คลินิกสูตินรีเวช หมอวลัยรัตน์

คลินิกสูตินรีเวช หมอวลัยรัตน์ สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางต่อยอด ด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ( Maternal fetal medicine subspecialist)

สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางต่อยอดด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

เพราะเราเข้าใจ และ ใส่ใจในทุกปัญหาของสตรี

หนึ่งในเหตุผล ที่หมอพยายามชักชวนคุณแม่ให้ลองคลอดเองตามธรรมชาติ มากกว่าการผ่าคลอด คือเรื่องภูมิต้านทานของทารกค่ะ …. การคล...
25/09/2025

หนึ่งในเหตุผล ที่หมอพยายามชักชวนคุณแม่ให้ลองคลอดเองตามธรรมชาติ มากกว่าการผ่าคลอด

คือเรื่องภูมิต้านทานของทารกค่ะ ….

การคลอดเอง สามารถลดความเสี่ยงโรคหอบหืดลงได้นะคะ❤️

🫁🧬🦠ไมโครไบโอมในลำไส้กับโรคหืด (Gut microbiome and Asthma)
เรียบเรียงโดย ศ.ดร.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย 
โรคหืดเป็นโรคเรื้อรังของทางเดินหายใจ เกิดจากปัจจัยพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และงานวิจัยในปัจจุบันพบว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ “ไมโครไบโอม” หรือชุมชนจุลชีพที่อาศัยอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้และปอด โดยความผิดปกติของสมดุลจุลชีพ (dysbiosis) มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดและความรุนแรงของโรคหืด
#ไมโครไบโอม (microbiome) คืออะไร
หมายถึงชุมชนจุลชีพทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในลำไส้ มากที่สุด นอกจากนี้ยังอยู่ที่เยื่อบุของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ช่องปาก และทางเดินหายใจ ไมโครไบโอมเหล่านี้ประกอบด้วยแบคทีเรีย ไวรัส และรา จุลชีพเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน ความสมดุลระหว่างจุลชีพที่เป็นประโยชน์และจุลชีพก่อโรค จะช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิด tolerance และลดการอักเสบ โดย gut microbiome สามารถสื่อสารกับปอด เรียกว่า Gut–Lung Axis ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของ T regulatory cells และลดการอักเสบชนิด Th2/Th17 ในปอด ขณะที่ dysbiosis คือการที่จุลชีพอยู่แบบขาดความสมดุล อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติและเพิ่มความไวต่อการอักเสบของหลอดลม
#ปัจจัยที่มีผลต่อdysbiosis
ไมโครไบโอมในลำไส้จะมีเสถียรภาพเมื่ออายุประมาณ 3 ปี ดังนั้นปัจจัยตั้งแต่แรกเกิดมีผลอย่างมาก เช่น การคลอดทางช่องคลอดและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะช่วยส่งเสริมจุลชีพที่เป็นประโยชน์ (Bifidobacterium, Lactobacillus) ในขณะที่การผ่าคลอดและการได้รับยาปฏิชีวนะ มีผลทำให้ความหลากหลายของจุลชีพลดลงและเพิ่มความเสี่ยงโรคหืด โดยทารกที่มีความหลากหลายของจุลชีพต่ำ หรือมีสัดส่วน Firmicutes และ Bacteroidaceae มากเกินไป พบว่ามีความเสี่ยงพัฒนาเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหืดในอนาคต อีกปัจจัยสำคัญที่คือ “อาหาร” โดยงานวิจัยชี้ว่าความหลากหลายของอาหาร (diet diversity) ในปีแรกของชีวิตสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงโรคหืดและภูมิแพ้ โดยในบางการศึกษาพบว่าความเสี่ยงโรคหืดลดลงประมาณร้อยละ 26 ต่ออาหารใหม่ที่ถูกแนะนำในปีแรก ในทางกลับกัน การบริโภคอาหารแปรรูปสูงหรืออาหารทารกเชิงพาณิชย์ที่มีความเป็นกรดสูงและความหลากหลายน้อยสัมพันธ์กับ dysbiosis และการเพิ่มความเสี่ยงภูมิแพ้ และโรคหืด
#ไมโครไบโอมกับโรคหืด
เมื่อขาดความสมดุลของจุลชีพในลำไส้หรือที่เรียกว่า gut microbiome dysbiosis จะทำให้ความหลากหลายของจุลชีพลดลงและมีการเพิ่มขึ้นของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ผลที่ตามมาคือการผลิตสารเมทาบอไลต์ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ เช่น short-chain fatty acids (SCFAs: acetate, propionate, butyrate) ลดลง ส่งผลให้กลไกการกระตุ้น T regulatory cells และการสร้างภูมิคุ้มกันบกพร่อง ความผิดปกตินี้เชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคภูมิแพ้และโรคหืด โดยเฉพาะในเด็กเล็ก dysbiosis ในระยะต้นชีวิตสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหืดและความรุนแรงของอาการหอบหืดในระยะยาว โดยงานวิจัยในเด็กเล็กที่เป็น longitudinal study พบว่าการมี Veillonella, Prevotella, Haemophilus ในทางเดินหายใจส่วนบนตั้งแต่วัยทารก จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคหืดในอนาคต และการมี Clostridium มากในลำไส้ช่วงวัยเด็กเล็กจะเชื่อมโยงกับโรคหืด ในขณะที่จุลชีพที่มีประโยชน์ เช่น Faecalibacterium และ Bifidobacterium มักลดลงในเด็กที่เป็นหืด
นอกจากนี้ยังพบว่าไมโครไบโอมมีความสัมพันธ์กับชนิดของโรคหืด โดยใน Type 2 asthma (ที่มีภูมิแพ้ร่วมด้วย และค่าอีโอซิโนฟิลสูง) จะพบจุลชีพ Haemophilus, Moraxella มากขึ้น ในขณะที่ Non-Type 2 asthma (โรคหืดชนิดนิวโทรฟิล มีภาวะ อ้วน) มักพบ Fusobacterium มากขึ้น และจุลชีพที่ปกป้องเช่น Lactobacillales ลดลง ซึ่งสิ่งนี้อาจอธิบายได้ว่าทำไมผู้ป่วยบางกลุ่มตอบสนองต่อสเตียรอยด์ไม่ดี หรือดื้อต่อการรักษา
#คำแนะนำในการนำไปใช้ (Clinical Implication)
มีงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาโรคหืดด้วยไมโครไบโอม ได้แก่ การเสริมโปรไบโอติก/พรีไบโอติก การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อเพิ่ม SCFAs การใช้เมแทบอไลต์หรือจุลชีพเฉพาะสายพันธุ์ (Bifidobacterium, Clostridia, Bacteroides fragilis) ที่ช่วยกระตุ้น Tregs และลดการอักเสบในปอด แต่ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจากสัตว์ทดลองที่มีหลักฐานชัด แต่การทดลองทางคลินิกในคนยังมีน้อย ต้องการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต ดังนั้นแนวทางการนำความรู้เรื่องไมโครไบโอมไปใช้ในทางคลินิกควรมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุน ความหลากหลายของอาหารตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ วัยทารก วัยเด็กเล็ก จนถึงผู้ใหญ่ เน้นอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา และผลิตภัณฑ์นมหมัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลชีพในลำไส้และการสร้าง SCFAs ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ในขณะเดียวกันควรลดการบริโภคอาหารแปรรูปและสารเติมแต่งที่ทำลายสมดุลของไมโครไบโอม แม้ว่าการใช้โปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกเฉพาะชนิดมีผลลัพธ์ที่น่าสนใจในงานวิจัย แต่ยังต้องการหลักฐานทางคลินิกเพิ่มเติม ดังนั้นการปรับเปลี่ยนโภชนาการทั้งรูปแบบอาหารและความหลากหลายจึงถือเป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ในการลดความเสี่ยง และช่วยปรับการรักษาโรคหืดแบบไม่ใช้ยา โดยเน้นอาหารที่มีผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา และผลิตภัณฑ์นม โยเกิร์ต เพื่อลดโอกาสเกิด dysbiosis และเพิ่มการผลิต SCFAs ที่ช่วยต้านการอักเสบ ควบคู่กับการลดอาหารแปรรูปและสารเติมแต่ง แม้ว่าการเสริมโปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกเฉพาะชนิดยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติม แต่การส่งเสริมความหลากหลายของอาหารถือเป็นวิธีเชิงป้องกันที่มีศักยภาพในการลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้และโรคหืด (ดูตารางในภาพ)
.
🎁เอกสารอ้างอิง
1. Özçam M, Lynch SV. The gut–airway microbiome axis in health and respiratory diseases. Nat Rev Microbiol. 2024;22(8):492-506. doi:10.1038/s41579-024-01048-8
2. Venter C. Immunonutrition: Diet diversity, gut microbiome and prevention of allergic diseases. Allergy Asthma Immunol Res. 2023;15(5):545-561.
3. Fujimura KE, Lynch SV. Microbiota in allergy and asthma and the emerging relationship with the gut microbiome. Curr Opin Immunol. 2015;36:94-101.
4. Budden KF, Gellatly SL, Wood DLA, Cooper MA, Morrison M, Hugenholtz P, Hansbro PM. Emerging pathogenic links between microbiota and the gut–lung axis. Nat Rev Microbiol. 2017;15(1):55-63.
5. Arrieta MC, Stiemsma LT, Dimitriu PA, Thorson L, Russell S, Yurist-Doutsch S, et al. Early infancy microbial and metabolic alterations affect risk of childhood asthma. Sci Transl Med. 2015;7(307):307ra152.
6. Sokolowska M, Frei R, Lunjani N, Akdis CA, O’Mahony L. Microbiome and asthma. Asthma Res Pract. 2018;4:1.

การคัดกรองมะเร็งเต้านมค่ะ
22/09/2025

การคัดกรองมะเร็งเต้านมค่ะ

ประกาศ รับสมัครผู้ช่วยที่คลินิกค่ะ คุณสมบัติ - เป็นเพศหญิง อายุ 20- 35 ปี - ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช. - ...
20/09/2025

ประกาศ รับสมัครผู้ช่วยที่คลินิกค่ะ

คุณสมบัติ
- เป็นเพศหญิง อายุ 20- 35 ปี
- ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช.
- สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานได้
- มีความรับผิดชอบ
- ใจรักการบริการ

ท่านใดสนใจ กรอกใบสมัครและหลักฐานได้ที่คลินิกค่ะ
เอกสาร 1) สำเนาบัตรประชาชน และ ทะเบียนบ้าน 2) สำเนาวุฒิการศึกษา

 #แบบประเมินสุขภาพจิตของสตรีตั้งครรภ์และหลังคลอดค่ะ สืบเนื่องจากกระทู้เมื่อ 2 วันก่อน ที่หมอหมูนำมาเล่า ฝากกัน เรื่องภาว...
10/09/2025

#แบบประเมินสุขภาพจิตของสตรีตั้งครรภ์และหลังคลอดค่ะ

สืบเนื่องจากกระทู้เมื่อ 2 วันก่อน ที่หมอหมูนำมาเล่า ฝากกัน เรื่องภาวะเครียดของคุณแม่หลังคลอด

บางท่านอาจจะสงสัยว่ามันมีวิธีประเมินที่จับต้องได้ หรือเชคได้ด้วยตัวเองไหม ....

วันนี้หมอหมูเอามาฝากค่ะ

ที่มา มาจากกรมสุขภาพจิตค่ะ

อยากให้ลองเชคกันดูนะคะ ว่าได้กี่คะแนน ....

ถ้าท่านใดได้คะแนน ตั้งแต่ 8 เป็นต้นไป

หมอหมูแนะนำว่าควรมารับคำปรึกษากับนักสุขภาพจิต หรือ จิตแพทย์ เพื่อรับการประเมิน ให้คำปรึกษา และรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปนะคะ

#สุขภาพใจ_สุขภาพกาย
@ผู้ติดตาม

มาแนะนำเพจวิชาการ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ทำให้รู้ว่าการออกกำลังกาย การนอนหลับ รับประทานอหารที่ดี มีประโยชน์อย่างไร ภาษาอ่าน...
10/09/2025

มาแนะนำเพจวิชาการ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ทำให้รู้ว่าการออกกำลังกาย การนอนหลับ รับประทานอหารที่ดี มีประโยชน์อย่างไร ภาษาอ่านแล้วไม่ใช่หมอก็เข้าใจ และเห็นภาพค่ะ

เพราะอยากให้ทุกๆท่านสุขภาพดีกันนะค่า

🏃‍♀️ เรื่องนี้หลายคนไม่ค่อยรู้ค่ะว่า ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ให้น้องช่วยดูแลเรา ป้องกันดื้ออินซูลิน/ความดัน/ซึมเศร้า สารพัดเลยค่ะ


🦠 ภาพนี้ไม่ใช่แบคทีเรียที่กำลังทำร้ายเรานะคะ
แต่เป็นน้องชุมชนแบคทีเรียอาศัยตามผิวลำไส้

⚙️ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง สร้างสารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น กรดไขมันสายสั้นที่บำรุงผิวลำไส้และต้านอักเสบ, สารอนุพันธุ์ของกรดอะมิโน tryptophan ที่ใช้สร้างสารสื่อประสาทได้

ซึ่งถ้าน้องทำงานดี จะทำให้
✔️ แนวกั้นลำไส้เราดี สารอักเสบต่างๆ กระจายเข้าเลือดได้ยาก
✔️ หลั่งสารต้านอักเสบ และต้านภาวะดื้ออินซูลินได้ดีมาก
✔️ กระตุ้นระบบประสาทร่างแหที่ลำไส้ (ENS) สร้างแกนเชื่อมกับสมอง (Brain - Gut axis) ทำให้สมองส่วนอารมณ์และพฤติกรรมแตกแขนง ทำงานได้เป็นปกติ
✔️ ป้องกันสารพัดโรคตั้งแต่ ดื้ออินซูลิน/เบาหวาน, ความดันสูง รวมไปถึงโรคซึมเศร้า


🤝 เหมือนกับเราให้ที่อยู่น้อง ดูแลความปลอดภัยน้อง น้องก็ทำงานสร้างสารที่ช่วยดูแลทั้งร่างกายให้เรา บางวันน้องก็มีโบนัส ได้เส้นใยที่เรากินเข้ามา มาให้น้องกินด้วย

⚔️ แต่น้องเองก็ต้องสู้กับแบคทีเรีย ‘กลุ่มเกเร’ ที่มักสร้างสารก่ออักเสบ (LPS, TMAO) ก่อเรื่องตลอด โดยน้องจะคอยคุม ‘พื้นที่’ กลุ่มนี้เอาไว้ ดั่งสงครามยุคโบราณ


วิธีดูแลน้องที่รู้จักกันมานานแล้ว คือกินอาหารที่มีเส้นใย เช่น ผัก, ผลไม้

แต่ยังมีอีกวิธีนึงที่ดูแลน้องได้ค่ะ นั่นคือ ออกกำลังกาย (อีกแล้ว) เพราะมันปรับแวดล้อมสารพัดเลยค่ะ


1️⃣ ซ้อมให้ลำไส้เครียด จากการที่ได้รับเลือดน้อยลงชั่วคราว ทำให้กระตุ้นยีนที่เสริมความแข็งแกร่ง (HIF-1a) มากขึ้น แวดล้อมดีขึ้น แบคทีเรียอยู่ได้ดีขึ้น

2️⃣ Lactate ที่ปล่อยออกมาจากกล้ามเนื้อ เป็นอาหารที่แบคทีเรียชอบมาก โดยเฉพาะสกุล Veillonella spp. ยิ่งกินยิ่งคึกเลย โตไว ขยันขึ้น

3️⃣ ช่วยทำให้ช่วงพัก ระบบประสาทผ่อนคลาย Parasympathetic กระตุ้นการทำงานลำไส้ดีขึ้น สร้างเมือกได้เป็นปกติ แวดล้อมปกติ แบคทีเรียอยู่ได้ยาวขึ้น

4️⃣ ลดการอักเสบทั่วๆ รวมทั้งที่ลำไส้ เพราะแวดล้อมที่อักเสบนี่แหละ ไปช่วย ‘กลุ่มเกเร’ ให้ขยายอาณาเขตมากขึ้น


📚 บทความทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (Systematic Review) โดย Alexander N. Boytar et al., 2023 พบว่า
✅ ทั้งการออกกำลังกายแอโรบิก และแบบมีแรงต้าน ล้วนได้ผล
✅ ต้องออกกำลังกาย “ระดับปานกลางขึ้นไป” คือมีเหนื่อย
✅ อย่างน้อย 30 นาที/วัน หรือ 150 นาที/สัปดาห์
✅ ต้องทำต่อเนื่อง ≥8 สัปดาห์
🎯 ออก ≥50 นาที/ครั้ง จะเห็นผลเด่นชัดที่สุด
.

🌟 มาออกกำลังกายกันเถอะค่ะ เราไม่ได้อยู่ตัวเดียวแล้วนะคะ เรามี ‘สัตว์เลี้ยง’ ที่อยู่กับเรามานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจมันเท่าไหร่ การออกกำลังกายนี่แหละ ทำให้น้องดีใจที่มีเรา และน้องก็จะมอบสิ่งดีๆ ให้เราค่ะ

มาแชร์กันเรื่องภาวะทางอารมณ์ของคุณแม่หลังคลอดกันค่ะPostpartum blue หรือภาวะหม่นเศร้าหลังคอลด พบได้บ่อยนะคะ ในช่วง 1-2 สั...
09/09/2025

มาแชร์กันเรื่องภาวะทางอารมณ์ของคุณแม่หลังคลอดกันค่ะ

Postpartum blue หรือภาวะหม่นเศร้าหลังคอลด พบได้บ่อยนะคะ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ส่วนมากเป็นเองหายเองได้ จะดีถ้ามีคนช่วยคุณแม่ด้วย เช่นคุณพ่อ หรือ คุณย่าคุณยาย ช่วยดูแล ในช่วงนี้

แต่ถ้าอาการเป็นนานกว่านั้น เริ่มดิ่ง ไม่สนใจอะไร ไม่อยากกิน เริ่มเศร้า …. อันนี้เริ่มน่ากังวลนะคะ

อยากให้ลองช่วยกันสังเกตค่ะ ถ้ามีอาการ อยากให้เข้าไปพบแพทย์ค่ะ อน่าปล่อยไว้ จนนำไปสู่เรื่องร้ายๆนะคะ

การคลอดบุตร คือการ ‘ถอน’ ฮอร์โมนออกจากร่าง บางคนเลยมีภาวะอารมณ์แปรปรวนหลังคลอด (Maternal blue) ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ (Postpartum depression: PPD)


🤰 ช่วงตั้งครรภ์ร่างของผู้หญิง จะอาบด้วยมวลมหาฮอร์โมน จนขนาดอวัยวะ/การทำงานของอวัยวะ/จิตใจ เพิ่มขึ้นชั่วคราว จะเรียกว่าเป็น Supersoldier เพื่อฟูมฟักลูกน้อยก็คงไม่ผิดนั้น

Estrogen (Estriol) และ Progesterone ที่สูงมาก ทั้งช่วยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปด้วยดี แถมยังช่วยสร้างสาร Allopregnanolone ช่วยทำให้สารสื่อประสาท GABA ยับยั้งสมองหลายจุดได้ดีขึ้น (โดยเฉพาะ BNST/Amygdala) ทำให้ควบคุมความกังวลได้ สงบ เพื่อให้ตัวเองดีที่สุดเพื่อลูกน้อย

ช่วงใกล้จะคลอด รกจะผลิตฮอร์โมน (CRH) เร่งแกนฮอร์โมนเครียดของแม่แบบรุนแรง ทำให้มี Cortisol สูงมากขึ้น แล้ว Cortisol ก็จะวนมาเพิ่ม CRH จากรกอีก วงจรนี้นี่แหละ ทำให้ต่อมหมวกไตได้รับการกระตุ้นจนสร้างสารตั้งต้น (DHEA) มาจำนวนมาก ซึ่งจะเปลี่ยนเป็น Estrogen สูงมาก ประสานงานให้กล้ามเนื้อมดลูกสามัคคีกัน (Gap junction) เพื่อรอรับฮอร์โมนสุดท้าย นามว่า Oxytocin มาสั่งการคลอด


🤱 และจากคลอดลูกน้อยออกไปแล้ว แม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนมหาศาลค่ะ


1️⃣ เหล่าฮอร์โมนเพศ (Estrogen, progesterone) ดรอปฮวบๆ ทำให้เจ้า Allopregnanolone ที่คอยกดสมองให้สงบนั้นหายไป ทำให้ความคิดความกังวลต่างๆ ปะทุขึ้นมาตอนนั้น

2️⃣ ฮอร์โมน CRH จากรกที่กระตุ้นแม่รุนแรง หายไป… ทำให้ระบบแกนฮอร์โมน cortisol ของแม่ ‘รวน’ บางคนก็ต่ำไปเลย บางคนก็สูงลอย บางคนก็ขึ้นลงไม่เป็นไปตามจังหวะ (Circadian rhythm)

3️⃣ Estrogen ที่ต่ำ + Cortisol ที่มีจังหวะผิดปกติ ทำให้ ‘วิถีการสร้าง serotonin’ เปลี่ยนไป แทนที่สารตั้งต้นอย่าง Tryptophan จะสร้างจนได้ Serotonin กลับชิฟไปสร้างเป็น Quinolinic acid ซึ่งตัวนี้ จะเร่งการอักเสบของสมอง (กลไกนี้ไม่ได้รุนแรงมากใน maternal blue แต่จะแรงมากใน PPD)


🧠 ผลลัพธ์คือทำให้สมองหลายจุดทำงานผิดปกติ


1️⃣ สมองส่วน BNST/Amygdala ที่ประสานงานให้นำเรื่องไกลตัวมาคิด ทำงานรุนแรงเพราะขาด Allopregnanolone ที่คอยกดเอาไว้ ความกังวลเลยปะทุสารพัด ยิ่งลูกคนแรกนี่ยิ่งหนักเพราะขาด ‘ความทรงจำเชิงทักษะ’ ที่เคยเลี้ยงลูกมาช่วย ทำให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กังวลสารพัด จึงทำให้อารมณ์แปรปรวนง่าย

2️⃣ การเชื่อมต่อระหว่าง pgACC/sgACC กับ reward system ทำงานลดลง ทำให้เริ่มทำอะไรก็ไม่ค่อยสุข อาการเกือบจะสิ้นยินดีในซึมเศร้าละค่ะ แต่ไม่รุนแรงเท่า แต่มันจะทำให้คาดหวังแล้วผิดหวังได้ง่าย แล้วเปิดโทนไปในทางเศร้าแทน

3️⃣ ไม่มีตัวเบรก Insula ซึ่งเจ้านี่นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ ‘สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในสมอง’ คิดอะไรเชิงลบ ก็ขุดขึ้นมาเสมอ ยิ่งเป็นเรื่องแนวๆ ลูก ยิ่งหวั่นไหว


💡 และทั้งหมดนี้เรียกว่า ภาวะอารมณ์แปรปรวนหลังคลอดบุตร (Maternity blues หรือ baby blues) - อารมณ์หวั่นไหวง่าย เศร้าง่าย กังวลหนักๆ มีปัญหาการนอน ซึ่งเป็นชั่วคราวประมาณ 3-10 วัน จนกว่าระบบสมองจะ ‘ชิน’ กับสภาพตอนไม่ตั้งครรภ์อีกครั้ง

ภาวะนี้พบได้เฉลี่ยคือ 39% เลยค่ะ (ตาม paper ต่างชาตินะคะ) แต่ความรุนแรงมากน้อยต่างกัน โดยคนที่มีประวัติมีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ในระดับรุนแรง (PMDD) จะยิ่งเสี่ยงสูง เพราะสมองมันไวต่อการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนมาตั้งแต่แรกแล้ว

⚠️ จุดสำคัญที่สุดคือ คนที่มีภาวะ Baby blues เพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็น Postpartum depression (PPD) ในอนาคต โดยเฉพาะมีปัจจัยเสี่ยงของ Depression อยู่แล้ว (พันธุกรรม/ประสบการณ์เลวร้ายวัยเด็ก/เครียดเรื้อรัง ช่วงก่อนตั้งครรภ์)


โดยภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จะเกิดภายใน 4-12 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสมองจะรุนแรงเท่าโรคซึมเศร้าเลยค่ะ คือมีการฝ่อหลายจุดในสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เต็มสตรีมคือ เศร้า สิ้นยินดี ปัญหาการนอน รู้สึกไร้ค่า อยากทำร้ายตัวเอง ฯลฯ


🌷 ดังนั้นหมั่นสังเกตตัวเองเสมอนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นในจิตใจเรา ภาวะนี้สามารถหายไปเองได้ แต่ถ้าเกิน 2 สัปดาห์แล้วยังดูไม่หาย และเป็นรุนแรงขึ้น อาจจะเป็น PPD ไปแล้ว ควรพบจิตแพทย์นะคะ

03/09/2025

📣 คลินิกปิดบริการ
วันที่ 17 กันยายนค่ะ

ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ🙏

 #สายสะดือพันคอ วันนี้มีคุณแม่ มาตรวจ ด้วยว่ากังวลเรื่องตรวจพบว่ามีสายะสะดือพันคอลูก .... เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที...
27/08/2025

#สายสะดือพันคอ

วันนี้มีคุณแม่ มาตรวจ ด้วยว่ากังวลเรื่องตรวจพบว่ามีสายะสะดือพันคอลูก ....

เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หมอหมู ถูกถามบ่อยมากๆ .... ว่าหมอคะ ตรวจได้ไหมคะ ว่าสายสะดือพันคอลูกหนูไหม

แล้วถ้าสายสะดือพันคอลูก แล้วจะเป็นอันตรายไหมคะ

#คำถามแรกเลยนะคะ .... ตรวจได้ไหม ตอบเลยตรวจได้ค่ะ ตรวจไม่ยาก ส่วนมากจะเจอตอนในช่วง 3 เดือนท้ายค่ะ

ในตอนที่ตรวจ ultrasound และ ตอนคลอด เรื่องสายสะดือพันคอเนี่ยเจอได้บ่อยๆเลยนะคะ ... ส่วนมาก ถ้าพันรอบเดียว ไม่สัมพันธ์กับภาวะอันตรายของทารกค่ะ

#สามารถคลอดเองได้ค่ะ

ซึ่งทารกส่่วนใหญ๋ที่ตรวจเจอ มักจะเป็นสายสะดือ พันคอ รอบเดียว ... สามารถคลอดปรกติได้ค่ะ

#ไม่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดคลอด .... ในระหว่างการคลอด ถ้ามีการตรวจสุขภาพทารกตลอดเวลา ถ้าไม่มีหัวใจเต้นผิดปรกติ ก็สามารถคลอดเองได้อย่างปลอดภัยค่ะ

แต่ถ้าสายสะดือมีการพันกันแน่น หรือ ดึงรั้งไม่ให้ทารกเคลื่อนตัวลงมา ซึ่งจะเกิดในรายที่พันกันหลายรอบ ... อาจจะทำให้มีหัวใจทารกเต้นผิดปรกติ ซึ่งจะเป็นข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคลอดค่ะ

#แล้วเกิดจากอะไร ... ก็เกิดจากการที่สายสะดือลอยเป็นอิสระในน้ำคร่ำ และทารกมีการเคลื่อนไหวได้ค่ะ ไม่เกี่ยวกับ อาหาร อายุ หรือความยาวของสายสะดือนะคะ

#แล้วถ้าลูกหนูมีสายสะดือพันคอต้องทำอย่างไงคะ อย่างแรก ที่ต้องทำคือ ทำใจให้สบายค่ะ และให้นับการดิ้นของทารก ซึ่งเป็นการบอกสุขภาพลูกที่ดี ที่ทำได้ง่าย และสะดวกกับคุณแม่ที่สุดนะคะ

#ต้องตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ เช่นตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทารกไหมคะ ...คำตอบคือ ยังไม่จำเป็นค่ะ

วันนี้เขียนมาซะยาวเลย เพราะอยากให้หลายๆท่านได้เข้าใจกันมากขึ้นนะคะ

#สายสะดือพันคอ (nuchal cord)... ไม่เหมือนกับ “รกพันคอ” ในทางทฤษฎี แต่อาจจะคือความหมายเดียวกับที่คนท้องหลายๆคนกังวลอยากรู้ และอยากตรวจ

••••••••

วันนี้เรามาเรียนรู้กันว่า... nuchal cord ตรวจได้ไหม ตรวจยังไง แล้วตรวจไปทำไม ?

สายสะดือพันคอทารกในครรภ์นั้นเป็นอะไรที่คนท้องและครอบครัวหลายๆคนกังวล เพราะเข้าใจว่าจะเหมือนเชือกที่มันมาผูกคอแล้วจะไปทำให้ทารกในครรภ์เกิดการขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ง่ายๆ
...........

ความกังวลแบบนั้นเกิดขึ้นได้จริงไหม?

#เกิดขึ้นได้จริงแต่น้อยมาก ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างประกอบกันคือ

ทารกในครรภ์มีสัญชาตญาณเหมือนกัน ดังนั้นทารกในครรภ์ที่มีสายสะดือพันคอแล้วเมื่อมีการพันที่แน่นขึ้นทารกจะพยายามหลีกเลี่ยงการขยับตัวไปในทางที่ทำให้การรัดนั้นแน่นขึ้นได้ (จึงเป็นที่มาของการพบว่าทารกในครรภ์ที่ดิ้นน้อยลง พอไปตรวจเพิ่มเติมแล้วอาจพบได้ว่ามีเรื่องนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุนั่นเอง)

การเสียชีวิตจากการขาดอากาศนั้นจะพบได้น้อยมากหากมีการพันรอบคอเพียงรอบเดียว ซึ่งเคสส่วนใหญ่ที่พบกันนั้นพันรอบเดียวกันมากกว่าเยอะ การที่พันมากกว่าสองรอบนั้นพบน้อยกว่า 1%
...........

เกิดกับใครได้บ้าง มีปัจจัยเสี่ยงอะไรไหม พบตอนไหนบ่อยกว่ากัน ?

เกิดกับคนท้องได้ทุกคน ทุกช่วงอายุ

ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดที่ชัดเจนเลย อายุเยอะ สูบบุหรี่ สายสะดือยาวสั้นก็ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงที่ชัดเจน

พบได้ทุกอายุครรภ์ แต่พบได้บ่อยขึ้นตอนอายุครรภ์ใกล้คลอด
...........

ตรวจได้ไหม?

ทุกคนรู้ว่าการคลำท้อง การฟังเสียงหัวใจตอนตรวจท้อง #ไม่สามารถวินิจฉัยภาวะสายสะดือพันคอได้

ดังนั้นการตรวจพบนั้นใช้การตรวจ ultrasound โดยพบว่าการตรวจ ultrasound ปกตินั้นพบได้ และจะพบได้มากขึ้นถ้ามีการตรวจด้วยการใช้ Doppler ที่เป็นสีๆเหมือนในรูป ซึ่งมีรายงานว่าถ้ามีการใช้ Doppler ตรวจสามารถตรวจพบได้ถึง 80% ของเคสที่มีภาวะนี้เลยทีเดียว
...........

การจะวินิจฉัยด้วย ultrasound ต้องเห็นแบบไหน ยังไง?

การวินิจฉัยด้วย ultrasound นั้นอาจมีสายสะดือมาป้วนเปี้ยนแถวคอทารกได้เป็นปกติอยู่แล้ว #แต่การวินิจฉัยสายสะดือพันคอจะต้องเห็นว่ามีสายสะดือวนรอบคอมากกว่า ร้อยละ 75 ของเส้นรอบคอทารกเสมอ

จากนั้นให้พยายามตรวจติดตามไปดูว่าเท่าที่เห็นได้นั้นมีส่วนของสายสะดือวนอยู่หลายรอบไหม

โดยถ้าตรวจพบว่ามีวนอยู่เพียงรอบเดียว #รายงานพบว่าไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ใด การคลอดทางช่องคลอดทำได้ปกติ กราฟการเต้นของหัวใจทารกมักไม่ตรวจพบความผิดปกติ และบ่อยครั้งทารกสามารถดิ้นหลุดเองได้อีกด้วย

แต่ถ้ามีการพันคอมากกว่าหนึ่งรอบ ..... มีรายงานว่าเกี่ยวข้องกับการดิ้นของทารกที่น้อยลง และเกี่ยวข้องกับการมีกราฟการเต้นของหัวใจทารกตอนคลอดที่ผิดปกติมากขึ้น แต่ทั้งนี้โอกาสการเสียชีวิตในครรภ์จากสาเหตุนี้พบได้น้อยมาก
...........

คำถามสุดท้าย..... ตรวจทุกรายไปดีไหม?

มีการรวบรวมงานิจัยแล้วพบว่า #ไม่มีคำแนะนำว่าการตรวจทุกรายจะเกิดประโยชน์ .....

การตรวจทำได้โดยผู้เชี่ยวชาญ และโอกาสผิดพลาดหรือแม้แต่ถูกแต่หลุดได้เองในอนาคตก็มีสูงมาก

การตรวจส่วนใหญ่มักพบโดยบังเอิญ หรือไปตรวจเพิ่มเติมเพราะคนท้องให้ประวัติทารกดิ้นน้อยลง.... ซึ่งเมื่อตรวจพบแล้วการดูแลรักษาตอนท้องและคลอดก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
...........

สรุป:

สายสะดือพันคอได้ รกพันคอไม่ได้

สายสะดือพันคอรอบเดียวพบได้บ่อยและไม่พบรายงานว่ามีอันตรายต่อชีวิต

สายสะดือพันคอตรวจพบได้ด้วย ultrasound

ทารกดิ้นน้อยลงและกราฟการเต้นของหัวใจตอนคลอดผิดปกติพบได้ในเคสที่มีสายสะดือพันคอ (ดังนั้นหากคนท้องบอกสองอย่างนี้ให้เราคิดถึงสาเหตุนี้ด้วย จะได้ทราบสาเหตุและวางแนวทางการรักษาหรือติดตามได้เหมาะสม)

สายสะดือพันคอไม่ใช่เหตุผลในการผ่าคลอด แต่การมีสายสะดือพันคอหลายๆรอบอาจทำให้กราฟการเต้นของหัวใจผิดปกติซ้ำๆๆ ซึ่งหากการรักษาระหว่างรอคลอดไม่สำเร็จอาจจะเป็นข้อบ่งชี้ในการผ่าท้องคลอดตามมานั่นเองได้

ปัจจุบันการตรวจหาสายสะดือพันคอด้วย ultrasound ไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกรายแต่อย่างใด

27/06/2025

หายไปนาน …

สวัสดีค่า

แจ้ง ปิดคลินิก 3 วัน ในเดือน มิถุนายน ค่ะปิด วันที่ 11-13 มิถุนายน เปิด วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน นะคะ
10/05/2025

แจ้ง ปิดคลินิก 3 วัน ในเดือน มิถุนายน ค่ะ

ปิด วันที่ 11-13 มิถุนายน

เปิด วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน นะคะ

หน้าร้อนเมืองไทย .... ปีนี้มาช้า  แต่มาแล้วนะคะ ร้อนแบบสุดๆเลย ร้อนได้เหนียวตัว น่าอึดอัดมาก สิ่งที่สำคัญในคนท้อง ก็คือเ...
25/04/2025

หน้าร้อนเมืองไทย .... ปีนี้มาช้า แต่มาแล้วนะคะ ร้อนแบบสุดๆเลย

ร้อนได้เหนียวตัว น่าอึดอัดมาก

สิ่งที่สำคัญในคนท้อง ก็คือเรื่อง ลมแดด หรือ Heat Stroke นี่แหละค่ะ

หรือ ลมแดด คือ ภาวะที่ร่างกายเรา ไม่สามารถปรับ หรือ ควบคุมอุณหภูมิรางกายได้ เมื่อเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนมากๆ

ส่งผลให้มีการสูญเสียการทำงานของร่างกาย เข่น เป็นลม หมดสติ ชัก และอาจจะเสียชีวิตได้ค่ะ

สตรีตั้งครรภ์ คือ 1 ในกลุ่มเสี่ยงนะคะ

อาการของโรคลมแดด เป็นอย่างไง คุณแม่จะรู้ได้อย่างไง ว่าเรามีอาการนี้แล้ว .... มาค่ะ หมอหมูเล่าให้ฟัง

1. คุณแม่จะรู้สึกร้อน ตัวร้อน .... แต่ไม่มีเหงื่อออกเลย

2. คุณแม่เริ่มมีกระหายน้ำ การหายใจเร็วขึ้น

3. เริ่มมีอาการมึนงง สับสน วิงเวียน คลื่นใส้ อาเจียน

4. สุดท้าย อาจจะหมดสติ และ ชักได้ค่ะ

เราสามารถป้องกันตัวเองจากภาวะลมแดดได้อย่างไรบ้าง ....

อันนี้แหละที่หมอหมูว่าสำคัญ เพราะกันไว้ก่อน ย่อมดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ

1. เลือกเสื้อผ้าที่เราจะใส่ก่อนเลยค่ะ ขอเป็นแบบอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่สวมเสื้อผ้ารัด หรือเสื้อผ้าเนื้อหนาๆนะคะ

2. พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอาการร้อน ออกแดด หรือถ้าออกแดด ก็ต้องพกร่ม หรือใส่หมวกด้วยนะคะ

3. จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำค่ะ

แล้วถ้าเจอคนเป็นลมแดด .... เราสามารถช่วยได้อย่างไรบ้าง

1. อันดับแรก คือให้พาคนไข้ เข้ามาในพื้นที่ร่ม ถิดเสื้อผ้าชั้นนอกออกก่อนค่ะ และนอนยกเท้าสูง

2. ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือ ก้อนน้ำแข็งประคบตามร่างกาย ที่ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ .... เป็นการลดอุณหภูมิในร่างกายค่ะ

3. เอาผ้าเปียกคลุมตัวดีไหม ..... อันนี้ไม่แนะนำค่ะ เพราะการเอาผ้าเปียกๆมาคลุมร่างกาย จะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกายค่ะ

4. ระหว่างนี้ โทรขอความช่วยเหลือค่ะ อุ่นใจกับเบอร์ 1669 นะคะ

ขอให้คุณแม่และทุกๆคนผ่านหน้าร้อน อย่างไม่มีปัญหานะคะ


#ลมแดด

ข่าวดีมาบอกค่า .....สำหรับคุณแม่ท่านใด ที่ต้องมาทำงาน แล้วฝากลูกไว้กับคุณย่าคุณยาย แต่ยังอยากให้นมลูกเอง .... หมอหมูชื่น...
24/04/2025

ข่าวดีมาบอกค่า .....

สำหรับคุณแม่ท่านใด ที่ต้องมาทำงาน แล้วฝากลูกไว้กับคุณย่าคุณยาย

แต่ยังอยากให้นมลูกเอง .... หมอหมูชื่นชมมากๆค่ะ เข้าใจเลย ว่าต้องเหนื่อย และพยายามมากขนาดไหน

ยิ่งบางบ้าน อยู่ห่างกันคนละจังหวัด อุปสรรคอาจจะมากขึ้น

วันนี้ข่าวดี พี่ไปรษณีย์ไทย มีบริการรับฝาก ส่ง นมแม่แล้วค่า

เด็กไทย จะได้กินนมแม่แล้ว แม่ว่าจะต้องแยกกันอยู่

เพื่อเด็กไทย มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

รายละเอียด ตามด้านล่างเลยค่า

#ส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูก
🚚 ไปรษณีย์ไทยร่วมกรมอนามัย เปิดโซลูชันส่งน้ำนมแม่ด้วยบริการส่งด่วน EMS ฟรี!! เชื่อมโยงสายใจจากแม่สู่ลูก - หนุนกลุ่มเด็กแรกเกิดได้ดื่มนมแม่
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้า "โครงการภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูก” หนุนเพิ่มช่องทางการส่งน้ำนมแม่ให้กับกลุ่มแม่ที่ทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลลูก โดยเปิดให้บริการรับ-ส่งน้ำนมแม่ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ภายใน 24 ชั่วโมง เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

📍 สำหรับผู้ที่สนใจบริการรับ-ส่งน้ำนมแม่ผ่านไปรษณีย์ไทย สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้แล้ววันนี้ โดยจะต้องลงทะเบียนผ่านทางช่องทาง LINE Official “ส่งนมแม่กับกรมอนามัย”
อ่านเพิ่มเติม : https://www.thailandpost.co.th/un/article_detail/article/11/33386

#กรมอนามัย #นมแม่ #เด็กแรกเกิด #แม่และเด็ก #ไปรษณีย์ไทย
#กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข
#กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี

ที่อยู่

ถนน สนามบินพิษณุโลก
Phitsanulok
65000

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 20:00
อังคาร 17:00 - 20:00
พุธ 17:00 - 20:00
พฤหัสบดี 17:00 - 20:00
ศุกร์ 17:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 12:30
อาทิตย์ 09:00 - 12:30

เบอร์โทรศัพท์

+66653579727

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกสูตินรีเวช หมอวลัยรัตน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกสูตินรีเวช หมอวลัยรัตน์:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram