D-POT ป้องกันปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบ ป้องกันไวรัส

D-POT ป้องกันปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบ ป้องกันไวรัส ดีพอต D-POT บำรุงปอด ระบบหายใจ ปอดอุดกั?

D-POT (ดีพอต) ผลิตภัณฑ์ดูแลปอดและระบบทางเดินหายใจให้แข็งแรง
- ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัดต่างๆ
- ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
- ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
- ช่วยควบคุมการทำงานของอินซูลินในร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น
- ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรงยิ่งขึ้น
- ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอมหืด
- ช่วยยับยั้งการเจริญของเนื้อที่ผิดปกติ
- มีฤทธิ์ต้านการเจริญของเนื้อที่ผิดปกติ
- มีฤทธิ์ต้านทานการเจริญของจุลินชีพรวมถึงแบคทีเรียและเชื้อรา
- ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ข้บลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ
คลื่นไส้ อาเจียน แก้หอบไอ ข้บเสมหะ แก้ปิด
- ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด และลดการการทำลายเซลล์จากการ
อักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

ดีพอต เหมาะกับใครหรือ?
- คนที่มีปัญหาเรื่อง #การหายใจ
- คนที่มี #อาการไอเรื้อรัง
- คนที่เป็น #หอบเหนื่อยง่าย
- บุคคลที่ทำงานหรือที่พักอาศัย ใกล้สถานที่มี #มลพิษหรือ #โรงงานอุตสาหกรรม
- คนที่สูบบุหรี่ หรือ กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้ #คนสูบบุหรี่

ดีพอต ดีต่อปอด หายใจได้เต็มปอด ต้องให้ดีพอตดูแลซิคะ
หายใจโล่ง สดชื่น
ขับเสมหะ
ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
ล้างสารพิษในปอด

ส่วนประกอบสำคัญ 7 อย่างใน ดีพอต

1. สารสกัดจากโสม
-
- มีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมาแข็งแรง
- ปรับสภาพในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ซ่อมแซมส่วนที่เป็นปัญหาได้ตรงจุด
- มีคุณสมบัติเป็น "Adaptogen"
- ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูปอด ที่มีปัญหาโรค COPD
- ป้องกันมะเร็งปอด
- มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด

2. สารสกัดจากบล็อกโคลี่
- มีส่วนช่วยเปิดกลไกกำจัดสารพิษที่จะทำลายปอด
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
- ป้องกันมะเร็งปอด
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง

3. สารสกัดจากเมล็ดลินิน
- มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) > ALA
- มีส่วนช่วยต้านมะเร็ง
- ช่วยลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด
- ลดการทำลายเซลล์จากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

4. สารสกัดจากกระเทียม
- มีสาระสำัญ S-allycysteine (SAC) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ควบคุมเบาหวาน โรคหัวใจ
- ต่อต้านโรคภูมิแพ้ และความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงให้กับร่างกายได้อย่างดี

5. สารสกัดจากขิง
- แก้อาการไอ หอบ ขับเสมหะขับเสมหะ
- บรรเทาอาการรุนแรงจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ช่วยคลายการหดเกร้งตัวของกล้ามเนื้อเรียบทางเดินหายใจ และควบคุมระดับของแคลเซียม
- ช่วยขยายหลอดลม
- ป้องกันการทำลายปอดจากสารพิษ O2 และ จากการอักเสบ ลดการทำลายเซลล์ปอด

6. สารกัดจากแครรอท
- อุดมด้ายสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม Carotenoid
- ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยลดการอักเสบ
- ช่วยลดการติดเชื้อ
- ป้องกันมะเร็งปอด

7. สารสกัดจากแอปเปิ้ล
- อุดมดไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน วิตามินและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ
- ช่วยให้ปอดมีประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืด และความรุนแรงของโรค รวมทั้งการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนล่าง

สนใจปรึกษาก่อนการสั่งซื้อโทร. 099-5688501
หรือกดที่ลิงค์
https://pomdglucan.blogspot.com/2020/05/d-pot.html

#เหนื่อยง่ายหายใจไม่เต็มปอด #ดีพอต #ต้านไวรัส #ไวรัส #ปอด # ระบบหายใจ #ปอดอักเสบ #เสริมภูมิคุ้มกัน .5 #อาหารเสริม #หอบหืด #ภูมิแพ้ #ระบบทางเดินหายใจ #หายใจโล่ง #ไอ #จาม #เหนื่อยง่ายหายใจไม่เต็มอิ่ม #หายใจไม่อิ่ม #หายใจโล่ง #เหนื่อยง่าย #ฝุ่น #ฝุ่นpm2.5 #มะเร็วปอด #อาการไอ #ลดอาการไอ #หายใจเหนื่อย #หายในลำบาก #ทางเดินหายใจ

สัญญาณเตือนจากร่างกาย ให้ระวัง ฝุ่น PM2.5อากาศที่เราหายใจเข้าไปไม่ใช่อากาศที่บริสุทธิ์ เพราะมีฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2...
22/02/2023

สัญญาณเตือนจากร่างกาย ให้ระวัง ฝุ่น PM2.5

อากาศที่เราหายใจเข้าไปไม่ใช่อากาศที่บริสุทธิ์ เพราะมีฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 รวมถึงเชื้อโรค และสารปนเปื้อนต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นอีกมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้วจมูกของเราจะมีขนจมูกที่ช่วยกรองฝุ่นละอองต่าง ๆ ก่อนเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ปัจจุบันในประเทศไทยได้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PM2.5 ซึ่งจมูกไม่สามารถกรองฝุ่นนี้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกัน เพราะอาจส่งเป็นอันตรายและผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างมากในภายหลัง

PM2.5 คืออะไร?
PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เทียบได้ว่ามีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ เล็กจนขนจมูกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่กรองฝุ่นนั้นไม่สามารถกรองได้ จึงแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยอื่น ๆ ในร่างกายได้ ตัวฝุ่นเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ

อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5
ร่างกายของผู้ที่แข็งแรงเมื่อได้รับฝุ่น PM2.5 อาจจะไม่ส่งผลกระทบให้เห็นในช่วงแรกๆ แต่หากได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือสะสมในร่างกาย สุดท้ายก็จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายในภายหลัง โดยแบ่งได้เป็นผลกระทบทางร่างกาย และผลกระทบทางผิวหนัง

ผลกระทบทางสุขภาพ
- เกิดอาการไอ จาม หรือภูมิแพ้
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ฝุ่นอยู่แล้ว จะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น
- เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง
- เกิดโรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด

ผลกระทบทางผิวหนัง
- มีผื่นคันตามตัว
- ปวดแสบปวดร้อน มีอาการระคายเคือง
- เป็นลมพิษ ถ้าเป็นหนักมากอาจเกิดลมพิษบริเวณใบหน้า ข้อพับ ขาหนีบ
- ทำร้ายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวอ่อนแอ เหี่ยวย่นง่าย

สำหรับแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 ก็มักมาจากควันท่อไอเสียรถยนต์, โรงงานไฟฟ้า, โรงงานอุตสาหกรรม, ควันที่เกิดจากการหุงต้มอาหารด้วยฟืน, ควันจากการเผาขยะ, ไฟป่า รวมทั้งการทำปฏิกิริยาของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2), ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ก็มีส่วนก่อให้เกิดฝุ่นประเภทนี้ได้ด้วยเช่นกัน

ส่วน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และมีโรคประจำตัวอย่าง โรคมะเร็งที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD - Chronic Obstuctive Pilmonary Diease), โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้, โรคหัวใจและหลอดเลือด, การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ, โรคหอบหืด หรือผู้สูงอายุและบุคคลที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การได้รับฝุ่นละอองในอากาศก็จะไปเพิ่มความรุนแรงของอาการป่วยมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตตามไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ออกมาชี้แจงว่าการได้รับ PM 2.5 เป็นระยะเวลานานไม่เพียงแต่จะเป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสมองจนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer), ภาวะสมองเสื่อม (Demantia) และอาการสมองฝ่อ (Brain Atrophy) ได้

รวมทั้งอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคทางจิตเวชอย่างโรคซึมเศร้า, โรคไบโพลาร์, โรคทางบุคลิกภาพ (Personality Disorder), โรคจิตเภท (Schizophrenia) และการได้รับฝุ่นละอองตั้งแต่อายุยังน้อยก็อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กจนทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น (ADHD) และภาวะการปรับตัวผิดปกติในเด็กได้

และไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์เท่านั้น แต่มลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 นี้ยังส่ง ผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง ของเรา รวมทั้งสัตว์ป่าอื่นๆ อีกด้วยเช่นกัน

อาการเหล่านี้ แสดงว่าฝุ่นได้เข้าไปในร่างกายและกระแสเลือด ทำให้อวัยวะต่างๆ อักเสบ

👉เลือดกำเดาไหล แบบไม่มีสาเหตุ

👉แสบจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ แน่นหน้าอก ภูมิแพ้กำเริบ

👉แสบตา เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล

👉ตุ่ม ผื่น นูนแดง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น ภูมิแพ้ ลมพิษ สะเก็ตเงิน อาจมีอาการหนักขึ้น

เคโอจะดูแลระบบเลือด ช่วยกำจัดไขมันในผนังหลอดเลือด ล้างสารพิษในหลอดเลือด เพิ่มออกซิเจนในหลอดเลือด การไหลเวียนเลือดดีขึ้น อาการปวดหัว มึนหัว จะดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ

👉🏼 รีบดูแลด่วน...!!! #ดีพอต -POT #เหนื่อยง่าย #หายใจไม่อิ่ม #ไอเรื้อรัง #หอบหืด #ภูมิแพ้ #แพ้อาการ #ปอดแข็งแรง #ปอดอักเสบ #วัณโรค #หลอดลมอักเสบ #กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย #หายใจติดๆ ขัดๆ #หายใจโล่ง #บำรุงปอด #เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน #น้ำมูกไหล #ไอจามไม่หาย #ป้องกันไวรัส #
☎️☎️ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688-50 พี่ป้อมค่ะ

🫁🫁 ดีพอต ผลิตภัณฑ์ ดูแลระบบทางเดินหายใจและปอด  #เสริมภูมิคุ้มกัน  #ต้านไวรัสและแบคทีเรีย  #หายใจโล่ง  #หายใจสุด  #ขับเสม...
20/01/2023

🫁🫁 ดีพอต ผลิตภัณฑ์ ดูแลระบบทางเดินหายใจและปอด #เสริมภูมิคุ้มกัน #ต้านไวรัสและแบคทีเรีย #หายใจโล่ง #หายใจสุด #ขับเสมหะ นวัตกรรม
สารสกัดจากธรรมชาติ นำเข้าจากต่างประเทศ ผลิตมาตรฐาน ระดับ GMP เน้นฟื้นฟูระดับเซลล์ ปลอดภัยจากสารเคมี เหมาะสำหรับ คนที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ คนที่มีอาการ #ไอ หรือ #ไอเรื้อรัง คนที่เป็น #หอบ #เหนื่อยง่าย บุคคลที่ทำงานหรือที่พักอาศัยใกล้สถานที่ที่มีมลพิษหรือโรงงานอุตสาหกรรม คนที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้กลุ่มเสี่ยง

14 ปีแล้วนะคะ ที่เราดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทย และ ยังก้าวไกลในระดับอาเซียนด้วยนโยบายที่เน้นถึงเรื่องของคุณภาพของสินค้า ...
12/01/2023

14 ปีแล้วนะคะ ที่เราดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทย และ ยังก้าวไกลในระดับอาเซียน

ด้วยนโยบายที่เน้นถึงเรื่องของคุณภาพของสินค้า ทำให้เราสามารถยืนหยัดมายาวนานถึง 14 ปี แม้ในปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมายหลายยี่ห้อ แต่ลูกค้าที่เคยใช้ก็ยังบอกต่อ ว่าของเราดีจริง !

พี่ป้อมนำภาพบรรยากาศพิธีทำบุญเนื่องในเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2566 มาฝากทุกท่านนะคะ ขอให้คุณลูกค้าทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ

ปรึกษาสอบถามสั่งซื้อผลิตภัณฑ์
โทร.099-5688-501
ศูนย์สุขภาพ-พี่ป้อม ยินดีดูแลลูกค้าทุกท่านค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะเคยสังเกตตัวเองมั้ยว่า กินยาปฏิชีวนะแล้ว มักพบอาการท้องเสียเกิดขึ้นตา...
17/09/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ
เคยสังเกตตัวเองมั้ยว่า กินยาปฏิชีวนะแล้ว มักพบอาการท้องเสียเกิดขึ้นตามมา
จะนำทุกท่านไปรู้จักกับอาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic-associated Diarrhea) ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พร้อมทั้งมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด มักจะเกิดกับยาปฏิชีวนะตัวใดบ้าง รวมถึงมีวิธีป้องกันหรือการแก้ไขอย่างไร
สาเหตุ
เนื่องจากยาปฏิชีวนะที่ร่างกายได้รับจะเข้าไปรบกวนหรือเปลี่ยนแปลงสมดุลของแบคทีเรียธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียธรรมชาติในลำไส้ลดลง ทำให้เชื้อก่อโรคเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น สร้างและหลั่งสารพิษทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรต หรือไม่สามารถย่อยสลายน้ำดีได้ รวมถึงยาปฏิชีวนะบางชนิดจะกระต้นุ การเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเชื้อที่พบว่าเป็นสาเหตุประมาณ 1 ใน 3 คือ เชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (C. difficile)
อาการ
#อาการไม่รุนแรง จะมีอาการท้องเสีย หรือถ่ายเป็นน้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง
#อาการรุนแรง จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีเลือดปนในอุจจาระ ปวดท้อง
โอกาสในการเกิด
พบได้ร้อยละ 5–25 ของผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะ โดยอาจเกิดได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการได้รับยาจนถึงภายหลังหยุดยาไปแล้วประมาณ 2 เดือน ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- ชนิดของยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยได้รับ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง
- ผู้ป่วยสูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี)
- ผู้ป่วยที่มีประวัตินอนโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติ หรือนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานมากกว่า 4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาเคมีบำบัด
- ผู้ที่ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก หรือได้รับการทำหัตถการของระบบทางเดินอาหาร
- ผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (C. difficile)
- ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาลดกรด
ยาปฏิชีวนะใดบ้างที่พบว่ามีอุบัติการณ์บ่อย
- ยาคลินดาไมซิน
- ยากลุ่มเพนนิซิลลิน เช่น แอมพิซิลลิน, อะม็อกซิซิลลิน, อะม็อกซิซิลลิน/คลาวูลานิก แอซิด เป็นต้น
- ยากลุ่มเซฟาโลสปอริน เช่น เซฟิซิม, เซฟดิเนียร์ เป็นต้น
- ยากลุ่มฟลูโอโรควิโนโลน เช่น ซิโพรฟล็อกซาซิน, ลีโวฟล็อกซาซิน, ม็อกซิฟล็อกซาซิน เป็นต้น
การรักษาและป้องกัน
การรักษา :
ส่วนใหญ่มักดีขึ้นและหายได้เองหลังหยุดใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้สารนํ้าทดแทนและให้การรักษาที่เหมาะสมทันที
การป้องกัน :
1. ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะใช้เอง
2. หากใช้ยาปฏิชีวนะแล้วพบอาการท้องเสีย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่อาการแพ้ยา
แต่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย สามารถป้องกันหรือบรรเทาความรุนแรงได้
☎️☎️ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688-501 พี่ป้อมค่ะ

11/08/2022

วันแม่แห่งชาติ (ประเทศไทย)

" สอนให้ลูก เรียนรู้ สู้ปัญหา
พัฒนา ด้วยตน จนเติบใหญ่
เพราะคนแกร่ง จะก้าว ได้ยาวไกล
เพื่อมาเป็น กำลังไทย ให้แข็งแรง "

วันแม่แห่งชาติ ในประเทศไทย ปัจจุบันตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเริ่มใช้วันดังกล่าวเป็นวันแม่แห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2519 ก่อนหน้านั้นเคยใช้วันที่ 10 มีนาคม, 15 เมษายน, และ 4 ตุลาคม

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิซึ่งมีสีขาว ส่งกลิ่นหอมได้ไกลและได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี

ประวัติ

งานวันแม่แห่งชาติจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน[1]

ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่

เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม ไอ จาม เรื้อรัง สูบบุหรี่จัด คัดจมูกเรื้อรัง แน่นหน้าอกปัญหาระบบทางเดินหายใจ ที่หลายคนเป็นอย่าป...
24/04/2022

เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม ไอ จาม เรื้อรัง
สูบบุหรี่จัด คัดจมูกเรื้อรัง แน่นหน้าอก
ปัญหาระบบทางเดินหายใจ ที่หลายคนเป็น
อย่าปล่อยไว้นาน รีบดูแล
ดีพอต ดูแลปัญหาปอด
และระบบทางเดินหายใจโดยตรง
1 กล่อง 30 เม็ด 1765_
ส่งฟรี มีเก็บปลายทาง

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ  EP5...โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง ไซนั...
30/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ EP5...

โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นโพรงอากาศในกระดูกใบหน้า อยู่บริเวณรอบๆ จมูก และ มีท่อซึ่งจะเปิดในช่องจมูก ในโพรงอากาศ หรือไซนัสนี้ จะมีเยื่อบุซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุช่องจมูก และ ติดต่อกันโดยผ่านรูปเปิดเล็กๆ ภายในไซนัสจะมีเยื่อเมือก จะให้ความอบอุ่น และ ความชื้นกับอากาศที่ผ่านเข้าไป

อาการ
- จะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดไซนัส เช่นหน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ กระบอกตา ถ้าเอานิ้วกด หรือเคาะแรงๆ จรงไซนัสที่อักเสบก็จะเจ็บ
- ปวดศีรษะ อาการปวดมักเป็นมากในตอนเช้า หรือ บ่าย และ เวลาก้มศีรษะ หรือ เปลี่ยนท่า
- มีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเหลือง หรือ สีเขียว น้ำมูกจะไหลลงคอหรือเวลาสูดจมูกแรๆ จะมีหนองไหลลงหลังคอ
- คัดจมูก และ มีน้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ มีการคัดแน่นจมูกหรือหายใจมีกลิ่นเหมือนคาว
- มีอาการปวดหู หูอื้อ เนื่องจาการอุดตันของท่อยูสเตเชื่ยน ทำให้ความดันในไซนัสสูงกว่าอาากาศ
- เจ็บคอ มีไข้ ไอ มีกลิ่นปาก

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงกรรสัมผัสกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
> ภายในบ้าน เช่น ฝุ่นในบ้าน ตัวไร เชื้อราในอากาศ แมลงสาบ
> สัตว์เลี้ยงมีขน วัชพืช และ ดอกไม้ทุกชนิด
> ละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ทุกชนิด
> สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์ ควันธุูปกลิ่นฉุนๆ
- การนอนหลับพักผ่อน ไม่ควรเข้านอนดึกจนเกินไป เพื่อให้ระบบภุมิคุ้มกันของร่างกายมีการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูปรับสมดุลได้อย่างเพียงพอ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ ครั้งละไม่ต่อกว่า 30 นาที
- หลีกเลี้ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่ รวมทั้งผักและผลไม้ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ
- อย่างให้เครียด หรือวิตกวังวลเกินไป
- เมื่อมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือบริเวณรอบๆ จมูก เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ คอ หรือ ต่อมทอนซิลอักเสบ ควรรับไปหาแพทย์ การติดเชื้อดังกล่าวจะทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง อาการของโรคอาจกำเริบขึ้นได้
- ควรนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ผ้าคลุมเตียง มาตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจะฆ่าตัวไรฝุ่น ให้ลดจำนวนลงได้

สารอาหารช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

- รับประทานอาหารให้ครบถ้วยเพียงพอตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารเสริมภุมิต้านทาน เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีเบต้าแคโรทัน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี และ แร่ธาตุบางชนิด ได้แก่ ซีลิเนียมและสังกะสี ซึ่งมีผล เพิ่มการสร้างเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มก้น

- กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน โดยสารอัลลิซิน (allicin) และซัลไฟด์ (sulfides) ในกระเทียมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ชลอความเสื่อมของเซลล์ ลดการอักเสบด้วย

- กรดโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการส้างเม้ดเลือดขาว และแอนติบอดี้ พบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซาร์ดีน ถั่ววอลนัท รวมทั้งพืชผักใบเขียว

- โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์แลคโตแบคโทีเรีย (Lactobacteria) เช่น แลคโตบาซิลัส แอชิโดฟิลัส (lactobacillus adidophilus) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกา โดยจะยับยั้งการเกิดจุินทรีย์ตัวร้ายในระบบย่อยอาหาร เช่น แบคทีเรีย รา หรือยีสต์ รวมทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และแอนติบอดีได้กำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันสารพิษ และสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย คือ

การที่มีภาวะโภชนาการที่ดี ได้รับพลังงาน สารอาหารหลัก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ สารอาหารรองทั้งวิตามิน A, C, E, D, B6, B9 (โฟเลต, B12 และ แร่ธาตุสังกะสี ซิลีเนียม เหล็ก ทองแดง แมกนิเซียม และแมงกานิส รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดที่เพียงพอและสมดุลอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : ดร.วนพร ทองโฉม นัการโภชนศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

- วิตามินซี ช่วยการทำงานของเมล็ดเลือดขาว และช่วยกระบวนการทำลายเชื้อโรค โดยแหล่งวิตามินซีในอาหารจะอยู่ในผักและผลไม้เป็ส่วนใหญ่

- วิตามินเอ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยแหล่งอาหารที่ดีที่ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้สูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม ผลิตภัณฑ์จากนม และแหล่งอาหารรองลงมาได้จากพืช ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองและส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มันเทศสีเหลือง มะละกอสุก

- โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน และ สารภูมิตุ้มกันต่างๆ โดยแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดีมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม (พรอ่งหรือขาดมันเนย) เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่แดง ถั่วดำ ถั่วเปลือกแข็ง

- สังกะสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มมกัน รวมทั้ง ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์และเครื่องใน หอยนางรม สัตว์ปีกและปลา และที่รองลงมา ได้แก่ ไข่ นม

- จุลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติกส์) และ อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติกส์) ช่วยส่งเสริมระบบภุมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดีที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ ได้แก่ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ อยู่ในแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม หน่อไม่ฝรั่ง
ข้อมูล ดร.จนภัค

ยังมีเห็ดทางการแพทย์นานาชาติ (International Journal of Medicinal Mushroom) ของ ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ระบุว่า
เห็นทางการแพทย์ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ได้ประสิทธิภาพ ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เปรียบได้กับการ "ยกระดับภูมูคุ้มกัน" ให้กับร่างกาย มีอยู่หลายสายพันธุ์ ได้แก่

1. เห็ดไมตาเกะ (Maitake)
สามารถกระตุ้นเซลล์เมคโครฟาจ (Macrophage) เปรียบเสมือนกองทัพใหญ่ที่ทำงานในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์

2. เห็ดหลินจือ (Reishi)
มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงในปอด โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา หอบหืด และ ผู้ที่ไอเรื้อรัง

มีการวิจัยทดลองรักษาโรคปอดอักเสบเรื้อรังของชาวจีน 2,000 ราย เมื่อได้รับยาน้ำเชื่อมเห็ดหลินจือ พบว่า ภายใน 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้น 60-90%

3. เห็ดชิตาเกาะ หรือเห็ดหอม (Sh*take)
อุดมไปด้วยสาร "โพลิแซคดาไรด์ กลูแคน" ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ ยังช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้กันทำงานมากเกินไป

พูดได้ว่า เห็นชนิดนี้ สามารถที่จะเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อร่างกายต้องการเพิ่มภูมิ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป ก็จะสามารถลดภูมิคุ้มกัน ให้อยู่ในระดับที่ร่างกายต้องการได้

4. เห็นยามาบูชิตาเกะ (Hericium erinaceus)
ช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดชาวชนิด B และ T ลิมโฟไซด์

นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการเพิ่มระดับของเซลล์ CD4 (เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค) และ เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจ ช่วยในการจับกินเชื้อโรคอีกด้วย

หมอที่ดีที่สุดคือ ตัวเรา
โรงพยาบาลที่ที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว

🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D MUND #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ  EP5...โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง ไซนั...
30/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ EP5...

โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นโพรงอากาศในกระดูกใบหน้า อยู่บริเวณรอบๆ จมูก และ มีท่อซึ่งจะเปิดในช่องจมูก ในโพรงอากาศ หรือไซนัสนี้ จะมีเยื่อบุซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุช่องจมูก และ ติดต่อกันโดยผ่านรูปเปิดเล็กๆ ภายในไซนัสจะมีเยื่อเมือก จะให้ความอบอุ่น และ ความชื้นกับอากาศที่ผ่านเข้าไป

อาการ
- จะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดไซนัส เช่นหน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ กระบอกตา ถ้าเอานิ้วกด หรือเคาะแรงๆ จรงไซนัสที่อักเสบก็จะเจ็บ
- ปวดศีรษะ อาการปวดมักเป็นมากในตอนเช้า หรือ บ่าย และ เวลาก้มศีรษะ หรือ เปลี่ยนท่า
- มีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเหลือง หรือ สีเขียว น้ำมูกจะไหลลงคอหรือเวลาสูดจมูกแรๆ จะมีหนองไหลลงหลังคอ
- คัดจมูก และ มีน้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ มีการคัดแน่นจมูกหรือหายใจมีกลิ่นเหมือนคาว
- มีอาการปวดหู หูอื้อ เนื่องจาการอุดตันของท่อยูสเตเชื่ยน ทำให้ความดันในไซนัสสูงกว่าอาากาศ
- เจ็บคอ มีไข้ ไอ มีกลิ่นปาก

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงกรรสัมผัสกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
> ภายในบ้าน เช่น ฝุ่นในบ้าน ตัวไร เชื้อราในอากาศ แมลงสาบ
> สัตว์เลี้ยงมีขน วัชพืช และ ดอกไม้ทุกชนิด
> ละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ทุกชนิด
> สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์ ควันธุูปกลิ่นฉุนๆ
- การนอนหลับพักผ่อน ไม่ควรเข้านอนดึกจนเกินไป เพื่อให้ระบบภุมิคุ้มกันของร่างกายมีการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูปรับสมดุลได้อย่างเพียงพอ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ ครั้งละไม่ต่อกว่า 30 นาที
- หลีกเลี้ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่ รวมทั้งผักและผลไม้ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ
- อย่างให้เครียด หรือวิตกวังวลเกินไป
- เมื่อมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือบริเวณรอบๆ จมูก เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ คอ หรือ ต่อมทอนซิลอักเสบ ควรรับไปหาแพทย์ การติดเชื้อดังกล่าวจะทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง อาการของโรคอาจกำเริบขึ้นได้
- ควรนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ผ้าคลุมเตียง มาตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจะฆ่าตัวไรฝุ่น ให้ลดจำนวนลงได้

สารอาหารช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

- รับประทานอาหารให้ครบถ้วยเพียงพอตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารเสริมภุมิต้านทาน เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีเบต้าแคโรทัน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี และ แร่ธาตุบางชนิด ได้แก่ ซีลิเนียมและสังกะสี ซึ่งมีผล เพิ่มการสร้างเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มก้น

- กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน โดยสารอัลลิซิน (allicin) และซัลไฟด์ (sulfides) ในกระเทียมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ชลอความเสื่อมของเซลล์ ลดการอักเสบด้วย

- กรดโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการส้างเม้ดเลือดขาว และแอนติบอดี้ พบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซาร์ดีน ถั่ววอลนัท รวมทั้งพืชผักใบเขียว

- โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์แลคโตแบคโทีเรีย (Lactobacteria) เช่น แลคโตบาซิลัส แอชิโดฟิลัส (lactobacillus adidophilus) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกา โดยจะยับยั้งการเกิดจุินทรีย์ตัวร้ายในระบบย่อยอาหาร เช่น แบคทีเรีย รา หรือยีสต์ รวมทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และแอนติบอดีได้กำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันสารพิษ และสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย คือ

การที่มีภาวะโภชนาการที่ดี ได้รับพลังงาน สารอาหารหลัก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ สารอาหารรองทั้งวิตามิน A, C, E, D, B6, B9 (โฟเลต, B12 และ แร่ธาตุสังกะสี ซิลีเนียม เหล็ก ทองแดง แมกนิเซียม และแมงกานิส รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดที่เพียงพอและสมดุลอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : ดร.วนพร ทองโฉม นัการโภชนศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

- วิตามินซี ช่วยการทำงานของเมล็ดเลือดขาว และช่วยกระบวนการทำลายเชื้อโรค โดยแหล่งวิตามินซีในอาหารจะอยู่ในผักและผลไม้เป็ส่วนใหญ่

- วิตามินเอ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยแหล่งอาหารที่ดีที่ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้สูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม ผลิตภัณฑ์จากนม และแหล่งอาหารรองลงมาได้จากพืช ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองและส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มันเทศสีเหลือง มะละกอสุก

- โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน และ สารภูมิตุ้มกันต่างๆ โดยแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดีมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม (พรอ่งหรือขาดมันเนย) เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่แดง ถั่วดำ ถั่วเปลือกแข็ง

- สังกะสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มมกัน รวมทั้ง ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์และเครื่องใน หอยนางรม สัตว์ปีกและปลา และที่รองลงมา ได้แก่ ไข่ นม

- จุลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติกส์) และ อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติกส์) ช่วยส่งเสริมระบบภุมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดีที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ ได้แก่ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ อยู่ในแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม หน่อไม่ฝรั่ง
ข้อมูล ดร.จนภัค

ยังมีเห็ดทางการแพทย์นานาชาติ (International Journal of Medicinal Mushroom) ของ ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ระบุว่า
เห็นทางการแพทย์ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ได้ประสิทธิภาพ ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เปรียบได้กับการ "ยกระดับภูมูคุ้มกัน" ให้กับร่างกาย มีอยู่หลายสายพันธุ์ ได้แก่

1. เห็ดไมตาเกะ (Maitake)
สามารถกระตุ้นเซลล์เมคโครฟาจ (Macrophage) เปรียบเสมือนกองทัพใหญ่ที่ทำงานในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์

2. เห็ดหลินจือ (Reishi)
มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงในปอด โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา หอบหืด และ ผู้ที่ไอเรื้อรัง

มีการวิจัยทดลองรักษาโรคปอดอักเสบเรื้อรังของชาวจีน 2,000 ราย เมื่อได้รับยาน้ำเชื่อมเห็ดหลินจือ พบว่า ภายใน 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้น 60-90%

3. เห็ดชิตาเกาะ หรือเห็ดหอม (Sh*take)
อุดมไปด้วยสาร "โพลิแซคดาไรด์ กลูแคน" ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ ยังช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้กันทำงานมากเกินไป

พูดได้ว่า เห็นชนิดนี้ สามารถที่จะเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อร่างกายต้องการเพิ่มภูมิ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป ก็จะสามารถลดภูมิคุ้มกัน ให้อยู่ในระดับที่ร่างกายต้องการได้

4. เห็นยามาบูชิตาเกะ (Hericium erinaceus)
ช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดชาวชนิด B และ T ลิมโฟไซด์

นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการเพิ่มระดับของเซลล์ CD4 (เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค) และ เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจ ช่วยในการจับกินเชื้อโรคอีกด้วย

หมดที่ดีที่สุดคือ ตัวเรา
โรงพยาบาลที่ที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว

🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D MUND #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ EP4...1. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำงานไวเกินไป     - ภูมิแพ้ (Allergy)    -...
30/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ EP4...

1. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำงานไวเกินไป
- ภูมิแพ้ (Allergy)
- หอบหืด (Asthma)
- ไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
2. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- มะเร็ง (ลำไส้ใหญ่)
3. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง
- โรคสะเก็ตเงิน
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง MG, ALS
- โรครูมาตอยด์

ภูมิแพ้ (Allergy)

ภูมิแพ้ (Allergy) เป็นโรคที่สามารถพบเห็นได้บ่อยในทุกที่ทั่วโลก
- เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารกระตุ้น เช่น ไรฝุ่น ละลองเกสรของพืช ทำให้เกิดอาการอักเสบ กับ อวัยวะที่สัมผัส กับ สารก่อนภูมิแพ้

คนที่เป็นภูมิแพ้ ยังมีการตอบสนองไวกว่าปกติต่อสิ่งี่ไม่ใช้สารกระตุ้น หรือสารก่อภภูมิแพ้ เช่น ความเย็น ความร้อน ความชื้น ฝน ซึ่งสามารถเกิดอาการได้ โดยไม่ต้องสัมผัสสารก่อนภูมิแพ้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์เลี้ยง ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ สารเคมี อาหารทะเล ฯลฯ

การทดสอบภูมิแพ้ (Allergy Skin Prick Test) การรักษาที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เป็นการทดสอบภูมิแพ้ต่อสารชนิดต่างๆ ทางผิวหนัง ด้วยน้ำยาทดสอบภูมิแพ้โดยเฉพาะจะทำให้ทราบว่า มีอาการแพ้สารใดบ้าง เช่น แมลงสาบ ขนแมว ไรฝุ่น เชื้อรา ขนสุนัข เกสร หญ้า ฝุ่นบ้าน และ แพ้อากาศต่างๆ

อาหารที่มีสารก่อนภูมิแพ้หลักๆ มี 14 ชนิด

ปัจจุบันทางการแพทย์ ได้กำหนดว่า ส่วนใหญ่อาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้มีอะไรบ้าง
1. อาหารทะเล เช่น ปู หอย ปลา แต่อาหารประเภทอื่นที่กินเข้าไปแล้วก็แพ้ได้ เช่น ไข่ นม ทานแล้วทำไมมีลมพิษเกิดขึ้น บางคนก็แพ้นมวัว บางคนก็แพ้นมถั่วเหลือง
2. แพ้ Gluten กลูเตนคือธัญชืพพวกแป้งสาลี ข้าวบาร์เร่- ทำขนมปังทำให้ขนมปัง นิ่ม อร่อย บางคนที่แพ้ Gluten ทำให้ปากบวม หน้าบวม
3. แพ้ถั่ว ถั่วลิสง ถั่วอัลมอน งา หรือถั่วเหลือง
4. บางคนแพ้สารซัลเวอร์ไดออกไซค์ ซึ่งเป็นสารถนอมอาหารเป็นตัวที่ทำให้ยืดอายุของสารอาหาร (เก็บไว้ได้นาน) ที่นิยมนำมาใช้ เช่น อาหารกระเป๋า ผลไม้กระป๋อง แยม ผลไม้แช่อิ่มซึ่งทำไมบางคนทานผลไม้แช่อิ่มแล้วมีผื่นขึ้น ซึ่งบางคนแพ้วุ้นเส้น วุ้นเส้นก็เป็นตัวนึงที่ใส่สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือบางคนทำไมดื่มเบียร์จึงมีผืนหรือลมพิษขึ้น ก็เพราะมีส่วนผสมของซัลเฟอร์ได์ออกไซด์ด้วย

ชนิดของโรคภูมิแพ้ แบ่งตามระบบการทำงานของร่างกายได้ 5 กลุ่ม
- โรคภูมิแพ้ที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบ หรือ โรคแพ้อากาศ
- โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางผิวหนัง
- โรคภูมิแพ้ทางตา
- โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการเกิดกับหลายระบบ
- โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหอบหืด

1. โรคแพ้อากาศ (Allergic rhinitis)
อาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูก สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้
- อาการที่แสดงออกชัดเจนทางจมูก เล่น มีคันจมูก จาม น้ำมูกไหล
- อาการที่แสดงออกชัดเจนทางอาการคัดจมูก มักจะไม่มีน้ำมูกไหล หรืออาการจาม
- อาการที่มีทั้งอาการทางน้ำมูก และ อาการคัดจมูกรวมกัน คือ มีน้ำมูกใส และคัดจมูก
- อาการที่วินิจฉัยได้ยาก ถ้าผู้ตรวจไม่ชำนาญมากพอ อาการมีได้ทั้ง
> ไอเรื้อรัง หรือ ต้องกระแอมตลอดเวลา เพราะ มีเสมหะไหลลงคอ ตื่นเช้ามารู้สึกเหมือนมีเสมหะติดคอ
> ปวดหัวเรื้อรัง
> นอนกรน
> ถอนหายใจบ่อยๆ
> ปากแพ้ง
> ในบางคนมีอาการคันที่หัวตา

2. โรคภูมิแพ้ทางดวงตา (Eye allergy)
การเกิดโรคนี้จะเกิดอาการอักเสบที่เยื่อตาขาวและใต้หนังตา โดยมีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบตา และ มีขี้ตา โดยอาการที่เกิดขึ้นมักจะเกิดเมื่อได้รับสารกระตุ้น เช่น ฝุ่นละอองเกสรหญ้า หรือ ขนสัตว์

ผู้ป้วยที่มีอาการภูมิแพ้างดวงตา มักพบอาการโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย

3. โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic skin desease)
โรคนี้พบได้บ่อย คือ โรคลมพิษ ผื่นที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ โดยอาการของโรคจะเริ่มที่ อาการคัน หลังจากนั้นก็จะบวม ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งตัว โดยเฉพาะในบริเวณที่ถูกเกา หรือ ถูกกดรัด มักจะเป็นๆ หาย โดยอาการบวมจะมีลักษณะ เป็นตุ่มนูนที่มีขนาดแตกต่างกัน

4. โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ
อาการแพ้นี้จะเกิดรุนแรง รวดเร็ว และ มีอาการหลายระบบ โดยจะมีทั้ง
- อาการคัน ลมพิษ ปากบวม หน้าบวม แน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจขัด
- ในบางรายอาจจะมีอาการ ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ หมดความรู้สึก และ อาจจะถึงแก่ชีวิตได้

บางครั้งการทานอาหารเสิรมบางตัวไม่ได้เกิดจากการแพ้สารอาหาร แต่มีอาการบางอย่างเกิดขึ้น ถ้าจะรู้ว่าแพ้สารอาหารตัวนั้นหรือไม่หรือแพ้อาหารที่กินหรือไม่ หรือแพ้ยาที่กินหรือไม่ อาการหลักเลย จะมีอาการปวกบวม หน้าบวม หายใจติดขัด ผื่นที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะผื่นลมพิษ อันนั้นจะเป็นอาการชัดมากของอาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้สารอาหาร

5. โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหอบหืด

ภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจคือโรคที่เราเรียกว่า หอบหืด (Aasthma) ซึ่งโรคหอบหืดเป็นโรคทางเดินหายใจที่ร้ายแรงจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ พบว่า สถิติทั่วโลกที่มีอาการภูมิแพ้พบการเสียชีวิตมากว่า 3 ร้อยล้านคน ซึ่งตรงนี้ใครที่เป็นโรคหอบหืด ต้องพยายามทำตัวให้แข็งแรง ซึ่งปัจจุบันนี้ฝุ่น PM2.5 กำลังเริ่มมาอีกแล้ว นอกจากเชื้อ โอไมคอล ที่มาใหม่ ที่กลายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังมาแรง ที่ทุกคนกำลังตื่นตระนก ซึ่งคุณหมดบอกว่า ไม่ควรตื่นตระนก แต่ควรตระหนัก ซึ่งคนที่เป็นโรคหอบหืดจะต้องพยายามห่างไกลจากโรคหอบหืดนะคะ

🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D MUND #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อป👩‍⚕️👩‍⚕️รึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง EP3...ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)เป็นโรคที่มีการอักเสบ และ ทำลายของข้อต่อ ...
26/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง EP3...
ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
เป็นโรคที่มีการอักเสบ และ ทำลายของข้อต่อ ต่างๆ ตามร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวด บวม ข้ออักเสบ ข้อติดแข็ง หากเป็นเรื้องรัง ก็จะทำให้เกิดข้อผิดรูป หรือ พิการตามมาได้
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่ "ไม่จำเป็นต้องกินยาตลอดชีวิตเสมอไป" สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคนี้ ที่ดีที่สุด คือ "เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง
- เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ
- หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของทอง ปิ้งย่าง งดน้ำอัดลม เพราะจะทำให้เลือดเราเป็นกรด
- ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนานๆ เพราะจะทำใหจุลินทรีย์ในกระเพาะอาหารลดน้อยลงก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเราลดลงไปด้วย ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการกินยาปฏิชีวินะ หรือไม่กินเลยได้ยิ่งดี
- อย่าปล่อยให้ความเครียดเข้ามาเบียดความสงบสุข ภายในใจเรา
จากการทำลองศึกษาที่มหาวิทยาลับ ชิคาโก พบว่า เอาคนกลุ่มนึ่งมานอนวันละ 7 ชั่วโมง ต่อเนื่องติดต่อกัน 4 วัน จากนั้นมีการฉีดวัคซีนไข้หวัดให้ หลังจากนั้นก็นำมาวัดระดับภูมิต้านทาน พบว่า คนที่นอนหลับวันละ 7 ชั่วโมงต่อเนื่อง 4 วัน หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนเข้าไป สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดได้มากกว่า กลุ่มคนที่นอนเพียงวันละ 4 ชั่วโมง ถึง 50% จึงเป็นข้อสรุปว่า การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอมีผลต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้มากกว่าคนที่นอนน้อย
โรคที่เกี่ยวกข้องกับระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
- โาคภูมิแพ้ คือ ปฏิกิริยามากเกินปกติของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารที่ไม่เป็นอันตราย ทำให้เกิดอาการผิดปกติมากมาย เช่น คันตา น้ำตาไหล จาม น้ำมูกไหล และหอบหืด ภาวะโพรงจมูกอักเสบ ตามฤดูการหรือโรคไข้ละอองฟาง ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยมากโรคหนึ่ง เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อละลองเกรสพืชชนิดต่างๆ
- หอบหืด เป็นโรคปอดอักเสบชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้หลอดลมตีบแคบลงและหายใจลำบาก อาการผิดปกติมักเกิดซ้ำได้บ่อยโดยมีเหตุกระตุ้นที่สำคัญคือ การติดเชื้อทางเดินหายใจ การออกกำลังกาย และการออกกำลังกาย และอากาศเย็น
- โรคข้ออัดเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคภุมิแพ้ตัวเองที่ทำให้เกิดอาการข้อบวม ปวด ติดขัดและเสื่อมสภาพ
- โรคเบาหวานประเภท 1 (บางครั้งเรียกว่า โรคเบาหวานชนิดต้องพึ่งอินซูลินหรือเบาหวานในวัยรุ่น) เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองแบบจำเพาะที่เกิดขึ้นกับเซลล์บางชนิด คือ เซลล์ผลิตอินซูลินในตับอ่อน
- โรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโต้ โรคนี้เป็นสาเหตุที่สำคัญของภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์
- โรคลูปัส (SLE) หรือโรคพุ่มพวง เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่ทำให้เกิดความผิดปกติกับอวัยวะหลายแห่ง เช่น ข้อต่อ ผิวหนัง ไต หัวใจ ปอด หลอดเลือดและสมอง
- โรคด่างขาว เป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นผลให้เม็ดสีหรือเซลล์เม็ดสีของผิวหนังถูกทำลาย จึงเกิดเป็นรอยด่างขาวตามบริเวณต่างๆ ของผอวหนัง
👩‍⚕️👩‍⚕️ สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D-MUND & #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

9 เหตุผล ทำไมเราต้องทานอาหารเสริม??1. เรารักตัวเองมากที่สุด (ไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะ)เราจึงต้องมอบหรือกิน "สิ่งที่ดีที่สุด" ต...
15/01/2022

9 เหตุผล ทำไมเราต้องทานอาหารเสริม??
1. เรารักตัวเองมากที่สุด (ไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะ)
เราจึงต้องมอบหรือกิน "สิ่งที่ดีที่สุด" ต่อร่างกายของเรา
2. เมื่อเราไม่สบาย ให้อนุมานไว้ก่อนว่า
เกิดจากการขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ โปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ
3. ไม่มีทางที่เราจะกินแต่ "อาหารบริสุทธิ์" ในอาหารแต่ละมื้อ อย่างไรเสีย ต้องมีสารปนเปื้อน สารพิษ สารก่อมะเร็ง สารเร่งความแก่มากหรือน้อย ก็ย่อมสะสมจนเพิ่มถึงระดับที่มีผลร้ายต่อร่างกาย
4. การหาความสุขในชีวิตของเรา บางอย่างก็เป็นการทำลายสารอาหารในร่างกาย เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวดึกจนอดหลับอดนอน จ้องจอตลอดเวลา เสียสายตา ปวดประสาท แต่เราคงงดสิ่งนี้ไม่ได้ในบางคน เพราะเราถือว่า "มัน" คือส่วนที่เป็นความสุขของชีวิตแล้ว
5. กินยามากเกิน จะตามหมอสั่งหรือไม่ ยาก็มีผลข้างเคียง มากหรือน้อย ถ้ากินยาต่อเนื่องนานๆ มีผลต่อตับไตแน่ๆ แก่เร็วและอายุสั้น
6. เราบางคนอาจถูกปฏิเสธการรักษาจากหมอ หมอจนปัญญา โรคที่คุณเป็นยังไม่มีวิธีรักษา ยาไม่ได้ผลแล้ว
คุณเสียหายหลายระบบมาก แล้วจะให้ทำอย่างไร ? คงไม่นอนรอความตายหรอกนะ ?
7. กินอาหารเสริม ก็ดีกว่ากินอย่างอื่นอยู่แล้ว ...
8. เราต้องการทำให้ร่างกายเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ผิวเนียนขึ้น แก่ช้าลง ความเครียดน้อยลง ทนต่อความกดดันได้มากขึ้น
9. ไม่ใช่ทุกคนที่มี DNA หรือธรรมขาติ cell ที่แข็งแรง แล้วของเราเป็นแบบไหน? แบบแข็งแรงหรือแบบอ่อนแอ ใครจะบอกได้ ถ้าไม่แน่ใจกินเสริมไว้ดีกว่านะ!!
ตั้ง 9 ข้อน่าจะพอสำหรับเหตุผลเพื่อให้เรากินอาหารเสริม
ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

ที่อยู่

98/205 บึงยี่โถ
Rangsit
12130

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ D-POT ป้องกันปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบ ป้องกันไวรัสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง D-POT ป้องกันปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบ ป้องกันไวรัส:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

D-POT ฟื้นฟูปอดให้แข็งแรง

"D-POT ดีพอต" ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุง ปอดและระบบทางเดินหายใจ

........................................

ท่านกำลังมีอาการเหล่านี้หรือไม่?

• ภูมิแพ้อาการ คัดจมูกบ่อยๆ