
10/06/2025
แก้ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเล่นบำบัด (Play Therapy)
❎"เล่นบำบัดก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งเล่นของเล่นที่บ้านรึเปล่า?"
✅เป็นคำถามแรกๆ ที่ครูโบนัสจะต้องตอบอยู่ตลอด แต่หลักๆ ก็คือ การที่เด็กเล่นเองคนเดียว (โดยอาจมีพ่อแม่แค่นั่งอยู่ใกล้) กับการมาเล่นในห้องเล่นบำบัดที่มีนักบำบัดให้ความสนใจกับเด็กแบบ 100% มันต่างกันจริงๆ นะ และเด็กก็รับรู้สิ่งนี้ได้ เพราะเหตุนี้ การเล่นบำบัดจึงไม่แนะนำให้ไปทำที่บ้านเด็กเท่าไร แต่ต้องพาเด็กมาในพื้นที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ เพื่อให้เด็กสามารถเกิดกระบวนการภายในได้อย่างเต็มที่
❎"เดี๋ยวโตขึ้นก็หายเอง ไม่จำเป็นต้องบำบัดหรอก"
✅อันนี้ก็เป็นสิ่งที่หลายคนคิด และสุดท้ายก็รอจนกระทั่งไม่ไหวจริงๆ จึงค่อยมาปรึกษานักเล่นบำบัด แต่อยากจะบอกว่ายิ่งเราเริ่มบำบัดเร็วเท่าไร ปัญหาก็จะยิ่งคลี่คลายได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่มีไม่ได้หายไปเองตามวัยที่โตขึ้น แต่เด็กแค่รู้จักการเก็บกดมันไว้ข้างในใจต่างหาก และสุดท้ายก็จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่จะระเบิดขึ้นมาตอนไหนก็ได้ และอาจจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในวัยผู้ใหญ่ต่อไป (โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, บุคลิกภาพผิดปกติ ฯลฯ)
❎"เล่นบำบัดน่าจะมีไว้ให้เด็กที่มีปัญหาหนักๆ ของเราแค่นิดหน่อย ไม่ต้องบำบัดหรอก"
✅ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ปัญหาก็คือปัญหา ถ้าปัญหาเล็ก ก็ใช้เวลาในการบำบัดน้อย แต่ปัญหาใหญ่ก็จะใช้เวลาในการบำบัดมากกว่า คนส่วนใหญ่จะมองข้ามปัญหาในวัยอนุบาลและคิดเองว่าเดี๋ยวก็หาย แต่จากประสบการณ์ของครูโบนัส (และน่าจะนักเล่นบำบัดคนอื่นๆ ด้วย) การบำบัดเด็กในช่วงวัยอนุบาลนี้ เห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ชัดเจนที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอให้เป็นปัญหาใหญ่แล้วค่อยมาบำบัดหรอกค่ะ
สำหรับส่วนตัวครูโบนัสเองมีเพิ่มเติมที่ต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและบุคลากรที่เกี่ยวข้องดังนี้...
❎เล่นบำบัด (Play Therapy) ไม่ใช่ กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy)
✅ทั้งสองอย่างอาจมีส่วนทับซ้อนคือ "การเล่น" แต่เป้าหมายและรูปแบบนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คือ เล่นบำบัดเป็นไปเพื่อซัพพอร์ตจิตใจ (สมอง) ของเด็ก ในขณะที่กิจกรรมบำบัดเป็นการฝึกให้เด็กเกิดทักษะตามพัฒนาการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
❎เล่นบำบัด เหมาะสำหรับเด็กพิเศษ เท่านั้น
✅อันนี้ก็ย้อนกลับไปข้อเมื่อกี้ คือคนไทยส่วนใหญ่จะสับสนระหว่างการเล่นบำบัดกับกิจกรรมบำบัดและมองว่าเป็นแบบเดียวกัน จึงมุ่งเน้นว่าเด็กที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือพิเศษ คือ เด็กพิเศษเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้มีสาเหตุมาจากการที่ในไทยยังไม่ได้มีหลักสูตร "เล่นบำบัด" ในมหาวิทยาลัย ตอนนี้นักเล่นบำบัดจึงมีแต่ที่ขึ้นทะเบียนกับต่างประเทศเท่านั้น ต่างกับกิจกรรมบำบัดที่มีใบประกอบวิชาชีพและหลักสูตรระดับปริญญาตรีในไทย ทำให้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับกิจกรรมบำบัดมากกว่า และกิจกรรมบำบัดที่ทำกับเด็กก็ต้องใช้การเล่นเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว หลายคนก็เลยเอาคำว่า "เล่นบำบัด" ไปใช้เป็นคำกลางๆ ด้วย
ตอนนี้ถ้าส่วนตัวครูโบนัสเลยพยายามปรับใช้คำว่า "เล่นบำบัด" มาเป็น "จิตบำบัดผ่านการเล่น" เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดค่ะ
และอยากจะบอกว่า "จิตบำบัดผ่านการเล่น" นี้ เหมาะสำหรับเด็กๆ ทุกคน เพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับปัญหา/อุปสรรคที่ยากจะก้าวข้ามผ่านไปได้ การที่เด็กๆ ได้มีพื้นที่ที่ช่วยซัพพอร์ตใจของเขา ก็จะทำให้เขาเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างดีค่ะ
ครูโบนัส / นักจิตบำบัดผ่านการเล่น