คลินิกเวชกรรมนายแพทย์อุดม

คลินิกเวชกรรมนายแพทย์อุดม แพทย์

30/09/2025
25/08/2025

Abdominal pain...

02/07/2025

ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ที่ต้องการปรับพฤติกรรม อย่างเข้มงวดเพื่อเข้าสู่ระยะสงบ
- เดือนแรก เเนะนำลดการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรต เลือกรับประทานคาร์บเชิงซ้อนที่มี glycemic index ต่ำ แต่เพิ่มปริมาณการรับประทานโปรตีนและไขมันดี จากธรรมชาติ เพื่อลดความหิว
- งดอาหารว่าง หรืออาหารที่มีพลังงาน ระหว่างมื้อ
- รับประทานผักที่มีแป้งต่ำ เช่น ผักมีใบ แตงกวา มะเขือ เพื่อให้ได้รับใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุเพียงพอ

จากหนังสือ : แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ให้เข้าสู่ระยะสงบ https://drive.google.com/file/d/1_pooxEPbFFvH6IR5DR3tNjk9q1nOUIUD/view

#เบาหวาน #เบาหวานชนิดที่2 #สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ #เบาหวานสงบ #เบาหวานหาย #เบาหวานหายได้

13/06/2025

สัญญาณเตือนมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมักจะเป็นโรคในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้การตรวจพบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราตายสูง วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
สาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปอด ได้แก่
1.การสูบบุหรี่รวมถึงยามวนต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคมะเร็งปอด ผู้สูบบุหรี่อาจมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า รวมถึงผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองโดยตรง แต่สูดดมจากบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เพราะในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด
2.ได้รับแร่ใยหิน (แอสเบสตอส) เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น การก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค ฉนวนกันความร้อน ผู้เสี่ยงคือผู้ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแอสเบสตอสปนเปื้อนเป็นเวลานาน อาจใช้เวลา 15-35 ปี ในการทำให้เกิดมะเร็งปอด สำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ทำงานกับฝุ่นแอสเบสตอส อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า
3.สาเหตุอื่นๆ มลภาวะ เช่น PM 2.5 สารเบนซิน ฟอร์มาลดีฮายด์ เป็นต้น
อาการที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นโรคมะเร็งปอด ได้แก่
- ไอเรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์
- ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด
- เจ็บหน้าอก
- น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- ในผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือมีปอดติดเชื้อซ้ำซาก
อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะ อาจพบในโรคอื่นได้ เช่น วัณโรคปอด หากมีอาการสงสัยต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งปอด แพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมตัดสินใจ โดยพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ระยะโรคและการลุกลาม ความแข็งแรงของผู้ป่วยเป็นหลัก
ที่มา : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, กรมการแพทย์
"หากชื่นชอบโพสต์มีประโยชน์แบบนี้ ฝากกดติดตามเพจมูลนิธิหมอชาวบ้านไว้ด้วยครับ"

#หมอชาวบ้าน

08/06/2025

A new generation of blood tests could detect the return of cancer months before anything shows up on a traditional scan.

By analyzing fragments of cancer DNA in the blood, these circulating tumor DNA (ctDNA) tests could help doctors fine-tune treatment plans in real time. But despite their promise, experts caution: does earlier detection always lead to better outcomes?

Read more: https://on.natgeo.com/3ZW1vnB

29/05/2025

เอ็กซ์เรย์แต่ละแบบพวกนี้ ต่างกันยังไง?

เวลาต้องไปตรวจโรคในโรงพยาบาล หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าเอ็กซ์เรย์ (X-ray) อยู่แล้ว ก็คือการยิงรังสีเพื่อตรวจอวัยวะภายในของเราอ่ะครับ

แต่การตรวจโรคด้วยชื่อแปลก ๆ พวกนี้ เช่น CT-Scan, MRI เราอาจเคยได้ยินผ่านหู แต่ไม่รู้ว่าเขาทำแบบไหน? แล้วแต่ละแบบมันต่างกันยังไง? ลุงไปหาข้อมูลมาให้แล้วครับ

เริ่มจาก CT-Scan มันคือการสแกนร่างกายด้วยรังสีเอ็กซ์ หรือเอ็กซ์เรย์ปกตินั่นแหละ แต่แทนที่จะฉายแสงผ่านที่เดียวแล้วถ่ายรูปออกมา ก็จะใช้การฉายรังสีรอบตัว หรือรอบบริเวณที่ต้องการตรวจ

ข้อดีของ CT-Scan คือ สามารถตรวจได้รวดเร็วมาก ใช้เวลาไม่กี่นาที และสามารถให้คอมพิวเตอร์สร้างภาพออกมาเป็นแนวตัด หรือ 3 มิติ ที่จะเห็นรายละเอียดชัดเจนกว่าการเอ็กซ์เรย์ธรรมดา และสามารถมองเห็นโครงสร้างของกระดูก และหลอดเลือดได้ชัดเจน จึงเหมาะกับการตรวจโรคกระดูก ปอด และหลอดเลือดหัวใจ

ส่วน MRI จะเป็นการสแกนรอบตัวเหมือนกัน แต่จะใช้การส่งคลื่นแม่เหล็กผ่านร่างกาย และรับสัญญาณเอามาสร้างเป็นภาพ

ข้อดีของ MRI คือ จะได้ภาพ 3 มิติเหมือนกับ CT-Scan แต่จะมีรายละเอียดของเนื้อเยื่อชัดกว่า และไม่มีรังสีเหมือนเอ็กซ์เรย์ และ CT-Scan ดังนั้นเจ้าตัว MRI จึงเหมาะตรวจอวัยวะภายใน เช่น สมอง ตับไตไส้พุง และกระดูกสันหลัง แต่ก็จะมีข้อจำกัดคือ ใช้เวลานานกว่าตั้งแต่หลายสิบนาที จนอาจถึงชั่วโมง และจะไม่สามารถตรวจคนที่มีโลหะในร่างกายได้ครับ

ซึ่งการตรวจพวกนี้จริง ๆ แล้วไม่ควรตรวจพร่ำเพรื่อเกินจากที่แพทย์สั่ง เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงแล้ว การรับรังสีเอ็กซ์ทั้งจากเอ็กซ์เรย์ และ CT-Scan ยังเพิ่มโอกาสที่เซลล์จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้เล็กน้อย และกำลังเป็นปัญหาในอเมริกาอยู่เลยครับ

Ref.
https://bitly.cx/kAhz2
https://bitly.cx/1rkgo

28/05/2025

วันที่ 30 พ.ค. 2567
เปิดทำการ 7.30-10.00 น
วันที่ 31 พ.ค. 2567
ปิดทำการ
ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

04/10/2024

คลินิกปิด 5-6 ต.ค. 2567
เปิดอีกครั้ง 7 ต.ค. 2567

ที่อยู่

43/2 ม. 1 ต. อิปัน
Phra Saeng
84210

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 14:00
อังคาร 07:00 - 14:00
พุธ 07:00 - 14:00
พฤหัสบดี 07:00 - 14:00
ศุกร์ 07:00 - 14:00
เสาร์ 07:00 - 14:00

เบอร์โทรศัพท์

+6677250068

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกเวชกรรมนายแพทย์อุดมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกเวชกรรมนายแพทย์อุดม:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท