24/09/2025
โชคดีที่มาสเตอร์เกิดมาในยุคที่ตอนเด็กไม่ถูกบังคับให้ฉีดวัคซีนอะไร แต่ยังเจอบังคับให้อมฟลูออไรด์ ทุกวันนี้น่าจะล้างไปหมดละ สงสารเด็กยุคนี้เกิดมา 1-2 ขวบเจอไปมากกว่ามาสเตอร์ทั้งชีวิต
เด็ก ตั้งแต่แรกเกิด จนอายุ 18ปี ได้รับวัคซีน 72 เข็ม
ในจำนวนนี้มีวัคซีนที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมอยู่ 22 โดส ได้แก่
* ไวรัสตับอักเสบบี (HepB)
* โรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTaP และ Tdap)
* โรคฮีโมฟิลัส อินฟลูเอนซา ชนิดบี (PedvaxHIB)
* โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส (PCV)
* โรคตับอักเสบเอ (HepA)
* ไวรัสฮิวแมนแพพิลโลมาไวรัส (HPV)
* โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อเมนิงโกคอคคัส บี (MenB)
กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกายอมรับว่าอะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทที่ทราบกันดี และก่อนหน้านี้ FDA เคยเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของพิษอะลูมิเนียมในทารกและเด็ก
สำหรับสารไทเมอโรซัล (ปรอท) ได้ถูกกำจัดออกจากวัคซีนสำหรับเด็กเกือบทั้งหมดในปี พ.ศ. 2544 ปัจจุบัน มีเพียงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงมีสารไทเมอโรซัลอยู่ และเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาว่าด้วยแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้แนะนำให้กำจัดสารดังกล่าวออกไปทั้งหมด
สารที่ทำให้วัคซีนคงสภาพ Thimerosal เป็นสาร อินทรีย์ organomercurial preservative ที่มีใน ขวดวัคซีน ที่ฉีดได้หลายโดส (multidose vaccine vial) ตลอดมาทางองค์กรกลางสหรัฐได้พยายามขจัดข้อกังวลเกี่ยวกับปรอทตัวนี้ โดยชี้แจงว่า ethylmercury จะถูกขจัดออกจากเลือดได้เร็วกว่า methylmercury (มีอายุครึ่งชีวิตสั้นกว่า)
แต่ในความเป็นจริงนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นอยู่ที่การสะสมในสมอง มีการศึกษาที่สำคัญมาจากคณะของ Burbacher ในปี 2005โดยทำการศึกษาในลิง และทำการเปรียบเทียบการสลายของ methyl และ ethylmercury ใน ทารกลิงแสม ผลปรากฏว่า ethylmercury ถูกเคลียร์ไปจากเลือดเร็วก็จริงแต่เกิด inorganic mercury แทน สะสมในสมอง ในปริมาณเกือบสองเท่า ซึ่งไม่สามารถสลายออกได้
Ethyl mercury แท้จริงแล้วมีกลไกต่างออกไปจากที่แถลงดั้งเดิม โดยจะมีการ demethylate และกลายเป็น inorganic mercury ทิ้งในเนื้อสมอง ซึ่งมีพิษต่อระบบประสาท และจะมีอันตรายมากในดึกที่สมองและระบบประสาทกำลังมีการพัฒนา
เด็กปัจจุบันต้องได้รับวัคซีนสูงสุด 72 โดสจนถึงอายุ 18 ปี
บันทึกการพิจารณา พิษ
ของอลูมินัม
(รายละเอียดในคอมเม้นท์)
ข้อมูลพิษวิทยาสำหรับ
อะลูมิเนียม
กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา
สำนักงานบริการสาธารณสุข
สำนักงานทะเบียนสารพิษและโรค
กันยายน 2551
(รายละเอียดในคอมเม้นท์)
มีหลายกรณีได้รับ วัคซีนต่างชนิด ร่วมกัน โดยไม่มีการศึกษาใดที่ประเมินความปลอดภัยของตารางการใช้ยาโดยรวม การขาดการทดสอบความปลอดภัยแบบสะสมอย่างสมบูรณ์
สธ สหรัฐ ให้แยกวัคซีนอีสุกอีใส ออกจาก MMR และอาจให้ MMR ฉีดแยกเป็นตัวๆ Mump Measles Rubella
อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิซึม
บทความวิจัยจากวารสาร Journal of Trace Elements in Medicine and Biology ปี 2018 เรื่อง "Aluminium in brain tissue in autism" โดย Mold, M., Umar, D., King, A., & Exley, C.
สรุปบทความวิจัย: อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิซึม
ที่มาและวัตถุประสงค์:
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวัดปริมาณ อะลูมิเนียม ในเนื้อเยื่อสมองของบุคคลที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ออทิซึม ซึ่งเป็นการศึกษาที่สำคัญเนื่องจากมีข้อสันนิษฐานว่าการสัมผัสอะลูมิเนียมอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในพยาธิกำเนิดของออทิซึม แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับการมีอยู่ของอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิซึมโดยตรงน้อยมาก
วิธีการศึกษา:
· กลุ่มตัวอย่าง: ศึกษาจากตัวอย่างเนื้อเยื่อสมองหลังการเสียชีวิตของผู้บริจาค 10 คน ที่มี ออทิซึม (อายุ 15-50 ปี)
· เทคนิคการวิเคราะห์: ใช้เทคนิคการย้อมสีด้วยสีผสม (fluorescence microscopy) พิเศษร่วมกับการวิเคราะห์ทางเคมี (graphite furnace atomic absorption spectrometry) เพื่อตรวจหาปริมาณและตำแหน่งของอะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองส่วนต่างๆ
ผลการวิจัยที่สำคัญ:
1. พบปริมาณอะลูมิเนียมสูงอย่างน่าตกใจ: ปริมาณอะลูมิเนียมเฉลี่ยในเนื้อเยื่อสมองของกลุ่มออทิซึมอยู่ในระดับที่ สูงมาก (ค่าเฉลี่ย 2.02 μg/g dry wt. ซึ่งจัดว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับข้อมูลอื่นๆ ในวรรณกรรม) และสูงกว่าที่คาดไว้แม้แต่ในสมองของผู้สูงอายุ
2. พบอะลูมิเนียมในเซลล์สมองประเภทต่างๆ: ตรวจพบอะลูมิเนียมสะสมอยู่ในหลายชนิดของเซลล์ โดยพบใน เซลล์เกลีย (glial cells) และ เซลล์ภูมิคุ้มกันของสมอง (microglia) เป็นปริมาณมาก นอกจากนี้ยังพบใน เซลล์ประสาท (neurons) และเซลล์อื่นๆ เช่น เซลล์ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด (perivascular cells)
3. การกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ: ปริมาณอะลูมิเนียมในสมองแต่ละส่วนมีความแตกต่างกัน โดยพบในระดับสูงสุดในสมองส่วนเทมพอรัล (-temporal lobe), ฟรอนทัล (frontal lobe), แพริเอทัล (parietal lobe), และฮิปโปแคมปัส (hippocampus)
สรุปและข้อเสนอแนะ:
· การศึกษานี้เป็นหลักฐานโดยตรงที่แสดงให้เห็นว่ามีการสะสมของอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิซึมในปริมาณที่สูง
· รูปแบบและตำแหน่งการสะสม (โดยเฉพาะในเซลล์เกลียและไมโครเกลีย) ชี้ให้เห็นว่าอะลูมิเนียมอาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในระบบประสาท
· ผู้วิจัยเสนอว่า ปริมาณอะลูมิเนียมที่สูงนี้เป็นสัญญาณเตือน (alarming) และควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ในการหาสาเหตุของออทิซึม
· จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาที่มาและกลไกที่ทำให้อะลูมิเนียมสะสมในสมองของผู้ป่วยออทิซึมได้ในระดับสูงเช่นนี้
ข้อจำกัดของการศึกษา:
กลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็ก (10 คน) และขาดกลุ่มควบคุมที่ตรงกัน (matched controls) โดยตรงในงานนี้ แต่นักวิจัยได้ใช้การเปรียบเทียบกับข้อมูลจากการศึกษาอื่นๆ ในอดีตแทน
สาระสำคัญของบทความวิจัยเรื่อง "Brain tissue in autism" จากวารสาร Journal of Trace Elements in Medicine and Biology (2019)
ข้อค้นพบหลัก
การศึกษาพบปริมาณอะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิซึม 5 ราย ในระดับที่สูงกว่าที่คาดไว้มาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยชายอายุเพียง 15 ปี ที่มีค่าสูงที่สุด
แหล่งที่มาของอะลูมิเนียม: คำถามสำคัญ
บทความตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของอะลูมิเนียมปริมาณสูงในสมองผู้ป่วยเด็ก โดยพิจารณาแหล่งสัมผัสที่เป็นไปได้ต่างๆ และสรุปว่าแหล่งส่วนใหญ่มีความเป็นไปได้ต่ำสำหรับเด็ก:
· การรับประทาน: อะลูมิเนียมในสภาพสามวาเลนซ์ (Al³⁺) ดูดซึมได้ยากทางลำไส้ในภาวะปกติ (ดูดซึมได้เพียง 0.25%) และส่วนใหญ่จะถูกขับออกทางอุจจาระ
· การสัมผัสทางผิวหนัง: จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โรลออน แอนติเพอร์สไปรันต์ ซึ่งเด็กเล็กไม่น่าใช้
· การสูดดม: จากสถานที่ทำงาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเด็กไม่น่าได้สัมผัส
สรุปแหล่งที่มาหลักที่เป็นไปได้มากที่สุด
บทความสรุปว่า การได้รับอะลูมิเนียมผ่านวัคซีน เป็นเส้นทางหลักที่เข้าสู่ร่างกายได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับเด็ก
· อะลูมิเนียมในวัคซีน อยู่ในรูป "สารเสริมฤทธิ์ (adjuvant)" เช่น อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์
· เมื่อฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ อะลูมิเนียมจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเกือบ 100% เมื่อเวลาผ่านไป
· อะลูมิเนียมที่จับกับโปรตีนทรานสเฟอร์รินสามารถข้ามสิ่งกีดขวางระหว่างเลือดกับสมอง (blood-brain barrier) และสะสมอยู่ในสมองได้ตลอดชีวิต เพราะร่างกายขับออกได้ยาก
กลไกความเป็นพิษต่อระบบประสาท
· อะลูมิเนียมมีขนาดไอออนใกล้เคียงกับเหล็ก (Fe³⁺) แต่เล็กกว่าแมกนีเซียมและแคลเซียมมาก
· ส่งผลให้มันสามารถเข้าไปแทนที่แร่ธาตุที่สำคัญเหล่านี้ในปฏิกิริยาของเอนไซม์ต่างๆ รบกวนกระบวนการทางชีวเคมีในร่างกาย
บทสรุปและข้อโต้แย้งสุดท้าย
บทความยืนยันว่า อะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทอย่างไม่ต้องสงสัย และการได้รับผ่านวัคซีนเป็นเส้นทางสำคัญที่ต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเน้นย้ำว่า ไม่ควรตีความว่าควรเลิกฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนมีประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงมากกว่าความเสี่ยงอย่างชัดเจน ("cost-benefit is in absolute overdose in favor of vaccination")
ข้อเสนอแนะหลัก จากบทความนี้คือ ควรวิจัยต่อไปเพื่อหาวิธีลดความเป็นพิษของสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมในวัคซีน หรือพัฒนาสารเสริมฤทธิ์ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าแทนที่จะยกเลิกการฉีดวัคซีน
ถอดความและสรุปสาระโดย AI และไม่มีการด้ดแปลง
นี้คือสาเหตุที่ CDC ถูกฟ้องร้องในข้อหาดำเนินโครงการฉีดวัคซีนจำนวนมากที่ผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
รายละเอียดใน คอมเม้นต์
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
และ
ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
มหาวิทยาลัยรังสิต