นมธัญพืช Ovisure Gold - อาการปวดเข่าดีขึ้น

นมธัญพืช Ovisure Gold - อาการปวดเข่าดีขึ้น Ovisure Gold นมธัญพืชช่วยเรื่องกระดูกและข้อเจ้าแรกในไทย

🤗🤗🤗10 อาหารบำรุงกระดูก ให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุนหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน เพื่อดูแลกระดูกของเราให...
16/11/2023

🤗🤗🤗10 อาหารบำรุงกระดูก ให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
หนึ่งสิ่งสำคัญที่เราสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน เพื่อดูแลกระดูกของเราให้แข็งแรงอย่างยั่งยืนก็คือ การรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูก เราลองมาดูกันว่ามีอาหารชนิดไหนบ้างที่มีคุณสมบัติในการบำรุงกระดูกของเราให้แข็งแรง
1. นม
หลายคนน่าจะคุ้นกันดีกับที่ว่าดื่มนมเยอะจะทำให้ตัวสูง นั่นก็เพราะนม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ผลิตจากนมนั้นอุดมไปด้วยแคลเซียม โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
2. เต้าหู้ก้อน
หนึ่งในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ธาตุต่าง ๆ เช่น เหล็ก สังกะสี และอื่น ๆ อีกมากมาย นำมาประกอบอาหารอย่าง ถั่วงอกผัดเต้าหู้ก็จะกลายเป็นเมนูง่าย ๆ ที่ช่วยบำรุงกระดูกได้เป็นอย่างดี เพราะถั่วงอกก็จัดอยู่ในผักที่มีแคลเซียมสูงมากชนิดหนึ่ง
3. ไข่
ส่วนประกอบพื้นฐานของเมนูอาหารที่หลากหลาย แต่มีคุณประโยชน์มากมาย เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีในราคาย่อมเยา ไข่จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้อย่างดียิ่งขึ้น
4. ปลาทู
ปลาทะเลที่หาทานได้ง่าย แต่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามินสำคัญที่จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรงอย่างวิตามินดี
5. ปลาแซลมอน
อีกหนึ่งปลาทะเลที่มีวิตามินหลากหลาย อุดมไปด้วยไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีปริมาณวิตามินดีสูงซึ่งจะเข้าไปช่วยในการดูดซึมแคลเซียมให้ดียิ่งขึ้นในลำไส้เล็ก
6. ผักคะน้า
ผักใบเขียวที่มีกากใย และแร่ธาตุสำคัญ อุดมไปด้วยวิตามิน และแคลเซียม อีกทั้งยังหาทานได้ง่าย สามารถนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่ข้าวผัด ไปจนผัดผักคะน้าประเภทต่าง ๆ
7. บรอกโคลี
นอกจากจะเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงแล้ว ก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงธาตุต่าง ๆ อย่าง ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมงกานีส และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่จะเข้าไปช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
8. กีวี่
ในกีวี่ 1 ผลนั้นอุดมไปด้วยแคลเซียมมากถึง 60 มิลลิกรัม เป็นผลไม้ทานง่ายที่จะเข้าไปช่วยบำรุงกระดูกได้เป็นอย่างดี
9. กล้วย
อีกหนึ่งผลไม้หาทานง่าย ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารอาหารมากมาย ช่วยในการบำรุงกระดูก และเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
10. ถั่วอัลมอนด์
เป็นถั่วที่สามารถช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกได้เป็นอย่างดี ช่วยให้กระดูกเกิดความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นเนื่องด้วยเป็นถั่วที่มีสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ ชนิดหนึ่ง ประกอบไปด้วย แคลเซียม วิตามินอี ไบโอติน และอื่น ๆ อีกมากมาย
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

👉9 ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ” เหตุผลว่าทำไมหมอถึงชอบถามจัง ว่าได้ออกกำลังกายไหม?เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมข...
15/11/2023

👉9 ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ” เหตุผลว่าทำไมหมอถึงชอบถามจัง ว่าได้ออกกำลังกายไหม?
เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายก็จะตามมา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราทุกคนต้องประสบพบเจอ ดังนั้นเราควรมองเรื่องอายุที่มากขึ้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรกังวลหรือรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แย่ ในทางตรงกันข้าม ควรภูมิใจและยินดีกับช่วงวัยที่เรียกได้ว่าเป็นวัยของความสุข หรือที่เรียกว่า golden peroid ที่เราได้พักจากการทำงานหนักมาตลอด ได้พักผ่อน ได้ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมที่ชอบ โดยที่ไม่ต้องมีเวลาเข้า-ออกงานมาเป็นตัวบังคับอีกแล้ว
การไม่ออกกำลังนั้นส่งผลทางอ้อมให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบกัน เพราะการไม่ออกกำลังกายและอายุที่มากขึ้นก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือ ภาวะอื่นที่เกี่ยวข้องกับความไม่แข็งแรงของร่างกายซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เช่น หกล้ม กระดูกหัก ทำให้เดินไม่ได้ ติดเก้าอี้ ต้องใช้รถเข็น หรือติดเตียง เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย เช่น ติดเชื้อได้ง่าย ปอดอักเสบ แผลกดทับ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทางอ้อมได้
การที่ผู้สูงอายุมีชีวิตยืนยาว น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่หมอต้องการมากกว่า คือ มีจำนวนปีที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์รอบด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ทั้งนี้การออกกำลังกายในผู้สูงอายุจะเห็นผลชัดทางด้านร่างกายก่อน แล้วจะตามมาด้วยผลพลอยได้ด้านอื่น ๆ ซึ่งมักเป็นผลทางอ้อมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพต่อ ๆ ไป
2. คนที่ออกกำลังกายจะมีความสามารถไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ได้
ผู้สูงอายุ ผู้สูงวัย หมอขอเรียกสั้นๆว่า สว. บางคนมักจะบ่นกับหมอว่า “ตอนที่เป็นหนุ่มสาวแข็งแรงอยู่ ทำแต่งานจนไม่มีเวลาเที่ยวหรือใช้เงิน จนตอนนี้อายุขนาดนี้มีเงินใช้แต่ก็เที่ยวไม่ไหวแล้ว เห็นบันได 20 ขั้นก็กลัวขึ้นไม่ไหว เลยไม่ไปไหนดีกว่า ลูกหลานชวนไปเที่ยวก็กลัวไปเป็นภาระเขา” หมอเลยอยากแนะนำว่า ออกกำลังกายตอนนี้ เริ่มตอนนี้ก็จะได้มีกล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแรง สามารถขึ้นเขาลงห้วยได้ หิ้วของ เดินไกล พร้อมที่จะไปได้ทุกที่ และไม่มีความกังวลใด ๆ
3. การออกกำลังกายป้องกัน โรคสมองเสื่อม Alzheimer’s และภาวะซึมเศร้า
ทำไมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุถึงลดปัญหาโรคสมองเสื่อม Alzheimer’s และภาวะซึมเศร้าได้ ทราบไหมครับ? เพราะถ้าเราแข็งแรง เราจะไม่รู้สึกสูงวัย จะมีความมั่นใจ กล้าออกสู่สังคม ออกไปมีกิจกรรมกับเพื่อนหรือลูกหลานได้ มีเพื่อนคุย เพื่อนเล่น ไม่ต้องเก็บตัวหรือคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้ใคร จึงมีภาวะซึมเศร้าลดลง เมื่อสมองเรายังได้ทำงาน ได้คิดได้วางแผนตลอด สมองจึงเสื่อมช้าลง อีกทั้งการออกกำลังกายยังส่งผลดีทำให้การนอนดีขึ้น ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สมองเสื่อมช้าลงด้วย
4. การออกกำลังกายช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการพลัด ตก หกล้ม
เมื่ออายุมากขึ้น ก็มักจะมีเหตุการณ์หกล้มที่ไม่คาดคิด (สว ไม่เคยคิด แต่ลูก ๆ นั้นคิดอยู่ และคอยบอกให้ระวังอยู่ตลอด) เช่น เดินสะดุด หกล้มเนื่องจากเข้าห้องน้ำกลางคืนแบบไม่เปิดไฟ ปีนเก้าอี้หยิบของจากที่สูงแล้วตกลงมา และเมื่อ สว. หกล้ม จนอาจทำให้กระดูกหัก เลือดออกในสมอง หลังเข้ารับการรักษาอาจเกิดภาวะติดเตียง สูญเสียความมั่นใจในการกลับมายืนหรือเดินใหม่อีกครั้ง
วิธีป้องกันก่อนเกิดเหตุคือการออกกำลังกาย เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นแข็งแรง เมื่อผู้สูงอายุ หรือ สว.มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง การทรงตัว และการปรับสมดุลท่าทางของร่างกายจะที่ดีขึ้น เมื่อเกิดการหกล้ม ก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการออกกำลังกายคือ มวลกระดูกจะดีขึ้น โดยพบว่า การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการล้มได้ถึง 40% และลดกระดูกหักได้ถึง 50%
5. การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนักได้
ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะอ้วนได้มากกว่าวัยหนุ่มสาวอยู่แล้ว เพราะมีมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง (จากการไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือจากอายุที่มากขึ้น) การเผาผลาญที่ลดลง (การเผาผลาญนั้นแปรผันตามมวลกล้ามเนื้อที่แต่ละคนมี) รวมถึงระบบของต่อมไร้ท่อที่ทำงานลดลง ทำให้ผู้สูงอายุหรือ สว. มักมีน้ำหนักเกินได้ง่าย
การออกกำลังกายที่มีแบบแผนและหลากหลายร่วมกับการควบคุมอาหารที่เหมาะสม จะสามารถทำให้ผู้สูงอายุไม่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน จนเกิดผลเสียอื่น ๆ ตามมาได้ (เช่น เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อมหรือกระดูกกดทับเส้นประสาท)
6. การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรง กลับมาหนุ่มสาวอีกหลายปี
เป็นเรื่องปกติที่อายุมากขึ้น ความแข็งแรงหรือความฟิตจะลดลง ซึ่งบอกได้โดยการวัด การใช้ออกซิเจนสูงสุด หรือ VO2 max โดยพบว่าผู้สูงอายุจะมีค่า VO2 max ลดลง 11-15% เมื่อเทียบกับคนอายุ 35 ปี การที่จะคงความหนุ่มสาวหรือความแข็งแรงนั้น ยาวิเศษที่จะช่วยได้นั้นคือ “การออกกำลังกาย” โดยพบว่าคนอายุ 50 ปีที่ออกกำลังกายต่อเนื่องสามารถรักษาความฟิตได้เท่ากับตอนอายุ 30 ปีได้ และเมื่อผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะสามารถเพิ่มความฟิด เพิ่มอัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุดได้มากขึ้นถึง 19-22% และที่สำคัญคือทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอีกด้วย
7. การออกกำลังกายลดการเกิดโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ
ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบน้อยกว่า มีความดันเลือดลดลง ลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานได้ถึง 42% และยังพบอีกว่าปริมาณการออกกำลังกายเป็นสัดส่วนโดยตรงกับการลดการเกิดโรคเบาหวาน พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งเพิ่มเวลาออกกำลังกายยิ่งลดการเกิดเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบว่า การออกกำลังกายลดความเสี่ยงการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดสั่นพริ้ว (atrial fibrillation) ได้
8. การออกกำลังกายลดการเกิดโรคมะเร็ง
มีการศึกษาพบว่าการออกกำลังลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งไต มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ส่วนมะเร็งที่อื่นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งโรคเลือด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน พบว่าการออกกำลังสามารถลดได้แต่ยังต้องมีหลักฐานทางการศึกษาเพิ่มเติม
9. การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อยืดหยุ่น ลดการปวดเรื้อรังได้
การออกกำลังกายบางประเภท เช่น โยคะ ไทเก็ก (Tai-chi) รวมถึงการออกกำลังกายทั่วไปที่มีการ warm-up cool-down และมีการยืดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลัง จะทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ยืดหยุ่น ลดการปวดเรื้อรังได้ นอกจากนั้นการที่ผู้สูงอายุ หรือ สว.ยืดกล้ามเนื้อรอบข้อต่าง ๆ เช่น หัวไหล่ สะโพก หรือกระดูกสันหลัง จะช่วยให้ไม่เกิดภาวะข้อติด หลังโก่งค่อม และลดภาวะปวดเรื้อรังที่ต้องใช้ยาแก้ปวดและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ด้วย
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

4 สิ่งต้องปฏิบัติ เพื่อชะลอการเกิดภาวะข้อเข่าเสื่อม“ข้อเข่าเสื่อม” มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำ วัน และอายุที่มากข...
14/11/2023

4 สิ่งต้องปฏิบัติ เพื่อชะลอการเกิดภาวะข้อเข่าเสื่อม
“ข้อเข่าเสื่อม” มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำ วัน และอายุที่มากขึ้น เมื่อข้อเข่าเสื่อมทำให้กระดูกข้อต่อเกิดการเสียดสีกันขณะเคลื่อนไหวจนเกิดการสึกกร่อน ผิวข้อบางลง ไม่เรียบ และอาจมีเสียงดังในข้อ แต่สามารถปรับอิริยาบถ เพื่อถนอมข้อเข่าให้ใช้ได้นานขึ้น ไม่เสื่อมเร็วได้ดังนี้
การนั่ง ควรนั่งบนเก้าอี้ และไม่งอพับเข่าเข้าไปใต้เก้าอี้ หรือนั่งพับขาบนที่นั่งไม่ควรนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ นั่งคุกเข่า นั่งยอง ๆ ถ้าไม่จำเป็น
ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
ลดน้ำหนักให้อยู่ในช่วงน้ำหนักที่เหมาะสม
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเช่น ข้าว แป้ง ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือสปาเกตตี และ ของหวาน
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเจ็บปวดเข่า เมื่อใช้งานข้อเข่าหรือเมื่อเคลื่อนไหว หรือมีเสียงเข่าก๊อบแก๊บ เข่าลั่น ควรพบแพทย์เฉพาะทาง เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษาหรือได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ก็อาจเกิดอาการข้อเข่าอักเสบรุนแรงจนมีน้ำที่ด้อยคุณภาพมากขึ้นในข้อเข่า ซึ่งทำให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ง่ายขึ้น
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: 062-754-0603
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

‘ข้อเข่า’…อวัยวะที่พบการเสื่อมมากที่สุด เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อน ทำให้กระดูกในข้อเสียดสีกันเอง จนเกิดการอักเสบและป...
13/11/2023

‘ข้อเข่า’…อวัยวะที่พบการเสื่อมมากที่สุด
เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อน ทำให้กระดูกในข้อเสียดสีกันเอง จนเกิดการอักเสบและปวด หากไม่ดูแลหรือรักษา ความเสื่อมก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สาเหตุของอาการข้อเข่าเสื่อม
อายุที่มากขึ้น ช่วงอายุที่พบว่าเริ่มมีการเสื่อมของข้อ พบในวัย 40 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงมีโอกาสข้อเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย อาจมีสาเหตุจากระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อ
พันธุกรรม หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติ หรือมีรูปขาที่ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิดก็จะมีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้
พฤติกรรมประจำวันที่ผิด เช่น การนั่งนาน ท่านั่ง ขึ้นลงบันได
การออกกำลังกายที่มีการกระแทกมาก
โรคประจำตัว โรคไขข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ เกาต์
อาการ
อาการข้อเข่าเสื่อม มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ บางครั้งเดินๆ อยู่ ได้ยินเสียงกรอบแกรบในเข่า หรือไม่สามารถงอเข่าได้สุด ในบางรายอาการจะแสดงตั้งแต่การเดินบนที่ราบ หรือเกิดความรู้สึกปวดมากขึ้นเวลาขึ้นหรือลงบันไดที่ต้องทิ้งน้ำหนักที่เข่ามากกว่าปกติ อาจเพิ่มระดับความรุนแรงจนเกิดอาการปวดร้าวลงขา จนไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ อาการที่สังเกตุได้ชัดมีดังนี้
• เข่าฝืดตึง
• เคลื่อนไหวลำบาก
• เสียงดังในข้อเวลาเคลื่อนไหว
• อาการปวดเวลาเดินหรือเคลื่อไหวร่างกาย
• ข้อเข่ามีความผิดรูป
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

วิธีดูแลตัวเอง…ให้ห่างไกล “โรคข้อ”1. ควบคุมน้ำหนัก เพราะหนึ่งในสาเหตุใหญ่ของปัญหาเกี่ยวกับข้อ ก็คือความอ้วน ยิ่งมีน้ำหนั...
11/11/2023

วิธีดูแลตัวเอง…ให้ห่างไกล “โรคข้อ”
1. ควบคุมน้ำหนัก เพราะหนึ่งในสาเหตุใหญ่ของปัญหาเกี่ยวกับข้อ ก็คือความอ้วน ยิ่งมีน้ำหนักตัวมากเท่าไร ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายก็ยิ่งต้องรับภาระอันหนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น การควบคุมน้ำหนักจึงเป็นการช่วยทะนุถนอมข้อกระดูกทางหนึ่งด้วย
2. อย่าอยู่ในท่าเดิมนานๆ ให้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ โดยเฉพาะท่าทางที่ผิดและส่งผลเสียต่อข้อ อย่างการนั่งยองๆ หรือบางคนชอบยืนทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านเดียว ซึ่งเป็นการสร้างภาระให้ข้อข้างนั้นรับน้ำหนักมากกว่าที่ควรจำเป็น รวมไปถึงการนั่งหลังงอและก้มหน้าทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนาน ๆ ก็เป็นผลเสียต่อข้อต่อบริเวณคอและกระดูกสันหลังส่วนเอว ดังนั้นไม่ว่าจะนั่ง นอน หรือยืน ก็ควรจัดให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง และหมั่นขยับตัว ยืดแขนยืดขา เพื่อบริหารข้อต่อให้ใช้งานได้ดีและป้องกันความเสื่อมไว้เสมอ
3. ไม่หักโหมออกกำลังกายจนเกินไป และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากออกกำลังกายหนักเกินไป จะส่งผลโดยตรงต่อข้อและกระดูก แต่หากอยากออกกำลังกายจริงๆ ก็ควรทำควบคู่ไปกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อจะช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ของข้อต่อ เมื่อร่างกายต้องเคลื่อนไหวรุนแรง โดยเฉพาะการมีกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังที่ดี จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับภาระการเคลื่อนไหวและแรงต่างๆ น้อยลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอาการหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมได้มาก
4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดบ่อยเกินความจำเป็น เช่น สเตียรอยด์แบบฉีด เพื่อลดการอักเสบของข้อ เพราะหากใช้บ่อยๆ อาจส่งผลต่อข้อกระดูก ทำให้ข้อเสียและกระดูกบางลงได้
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

6 สารอาหารช่วยป้องกัน “ กระดูกพรุน ”โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)  เป็นโรคที่ทำให้มวลกระดูกลดลงร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงโคร...
10/11/2023

6 สารอาหารช่วยป้องกัน “ กระดูกพรุน ”
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคที่ทำให้มวลกระดูกลดลงร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของกระดูก ทำให้กระดูกเสื่อม กระดูกมีลักษณะเปราะบาง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก ซึ่งส่งผลให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี เป็นต้นไป และการป้องกันโรคกระดูกพรุน สามารถทำได้ด้วยการเสริมสารอาหารที่ช่วยสร้างมวลกระดูก
6 สารอาหารช่วยป้องกัน “ กระดูกพรุน ”
1. แคลเซียม
ทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน แหล่งอาหารที่ให้แคลเซียม : นม โยเกิร์ต ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น
ปลาแซลมอน : หนึ่งในแหล่งแคลเซียมชั้นยอด ด้วยความกระดูกของปลาแซลมอน ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และยังช่วยรักษามวลกระดูกอีกด้วย
โยเกิร์ต : ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อม เพราะอุดมไปด้วย วิตามินบี 2 วิตามินดี แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม
นม : อุดมไปด้วยธาตุสำคัญที่ประโยชน์ต่อกระดูก ทั้งแคลเซียม วิตามินดี ฟอสฟอรัส และยังช่วยป้องกันการเกิดกระดูกพรุนอีกด้วย
งาดำ : งาอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ ทั้งแคลเซียมช่วยเสริมกระดูกแข็งแรง และยังมีแร่ธาตุทองแดงที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น มีแร่สังกะสีที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้อีกด้วย
2. วิตามินดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นแหล่งอาหารของวิตามินดี : น้ำมันตับปลา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
3. วิตามินเค
สร้างความแข็งแรงให้กระดูก โดยวิตามินเค จะไปช่วยการสร้างออสทิโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก แหล่งอาหารของวิตามินเค : ผักคะน้า บรอกโคลี ตับวัว ถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา
4. แมกนีเซียม
ช่วยในการผลิตพลังงานสร้างโปรตีน ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยดูดซึมแคลเซียมทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง พบมากในธัญพืช กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียว และอาหารทะเล
5. ทองแดง / แมงกานีส / สังกะสี
ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ในกลไกการสร้างกระดูก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก จำเป็นต่อพัฒนาการของเนื้อเยื่อกระดูกและข้อต่อแหล่งอาหารที่สำคัญ ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลันเตา ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียวบรอกโคลี สาหร่ายทะเล เต้าหู้ และน้ำนม
6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศคือแหล่งของคอลลาเจน นอกจากช่วยบำรุงผิวแล้ว คอลลาเจนยังช่วยซ่อมแซมข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ ได้อีกด้วย
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

ข้อเข่าเสื่อม ออกกำลังกายได้หรือไม่ข้อเข่าเสื่อม ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดและมีอาการฝืดบริเวณข้อเข่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงงดทำก...
09/11/2023

ข้อเข่าเสื่อม ออกกำลังกายได้หรือไม่
ข้อเข่าเสื่อม ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดและมีอาการฝืดบริเวณข้อเข่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงงดทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ทว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงช่วยสร้างเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง แต่ยังช่วยบรรเทาอาการป่วยและชะลอการเกิดเข่าเสื่อมได้
ออกกำลังกายส่งผลดีต่อผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมอย่างไร
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกับอายุและข้อจำกัดทางสุขภาพล้วนส่งผลดีต่อร่างกาย ผู้ป่วยเข่าเสื่อมควรหันมาออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อประโยชน์ ดังนี้
สร้างเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
บรรเทาอาการปวดเข่า การออกกำลังกายช่วยลดการเสียดสีของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ทำให้อาการปวดและฝืดข้อเข่าลดลง และเคลื่อนไหวเข่าได้ง่ายขึ้น
ลดแรงกดทับที่ข้อ การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานอาจทำให้เกิดแรงกดทับที่ข้อต่อมากกว่าปกติ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดข้อเข่าเสื่อมหรือส่งผลให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลงได้ การออกกำลังกายเป็นประจำอาจช่วยลดน้ำหนักและลดแรงกดบริเวณข้อเข่าให้น้อยลงได้
เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อข้อต่อ เพื่อช่วยให้รองรับแรงกดทับได้ดีขึ้นและป้องกันการบาดเจ็บของข้อเข่า
ข้อเข่าเสื่อม ควรเตรียมตัวก่อนออกกำลังกายอย่างไร
ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับข้อจำกัดทางสุขภาพของตนเอง เพราะการออกกำลังกายอย่างผิดวิธีอาจทำให้อาการปวดข้อรุนแรงขึ้น นอกจากนั้น ควรอบอุ่นร่างกายประมาณ 10-15 นาทีก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อปรับสภาพร่างกายและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ทำได้ดังนี้
เดินหรือปั่นจักรยานช้า ๆ
ย่ำเท้าอยู่กับที่ พยายามยกขาขึ้นสูง โดยให้เข่าตั้งฉากกับลำตัวคล้ายกำลังปั่นจักรยาน
ยืดกล้ามเนื้อ โดยเริ่มตั้งแต่กล้ามเนื้อบริเวณศรีษะและลำคอไล่ลงมาถึงเท้า
การออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมควรออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายให้ครบทุกด้าน ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อต่อ และการออกกำลังกายเสริมการทรงตัว มีรายละเอียดดังนี้
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เป็นการออกกำลังที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น เสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อ ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที เป็นเวลา 4 วันต่อสัปดาห์ ตัวอย่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เหมาะกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม มีดังนี้
ปั่นจักรยานอยู่กับที่ เป็นวิธีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ขาและข้อเข่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เดิน เลือกสถานที่ที่ปลอดภัย เดินสะดวก ไม่มีสิ่งกีดขวาง ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการทรงตัวสามารถเดินบนลู่วิ่งสายพานแทนได้ โดยปรับความชันให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด
ออกกำลังกายในน้ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรง เนื่องจากน้ำจะช่วยลดแรงกดทับที่ข้อเข่า การเดินในน้ำที่มีความสูงระดับเอวอาจช่วยลดแรงกดทับได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่เพิ่มแรงกดทับต่อข้อเข่าอย่างการวิ่ง หรือกีฬาที่ต้องกระโดด เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน หรือหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน เช่น บาสเกตบอล เทนนิส เป็นต้น
การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและชะลอการเสื่อมของข้อ ท่าออกกำลังฝึกกล้ามเนื้อที่เหมาะกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมมีดังนี้
ท่าสะพานโค้ง
นอนหงายและชันเข่าขึ้น ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างราบกับพื้น
เหยียดแขนวางไว้ข้างลำตัวให้มืออยู่ในระดับสะโพก จากนั้นค่อย ๆ ยกก้นขึ้นจากพื้นให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยใช้แรงดันจากฝ่ามือเพียงอย่างเดียว
ค้างไว้ 3 วินาที แล้วลดก้นลงจนเกือบถึงพื้น จากนั้นยกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ทำซ้ำเช่นนี้ 4-6 รอบ
ท่าเหยียดสะโพก
ยืนตรงด้านหลังเก้าอี้ แยกเท้าออกจากกันเล็กน้อยในท่าเตรียมพร้อม
ใช้มือทั้ง 2 ข้างจับพนักเก้าอี้เพื่อทรงตัว
ยกขาซ้ายไปด้านหลังช้า ๆ โดยไม่งอเข่าให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ ค้างไว้ 3 วินาทีแล้วลดขาลง
สลับมายกขาขวาในท่าเดียวกัน
ทำซ้ำเช่นนี้ 4-6 รอบ แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเป็น 8-12 รอบ ในครั้งต่อไป
ท่ายืน-นั่งบนเก้าอี้
จัดเก้าอี้ให้พนักติดผนังเพื่อป้องกันเก้าอี้เคลื่อนตัว
นั่งบนเก้าอี้ ให้ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างราบกับพื้น
ยกมือขวาจับไหล่ซ้ายและมือซ้ายจับไหล่ขวา
เหยียดหลัง คอ และศีรษะให้ตรงแล้วลุกขึ้นยืนช้า ๆ จากนั้นค่อย ๆ นั่งลง
ทำซ้ำเช่นนี้ 4-6 รอบ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนเป็น 8-12 รอบ ในครั้งต่อไป
ผู้ป่วยไม่ควรออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อมากกว่า 2 วันต่อสัปดาห์ และหากรู้สึกปวดข้อหลังจากออกกำลังกายเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การออกกำลังกายเพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อต่อ คือการยืดกล้ามเนื้อบริเวณข้อต่อ เพื่อช่วยให้เข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและลดอาการข้อฝืด การออกกำลังกายลักษณะนี้อาจทำได้ง่ายขึ้นในช่วงที่อาการปวดเข่าทุเลาลง เช่น หลังจากอาบน้ำอุ่น หรือในรายที่ต้องรับประทานยาแก้ปวดควรเลือกออกกำลังกายขณะที่ยาออกฤทธิ์ ผู้ป่วยควรยืดกล้ามเนื้ออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 วันต่อสัปดาห์ ตัวอย่างของท่าออกกำลังกายเพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อต่อ มีดังนี้
ท่ายืดสะโพกและหลังช่วงล่าง
นอนหงาย ชันเข่าขึ้น
พยายามให้ด้านหลังของคอแนบติดพื้น สายตามองต่ำไปทางหน้าอก
ใช้มือดึงเข่าทั้ง 2 ข้างขึ้นมาหาไหล่ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
หายใจเข้าลึก ๆ ขณะหายใจออกพยายามดึงเข่าเข้าใกล้ไหล่มากขึ้น แล้วค้างไว้ 20-30 วินาที
ท่าบิดสะโพก
นอนหงายและชันเข่าขึ้น ให้ฝ่าเท้าราบกับพื้น
วางไหล่แนบกับพื้น
ค่อย ๆ ลดเข่าทั้ง 2 ข้างไปด้านซ้ายลำตัวพร้อมหันศรีษะไปทางด้านขวา ค้างไว้ 20-30 วินาที แล้วยกเข่าและหันศรีษะกลับมายังท่าเริ่มต้น
ทำสลับข้างโดยลดเข่าไปทางด้านขวา
ท่ายืดขาด้านใน
นั่งหลังเหยียดตรง
งอเข่าให้ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างประกบกัน
ใช้มือทั้ง 2 ข้างจับข้อเท้าแล้วดึงให้เข้ามาใกล้ลำตัวมากที่สุด
โน้มตัวไปทางด้านหน้าช้า ๆ ให้ต่ำที่สุด พร้อมใช้ข้อศอกกดเข่าให้แนบกับพื้น ค้างไว้ 20-30 วินาที
การออกกำลังกายเสริมการทรงตัว ควรทำอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างสมดุลของร่างกายและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการล้ม ตัวอย่างการออกกำลังกายรูปแบบนี้ ได้แก่ ไทชิ การยืนด้วยขาข้างเดียว การเดินถอยหลังอย่างช้า ๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ การออกกำลังกายบางชนิดไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม เพราะอาจทำให้มีอาการปวดและฝืดที่ข้อรุนแรงมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่สร้างแรงกดทับให้ข้อเข่า เช่น การวิ่ง การกระโดด ฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส ปิงปอง เป็นต้น
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

6 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุเพราะผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่ระบบต่างๆ ภายในร่างกายมีการเสื่อมสภาพ อีกทั้งบางร...
08/11/2023

6 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ
เพราะผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่ระบบต่างๆ ภายในร่างกายมีการเสื่อมสภาพ อีกทั้งบางรายก็อาจมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจร่วมด้วย ซึ่งนั่นก็ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา อย่างไรก็ตาม วิธีง่ายๆ ที่สุดที่สามารถป้องกันได้ก็คือการให้ผู้สูงวัยเหล่านี้ออกกำลังกาย แต่ก็ต้องทำอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาอื่นที่เกี่ยวกับสุขภาพตามมา
ทั้งนี้การออกกำลังกายที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุนั้นจะอยู่ภายใต้หมวดหมู่ย่อยทั่วไป 4 หมวดหมู่ ได้แก่ แอโรบิก การฝึกความแข็งแกร่ง ความสมดุล และความยืดหยุ่น โดยแอโรบิคจะเป็นแบบฝึกหัดเพื่อฝึกฝนความอดทนโดยทั่วไป การฝึกความแข็งแกร่งจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกส่วนบุคคล การออกกำลังกายที่สมดุลจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อบางอย่างที่มีหน้าที่ในการรักษาสมดุล และการออกกำลังกายที่มีความยืดหยุ่นจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว จนกลายมาเป็น การออกกำลังกาย 6 ท่าที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุดังนี้
1. เดินเร็ว
ประเภทการออกกำลังกาย: แอโรบิก
การเดินเร็วเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการวิ่งออกกำลังกาย นอกจากนั้นการเดินเร็วยังมีข้อดีมากกว่าการวิ่งเหยาะๆ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อข้อต่อของคุณน้อยลง ดังนั้นหากผู้สูงวัยท่านใดที่มีหัวเข่าหรือข้อเท้าที่อ่อนแอ การเดินเร็วจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการวิ่งออกกำลังกายอย่างแน่นอน
2. การขี่จักรยานอยู่กับที่
ประเภทการออกกำลังกาย: แอโรบิก
การขี่จักรยานอยู่กับที่เป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายแบบแอโรบิค และส่วนที่ดีที่สุดคือมันไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อข้อต่อเลย ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
3. ว่ายน้ำ
ประเภทการออกกำลังกาย: แอโรบิก
เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน การว่ายน้ำเป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ที่ข้อต่อนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้แรงกดดันของน้ำหนักตัว อีกทั้งยังได้บการสนับสนุนจากน้ำ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับผู้สูงวัยที่เป็นโรคข้ออักเสบและโรคกระดูกพรุน
4. สควอช
ประเภทการออกกำลังกาย: ความสมดุล
สควอชเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายในแต่ละวัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ใดๆ นอกเหนือจากน้ำหนักตัวในตอนแรก ด้วยการลดระดับตัวเองจากท่ายืนลงในท่ากึ่งนั่ง แล้วยืดหลังให้ตรง หรืออีกวิธีก็คือให้เริ่มจากท่านั่งในเก้าอี้และลุกขึ้นอย่างช้าๆ โดยให้แขนยื่นออกมาขนานกับพื้นและไม่จับอะไรเพื่อทรงตัว
5. ไท่เก๊ก
ประเภทการออกกำลังกาย: ความสมดุล, ความยืดหยุ่น
ไท่เก๊กเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเป็นกีฬาที่มีความเข้มข้นต่ำ แต่ก็มีประโยชน์อย่างมากสำหรับความสมดุลและความยืดหยุ่น นอกจากนี้ไท่เก๊กยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นกีฬาที่ส่งเสริมสุขภาพจิตช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดได้อย่างดีเยี่ยม
6. โยคะ
ประเภทการออกกำลังกาย: ความยืดหยุ่น, ความสมดุล, การฝึกความแข็งแกร่ง
โยคะเป็นการออกกายที่มีโครงสร้างหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยสร้างความยืดหยุ่น ความสมดุล และการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย นอกจากนั้นยังเป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีปัญหากับข้อต่อแต่ประการใด ดังนั้นโยคะจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกหรือข้อต่อเช่นเดียวกับไท่เก๊กนั่นเอง
การออกกำลังกายถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากมายสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งแน่นอนว่ามันควรจะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้สูงอายุทุกคนก็ว่าได้ เพียงแบ่งตารางการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของคุณ และจัดการให้พวกท่านสามารถออกกำลังกายตามตารางของคุณ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้พวกท่านมีสุขภาพดีทั้งกายและใจได้แล้ว
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

อาหาร 11 ชนิดรับมือปัญหาข้อเสื่อมใครที่เป็นโรคข้อเสื่อมคงจะทราบดีว่าโรคนี้สร้างความเจ็บปวดและกวนใจมากขนาดไหน เพราะการเคล...
06/11/2023

อาหาร 11 ชนิดรับมือปัญหาข้อเสื่อม

ใครที่เป็นโรคข้อเสื่อมคงจะทราบดีว่าโรคนี้สร้างความเจ็บปวดและกวนใจมากขนาดไหน เพราะการเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัดนั้นทำให้การเดิน ลุก นั่ง หรือการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันนั้นทำได้ยากลำบากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เจ็บปวดทรมานอีกต่างหาก แต่อาหารทั้ง 11 ชนิดนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากโรคข้อเสื่อมได้

* กรณีเป็นโรคข้อเสื่อมบางประเภทที่ต้องทานโปรตีนน้อยลง เช่น ข้อเสื่อมรูมาตอยด์ ควรเลี่ยงการทานผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว และควรปรึกษาแพทย์ ส่วนข้อเสื่อมทั่วไปสามารถทานอาหารเหล่านี้ได้

1. ปลาแซลมอน
ปลาทะเลที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 อย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาซาร์ดีน เป็นกลุ่มอาหารที่ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมควรบริโภคเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวโอเมก้า 3 นั้นมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี แต่ใครที่ไม่รับประทานปลา อาจหันไปรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีโอเมก้า 3 แทน เช่น เมล็ดเจีย วอลนัท หรืออาหารเสริมอย่างน้ำมันปลา เป็นต้น
* กรณีเป็นเกาต์ ควรคุมปริมาณแซลมอนเพราะมียูริกสูง

2. ผลิตภัณฑ์นม
ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมไม่ว่าจะเป็นนมสด โยเกิร์ต ชีส เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม และวิตามินดี ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากอาการข้อเสื่อมได้อีกด้วย
* กรณีเป็นข้อเสื่อมรูมาตอยด์ ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมเพราะโปรตีนสูง

3. พืชตระกูลถั่ว
เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม แม็กนีเซียม สังกะสี วิตามินอี และไฟเบอร์ นอกจากนี้ พืชตระกูลถั่วยังมี กรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (ALA) ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ถือเป็นไขมันที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี
* ถั่วมียูริกสูง อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเกาต์ และโปรตีนสูง อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยรูมาตอยด์

4. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากข้ออักเสบได้ เพราะในน้ำมันมะกอกมีสาร Oleoleocanthal ในปริมาณมาก ซึ่งสารชนิดนี้อาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบคล้ายยาในกลุ่ม NSAIDs (ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์)

5. ผลไม้
ผลไม้หลายชนิดมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้ออักเสบ เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีสารต้านการอักเสบและช่วยรับมือกับอาการข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ ผลไม้ชนิดอื่นอย่างแอลเปิ้ล และทับทิม ก็มีคุณสมบัติช่วยรับมือกับอาการข้ออักเสบได้เช่นเดียวกัน

6. ผักใบเขียวเข้ม
ผักใบสีเขียวเข้มนั้นนอกจากจะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมายแล้ว ยังมีสารพฤกษเคมีที่ช่วยจัดการความเครียด สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินดี ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน โดยผักใบสีเขียวเข้มนั้นมีหลายชนิด เช่น ปวยเล้ง คะน้าใบหยัก (เคล) เป็นต้น

7. บร็อคโคลี่
จุดเด่นของบร็อคโคลี่นั้นนอกจากจะมีรสชาติเฉพาะตัวแล้ว ยังมีประโยชน์ซ่อนอยู่อีกมากมาย เช่น วิตามิน เค วิตามินซี ช่วยบำรุงกระดูก นอกจากนี้ อีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญของบร็อคโคลี่คือ ผักชนิดนี้มีสาร ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ที่มีการศึกษาวิจัยว่าอาจช่วยชะลออาการข้อเสื่อมได้

8. ธัญพืชเต็มเมล็ด
ธัญพืชเต็มเมล็ดหรือที่หลายคนเรียกว่า “โฮลเกรน (Whole Grains)” นั้นเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจากธรรมชาติสูงมาก มีวิตามินอี วิตามินบีรวม ใยอาหาร และแร่ธาตุหลากชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ เสริมสร้างระบบประสาท นอกจากนี้ ยังช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแข็งแรงอีกด้วย

9. กระเทียม
กระเทียมเป็นผักสวนครัวที่คนไทยรู้จักกันดี ใช้ประกอบอาหารไทยหลายชนิด นอกจากรสชาติอร่อยถูกใจแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย โดยได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ในกระเทียมมีสาร ไดแอลลิลไดซัลไฟด์ (Diallyl Disulfide) ที่อาจมีส่วนช่วยยับยั้งการทำลายกระดูกอ่อนได้

10. ขิงและขมิ้นชัน
ขิงและขมิ้นชันนอกจากจะเป็นพืชผักคู่ครัวไทยแล้ว ยังถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย โดยทั้งขิงและขมิ้นชันมีคุณสมบัติต้านการอักเสบภายในร่างกาย จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการปวดข้อรวมทั้งปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย

11. ชาเขียว
อย่างที่ทราบกันดีว่า ชาเขียวนั้นมีสารอาหารและประโยชน์หลายประการ ที่สำคัญ ในชาเขียวมีสาร โพลีฟีนอล (Polyphenols) ปริมาณมาก ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสามารถลดการอักเสบและชะลอความเสียหายที่มีต่อกระดูกอ่อนได้
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

ปวดเมื่อยนอนไม่หลับอาการของโรค Fibromyalgiaไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) เป็นกลุ่มอาการปวดเรื้อรัง อาการปวดจะกระจายตามร...
04/11/2023

ปวดเมื่อยนอนไม่หลับอาการของโรค Fibromyalgia

ไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) เป็นกลุ่มอาการปวดเรื้อรัง อาการปวดจะกระจายตามร่างกาย บริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ศีรษะ คอ บ่า และหลัง บางรายปวดทั้งตัว นอกจากอาการปวดยังอาจมีอาการร่วมอื่นๆได้หลายอาการ ได้แก่อาการอ่อนเพลีย นอนหลับไม่สนิท รวมถึงความเครียดและอารมณ์ซึมเศร้า กลุ่มอาการนี้พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 8 เท่า และพบมากในวัยกลางคนอายุระหว่าง 35-60 ปี

ภาวะนี้ มีปัจจัยหนึ่งมาจากการประสบอุบัติเหตุ มีการกระแทก หรือการใช้ร่างกายทำงานหนัก หรือมีภาวะเครียด ทำให้เนื้อเยื่อได้รับการบาดเจ็บ รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งพบว่า ไฟโบรมัยอัลเจีย พบในคนเมืองมากกว่าคนชนบท ด้วยวิถีชีวิตที่อยู่ในสภาะเร่งรีบและแข่งขันทางเศรษฐกิจสังคมที่สูงกว่า และมีเวลาพักผ่อนน้อย ทำให้เกิดภาวะ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับโรคปวดกล้ามเนื้อมัยโอฟาสเชี่ยล และไฟโบรมัยอัลเจีย

นอกจากนี้ ไฟโบรมัยอัลเจีย ยังสามารถเกิดร่วมกับภาวะอื่นๆได้ด้วยสัดส่วนความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ดังนี้ โรคไมเกรน 22%, โรคปวดกล้ามเนื้้อมัยโอฟาสเชี่ยล 20%, โรคไขข้ออักเสบ 14%, โรควิตกกังวล 32%, ผู้ที่มีบุคลิกภาพเจ้าระเบียบ ดื้อรั้นย้ำคิดย้ำทำ23%, และพบในผู้ที่มีโรคซึมเศร้า 15%

การรักษาไฟโบรมัยอัลเจีย จะมุ่งเน้นเฉพาะอาการสำคัญ ที่พบบ่อยคือ อาการปวด ปัญหาการนอนหลับ ความ วิตกกังวลและอารมณ์ซึมเศร้า มีทั้งการรักษาด้วยยาและไม่ใช้ยา โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ซึ่งให้ผลที่ดี สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นใน 2-3 เดือน การรักษาโดยการออกกำลังกายมีหลายรูปแบบ เช่น ออกกำลังแบบแอโรบิก การออกกำลังกายในสระน้ำ โดยเฉพาะในน้ำอุ่น เห็นผลชัดเจนว่าช่วยลดปัญหาปวดยอกกล้ามเนื้อได้ดี รวมถึงการทำโยคะ รำหรือมวยจีน นอกจากนี้การนวดหรือการบรรเทาที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ จะช่วยลดอาการปวด ช่วยผ่อนคลายความเครียด และส่งผลต่อการนอนหลับ ทำให้อาการดีขึ้นได้
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

คำแนะนำเรื่อง ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ (Arthritis)1.) ข้อมูลเบื้องต้นข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อขอ...
03/11/2023

คำแนะนำเรื่อง ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ (Arthritis)

1.) ข้อมูลเบื้องต้น
ข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อของร่างกาย ข้ออักเสบมีได้มากกว่าร้อยรูปแบบและหลากหลายสาเหตุโดยรูปแบบที่พบมากที่สุดคือ ข้อเสื่อม (Osteoarthritis) ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บของข้อต่อ การติดเชื้อของข้อหรือการเสื่อมตามอายุ ข้ออักเสบรูปแบบอื่น ได้แก่ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคข้อสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากภูมิคุ้มกันทำลายข้อต่อของตนเอง โรคเกาต์ซึ่งเกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อและเกิดการอักเสบ เมื่อมีปัจจัยที่เหมาะสมมากระตุ้น แต่หากมีการสะสมของผลึกแคลเซียมไพโรฟอสเฟตในข้อจะเกิดข้ออักเสบที่เรียกว่า โรคเกาต์เทียม

อาการของโรค

โรคข้ออักเสบทั้งหมดจะมาด้วยอาการปวด อาจมีอาการบวม แดง ร้อน หรือบริเวณข้อที่ปวดได้ด้วย ซึ่งรูปแบบการปวดจะแตกต่างกันตามชนิดของข้ออักเสบและตำแหน่ง เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์มักมีอาการปวดตอนเช้าหรือเวลาอากาศเย็น ในระยะแรกผู้ป่วยมักบอกว่าอาการปวดหายไปหลังจากอาบน้ำตอนเช้า ในผู้สูงอายุหรือเด็กอาจไม่ได้มาด้วยอาการปวด เพราะผู้สูงอายุมักขยับร่างกายได้น้อย ส่วนในเด็กเล็กอาจสังเกตเห็นว่าเด็กไม่ใช้แขนขาข้างที่มีอาการ

2.) ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคข้อเสื่อมที่สำคัญที่สุด คือ ภาวะอ้วน (ขึ้นกับชนิดของข้ออักเสบ)

3.) การรักษา
วิธีการรักษาแตกต่างกันออกไปตามชนิดของข้ออักเสบ ได้แก่ กายภาพบำบัด การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การออกกำลังกายและการควบคุมน้ำหนัก การใช้อุปกรณ์พยุง ยา และอาหารเสริม การผ่าตัดเปลี่ยนข้อมักทำในข้ออักเสบที่มีการสึกกร่อนมาก

4.) ข้อควรระวัง
ยาระงับปวดและยาแก้อักเสบหลายชนิด หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร และลำไส้ระคายเคือง จนอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และมีเลือดออกรุนแรงได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้ เพื่อบำบัดอาการปวดข้อนานกว่า 2 สัปดาห์ รวมถึงตัวยาระงับปวดอาจทำปฏิกิริยากับตัวยาอื่นๆได้เช่น ยาระลายลิ่มเลือด (Anticoagulant) หรือเกิดการแพ้ข้ามกลุ่ม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้ป่วยจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา และยาที่ทานประจำ เพื่อแพทย์จะได้จัดยาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วย

5.) คำแนะนำอื่นๆ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทำกายภาพบำบัด และการใช้ข้ออย่างถูกวิธี ร่วมกับการใช้ยารักษาโรคจะช่วยให้ท่านสามารถทำกิจวัตรประจำวันและมีคุณภาพชีวิตดีเหมือนคนปกติ
#ปวดข้อ #ปวดเข่า #ข้อเสื่อม #เข่าเสื่อม #ข้อเข่าเสื่อม #เข่าหลวม #ข้ออักเสบ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #กระดูกเสื่อม #กระดูกเสื่อม #อความิน #หมอนรองเสื่อม #ปวดหลัง #ปวดคอ

ที่อยู่

399 อาคารอินเตอร์เชนจ 21 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Phra Khanong
10110

เบอร์โทรศัพท์

+66627540603

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นมธัญพืช Ovisure Gold - อาการปวดเข่าดีขึ้นผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram