ยอดยา สำหรับทุกๆคนที่ต้องการรู้เรื่องกา? มีปัญหาปรึกษาเรา
ไม่มีปัญหาก็ปรึกษาเราได้ :)

เครื่องวัด oxygen  ปลายนิ้วเราก็มี สอบถามมาได้เลยนะครับ
29/07/2021

เครื่องวัด oxygen ปลายนิ้วเราก็มี สอบถามมาได้เลยนะครับ

29/07/2021

วิธีการใช้ชุดตรวจโควิด
COVID-19 Ag test kit

#ยอดยาร้านยาของคุณ
#ร้านยาระยอง
#ร้านยาใกล้คุณ

ร้านปิด 14-15 เมษายน 2564 นะครับเที่ยวที่ไหน ก็พก เจลแอลกอฮอล์ หน้ากาก ไปกันด้วยนะครับ ด้วยรักและห่วงใย #ยอดยา
13/04/2021

ร้านปิด 14-15 เมษายน 2564 นะครับ
เที่ยวที่ไหน ก็พก เจลแอลกอฮอล์ หน้ากาก ไปกันด้วยนะครับ

ด้วยรักและห่วงใย

#ยอดยา

12/04/2021
02/01/2021
29/12/2020
ไข้หวัดใหญ่มาแล้วจ้าาา ระวังตัวกันด้วยนะ
11/11/2020

ไข้หวัดใหญ่มาแล้วจ้าาา ระวังตัวกันด้วยนะ

กรมการแพทย์เตือนประชาชนดูแลตนเองช่วงฤดูหนาว ระวังโรคไข้หวัดใหญ่ระบาด

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือน โรคไข้หวัดใหญ่ มีการระบาดทุกปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและหนาว ชี้โรคไข้หวัดใหญ่และโควิด 19 มีอาการคล้ายกัน การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันโรคโควิด-19 แนะควรสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่ และเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรคและป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 สามารถติดต่อได้โดยผ่านการสัมผัสเสมหะ การไอ จาม หรือแม้แต่การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยทั่วไปโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา ใช้ระยะเวลาการฟักตัวของโรค 1-4 วัน จึงเริ่มมีอาการโดยลักษณะเด่นคือ มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก อ่อนเพลีย และมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เนื่องจากอาการของไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการที่รุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด ไตวาย เบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายไม่แข็งแรง อาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ภาวะขาดน้ำ เป็นต้น
สำหรับโรคโควิด-19 ระยะเวลาเกิดโรคโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 วัน ส่วนใหญ่ไม่เกิน 14 วัน เริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1-2 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นานถึง 14 วัน อาการคือ มีไข้ต่ำ ประมาณ 37.5 หรือ 37.8 องศาเซลเซียส มีน้ำมูก และไอไม่เท่าไข้หวัดใหญ่ อาการเด่นชัดคือ การสูญเสียการรับรสและกลิ่น และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคไข้หวัดใหญ่มียาต้านไวรัส และวัคซีนป้องกัน แต่ไม่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกันโรคโควิด-19ได้ ไข้หวัดใหญ่สามารถหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยช่วงที่มีไข้สามารถรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตตามอล เช็ดตัวบ่อยๆ พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำสะอาดหรือจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ และรับประทานยาลดอาการต่างๆ เช่น ยาแก้ไอ
ยาลดน้ำมูก เป็นต้น เด็กไม่ควรรับประทานยาลดไข้ชนิดแอสไพริน เพราะอาจเกิดอาการตับวายและสมองอักเสบ นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมอง ผู้ป่วย
ธาลัสซีเมีย ผู้ที่มีผู้คุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่เป็นโรคอ้วน หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย การอยู่ในสถานที่แออัด ล้างมือบ่อยๆด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่ สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรค เลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก ปาก นอกจากนี้ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหาร
ที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยป้องกันการป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่และโรคเรื้อรังอื่นๆ
************************************************************************
#กรมการแพทย์ #สถาบันโรคทรวงอก #ไข้หวัดใหญ่ #โรคหัวใจ
-ขอขอบคุณ-
5 พฤศจิกายน 2563

ใช้ดีถ้าใช้ให้ถูกทาง  :)
06/11/2020

ใช้ดีถ้าใช้ให้ถูกทาง :)

แพทย์ผิวหนังเตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ มีทั้งประโยชน์ที่ช่วยในการรักษาโรคและเป็นยาที่มีผลเสียแก่ผู้ป่วยหากใช้ผิดวิธี การใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดและความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สเตียรอยด์เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย หากแต่จะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสภาพของร่างกาย โดยปกติร่างกายมีการสร้างสารสเตียรอยด์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว สารสเตียรอยด์ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาตินี้ มีหน้าที่ปรับสมดุลในร่างกายให้สามารถดำรงอยู่ เมื่อมีโรคเกิดขึ้นร่างกายจะผลิตสารสเตียรอยด์เพิ่มขึ้นเพื่อจัดการทำให้สมดุลในร่างกายกลับมาปกติให้ได้ ดังนั้น จึงมีการผลิตยาสังเคราะห์ที่มีคุณลักษณะเหมือนสเตียรอยด์ขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรค ทั้งนี้ รูปแบบของยามีทั้งรูปแบบรับประทาน ยาฉีดและยาที่ใช้กับผิวหนังและเยื่อบุร่างกาย ซึ่งยาดังกล่าวมีทั้งประโยชน์ที่ช่วยในการรักษาโรคและเป็นยาที่มีผลเสียแก่ผู้ป่วยหากใช้ผิดวิธี

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ยาสเตียรอยด์ที่ใช้กับผิวหนังและเยื่อบุส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบยาทา ทั้งที่เป็นของเหลว (Lotion), ครีม (Cream) และขี้ผึ้ง (Ointment) โดยการเลือกใช้ยาพิจารณาจากขนาดและความหนาของรอยโรค ตำแหน่งที่ทาและการเข้าถึงรอยโรคของยา ฯลฯ นอกจากนี้ ยาทาสเตียรอยด์ยังมีหลายสูตรทางเคมี ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญในการเลือกใช้ยาให้ถูกกับรอยโรค การใช้ยาทาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง มักใช้กับการอักเสบทั่วไป แต่ไม่ได้ใช้เพื่อลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อ เนื่องจากยาสเตียรอยด์อาจทำให้การติดเชื้อแย่ลงและลุกลามมากยิ่งขึ้น การทายาสเตียรอยด์ในบริเวณกว้างอาจทำให้ร่างกายดูดซึมยามากและทำให้มีผลต่อระบบในร่างกาย เช่น ตัวบวม ระบบสเตียรอยด์ในร่างกายผิดปกติ ทำให้ภูมิต้านทานตามธรรมชาติลดลงได้ ส่วนการทายา สเตียรอยด์เป็นเวลานานจะเกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวเปราะบางฝ่อ, ผิวขาวซีด, มีการขยายตัวของเส้นเลือดในชั้นผิวหนังแท้ด้านบน ซึ่งทำให้มีโอกาสระคายเคืองได้ และยังสามารถติดเชื้อง่ายขึ้น อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังบริเวณที่ทายามาเป็นเวลานานอีกด้วย
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยาทาสเตียรอยด์ถึงแม้จะเป็นยาที่ดีในการลดการอักเสบของผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว แต่การเลือกใช้ให้ถูกรอยโรค และเหมาะสมกับตำแหน่งที่ทา รวมถึงปริมาณและความเข้มข้นที่ควรใช้กับโรคนั้นๆ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผิวหนัง เพื่อความปลอดภัย และประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย ส่วนยารับประทาน (รวมถึงยาหม้อ, ยาสมุนไพร และยาลูกกลอน) ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์จะมีผลกับร่างกายโดยตรง และผลเสียของสเตียรอยด์จะเกิดขึ้นเร็วและรุนแรง ยากต่อการรักษาให้กลับคืน และมีผลต่อร่างกายในระยะยาว ดังนั้น การเลือกใช้ยากลุ่มที่มีสเตียรอยด์จึงควรให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้
*****************************************
กรมการแพทย์ #สถาบันโรคผิวหนัง #แพทย์ผิวหนังเตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์
ขอขอบคุณ
6 พฤศจิกายน 2563

07/10/2020

ที่อยู่

Rayong

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 20:00
อังคาร 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66962361614

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ยอดยาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Our Story

สุขภาพที่ดีของทุกคน คือหน้าที่ของเรา :)

ด้วยความปรารถนาดีจาก “ยอดยา” ร้านยาของคุณ