03/03/2023
ยาน่ารู้..กับแพรเพื่อนยา 🧐🧐🧐
มีคำถามทั้งทางหน้าร้านและทางออนไลน์มากมาย
แต่จะยกคำถามที่คนถามเข้ามามากอธิบายให้เข้าใจกันนะคะ
Q: กินยาอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?
A: ควรทานยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพราะแต่ละคนอาการและขนาดยาอาจใช้ได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจมีข้อห้ามใช้ หรือมีข้อควรระวังในการใช้ เช่น บางคนอาจมีโรคประจำตัว ซึ่งการใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นได้เป็นต้นค่ะ ฉะนั้นไม่ควรแบ่งยากันทาน หรือทานยาเอง ควรอ่านฉลากยาหรือทานตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่าค่ะ
Q: ยาพารากัดกระเพาะไหม?
A: ยาพาราเซตามอลไม่มีผลข้างเคียงเรื่องกัดกระเพาะรวมทั้งอาหารก็ไม่มีผลต่อการดูดซึมของยาดังนั้นจึงสามารถรับประทานยาในเวลาใดก็ได้เมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ ไม่จำเป็นต้องรับประทานหลังอาหารเท่านั้นและผู้ที่เป็นโรคกระเพาะก็สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ค่ะ
ส่วนยาที่ต้องทานหลังอาหารทันที เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบในกลุ่มที่มีชื่อว่า NSAIDs (ไอบูโพรเฟ่น,ไดโคลฟีแนค,) และสเตียรอยด์ ยาในกลุ่มเหล่านี้กัดกระเพาะได้ ดังนั้นจึงควรหาอะไรรองท้องก่อนรับประทานยาเล็กน้อย หรือทานหลังอาหารทันทีหรือดื่มน้ำตามมากๆหลังทานยา
Q: ทำไมยาบางตัวต้องทานก่อนอาหาร?
A: ยาที่รับประทานก่อนอาหาร ควรรับประทานในช่วงที่ท้องว่าง ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ซึ่งก็คือก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที เนื่องจาก
- ยาอาจถูกทำลายและเสียประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อพบกับกรดปริมาณมากที่กระเพาะอาหารจะหลั่งออกมาหลังมื้ออาหาร การทานยาในช่วงที่ท้องว่าง ทำให้ยาไม่ถูกทำลาย และประสิทธิภาพของยาไม่ลดลง
- อาหารและส่วนประกอบของอาหารอาจลดการดูดซึมของยาเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหารได้
- ยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ การรับประทานยาก่อนอาหารจึงเป็นเสมือนการเตรียมพร้อมให้ระบบทางเดินอาหาร ก่อนจะรับประทานอาหาร
**กรณีลืมทานยาก่อนอาหาร อาจรอให้กระเพาะอาหารว่างก่อนแล้วค่อยรับประทานยาก็ได้ ซึ่งก็คือประมาณ 2 ชั่วโมง
Q: ยาหยอดหู/ตา เปิดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: อายุการใช้งานของยาหยอดหู/ตา หลายต่อหลายครั้งที่พบว่าปัญหาการติดเชื้อที่ตา เกิดจากการใช้ยาหยอดตาที่หมดอายุ หรือยาหยอดตาที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์หลังจากการเปิดใช้ สำหรับยาหยอดตาที่ไม่เคยเปิดใช้ สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานเท่าที่มีระบุวันหมดอายุไว้ข้างขวด หรือให้ใช้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีนับจากวันผลิต ในกรณีที่ไม่ได้ระบุวันหมดอายุไว้ข้างขวด โดยทั่วไปยาหยอดตาชนิดขวดจะมีการเติมสารป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (preservative) ซึ่งจะมีฤทธิ์เต็มที่ภายในหนึ่งเดือนหลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก จากนั้นก็ค่อยๆเสื่อมประสิทธิภาพลงทีละน้อย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ยาหยอดตาเกิน 1 เดือน หลังการเปิดใช้ครั้งแรก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับดวงตาได้ สำหรับยาหยอดตาบางประเภทที่ไม่มีการผสมสารป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ส่วนมากจะมีอายุการใช้งาน 1 วันหลังจากการเปิดใช้ ดังนั้นเมื่อใช้ครบ 24 ชั่วโมงแล้วใช้ไม่หมด ส่วนที่เหลือควรจะต้องทิ้งไป
Q: หลังทานยาแล้วมีผื่นคันขึ้นควรทำอย่างไร?
A: ผื่นคันที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการแพ้ยาซึ่งการแพ้ยา คือปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองต่อยาผ่านระบบภูมคุ้มกัน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายจะเกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างสารออกมาเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น กระบวนการดังกล่าวทำให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะต่าง ได้แก่ ผื่น ริมฝีปากบวม เปลือกตาบวม หรือในบางรายอาจมีการแพ้ที่รุนแรง เช่น เป็นผื่นที่มีลักษณะผิวหนังหลุดลอก ความดันโลหิตต่ำและหยุดหายใจ
โดยการจัดการที่เหมาะสมสำหรับการแพ้ยาคือ ให้หยุดใช้ยานั้นทันที และ ห้ามใช้ยานั้นอีกต่อไป หากมีอาการรุนแรงเช่น ความดันโลหิตต่ำ หายใจไม่ออก หมดสติ รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนค่ะ
Q: ทำไมต้องทานยาฆ่าเชื้อติดต่อกันจนหมด หรือต้องถามให้ครบ?
A: มีหลายคนที่รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ รับประทานไม่ติดต่อกัน และเมื่ออาการที่เป็นดีขึ้น จะหยุดรับประทานยาไปเอง ไม่รับประทานให้หมดจำนวนที่ได้รับมาจากร้านยาหรือโรงพยาบาล ซึ่งการทำแบบนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผล และเสี่ยงต่อการที่อาการติดเชื้อเหล่านั้นจะกลับมาเป็นใหม่ได้สูง เนื่องจากเมื่อรับประทานยาฆ่าเชื้อไปจำนวนหนึ่งทำให้เชื้อลดจำนวนลงและส่งผลให้อาการต่างๆ เริ่มดีขึ้น แล้วผู้ป่วยหยุดรับประทานยาฆ่าเชื้อไปก่อนครบกำหนดหรือรับประทานยาไม่สม่ำเสมอจะทำให้ปริมาณยาในร่างกายไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อให้เหลือน้อยจนโรคหรืออาการติดเชื้อต่างๆ หายขาด เชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอีกแล้วเกิดการเป็นซ้ำ หรืออาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “การดื้อยา” ได้นั้นเอง
Q: ตั้งครรภ์อยู่ทานยาได้หรือไม่?
A: มียาหลายอย่างที่ผ่านรกได้ บางอย่างอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ อันตรายอาจเกิดเพียงเล็กน้อยหรือเกิดรุนแรงจนปรากฏความพิการชัดเจนหลังคลอด ด้วยเหตุนี้การใช้ยาในหญิงมีครรภ์ต้องระมัดระวังอย่างมากตลอดช่วงที่ตั้งครรภ์ การที่ทารกในครรภ์มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องผลกระทบจากยาที่เป็นอันตรายต่อทารกจึงเกิดได้แตกต่างกันตามอายุครรภ์ ในบทความนี้ให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพัฒนาการของทารกในครรภ์ตลอดช่วงอายุครรภ์, ความเสี่ยงต่ออันตรายของทารกที่ช่วงอายุครรภ์ต่าง ๆ, การศึกษาข้อมูลความเสี่ยงของยาต่อทารกในครรภ์จากเอกสารที่เป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์ยา, ตัวอย่างยาที่หญิงมีครรภ์สามารถใช้ได้ ควรหลีกเลี่ยง หรือห้ามใช้ และข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาในหญิงมีครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์
โพสก่อนที่เคยเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับยาที่สามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ค่ะ >>> https://www.facebook.com/.../pcb.../5591618774231810
Q: ถ้าลืมทานยาต้องทำอย่างไร
A: 1.ยาก่อนอาหาร
ลืมรับประทานยาก่อนอาหาร ควรข้ามยามื้อที่ลืมไป แต่ถ้าเป็นยาที่รับประทานก่อนอาหารเพราะยาจะถูกทำลายหรืออาหารอาจลดการดูดซึมของยา อาจรอให้กระเพาะอาหารว่างก่อนแล้วค่อยรับประทานยาก็ได้ ซึ่งก็คือประมาณ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร แต่ยาที่ต้องรับประทานในมื้อถัดไปอยู่แล้ว ให้ทานยาก่อนอาหารมื้อถัดไปแทนได้เลย ไม่ต้องทานยาซ้ำ
2. ลืมรับประทานยาหลังอาหาร สามารถรับประทานยาได้ทันทีที่นึกได้และไม่เกิน 15-30 นาที แต่ถ้านึกได้หลังจากรับประทานอาหารมากกว่า 30 นาทีแล้ว ควรรอรับประทานหลังอาหารในมื้อถัดไปแทน หรืออาจรับประทานอาหารมื้อย่อยแทนมื้อหลักก่อนรับประทานยาก็ได้ กรณีที่ยานั้นมีความสำคัญมาก
3. ลืมรับประทานยาหลังอาหารทันที ควรรอรับประทานหลังอาหารในมื้อถัดไปแทน หรืออาจรับประทานอาหารมื้อย่อยแทนมื้อหลักก่อนรับประทานยาก็ได้ กรณีที่ยานั้นมีความสำคัญมาก
4. ลืมรับประทานยาก่อนนอน มักนึกได้เมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ไม่ควรรับประทานยานั้นอีก ควรรอให้ถึงเวลาก่อนเข้านอนในคืนถัดไปค่อยรับประทานยานั้น
5. ยารับประทานเวลามีอาการ หากไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยา ยาในกลุ่มนี้ มักระบุในฉลากว่ารับประทานทุกกี่ชั่วโมงเวลามีอาการ เช่น ทุก 8 ชั่วโมง หรือทุก 12 ชั่วโมง เวลามีอาการ เป็นต้น เมื่อมีอาการสามารถรับประทานยาได้เลย ไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร เนื่องจากไม่ว่าจะรับประทานอาหารหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หลังรับประทานยาแล้วถ้ายังมีอาการอยู่สามารถทานยาซ้ำได้ ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ ไม่ควรรับประทานบ่อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก เมื่อหายแล้วสามารถหยุดยาได้เลย
🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพและยา โดยเภสัชกรโดยตรง
- ให้บริการส่ง 07.00-22.00 น. ทุกวัน
- สั่งสินค้าขั้นต่ำ 150 บาท ส่งฟรี!!
- ระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ในตัวเมือง จ.พะเยา
- ต่างอำเภอหรือต่างจังหวัด จัดส่งขนส่งเอกชน ฟรี!!
🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
บริการด้วยใจ ห่วงใยสุขภาพคุณ 😀
ให้คำปรึกษาโดยเภสัชกรตลอดเวลาทำการ