
09/09/2025
การใช้ยาแก้ไอในเด็ก: สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
**อาการไอในเด็ก** เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมาก ไม่ว่าจะเกิดจากหวัด ภูมิแพ้ หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ ทำให้ผู้ปกครองหลายคนมักหาซื้อ “ยาแก้ไอ” มาให้ลูกกินเอง แต่จริง ๆ แล้วการใช้ยาแก้ไอในเด็กมีข้อควรระวังที่สำคัญมาก
---
สาเหตุของอาการไอในเด็ก
* **การติดเชื้อไวรัส** เช่น ไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่
* **ภูมิแพ้จมูก** ทำให้มีเสมหะ น้ำมูก และไอเรื้อรัง
* **การติดเชื้อทางเดินหายใจล่าง** เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม
* **สิ่งแปลกปลอมเข้าหลอดลม** (กรณีนี้อันตราย ต้องรีบพบแพทย์)
---
ยาแก้ไอที่ใช้ในเด็ก
1. **ยาละลายเสมหะ** เช่น ambroxol, bromhexine
* ช่วยให้เสมหะเหนียวน้อยลง ขับออกง่ายขึ้น
2. **ยาขับเสมหะ** เช่น guaifenesin
* กระตุ้นให้ไอออกมาเพื่อนำเสมหะออก
3. **ยากดการไอ** เช่น dextromethorphan
* ใช้เฉพาะเวลาที่ไอมากจนรบกวนการนอนหรือกินอาหาร แต่ไม่ควรใช้บ่อยในเด็กเล็ก
4. **ยาสมุนไพรแก้ไอ** เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม ขิง น้ำผึ้ง (ในเด็กอายุเกิน 1 ปี)
---
สิ่งที่ต้องระวัง
* **เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี** ไม่ควรใช้ยาแก้ไอชนิดกดการไอหรือขับเสมหะเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
* **ห้ามใช้น้ำผึ้งในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี** เพราะเสี่ยงต่อภาวะ botulism
* การให้ยาหลายชนิดผสมกันอาจเสี่ยงต่อการได้รับยาเกินขนาด
* หากไอติดต่อกันเกิน 1–2 สัปดาห์ มีไข้สูง หอบเหนื่อย หรือมีเสมหะปนเลือด ควรพาไปพบแพทย์ทันที
---
วิธีดูแลเด็กที่ไอโดยไม่ใช้ยา
* ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ เพื่อช่วยละลายเสมหะ
* ใช้เครื่องทำความชื้น หรืออบไอน้ำเบา ๆ ในห้อง
* ให้พักผ่อนเพียงพอ
* หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่น หรืออากาศเย็นจัด
---
สรุป
อาการไอในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักหายได้เอง ยาแก้ไออาจช่วยบรรเทาอาการ แต่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับวัยและอาการของเด็ก ที่สำคัญคือ **ไม่ควรซื้อยาให้ลูกทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร** เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย