Embrace.co.th Embrace is a safe space 'where you all will be heard.' We offer online counseling and psychological services. We also support diversity and inclusion.

Embrace เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการรับฟัง เราให้บริการทางด้านความรู้และการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา นอกจากนี้พวกเรายังเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนความแตกต่างหลากหลายและเปิดให้มีส่วนร่วมด้วยกันอย่างเท่าเทียม

เดินทางมาถึง ep. ที่ 4 เป็น episode สุดท้ายของซีรี่ย์นี้นะคะ วันนี้เราเสนอคำว่า self-compassion ค่ะ อยากแนะนำให้รู้จักก่...
17/03/2025

เดินทางมาถึง ep. ที่ 4 เป็น episode สุดท้ายของซีรี่ย์นี้นะคะ

วันนี้เราเสนอคำว่า self-compassion ค่ะ อยากแนะนำให้รู้จักก่อนว่าคืออะไร

Self-compassion หรือการเมตตาตนเองมีองค์ประกอบหลัก 3 อย่างค่ะ บุคคลที่เมตตาตนเอบมักจะใจดีกับตนเอง ไม่วิพากษ์วิจารณ์ตนเองยามเจอเรื่องร้ายๆ หรือผิดพลาด มีสติรู้เท่าทันความทุกข์ที่เกิดขึ้น และสุดท้ายคือสามารถรับรู้ว่าความสุข ความทุกข์คือส่วนหนึ่งของชีวิตและความเป็นมนุษย์ค่ะ

แล้วการเมตตาตนเองทำไมถึงสำคัญกับการรักตนเอง...?

อย่าลืมนะคะว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีทั้งด้านที่น่ารัก และไม่น่ารัก ในมนุษย์หนึ่งคนก็มีหลายเฉดสีค่ะ เมื่อเราตระหนักได้ว่าเราเองก็มีบางส่วนที่ไม่น่ารักแฮะ เมื่อนั้นแหละค่ะที่การเมตตาตนเองจะเข้ามามีบทบาทสำคัญทันทีค่ะ

อยากให้ทุกๆ คนทำความคุ้นเคยกับการเมตตาตนเองให้ได้มากที่สุด ซีรี่ย์หน้าเราจะมาฝึกการเมตตาตนเองกันนะคะ 🙂🤍

เส้นทางสู่การรักตัวเอง EP.3 มาแล้วค่ะ 🤍วันนี้พูดถึง self-respect หรือการเคารพตนเองค่ะ ซึ่งการรักตัวเองจะเกิดไม่ได้ถ้าเรา...
04/03/2025

เส้นทางสู่การรักตัวเอง EP.3 มาแล้วค่ะ 🤍

วันนี้พูดถึง self-respect หรือการเคารพตนเองค่ะ ซึ่งการรักตัวเองจะเกิดไม่ได้ถ้าเราขาดการเคารพตนเองไปค่ะ เคารพตนเองในที่นี้อาจเริ่มต้นจากการถามคำถามง่ายๆ กับตนเองว่า ‘เราให้คุณค่ากับสิ่งใดบ้าง’ แล้วพอเริ่มรู้ว่ามีอะไรที่เราให้คุณค่าบ้าง ถัดมาอาจจะถามว่า แล้วการกระทำของเรามันไปด้วยกันกับคุณค่าของเรามากน้อยแค่ไหนค่ะ

การเคารพตนเองอาจหมายรวมถึงการเคารพความต้องการของเราเองอีกด้วยนะคะ เราควรดูแลความต้องการของเราเองด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าหากใครต้องดูแลคนอื่นในครอบครัว หรือคนรักข้างกายแล้วด้วย อย่าลืมดูแลความต้องการของเราด้วยนะคะ

สุดท้ายคือการมีขอบเขตในความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ค่ะ จงปกปักรักษาพื้นที่ส่วนตัวของเราด้วยการสร้างขอบเขตค่ะ สิ่งนี้ไม่ใช่กำแพงเป็นอุปสรรค แต่เป็นหมอนข้างกั้นพื้นที่เท่านั้นเองค่ะ ว่าเราโอเคหรือไม่โอเคกับอะไรบ้าง มันก็ร้อยเรียงมาจากสิ่งที่เราให้คุณค่าและความต้องการของเรานั่นเองค่ะ

ขอให้ทุกคนปกปักรักษาคุณค่า ความต้องการ และพื้นที่ของตนเองได้เป็นอย่างดีนะคะ สิ่งสำคัญคือเมื่อเราเคารพตนเองเป็น แน่นอนว่าเราก็จะเคารพคนอื่นเป็น และคนอื่นก็จะเคารพเราเช่นกันค่ะ ;)

EP. 2 ของ Self-love Journey วันนี้ขอเสนอ การดูแลตนเอง หรือ self-careการดูแลตนเองสามารถทำได้ทั้งภายนอกและภายใน กล่าวคือทั...
25/02/2025

EP. 2 ของ Self-love Journey วันนี้ขอเสนอ การดูแลตนเอง หรือ self-care

การดูแลตนเองสามารถทำได้ทั้งภายนอกและภายใน กล่าวคือทั้งทางกายและทางใจเลยค่ะ

คนเราน่าจะคุ้นเคยกับการดูแลสุขภาพกายกันอยู่แล้ว เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับให้เพียงพอ การดูแลผิว ประทินโฉมต่างๆ

ส่วนการดูแลสุขภาพใจนั้นอาจจะเข้าใจได้ยากขึ้น แต่คิดว่าไม่ได้ยากเกิน นอกจากการทำอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุขแล้ว วันนี้ Embrace ขอเพิ่มเรื่องการดูแลอารมณ์ด้วยค่ะ

เชื่อว่าทุกคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหู หรือเห็นผ่านตากับคำว่า name it to tame it กันมาบ้าง ถือเป็นเสาหลักในการจัดการอารมณ์เลยค่ะ ถ้าเราให้ชื่ออารมณ์ความรู้สึกที่เรามี ยอมรับเค้าว่าถ้าเค้าผ่านมาแล้วเค้าก็จะผ่านไป เราจะสามารถจัดการกับเค้าได้อย่างถูกวิธีมากขึ้นค่ะ สิ่งสำคัญคือทุกๆ อารมณ์มีหน้าที่ของเค้าค่ะ อย่ามองว่าเป็นอารมณ์บวกหรือลบขนาดนั้น แต่ให้โอบรับทุกอารมณ์ที่เรามีในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างเข้าใจค่ะ

สุดท้ายแล้ว การดูแลตนเอง อาจจะเริ่มจากภายนอกสู่ภายในหรือภายในสู่ภายนอกก็ไม่ผิด แต่หากพูดถึงการใช้ชีวิตให้เข้มแข็งทั้งทางกายและทางใจก็ต้องดูแลทั้งสองด้านอย่างเท่าเทียม สิ่งนี้เองจะส่งผลให้เกิดกระบวนการจากภายในสู่ภายนอกอย่างเฮลตี้ 😉

🤍

วันนี้ Embrace ขอนำเสนอเส้นทางสู่การรักตนเอง ตอนที่ 1 ค่ะขอนำเสนอคำว่า Self-awareness หรือการตระหนักรู้ในตนเองนั่นเองค่ะ...
20/02/2025

วันนี้ Embrace ขอนำเสนอเส้นทางสู่การรักตนเอง ตอนที่ 1 ค่ะ

ขอนำเสนอคำว่า Self-awareness หรือการตระหนักรู้ในตนเองนั่นเองค่ะ 🤍

Self-awareness ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักและเข้าใจในตนเองอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น จึงขอเริ่มเส้นทางด้วยการทำความเข้าใจกับตนเองก่อนว่า เราคือใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ใช้เวลากับสิ่งใดมาก รูปแบบความคิดเรามุ่งเน้นในทางบวกหรือลบมากกว่ากัน รูปแบบพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ เราเห็นมันมากน้อยแค่ไหน

อาจจะฝากเป็นคำถามประมาณนี้ค่ะ
1. ฉันชอบทำอะไร ไม่ชอบทำอะไร
2. จุดแข็งและข้อจำกัดของฉัน
3. ฉันมักจะใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ ได้แก่…
4. ในหนึ่งวันพันเหตุการณ์ ฉันมักจะเห็นบทเรียนหรือเห็นความล้มเหลวมากกว่ากัน
5. เวลาเจอสถานการณ์ตึงเครียด ฉันมักจะตอบสนองด้วยการ…

จริงๆ มีอีกหลายคำถามเลยค่ะที่เราสามารถใช้สะท้อนตัวตนของเราได้ เพื่อให้เราตระหนักรู้ในตนเองมากยิ่งขึ้น

ยังไงรอติดตามตอนที่ 2 เรื่องการเคารพตนเองต่อนะคะ ;)

อยากได้จังเลยโทรศัพท์เครื่องใหม่! มันจะมีอยู่บางคนที่อยากซื้อสิ่งของตามเทรนด์อยู่เสมอ แอดมินก็เช่นกันค่ะ iPhone 15 ออกที...
28/09/2023

อยากได้จังเลยโทรศัพท์เครื่องใหม่!

มันจะมีอยู่บางคนที่อยากซื้อสิ่งของตามเทรนด์อยู่เสมอ แอดมินก็เช่นกันค่ะ iPhone 15 ออกที ก็ว้าวุ่นใหญ่เลยที่นี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะ ว่าความอยาก หรือพฤติกรรมการซื้อสิ่งของต่างๆ ของเรานั้นเป็นไปตามทฤษฎีแรงจูงใจของนักจิตวิทยาท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือ ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ (Hierarchy of Needs) ของ อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) นั่นเองค่ะ

ทฤษฎีนี้ว่าด้วยเรื่องความต้องการของมนุษย์ที่มีในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางกายและใจ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราค่ะ โดยลำดับขั้นของความต้องการนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่างๆ ดังนี้

ขั้นแรกเป็นขั้นของความต้องการทางกายภาพ ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต เช่น ความต้องการในอาหารการกินต่างๆ

ขั้นถัดมาเป็นขั้นความมั่นคงปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงปลอดภัยทางกาย ทางใจ ทางการเงิน หรือการงาน เป็นต้น

ขั้นที่สาม เป็นขั้นของความต้องการทางสังคม การเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การเป็นเจ้าของ การมีความรักและการถูกรัก

ขั้นที่สี่ ขั้นของการเห็นคุณค่าในตนเอง ความภาคภูมิใจ การได้รับการยกย่อง และยอมรับจากสังคม

และขั้นสุดท้าย เป็นขั้นที่เราเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของเราเอง ขั้นที่สามารถเติมเต็มความหมายให้กับชีวิตของเราเองได้

ลองคิดเล่นๆ ก็ได้ค่ะ ว่าแรงจูงใจที่เกิดขึ้นในการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ สินค้าใหม่ๆ จะเติมเต็มขั้นต่างๆของเราขั้นไหนได้บ้าง? สินค้า หรือ product ต่างๆ ได้ผ่านการคิดของนักการตลาดมาเรียบร้อยค่ะว่าจะต้องเติมเต็มเราในด้านต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกอยากที่จะซื้อสินค้านั้นๆ ในเวลานั้นๆ เพื่อเติมเต็มอะไรบางอย่างในตัวเรา บางท่านอาจซื้อเพราะความจำเป็น บางท่านอาจซื้อเพราะต้องความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม บางท่านอาจซื้อเพราะมันแสดงถึงอัตลักษณ์ของตัวเรา บางท่านอาจมีหลายเหตุผลรวมๆ กัน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของมันก็มาจากแรงจูงใจตามทฤษฎีของมาสโลว์เนี่ยแหละค่ะ ที่ทำให้เรามีพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อที่จะเติมเต็มความต้องการของเราเอง ไม่เพียงแต่การซื้อของเท่านั้นนะคะ พฤติกรรม และการกระทำในรูปแบบอื่นๆ หากเราพิจารณาดูแล้วก็มีพื้นฐานจากความต้องการเหล่านี้เช่นเดียวกันค่ะ

ว่าแล้วก็ขออนุญาตไปดูโทรศัพท์เพื่อเติมเต็มความต้องการของแอดมินก่อนนะคะ!

เมื่อชีวิตต้องมี'ผิดหวัง' ทุกคนล้วนต้องเคยผิดหวังใช่มั้ยคะ คงไม่มีใครที่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วไม่เคยผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเรื...
15/06/2023

เมื่อชีวิตต้องมี'ผิดหวัง'
ทุกคนล้วนต้องเคยผิดหวังใช่มั้ยคะ คงไม่มีใครที่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วไม่เคยผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเรื่องความรักความสัมพันธ์ เรื่องการเรียน เรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องเงินก็ตาม ลงทุนแล้วไม่ได้ดังใจหวัง อกหัก สอบตก สมัครงานไปเค้าไม่รับ ทุกอย่างล้วนน่าผิดหวังทั้งนั้น

แล้วเราจะรับมือกับความผิดหวังที่เกิดขึ้นกับเราได้อย่างไรในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้

มีหลากหลายวิธีค่ะที่จะช่วยให้มนุษย์เราสามารถรับมือเมื่อต้องเผชิญกับความผิดหวัง แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการยอมรับว่าเราผิดหวังค่ะ มันคือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา ยอมรับเลยว่า ใช่...เราสอบตก ใช่แล้ว...ฉันขาดทุนคริปโต เอ้อใช่...ฉันอกหักมานะ ทุกเรื่องที่กล่าวมาล้วนน่าเจ็บปวด แต่มันไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ที่เราจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจกับเรื่องที่น่าผิดหวังนี้

เมื่อเรายอมรับความน่าผิดหวังนี้ได้ก็ขอให้ลองปลดปล่อยมันออกมาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน การพูดคุยกับบุคคลที่เราไว้ใจ หรือสามารถพบผู้เชี่ยวชาญได้หากคิดว่าไม่สามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้คนเดียวค่ะ

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือการใจดีกับตนเองค่ะ เมื่อชีวิตไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเราก็อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ บางทีมันไม่ใช่ความผิดของเราซะทีเดียวที่เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น หรือหากมันเป็นความผิดของเราจริงๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นได้ค่ะ มนุษย์เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ และนั่นเองจึงเป็นการบอกว่าอย่าตัดสินตัวเราที่เคยทำผิดพลาดมาก่อน อย่าลดทอนคุณค่าที่เรามีเพียงเพราะเราทำพลาด จงให้อภัยตนเองและเรียนรู้จากสิ่งนั้น เราทุกคนล้วนมีข้อดี ข้อควรปรับปรุงที่แตกต่างกันไปค่ะ หากเปรียบกับดวงดาว...มนุษย์เราก็คงจะมีทั้งจุดอับแสงและจุดส่องแสงนั่นเองค่ะ

การมองไปข้างหน้าก็เป็นอีกหนึ่งหนทางค่ะ แม้ว่าอนาคตจะไม่เคยแน่นอน แต่การมีความหวังและไม่จมอยู่กับอดีตอันน่าผิดหวังก็จะช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านเรื่องราวที่น่าผิดหวังนี้ไปได้เช่นกันค่ะ

ความผิดหวังที่เกิดขึ้นอาจจะกำลังส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อบอกเราว่าเราควรปรับอะไรสักอย่างในชีวิตก็ได้นะคะ เช่น มุมมองที่เรามีต่อโลกใบนี้ มุมมองที่เรามีต่อตนเอง พฤติกรรมบางอย่างที่ทำเป็นประจำ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญในชีวิตค่ะ บางครั้งความผิดหวังก็ทำให้เราต้องกลับมานั่งปรับโฟกัสชีวิตของตัวเอง ทางที่เคยคิดว่าใช่อาจจะไม่ใช่ สิ่งที่เคยทำมาตลอดอาจจะไม่ได้เหมาะกับเราเสมอไปเมื่อต้องผิดหวังอยู่ซ้ำๆ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสำคัญที่ได้กลับมาพูดคุยกับตัวเองอีกครั้งก็เป็นได้นะคะ
ดังนั้น ความผิดหวังอาจไม่ได้เลวร้ายเสมอไป แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่การที่เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากความรู้สึกนี้ก็ส่งผลที่ดีได้เช่นกันค่ะ

ความคาดหวังมักจะหนักเสมอไม่ว่าจะมาจากใคร...ตนเองหรือผู้อื่นความคาดหวังว่าเราจะเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นความคาดหวังว่าเร...
03/06/2023

ความคาดหวังมักจะหนักเสมอไม่ว่าจะมาจากใคร...ตนเองหรือผู้อื่น

ความคาดหวังว่าเราจะเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น
ความคาดหวังว่าเราจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ให้ได้
ความคาดหวังว่าเราจะทำได้ทุกอย่าง
ความคาดหวังว่าเราจะต้องเก่งในทุกๆ เรื่อง
จงอย่าได้แบกความคาดหวังของใครไว้อีกเลย...แม้กระทั่งความคาดหวังอันหนักอึ้งที่มาจากตนเอง
ขอจงเป็นอิสระจากความคาดหวังทั้งปวง 🤍
ขอจงโอบกอดตนเองและผู้อื่นในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
Embracing us as we all are people ❤️💛🩵🩷

ใครกันที่อยู่กับเราตลอดเวลา ใครกันที่อยู่กับเรานานที่สุด แล้วใครกันที่ควรจะรักเรามากที่สุด วันนี้ Embrace ชวนทำความรู้จั...
08/04/2023

ใครกันที่อยู่กับเราตลอดเวลา
ใครกันที่อยู่กับเรานานที่สุด
แล้วใครกันที่ควรจะรักเรามากที่สุด

วันนี้ Embrace ชวนทำความรู้จักกับ Self-compassion หรือในภาษาไทยอาจเรียกว่า ความเมตตากรุณาต่อตนเอง นั่นเองค่ะ

Self-compassion ซึ่งถูกอธิบายโดย Kristin Neff อาจารย์ทางด้านจิตวิทยาการศึกษานั้น คือการผสมผสานระหว่างความใจดีที่มีต่อตนเอง ความเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป และการมีสติ โดยแต่ละองค์ประกอบล้วนส่งผลให้ก่อเกิดเป็นความเมตตากรุณาต่อตนเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่มั้ยคะว่ามนุษย์เรามักต่อว่า ด่าทอ หรือโบยตีตนเองอย่างหนักหน่วงเมื่อต้องเผชิญกับข้อผิดพลาดในชีวิต ‘ความใจดีต่อตนเอง’ นั้นไม่ง่ายเลยค่ะ แต่หากเราสามารถที่จะเป็นความอบอุ่น และความเข้าใจให้กับตนเองได้ จะช่วยให้เราลดระดับการตัดสินตนเองหรือต่อว่าตนเองเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องราวร้ายๆ ในชีวิตของเรา

นอกจากนี้ การรับรู้ว่าทุกคนล้วนผิดพลาดได้เพราะ ‘เราทุกคนคือมนุษย์’ ไม่ได้มีเพียงเราที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย แต่ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนต้องเผชิญกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจในข้อนี้นอกจากจะทำให้เราใจดีกับผู้อื่นแล้ว เรายังใจดีกับตนเองได้มากขึ้นเมื่อพบว่าผู้อื่นก็ผิดพลาดหรือต้องพบเจอกับเรื่องราวอันสาหัสเหมือนที่เราสามารถผิดพลาดและพบเจอเรื่องราวเหล่านั้นได้เช่นกัน

และสุดท้ายการเผชิญเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาด้วย ‘สติ’ นั่นแหละค่ะ ที่จะพาเราก้าวข้ามผ่านทุกสิ่งไปได้ ไม่ไปขยายความเจ็บปวดหรือความทุกข์ให้ใหญ่ขึ้น ไม่ไปลดขนาดความเจ็บปวดที่เกิด แต่รับรู้มันในขนาดของมันที่มากระทบเรา ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เข้ามากระทบนั้น ลองอนุญาตให้ตัวเราได้รู้สึกบ้างก็เท่านั้น

การที่เรามีความเมตตากรุณาต่อตนเองเป็นสิ่งสำคัญนะคะ คุณ Kristin กล่าวว่า ลองปฏิบัติกับตนเองให้เหมือนปฏิบัติกับเพื่อนในยามที่เพื่อนรักของเราเป็นทุกข์ เราจะทำอย่างไรกับเพื่อน ลองทำอย่างนั้นกับตัวเราดูค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว ‘เพื่อนที่ดีที่สุดของเราก็คือตัวเรา’ นั่นเองค่ะ

จะวาเลนไทน์แล้ว พร้อมบอกรักกันรึยังคะ?พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์ Embrace เลยจะขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเพื่อให้ความส...
13/02/2023

จะวาเลนไทน์แล้ว พร้อมบอกรักกันรึยังคะ?

พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์ Embrace เลยจะขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทุกท่านแน่นแฟ้นขึ้นค่ะ


เคยมั้ยคะ ทั้งที่แฟนก็มีแต่ไม่เคยรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นถูกเติมเต็ม เอ๊ะ แต่วันครบรอบก็มี ของขวัญก็ให้ รักก็บอกแล้ว แต่ทำไมกันนะ ทำไมถึงไม่รู้สึกว่าถูกรักเลย นั่นอาจเป็นเพราะ ‘ภาษารัก’ ของทั้งคู่แตกต่างกันค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ วาเลนไทน์นี้เราสื่อสารความรักกันในรูปแบบใหม่ค่ะ มาดูกันนะคะว่าภาษารักมีภาษาอะไรบ้าง

Dr. Gary Chapman ได้พูดถึง ‘ภาษารัก’ ว่ามีทั้งหมด 5 แบบ (Five love languages) ค่ะ ซึ่งแต่ละบุคคลก็อาจมีวิธีการแสดงออกหรือความต้องการความรักในแบบที่แตกต่างกันไป แม้ว่าอ่านแล้วจะใช่เราทุกแบบ แต่จะมีหนึ่งแบบที่โดนใจเรามากที่สุดค่ะ

1. Words of Affirmation หรือ ภาษารักแบบคำพูดที่ชุบชูใจ ใครที่มีภาษานี้เป็นภาษารัก มักจะสื่อสารความรักผ่านคำพูดค่ะ ไม่ใช่เพียงการบอกรักนะคะ แต่หมายรวมถึง คำขอบคุณ คำชื่นชม การให้กำลังใจต่างๆ หรือคำพูดที่มีความหมายมากๆ ก็ตาม

2. Quality Time หรือ การใช้เวลาร่วมกัน สำหรับคนที่มีภาษารักแบบที่สองนี้ มักจะให้คุณค่า และชอบการใช้เวลาร่วมกันเป็นการบอกรัก หากถูกยกเลิกนัดหรือเลื่อนนัดจะเฮิร์ตบุคคลที่มีภาษารักในลักษณะนี้มากๆ ค่ะ ดังนั้นการหากิจกรรมร่วมกันโดยไม่มีอะไรมาแทรกช่วงเวลาคุณภาพนี้ จะช่วยให้บุคคลที่มีภาษารักแบบนี้รู้สึกถูกรักได้มากๆ เลยค่ะ

3. Receiving Gifts หรือ การให้ของขวัญ ภาษารักแบบการได้รับของขวัญนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่แพงนะคะ แต่เป็นคุณค่าเบื้องหลังของสิ่งของที่ได้รับมากกว่า ไม่ว่าของจะเล็กหรือใหญ่แต่ความหมายเบื้องหลังของของขวัญสำคัญกับคนที่มีภาษารักแบบนี้มากๆ ค่ะ

4. Act of Services หรือ การบริการหรือการทำสิ่งน่ารักๆ ให้ บุคคลที่มีภาษารักแบบนี้มักจะชอบบริการค่ะ ซึ่งเป็นการกระทำเล็กๆ ที่น่ารัก เช่น การรินน้ำใส่แก้วให้ ไปจนถึงการกระทำใหญ่ๆ เช่น ทำความสะอาดบ้านหรือไปรับลูกให้ค่ะ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้บุคคลนี้เฮิร์ตได้คือการไม่รักษาสัญญาและความขี้เกียจนั่นเองค่ะ

5. Physical Touch หรือ การสัมผัส ภาษารักในแบบสุดท้ายเป็นภาษารักที่มนุษย์มักจะเรียนรู้ผ่านการสัมผัสของแม่ค่ะ ซึ่งรวมทั้งการกอด การจับมือ หรือการสัมผัสในรูปแบบอื่นๆ ก็ตาม การถูกละเลยสำหรับบุคคลที่มีภาษารักในรูปแบบนี้มักจะเฮิร์ตมากที่สุดค่ะ

เมื่อรู้ ‘ภาษารัก’ ทั้ง 5 รูปแบบแล้ว ลองพิจารณาดูก็ได้ค่ะว่าของเราและของคู่รักเป็นแบบไหน อาจจะช่วยให้ความรักของเรากระชับเข้ามาใกล้กันได้มากขึ้นนะคะ ขอแอบกระซิบวิธีพิจารณาค่ะ เราอาจจะดูว่าเราได้รับภาษารักแบบไหนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วแบบไหนทำให้เรารู้สึกถูกรักมากที่สุด เราอาจจะมีภาษารักแบบนั้น และลองพิจารณาว่าคู่รักของคุณชอบสื่อสารภาษารักแบบไหนมากที่สุด นั่นอาจจะเป็นของเค้าค่ะ

วาเลนไทน์นี้ทุกๆ คนก็น่าจะมีวิธีเติมเต็มความรักกันได้ด้วยภาษารักทั้ง 5 แบบแล้วนะคะ

Embrace ขอสุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้าเลยค่ะ

“เมื่อความหนาว ทำให้เราโดดเดี่ยวขึ้น”หนังสือนิยายมักจะใช้คำว่า ‘หนาวเหน็บ’ คู่กันกับ ‘ความโดดเดี่ยว’ อยู่ร่ำไปมีงานวิจัย...
03/02/2023

“เมื่อความหนาว ทำให้เราโดดเดี่ยวขึ้น”

หนังสือนิยายมักจะใช้คำว่า ‘หนาวเหน็บ’ คู่กันกับ ‘ความโดดเดี่ยว’ อยู่ร่ำไป

มีงานวิจัยหนึ่งของมหาวิทยาลัยโตรอนโต กล่าวว่า ‘บุคคลที่ประสบกับความโดดเดี่ยวทางสังคมจะสัมผัสอากาศแล้วรับรู้ถึงความหนาวมากกว่าความเป็นจริง รวมทั้งมีความต้องการอาหารที่อุ่นมากกว่าอาหารที่เย็น’ (Zhong & Leonardelli, 2008)

หรือกระทั่ง งานวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พบว่า ‘อุณหภูมินั้นส่งผลต่อการจิตวิทยาในการเข้าสังคม’ เช่นกัน

จากข้อมูลข้างต้นอาจช่วยสรุปได้ว่า อากาศหรือการรับรู้อุณหภูมิทางร่างกายนั้นส่งผลต่อจิตใจได้อย่างแน่นอน และแม้ว่าความหนาวในประเทศไทยจะผ่านมาแล้วผ่านไปนะคะ แต่ความเหงาหรือความโดดเดี่ยวทางอารมณ์นั้นไม่มีทีท่าว่าจะพัดผ่านไปง่ายๆ เช่นเดียวกับลมหนาวเลย เพราะเมื่อบุคคลประสบกับความเหงาแล้วนั้น อาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจของเค้าได้ในทางลบ

การที่อากาศหนาวเย็นขึ้น และมนุษย์รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นนั้น เป็นวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยก่อนอย่างที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม และถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการอยู่กับอากาศที่อุ่นมากกว่าอากาศที่เย็น สังเกตได้จากความยาวของขนมนุษย์นั้นแตกต่างจากขนของสัตว์ที่ยาวและหนากว่านั่นเองค่ะ นี่เป็นวิทยาศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ ของความเหงากับอากาศเย็นนะคะ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าความเหงานั้นเป็นความรู้สึกที่ทุกคนสามารถเผชิญได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ขึ้นกับเพียงสภาวะอากาศเท่านั้น แต่ขึ้นกับสภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยค่ะ

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหงาหรือความโดดเดี่ยวนั้น คือความต้องการทางอารมณ์ที่ไม่ถูกเติมเต็มนั่นเองค่ะ มันเหมือนกับการที่หาจิ๊กซอว์ตัวที่ถูกต้องทางอารมณ์ไม่เจอ คุยแล้วไม่คลิก หรือไม่เซฟทางอารมณ์แบบนั้นค่ะ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้อาจเกิดจากความคาดหวังของเรา รวมทั้งอาจเกิดจากการที่เราสร้างกำแพงโดยไม่รู้ตัวกับความสัมพันธ์ที่เข้ามาเพื่อป้องกันความเจ็บปวดได้อีกด้วยเช่นกัน

เมื่อความเหงาหรือความโดดเดี่ยวเกิดกับเราได้โดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เรารับมือกับมันในทางที่ผิด เช่นทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงทางกายและใจเพื่อปกปิดความโดดเดี่ยวหรือความเหงาในใจไม่ให้มันโผล่ออกมาได้ ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกเหงา เราจำเป็นต้องยอมรับกับตนเองก่อนค่ะว่าตอนนี้เราเหงา เราโดดเดี่ยวนะ เราต้องการเพื่อนสักคนแหละ อาจจะต้องออกไปหาสังคมใหม่ๆ มั้ยนะ ถ้างั้นเราลองยอมลดกำแพงเพื่อเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่ๆ ในรูปแบบที่ปลอดภัย และเข้ากับเราได้ดีมั้ย หรืออาจลองพาตนเองไปอยู่ในที่ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเหงา รวมถึงลองหาอะไรที่โฟกัส ณ ปัจจุบัน เช่น งานอดิเรก งานประจำ ก็น่าจะช่วยได้ค่ะ แต่ถ้าหากคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างเรื้อรังแล้วไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้ก็สามารถพบกับผู้เชี่ยวชาญได้เช่นกันนะคะ อย่าปล่อยให้ความเหงาหรือความโดดเดี่ยวทำร้ายเรา แต่จงใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเราเพื่อออกไปค้นหาสังคมใหม่ หรือค้นหาตนเองนะคะ

อากาศหนาวผ่านไปได้ ความเหงาก็ผ่านไปได้เช่นกันค่ะ


Fay, A. J., & Maner, J. K. (2020). Interactive effects of tactile warmth and ambient temperature on the search for social affiliation. Social Psychology, 51(3), 199–204. https://doi.org/10.1027/1864-9335/a000407

Zhong CB, Leonardelli GJ. Cold and lonely: does social exclusion literally feel cold? Psychol Sci. 2008 Sep;19(9):838-42. doi: 10.1111/j.1467-9280.2008.02165.x. PMID: 18947346.

สวัสดีปีกระต่าย 2566 ค่ะขอให้ปีนี้เป็นปีกระต่ายที่นุ่มฟูชูใจสำหรับทุกท่านนะคะ☁️🤍
01/01/2023

สวัสดีปีกระต่าย 2566 ค่ะ
ขอให้ปีนี้เป็นปีกระต่ายที่นุ่มฟูชูใจสำหรับทุกท่านนะคะ

☁️🤍

เคยได้ยินกันมั้ยคะ Control your emotions before it controls you.วันนี้เราจะพูดถึง 'ความโกรธ' ค่ะ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้...
25/11/2022

เคยได้ยินกันมั้ยคะ Control your emotions before it controls you.

วันนี้เราจะพูดถึง 'ความโกรธ' ค่ะ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้จักอารมณ์โกรธกันอยู่แล้ว จริงๆแล้วความโกรธถือเป็นหนึ่งในอารมณ์ความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเราผิดหวังและไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการค่ะ ภายใต้อารมณ์โกรธอาจเป็นได้ทั้ง ผิดหวัง เสียใจ หรือน้อยใจ ดังนั้น การแสดงอารมณ์โกรธออกไปนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์เรา เพื่อปรับตัวให้รับกับภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราทั้งในแง่ของการปกป้องตนเองหรือผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งได้ค่ะ แต่ว่าเราจะแสดงความโกรธออกมาอย่างไรจึงจะเหมาะสม นี่อาจเป็นคำถามที่เกิดขึ้นตามมา

การเผชิญหน้าความโกรธอย่างเหมาะสม 'ไม่เท่ากับ' การห้ามไม่ให้โกรธเลยนะคะ มันคือการที่เรารู้เท่าทัน เข้าใจ และแสดงความโกรธออกมาได้อย่างเหมาะสมค่ะ

ความโกรธ ไม่เพียงแต่แสดงออกมาทางอารมณ์หรือพฤติกรรมของเรานะคะ แต่เรายังสามารถรับรู้ได้จากร่างกายของเราอีกด้วย เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน และสูบฉีดเลือดมากขึ้น หัวใจจะเต็นเร็วขึ้นด้วยค่ะ พอเราสามารถรับรู้สัญญาณความโกรธที่จะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างแล้ว อาจจะช่วยให้เราแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมค่ะ

การเผชิญหน้าอารมณ์โกรธของมนุษย์มีอยู่ 3 แบบค่ะ

1. แสดงออก (expressing) การแสดงออกความโกรธอย่างยืนหยัด มิใช่อย่างก้าวร้าว แสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริง ความรู้สึกที่แท้จริงมากกว่าใช้อารมณ์ของเราขยายคำพูดที่ออกมาให้ใหญ่ขึ้นเกินจริง ถือเป็นหนทางที่เป็นมิตรกับตัวเรามากที่สุดค่ะ

2. กดความโกรธเอาไว้ (suppressing) การกดความโกรธหากอารมณ์นี้ไม่ถูกเปลี่ยนแปลงก็จะถูกนำไปลงกับสิ่งอื่น ซึ่งเป็นได้ทั้งลงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว (outwardly) หรือตนเอง (inwardly) หาลงกับตนเองอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ความดันโลหิตสูง หรือความเครียดที่มากเกินไปได้ค่ะ

3. การผ่อนคลาย (calming) ค่อยๆ ผ่อนคลายทั้งความรู้สึกภายในใจที่เกิดขึ้น และพฤติกรรมของเราที่แสดงออกไป อาจจะด้วยการฝึกหายใจ การพูดกับตัวเองในลักษณะที่ผ่อนอารมณ์โกรธ หรือการนึกภาพที่ผ่อนคลายในหัวก็ช่วยได้ค่ะ

มาถึงตรงนี้แล้ว มรสุมความโกรธคงไม่ได้หายไปได้ทันทีที่เกิดขึ้น และคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่เจอกับสภาวะอารมณ์เหล่านี้ในแต่ละวัน ทั้งผิดหวัง เสียใจ น้อยใจ หรือโกรธ แต่การรู้เท่าทัน และเข้าใจอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั้นจะช่วยเราในการแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมขึ้นค่ะ

ที่อยู่

Phra Nakhon

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Embrace.co.thผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Embrace.co.th:

แชร์