโอบกอด และไม่ตัดสินผิดถูก ไม่เปรียบเทียบ ไม่มีใครดีกว่าลูกของท่าน และลูกของท่านก็ไม่ได้ดีกว่าลูกของใคร ขอท่านจงทำลายความคิดเปรียบเทียบให้ราบคาบ ความรักไม่ใช่การลำเอียงเข้าข้าง แต่ความรักคือการอยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์ จงพูดคุยกับลูกของท่านด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตา ให้เขาเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของท่าน อย่าได้ตั้งตนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้เขาใช้ชีวิตหมุนวนรอบท่าน อย่าได้ให้ความรู้ก่อนให้ความรัก อย่าได้สั่งสอนมารยาทก่อนให้ความรัก อย่าได้เห็นสิ่งใดมีค่าไปกว่าความรัก จงให้ความรักแก่เขาก่อนเป็นสิ่งแรก แล้วจึงให้น้ำนม ให้ความรักก่อน จึงค่อยให้ข้าวปลาอาหาร ให้ความรักเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง พ่อแม่ทั้งหลาย ท่านจงทำเช่นนี้กับลูกของท่านจนครบเจ็ดปีเต็ม แล้วลูกของท่านจะเติบโตมาเป็นผู้ที่มีจิตใจมั่นคงแข็งแรง

2.คุณธรรม
เมื่อท่านให้ความรักแล้ว จงให้คุณธรรมกับเขาด้วย ท่านต้องเป็นผู้มีคุณธรรมก่อน อย่าได้เพียงพร่ำสอนในสิ่งที่ท่านไม่ได้เป็น ท่านผู้เป็นพ่อแม่ จงสำรอกกิเลสขั้นหยาบของท่านออก เพื่อท่านจะเป็นผู้บริสุทธิ์พอในการสั่งสอนเรื่องคุณงามความดี ขอท่านจงมีเมตตาต่อคนรอบข้างให้เขาเห็น จงส่งมอบดอกไม้ให้เพื่อนมนุษย์ เพราะเขาจะรับรู้ถึงความสุขของการมอบดอกไม้จากการกระทำของท่าน อย่าสอนให้เขาไหว้ใครเพียงเพราะมีอายุมากกว่า แต่จงสอนให้เขาไหว้ด้วยวุฒิภาวะ และด้วยคุณธรรมความดีของบุคคลนั้นๆ ท่านจงแบ่งขนมปังที่ดีที่สุดให้เพื่อนบ้าน แทนที่จะเก็บไว้กินเอง นั่นจะทำให้เขาตระหนักว่า การเสียสละคืออะไร และมีคุณค่าอย่างไร จงเป็นคนที่งดงามเพื่อลูกของท่าน ท่านไม่สามารถสอนเขาได้เลย หากท่านไม่สามารถทำได้อย่างที่ท่านพูดมา

3. อิสรภาพ
เมื่อท่านให้ความรักเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อท่านได้ปลูกฝังคุณธรรมความดีให้เขาแล้ว จงให้สิ่งล้ำค่าที่สามแก่เขา นั่นคืออิสรภาพ ท่านจงเคารพในความเป็นเขา เพราะท่านได้สร้างเขามาดีแล้ว จงตระหนักว่าเขาคือคนที่มีความรักเต็มเปี่ยม และเขาคือผู้มีคุณธรรมความดีที่น่ายกย่อง ยามใดที่เขาต้องเลือกสิ่งใดให้แก่ชีวิตของเขา ไม่ว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่ ท่านจงยินดีในสิ่งที่เขาเลือก ยินดีในชีวิตที่เขาต้องการ แม้เขาต้องการเป็นคนยากจน ท่านจงยินดีในความยากจนของเขา แม้เขาต้องการเป็นคนเร่ร่อน ท่านจงยินดีในการไม่มีบ้านเรือนของเขา เพราะนั่นคืออิสรภาพที่เขาเลือก อิสรภาพมิใช่ความมั่นคงปลอดภัย แต่อิสรภาพหมายถึงจิตที่พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ท่านได้มอบความรักให้เขาแข็งแกร่ง และได้มอบจิตใจที่ดีงาม ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ไม่เบียดเบียนใคร เท่านั้นจึงเพียงพอแล้ว ถ้าลูกของท่านต้องการโผบินไปสู่ความอันตรายที่คาดไม่ถึงของชีวิต จงยิ้มให้เขา โอบกอดเขา และอวยชัยแก่เขา

4. ปัญญา
เมื่อลูกของท่านได้ความรัก ความดี และอิสรภาพจากท่าน สามสิ่งนี้จะทำให้เขากระหายในการเผชิญโลกกว้าง ถึงเวลาแล้วที่ลูกของท่านจะกลายเป็นพญาอินทรีย์ ท่านจงเปิดโอกาสให้เขาได้มีสติปัญญาเป็นของตนเอง ท่านจำเป็นต้องพาเขาไปยังหน้าผาสูงชันเพื่อฝึกบิน จงพาเขาไปส่ง แต่อย่าได้ตามเขาไป ปัญญานี่มิใช่ความรู้ หากแต่เป็นความเท่าทันของชีวิตที่ต้องเข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง จงจำไว้ว่า ปัญญาไม่อาจเกิดก่อนความรัก ไม่อาจเกิดก่อนความดี ที่สำคัญ ปัญญาไม่อาจเกิดก่อนอิสรภาพ เพราะปัญญาที่แท้จริงจะถูกค้นพบภายหลังลูกของท่านมีอิสรภาพแล้วเท่านั้น และปัญญาเป็นสิ่งที่ให้แก่กันไม่ได้ ท่านให้ความรักลูกของท่านได้ ให้คุณธรรมแก่เขาได้ ให้อิสรภาพแก่เขาได้ แต่ท่านจะให้ปัญญาแก่เขามิได้ ระบบการศึกษาไม่ใช่ปัญญา ความรู้ไม่ใช่ปัญญา หากแต่ประสบการณ์แห่งการตระหนักรู้ในความจริงของชีวิตนั่นแหละคือปัญญา

5. ทรัพย์สินและความนับถือ
เมื่อลูกของท่านมีความรัก ความดี อิสรภาพ และปัญญา แม้ท่านมีเงินทองพรั่งพร้อม จงมอบทรัพย์สินที่จำเป็นแก่เขา แม้ท่านเป็นยาจกผู้ข้นแค้น จงเรียกเขามา แล้วมอบดอกไม้สักดอกแก่เขา จงพูดกับเขาว่า ชีวิตของเขาเป็นของเขา มิใช่ของท่าน จงส่งมอบชีวิตให้เขาอย่างเป็นทางการ ท่านเป็นผู้ดูแล มิใช่ผู้ครอบครอง ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะมีอิสระจากพันธนาการของความเป็นพ่อแม่ และถึงเวลาแล้วที่ลูกของท่าน จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อทุกการกระทำในชีวิตของเขาเอง จงเปิดโอกาสให้เขาได้ตักเตือนชี้แนะท่านบ้าง หากท่านได้เลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดีแล้ว เขาย่อมมีปัญญาเหนือท่าน ขอท่านจงใช้โอกาสนี้ ต่อยอดสติปัญญาจากลูกของท่าน จงเรียนรู้จากเขาเกี่ยวกับโลกใบใหม่ที่ท่านไม่รู้จัก จงไถ่ถามเขาว่า เขาได้เรียนรู้สิ่งใดมาบ้าง แม้ทำได้อย่างนั้น ท่านจะเป็นผู้ผ่านกาลยาวนานที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อท่านละวางอัตตาของความเป็นพ่อแม่ได้ พร้อมยอมนับถือลูกของท่านในฐานะครูคนหนึ่ง จิตวิญญาณของท่านย่อมเติบโต ท่านได้ปอกลอกอัตตาตัวตนของความเป็นพ่อแม่ได้สำเร็จ คือผู้ที่ทำหน้าที่พ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะมีมนุษย์คนหนึ่งบรรลุได้!!!

ทุกวันนี้สังคมของเรา
ไม่ได้ขาดบุคลากรผู้มีความรู้และการศึกษา
หากแต่สังคมของเรา
ขาดบุคลากรผู้มีสติปัญญา
ความเมตตา และจิตตื่นรู้
ความรักของพ่อแม่คือดาบสองคม
จงรักลูก แต่อย่าได้ใส่ความหวาดกลัว
ให้ลูกของท่าน
จงเลี้ยงลูกของท่าน
ด้วยสติสัมปชัญญะเต็มกำลัง
แล้วลูกของท่านจะเป็นบุคคลผู้มีจิตตื่นรู้
เป็นผู้ตระหนักถึงการมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง!!!

***ติดต่อ พศิน อินทรวงค์***
วิทยากร/บรรยาย/หนังสือ/บทความ
https://www.facebook.com/talktopasin2013
***ติดตามช่องยูทูป***
พศิน อินทรวงค์ - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQ

ที่อยู่

บรมไตรโลกนารถ ซอย 7
Phitsanulok
65000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 20:00
อังคาร 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

055-246-814

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านความงามประยูรรัตน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram