Musiga Pharmacy ร้านขายยามุสิกา

Musiga Pharmacy ร้านขายยามุสิกา ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์

27/05/2025

ATK มาพร้อมตรวจแล้วครับ

หากแพ้ยา Cetirizine ควรใช้ยาอะไรแทน และควรหลีกเลี่ยงยาอะไร?คำถามยอดฮิตในหมู่ผู้ใช้ยา: "ถ้าแพ้ยาเซทิริซีน (Cetirizine) แล...
26/05/2025

หากแพ้ยา Cetirizine ควรใช้ยาอะไรแทน และควรหลีกเลี่ยงยาอะไร?

คำถามยอดฮิตในหมู่ผู้ใช้ยา: "ถ้าแพ้ยาเซทิริซีน (Cetirizine) แล้วจะกินยาแก้แพ้ตัวไหนได้อีก?
ก่อนจะตอบคำถามนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า Cetirizine เป็นยาแก้แพ้กลุ่มแอนติฮิสตามีน (Anti-histamine) ที่ใช้กันแพร่หลาย ใช้รักษาอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ลมพิษ หรือผื่นคัน

✅ ถ้าแพ้ยา Cetirizine แล้ว ใช้ยาอะไรแทนได้?

หากผู้ป่วยมีอาการแพ้ยา Cetirizine (เช่น มีผื่น ลมพิษ หรืออาการแพ้รุนแรง) แพทย์หรือเภสัชกรอาจแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ยาในกลุ่มอื่นที่โครงสร้างโมเลกุลไม่คล้ายกัน เช่น:

1. Loratadine – เป็นยาแก้แพ้รุ่นใหม่เช่นเดียวกับ Cetirizine แต่มีโครงสร้างทางเคมีต่างกัน โอกาสเกิดการแพ้แบบไขว้กัน (cross-reactivity) ต่ำ
2. Fexofenadine – เป็นยาแก้แพ้รุ่นใหม่ที่ปลอดภัย และมักไม่ง่วงซึม
3. Diphenhydramine หรือ Chlorpheniramine – เป็นยาแก้แพ้รุ่นเก่า อาจทำให้ง่วงนอน แต่ก็เป็นทางเลือกได้ในกรณีจำเป็น

หมายเหตุ: การเปลี่ยนไปใช้ยาใหม่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย

---

❌ ควรหลีกเลี่ยงยาใด?

ผู้ที่แพ้ **Cetirizine** ควร **หลีกเลี่ยงยาในกลุ่มที่มีโครงสร้างคล้ายกัน** โดยเฉพาะ:

Levocetirizine – เป็นสารที่มีโครงสร้างเกือบเหมือน Cetirizine แทบจะเรียกว่าเป็น "คู่แฝด" กัน หากแพ้ Cetirizine มีโอกาสสูงที่จะเกิดการแพ้ Levocetirizine ด้วย

Hydroxyzine – เป็นต้นแบบทางเคมีของ Cetirizine ผู้ป่วยบางรายที่แพ้ Cetirizine อาจแพ้ Hydroxyzine ได้เช่นกัน

🧠 **สรุปให้เข้าใจง่ายๆ**

ถ้าแพ้ Cetirizine ใช้ยาอะไรได้? Loratadine, Fexofenadine, หรือยารุ่นเก่าเช่น Diphenhydramine

ควรหลีกเลี่ยงยาอะไร?
Levocetirizine และอาจรวมถึง Hydroxyzine

ทำไมต้องระวัง?
เพราะโครงสร้างยาใกล้เคียงกัน อาจทำให้เกิด “การแพ้ข้ามกัน” (cross-reactivity)

---

ข้อแนะนำจากเภสัชกร

* หากเคยมีอาการแพ้ยา ควร **แจ้งประวัติแพ้ยาให้ชัดเจน** ทุกครั้งที่พบแพทย์หรือเภสัชกร
* อย่าซื้อยามากินเองโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะการแพ้ยาบางชนิดอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต

หากคุณหรือคนใกล้ตัวเคยมีประสบการณ์แพ้ยา อย่าลืมบันทึกไว้เป็นประวัติส่วนตัวหรือแจ้งในระบบสุขภาพเสมอครับ เพื่อความปลอดภัยในทุกการรักษา

วันนี้ร้านเปิดถึง 20.00 น.
24/05/2025

วันนี้ร้านเปิดถึง 20.00 น.

🥸 ร้านยา ออกใบรับรองผลตรวจ ATK ในระบบหมอพร้อมได้
20/05/2025

🥸 ร้านยา ออกใบรับรองผลตรวจ ATK ในระบบหมอพร้อมได้

วิเคราะห์แนวโน้มราคากองทุน กบข. แผนต่างประเทศ Update พ.ค.2568การลงทุนในกองทุนไม่ใช่เพียงแค่การ “ซื้อและถือ” แต่คือศาสตร์...
15/05/2025

วิเคราะห์แนวโน้มราคากองทุน กบข. แผนต่างประเทศ Update พ.ค.2568

การลงทุนในกองทุนไม่ใช่เพียงแค่การ “ซื้อและถือ” แต่คือศาสตร์ของการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะเมื่ออิงจากแนวคิดของสุดยอดนักลงทุนระดับโลกอย่าง **Warren Buffett** และ **Edward Thorp**

ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจ “แนวโน้มราคากองทุน” ภายใต้ 2 มุมมองที่แตกต่างแต่ทรงพลัง พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นว่าคุณควรเลือกแนวทางใดเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

👨‍🏫 แนวทางของ Warren Buffett: อดทน ถือยาว และปล่อยให้เงินทำงาน

**Buffett** คือผู้เชื่อมั่นในพลังของการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ที่มีคุณค่า (Value Investing) โดยแนวคิดของเขาคือ:

* เลือกกองทุนที่มีแนวโน้ม “เติบโตอย่างสม่ำเสมอ”
* ลงทุนต่อเนื่องรายเดือน แม้ในช่วงตลาดผันผวน
* ถือครองระยะยาวเพื่อให้เกิด **ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest)**

**จากข้อมูลย้อนหลัง:**
กองทุนที่วิเคราะห์นี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึง **49.33%** ซึ่งหากรักษาอัตรานี้ไว้ได้ต่อเนื่อง แม้เพียงครึ่งเดียว ก็ยังถือว่ายอดเยี่ยม

**ตัวอย่างผลตอบแทนตามแนว Buffett:**

| แผนการลงทุน | มูลค่าหลัง 10 ปี (โดยประมาณ) |
| ---------------------------- | ---------------------------- |
| ถืออย่างเดียว | 19.1 ล้านบาท |
| ถือ + ลงทุนเดือนละ 5,000 บาท | **45.6 ล้านบาท** |

📌 **ข้อดี:** สร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว
📌 **ข้อควรระวัง:** ต้องใช้ความอดทนสูงและไม่ตกใจในช่วงตลาดตก

---

# # 📐 แนวทางของ Edward Thorp: คณิตศาสตร์อยู่เหนือความรู้สึก

**Thorp** คือบิดาแห่งการลงทุนเชิงปริมาณ ผู้ใช้ **สูตร Kelly Criterion** ในการคำนวณ “ขนาดของการลงทุนที่เหมาะสม” โดยอิงจากความสัมพันธ์ของผลตอบแทน ความเสี่ยง และโอกาสชนะ

**จากข้อมูลกองทุน:**

* มีความ “ได้เปรียบ” (Edge) ที่ชัดเจน: คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 49.33%
* ความผันผวนรายปี (Volatility): 74.47%
* คำนวณได้ว่า **ควรลงทุนสูงสุด 86.25%** ของเงินทุน (ตามสูตร Kelly)

**ตัวอย่างผลตอบแทนตามแนว Thorp:**

| แผนการลงทุน | มูลค่าหลัง 10 ปี (โดยประมาณ) |
| -------------------------- | ---------------------------- |
| Full Kelly (ลงทุนเต็มสูตร) | 19.1 ล้านบาท |
| Half Kelly (ลดความเสี่ยง) | 3.8 ล้านบาท |

📌 **ข้อดี:** ควบคุมความเสี่ยงและใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
📌 **ข้อควรระวัง:** ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่เข้าใจความผันผวน และต้องการความมั่นคง

---
🧩 กลยุทธ์ผสม: ทางเลือกของนักลงทุนยุคใหม่

สำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่ต้องการ “โตเร็ว แต่ไม่เสี่ยงเกินไป” การผสมผสานแนวคิดของทั้งสองอาจเป็นทางเลือกที่ดี:

**Hybrid Strategy: ถือแบบ Buffett + ควบคุมขนาดการลงทุนแบบ Thorp (Half Kelly)**
📌 ผลตอบแทนคาดการณ์: **18.9 ล้านบาทใน 10 ปี**

---

✍️ สรุปส่งท้าย

> ไม่ว่าจะเลือกแนวทางใด สำคัญที่สุดคือ “เข้าใจตัวเอง” และ “มีวินัยทางการลงทุน”

การลงทุนไม่ได้มีสูตรสำเร็จ แต่การเรียนรู้จาก Buffett และ Thorp คือเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการพาคุณไปถึงเป้าหมายทางการเงินในอนาคต
บทความจาก Chat GPT

การดูแลแผลกดทับ: แนวทางป้องกันและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ**แผลกดทับ** (Pressure ulcers หรือ Bedsore) คือแผลที่เกิดจากแรง...
07/05/2025

การดูแลแผลกดทับ: แนวทางป้องกันและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

**แผลกดทับ** (Pressure ulcers หรือ Bedsore) คือแผลที่เกิดจากแรงกดทับต่อเนื่องที่บริเวณผิวหนังและเนื้อเยื่อส่วนลึก ทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลงจนเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนและเกิดการตายของเนื้อเยื่อ มักพบในผู้ป่วยที่นอนติดเตียงหรือเคลื่อนไหวได้น้อย

---

สาเหตุหลักของแผลกดทับ

1. **แรงกดทับต่อเนื่อง** เช่น บริเวณกระดูกก้นกบ สะโพก ส้นเท้า
2. **แรงเสียดสี** จากการลากผู้ป่วยบนเตียง
3. **ความชื้น** จากเหงื่อ ปัสสาวะ หรืออุจจาระที่ทำให้ผิวหนังเปื่อย
4. **ภาวะทุพโภชนาการ** ขาดโปรตีน วิตามิน A, C และธาตุสังกะสี
5. **โรคประจำตัว** เช่น เบาหวาน หรือภาวะไหลเวียนโลหิตไม่ดี

---

แนวทางป้องกันแผลกดทับ

* **พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง** เพื่อกระจายแรงกดทับ
* **ใช้เบาะลม หรือเบาะลดแรงกดทับ**
* **ดูแลความสะอาดของผิวหนัง** และให้แห้งอยู่เสมอ
* **ทาครีมป้องกันผิวหนัง** (เช่น barrier cream) บริเวณเสี่ยง
* **ดูแลโภชนาการให้ครบถ้วน** เสริมโปรตีน วิตามิน C และสังกะสี
* **ประเมินผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ** โดยเฉพาะจุดเสี่ยง เช่น ส้นเท้า ก้นกบ

---

แนวทางการดูแลแผลกดทับ

1. **ประเมินระยะของแผล** (Stage 1-4) เพื่อวางแผนรักษาให้เหมาะสม
2. **ล้างแผลอย่างถูกต้อง** ด้วยน้ำเกลือปลอดเชื้อ (normal saline)
3. **ใช้แผ่นปิดแผล (Dressing)** ที่เหมาะสม เช่น:

* Hydrocolloid (แผลระยะ 1–2)
* Foam dressing (แผลระยะ 2–3)
* Alginate หรือ hydrofiber (แผลมีสารคัดหลั่งมาก)
4. **ลดแรงกดทับบริเวณแผล** อย่างเคร่งครัด
5. **ปรึกษาทีมแพทย์หรือพยาบาล** เพื่อประเมินความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะกรณีที่ติดเชื้อ
6. **ติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ**

---

สรุป

แผลกดทับสามารถป้องกันและดูแลได้ หากมีการวางแผนและดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการพลิกตัว ลดแรงกดทับ ดูแลผิวหนัง โภชนาการ และการทำแผลอย่างถูกวิธี การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ดูแล ผู้ป่วย และทีมสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงของแผลกดทับและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างยั่งยืน

29/04/2025

ระวังกันด้วยจ้าา

ข้อดีๆ ไม่มีขาย: ดูแลข้อเข่าให้ใช้งานได้นานบทนำ: ข้อเข่าเสื่อม—ปัญหาของวัย 45+เมื่ออายุเพิ่มขึ้น “ข้อเข่า” ซึ่งเป็นข้อต่...
28/04/2025

ข้อดีๆ ไม่มีขาย: ดูแลข้อเข่าให้ใช้งานได้นาน

บทนำ: ข้อเข่าเสื่อม—ปัญหาของวัย 45+

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น “ข้อเข่า” ซึ่งเป็นข้อต่อสำคัญของร่างกาย ก็มีโอกาสเสื่อมสภาพมากขึ้น หลายคนเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยที่ข้อเข่า เมื่อลุกขึ้น เดินขึ้นลงบันได หรือเมื่อนั่งยองนาน ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนของ “ข้อเข่าเสื่อม” ปัญหานี้พบบ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ความเจ็บปวดเรื้อรัง เดินลำบาก และลดคุณภาพชีวิต

---
ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?

ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) คือภาวะที่กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเสื่อมลง ทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างกระดูก ผิวข้อขรุขระ เกิดการอักเสบและปวดขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว หรือใช้งานมาก โรคนี้ค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการดูแล อาจทำให้ข้อเข่าบิดเบี้ยวหรือใช้งานไม่ได้

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
- **อายุ**: พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป
- **น้ำหนักเกิน**: น้ำหนักตัวมากส่งผลให้ข้อเข่ารับภาระหนักขึ้น
- **การใช้ข้อเข่ามากเกินไป**: เช่น นั่งยอง นั่งขัดสมาธินาน ๆ การยกของหนักซ้ำ ๆ
- **พันธุกรรม** หรือเคยมีอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่า

อาการเตือน
- ปวดข้อเข่าโดยเฉพาะเวลาเดินหรือขึ้นลงบันได
- ข้อเข่าฝืดหลังอยู่นิ่งนาน ๆ
- มีเสียงก๊อบแก๊บในข้อเข่า
- ข้อบวม หรือข้อเข่าดูผิดรูป

---

วิธีดูแลข้อเข่าให้ใช้งานได้ยาวนาน

1. ควบคุมน้ำหนัก

น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของข้อเข่าเสื่อม ทุก 1 กิโลกรัมที่ลดลง จะช่วยลดแรงกดที่ข้อเข่าถึง 4 กิโลกรัมในขณะเดิน การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมจึงสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการของข้อเข่าเสื่อม

2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงต่อข้อเข่า

- หลีกเลี่ยงการนั่งยอง หรือนั่งขัดสมาธินาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือแบกของซ้ำ ๆ
- ใช้เก้าอี้นั่งแทนการนั่งกับพื้น
- เลือกสวมรองเท้าที่พื้นนุ่มและรับแรงกระแทกได้ดี

3. การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

**การออกกำลังกายแบบไม่ลงน้ำหนักมาก (Low-impact exercise)** จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อ ลดแรงกระแทก และเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อ
ตัวอย่างที่แนะนำ ได้แก่
- เดินช้า ๆ วันละ 20-30 นาที
- ปั่นจักรยานในที่ราบ หรือจักรยานอยู่กับที่
- ว่ายน้ำ หรือแอโรบิกในน้ำ
- ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขา (เช่น นั่งบนเก้าอี้ เหยียดขาตรง สลับซ้ายขวา)

**ข้อควรระวัง:**
หากออกกำลังกายแล้วมีอาการปวด บวม หรือข้อเข่าอุ่นแดง ควรหยุดพักและปรึกษาแพทย์

---

การใช้ยาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้มีข้อเข่าเสื่อม

- **Paracetamol**: เป็นยาลดปวดตัวเลือกแรก ใช้ได้อย่างปลอดภัยในขนาดที่เหมาะสม
- **NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Diclofenac)**: ใช้เพื่อลดปวดและอักเสบ แต่ควรใช้ในระยะสั้น และควรระวังในผู้ที่มีโรคไต กระเพาะอาหาร หรือหัวใจ
- **ยาทาเฉพาะที่**: เช่น Diclofenac gel เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาเม็ด
- **ยาเสริมข้อ (Glucosamine/Chondroitin)**: อาจใช้เสริมแต่ผลลัพธ์แตกต่างกันในแต่ละคน ต้องใช้ต่อเนื่อง 3-6 เดือนจึงอาจเห็นผลในบางราย

**ข้อควรระวัง**
- ห้ามซื้อยากินเองหรือใช้ยาติดต่อกันนานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- หลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้าข้อเว้นแต่จำเป็นและอยู่ในความดูแลของแพทย์
- อย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างเกินจริง
- หากอาการไม่ดีขึ้นหรือปวดมาก ควรไปพบแพทย์

---

สรุป: ข้อดีๆ สร้างได้ด้วยตัวเอง

การดูแลข้อเข่าเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ใช้ยาอย่างถูกต้อง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมกับสุขภาพข้อของตัวเอง
เพราะ “ข้อดีๆ ไม่มีขาย” เราต้องสร้างและดูแลเองในทุกๆ วัน เพื่อให้ข้อเข่าแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนานตลอดชีวิต

ผู้ป่วยจิตเภทกับปัญหาความจำ… เมื่อยาที่กินประจำอาจมีผลข้างเคียงโรคจิตเภทคืออะไร?โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นโรคทางจิตใ...
23/04/2025

ผู้ป่วยจิตเภทกับปัญหาความจำ… เมื่อยาที่กินประจำอาจมีผลข้างเคียง

โรคจิตเภทคืออะไร?
โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นโรคทางจิตใจชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อการคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้ป่วย
อาการที่พบได้บ่อย เช่น
+ หูแว่ว เห็นภาพหลอน (ได้ยินเสียงหรือเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
+ มีความเชื่อหรือความคิดผิด ๆ (เช่น คิดว่ามีคนตามทำร้าย ทั้งที่ไม่มีจริง)
+ พูดหรือแสดงพฤติกรรมแปลกไปจากเดิม
+ แยกตัว ไม่สุงสิงกับคนรอบข้าง
+ ดูแลตัวเองน้อยลง ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
+ ความคิด การพูด การตัดสินใจช้าลง หรือไม่เป็นเหตุเป็นผล

ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องกินยาหลายตัว
ผู้ป่วยโรคจิตเภทส่วนใหญ่มักต้องรับประทานยาต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการ เช่น ยาควบคุมอารมณ์ ยาแก้อาการหลอน รวมถึงยาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการข้างเคียงของยา เช่น มือสั่น หรือเครียดนอนไม่หลับ

ยาที่กินต่อเนื่องอาจมีผลเสียต่อสมอง🤯
ยาหลายชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด หรือยาบรรเทาอาการมือสั่น หากใช้ติดต่อกันนาน ๆ หรือใช้หลายตัวร่วมกัน อาจส่งผลเสียต่อ “ความจำ สมาธิ และการคิดวิเคราะห์” ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันยากขึ้น

ยังอาจมีอาการปากแห้ง ตาพร่ามัว ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก หรือถึงขั้นเพ้อหรือสับสน😵‍💫

ทำไมต้องระวัง?
งานวิจัยล่าสุดพบว่า ถ้าสามารถลดยาเหล่านี้ได้ (โดยเฉพาะในผู้ที่อาการจิตเภทคงที่และไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้อาการข้างเคียงอีกต่อไป) จะช่วยให้สมองและความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด👍

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ลดยาได้โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

สรุปสั้น ๆ
“ในผู้ป่วยโรคจิตเภท ยาบางชนิดที่ใช้ต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้ความจำและสมองทำงานแย่ลง หากไม่จำเป็นควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับลดหรือหยุดยา เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

แหล่งข้อมูล:
Chengappa KNR, et al. (2025). Am J Psychiatry

ดูไลฟ์สดกันได้ที่นี้จ้า
15/04/2025

ดูไลฟ์สดกันได้ที่นี้จ้า

15 เมษายน 2568บริเวณถนนเส้นธนาคารออมสิน(Live) วันไหล สงกรานต์ ปราจีนบุรี 2568 แยกร้านขายยามุสิกาฟาร์มาซีร่วมเก็บภาพ....

05/04/2025

เสาร์นี้ ร้านเปิดถึง 20.30 น.

ที่อยู่

Prachin Buri
25000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 21:00
อังคาร 09:00 - 21:00
พุธ 09:00 - 21:00
พฤหัสบดี 09:00 - 21:00
ศุกร์ 09:00 - 21:00
อาทิตย์ 09:00 - 21:00

เบอร์โทรศัพท์

+6637601148

เว็บไซต์

http://musiga169.lnwshop.com/

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Musiga Pharmacy ร้านขายยามุสิกาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ปรัชญา

www.มุสิกาฟาร์มาซี.com

ร้านยาของเราเน้นใช้ยารักษาโรคที่มีคุณภาพสูงสำหรับผู้ป่วย รวมทั้งยังใส่ใจเรื่องการเสริมสร้างและป้องกันโรคตามหลักการแพทย์ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้