25/07/2025
Betahistine mechanism 😵💫💫
กลไกการออกฤทธิ์ของ Betahistine ต่อระบบ vestibular และการไหลเวียนเลือดในหูชั้นใน
ภาพรวมของยา
Betahistine เป็นอนาลอกของ histamine ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาอาการเวียนศีรษะ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบ vestibular เช่น Ménière’s disease และ peripheral vertigo ชนิดอื่น ๆ ยานี้ถูกใช้ในวงกว้างทั่วโลกเนื่องจากประสิทธิภาพในการลดความถี่และความรุนแรงของอาการเวียนศีรษะ 【3】
ระบบ vestibular และหลอดเลือดของหูชั้นใน
ระบบการทรงตัวพึ่งพาการทำงานของ vestibular apparatus ภายในหูชั้นใน ซึ่งต้องอาศัยเลือดจาก labyrinthine artery และเครือข่ายเส้นเลือดของ stria vascularis เพื่อคงความสมดุลของความดันภายใน endolymph หากการไหลเวียนเลือดในบริเวณดังกล่าวลดลง อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบ vestibular และทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ 【1】
ฤทธิ์ของ Betahistine ต่อตัวรับ Histamine
H1-receptor agonist
Betahistine กระตุ้น H1 receptor บนหลอดเลือดของ stria vascularis ทำให้เกิด vasodilation และเพิ่ม capillary permeability ส่งผลให้ความดันภายใน endolymph ลดลง ซึ่งช่วยบรรเทาอาการแน่นหูและเวียนศีรษะในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหูชั้นใน
H3-receptor antagonist
Betahistine ยับยั้ง presynaptic H3 receptor บริเวณ brainstem vestibular nuclei ส่งผลให้มีการเพิ่มการหลั่งของ neurotransmitters หลายชนิด ได้แก่ histamine, serotonin และ glutamate ซึ่งช่วยกระตุ้นกระบวนการปรับสมดุลของสัญญาณประสาทจาก vestibular nuclei ทั้งสองข้าง ภายหลังเกิดความเสียหายของระบบ vestibular ข้างใดข้างหนึ่ง 【2】
ผลรวมของกลไกดังกล่าวทำให้ความไวของเซลล์ประสาท vestibular ลดลง สมองสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้นผ่านกระบวนการ vestibular compensation และที่สำคัญ Betahistine ไม่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางเหมือนยา antihistamine กลุ่ม H1-blocker ช่วยลดอาการง่วงซึมซึ่งมักพบในยากลุ่มเดิม
ผลต่อการไหลเวียนเลือดในหูชั้นใน
งานวิจัยในหนูตะเภาพบว่า Betahistine สามารถเพิ่ม cochlear blood flow โดยเฉพาะในบริเวณ stria vascularis ได้ในลักษณะ dose-dependent โดยขนาดยาที่ให้ผลดีที่สุดอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับขนาดยาที่ใช้ในมนุษย์ (16–48 mg)【4】 การไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้นนี้มีบทบาทสำคัญในการนำออกซิเจนและสารอาหารไปยัง hair cells และช่วยลดความเสี่ยงของภาวะ ischemia ใน labyrinth ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาการเวียนศีรษะในกลุ่มโรค vestibular
ฤทธิ์ต้านการอักเสบและการเสริม neuroplasticity
ข้อมูลจากการศึกษาสัตว์ทดลองในปี 2025 ระบุว่า Betahistine สามารถลดจำนวน astrocyte และ microglia ที่มีการกระจายตัวหลังการตัดเส้นประสาท vestibular (unilateral vestibular neurectomy; UVN) พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้าง microglia ชนิดที่ไม่ก่อการอักเสบ ส่งผลให้การทรงตัวของสัตว์ทดลองกลับสู่ภาวะสมดุลได้เร็วขึ้น【5】 กลไกดังกล่าวเชื่อมโยงกับการกระตุ้นเส้นทาง cAMP/PKA/CREB ที่เกิดขึ้นเมื่อ H3 receptor ถูกปิดกั้น ซึ่งมีบทบาทในการส่งเสริม neuroplasticity และกระบวนการ compensatory remodeling ของระบบประสาทส่วนกลาง
ขนาดยาและความปลอดภัย (สรุปสำหรับประชาชน)
โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ขนาดเริ่ม 16 mg วันละ 2–3 ครั้ง (สูงสุดที่ แนะนำ ในใบกำกับยาคือ 48 mg/วัน แบ่งให้ 2–3 ครั้ง) ขึ้นอยู่กับอาการและการตอบสนองต่อยา
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้แต่ไม่บ่อย ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หรือกรดไหลย้อน ซึ่งมักไม่รุนแรง — แนะนำให้รับประทานยาหลังอาหารเพื่อลดความไม่สบายในระบบทางเดินอาหาร
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ที่มีประวัติ pheochromocytoma และใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็น bronchial asthma หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร เนื่องจากอาจกระตุ้นการหลั่งกรดหรืออาการทางระบบทางเดินหายใจได้ในบางราย
สรุป
Betahistine ออกฤทธิ์ผ่านสองกลไกหลัก ได้แก่
1. การเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังหูชั้นในผ่าน H1-mediated vasodilation และ
2. การปรับสมดุลของสัญญาณประสาทใน vestibular nuclei โดยการยับยั้ง H3 receptor ร่วมกับฤทธิ์ต้านการอักเสบในระดับเซลล์ประสาท
ผลรวมของกลไกเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ เร่งกระบวนการฟื้นตัวของระบบทรงตัว (vestibular compensation) โดยไม่กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง จึงนับเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเวียนศีรษะจากความผิดปกติของระบบ vestibular
เอกสารอ้างอิง
1. Tighilet B, Trico J, Marouane E, et al. Histaminergic system and vestibular function in normal and pathological conditions. Curr Neuropharmacol. 2024;22(11):1826‑1845.
2. DrugBank Online. Betahistine (DB06698). DrugBank; 2025.
3. Silva Gameiro B, Fonseca ACS, Guimarães BSC, et al. Betahistine in the treatment of peripheral vertigo: an evidence‑based review. Egypt J Otolaryngol. 2024;40:108.
4. Ihler F, Bertlich M, Sharaf K, et al. Betahistine exerts a dose‑dependent effect on cochlear stria vascularis blood flow in guinea pigs in vivo. PLoS One. 2012;7(6):e39086.
5. Tighilet B, et al. Pro‑histaminergic drug restores balance, promotes microgliogenesis and reduces inflammation after unilateral vestibular neurectomy in rats. Eur J Pharmacol. 2025;177600.