องอาจ จิงโกล่า สารสกัดใบแป๊ะก๊วย

องอาจ จิงโกล่า สารสกัดใบแป๊ะก๊วย น้ำในหู เสียงในหู เวียนหัว บ้านหมุน โคลงเคลง

15 อาหารบำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันสมองเสื่อม ข้าวกล้องงอก ​ในข้าวกล้องงอกอุดมไปด้วยสาร GABA (กาบา) ซึ่งเป็นสารที่เราอ...
01/09/2022

15 อาหารบำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันสมองเสื่อม

ข้าวกล้องงอก ​
ในข้าวกล้องงอกอุดมไปด้วยสาร GABA (กาบา) ซึ่งเป็นสารที่เราอาจเคยได้ยินว่าด้วยเรื่องของสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง และรักษาโรคทางระบบประสาทต่าง ๆ ด้วยเพราะสารชนิดนี้มีอยู่มากในข้าวกล้องงอกถึง 15 เท่า หากเทียบกับข้าวกล้องปกติทั่วไป ทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันสมองถูกทำลาย ที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตได้

ขนมปังโฮลวีต
ถูกหยิบยกให้เป็นหนึ่งในอาหารบำรุงสมองแหล่งพลังงานชั้นดีจากคาร์โบไฮเดรต และมีน้ำตาลน้อยกว่าขนมปังปกติ จึงสามารถทดแทนข้าวได้ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยใยอาหารและจมูกข้าว ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ช่วยบำรุงสมอง ในด้านของการช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง แถมยังช่วยให้มีสมาธิดีขึ้นอีกด้วย

อาหารประเภทธัญพืช
อาหารบำรุงสมอง โดยเฉพาะธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น เมล็ดงา เมล็ดดอกทานตะวัน ที่ยังคงคุณภาพของสารวิตามินเอและแมกนีเซียมไว้ได้มาก ซึ่งเป็นสารที่เข้าไปทำหน้าที่หล่อเลี้ยงสมองได้ดี ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของโปรตีน โอเมก้า และเส้นใยอาหารที่มีคุณภาพมากมาย ธัญพืชจึงถูกนับให้เป็นอีกหนึ่งอาหารบำรุงสมองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในรูปแบบของส่วนประกอบสำคัญที่ต้องมีในอาหารมื้อเช้า หรือแม้แต่การผสมหุงใส่ในข้าวกล้อง ยิ่งช่วยเพิ่มคุณภาพในมื้ออาหารได้อีกแบบหนึ่ง

เนื้อปลา
อาจฟังดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้น เพราะเรามักคุ้นชินประโยชน์จากการรับประทานปลากันอยู่บ่อย ๆ แต่ขอย้ำกันอีกสักหน่อยว่าเนื้อปลามีส่วนช่วยบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี จากกรดไขมันและโอเมก้า 3 ซึ่งทำหน้าที่เสริมสร้างผนังเซลล์ประสาทในสมองให้แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะปลาจากน้ำทะเลลึกอย่างปลาทูน่า และปลาแซลมอน

นมถั่วเหลือง
อาหารบำรุงสมองเราอาจจะคุ้นเคยว่านมถั่วเหลืองมีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ แต่แท้จริงแล้วนมถั่วเหลืองยังเต็มไปด้วยวิตามินบีและเลซิติน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง ช่วยดูแลการทำงานของระบบประสาทและความจำ ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ นมถั่วเหลืองจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาหารช่วยบำรุงสมองได้

โยเกิร์ต
หนึ่งในอาหารบำรุงสมองที่เป็นผลผลิตที่มาจากนม แต่ไม่ได้โดดเด่นแค่แบคทีเรียมีชีวิตและโปรไบโอติกส์อย่างที่เราเข้าใจกัน โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินบี 2 และวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงเม็ดเลือด ระบบประสาทและเยื่อหุ้มเซลล์สมองให้มีความยืดหยุ่น ซึ่งพบได้มากในกรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านกระบวนการแต่งกลิ่นและรสชาติมากนัก

ผักปวยเล้ง
หรือราชาแห่งผัก ด้วยเพราะสรรพคุณและประโยชน์ที่มีมากของผักปวยเล้ง ซึ่งนักวิจัยจาก Brigham and Women’s Hospital จากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุถึงประโยชน์ของผักชนิดนี้ว่าช่วยชะลออาการสมองเสื่อมในคนสูงอายุได้ จึงถูกนับให้เป็นอาหารช่วยบำรุงสมองแถวหน้าที่อยากแนะนำ ทั้งยังมีเอนไซม์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์ประสาท เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้

แปะก๊วย
พืชสมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องสรรพคุณช่วยรักษาโรคสมองเสื่อม หรืออาการหลงลืมที่เกิดจากความเสื่อมถอยของสมอง จนถูกหยิบยกเข้าสู่วงการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากประโยชน์ด้านการชะลอความเสื่อมทางสมองแล้ว แปะก๊วยยังมีสรรพคุณช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหล่อเลี้ยงสมอง และสมรรถภาพการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี

ผักโขม
ผักโขม อาหารบำรุงสมองที่มากด้วยเอนไซม์ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์สมองและปลายเซลล์ประสาท นอกจากนี้ในผักโขมยังอุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่เป็นประโยชน์ต่อการช่วยปกป้องความจำ คอยทำหน้าที่รักษาสมดุลน้ำในร่างกาย

แครอต
​ เคยได้ยินไหมว่า ถ้ารับประทานแครอตสดให้ได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยกระตุ้นความจำของสมองให้ดีขึ้นได้ จากสารที่มีชื่อว่าลูทอีโอลิน (Luteolin) ช่วยลดความบกพร่องด้านความจำ หรือการอักเสบของสมองที่เกิดขึ้นได้ทั้งจากอายุที่มากขึ้น หรือปฏิกิริยาช่วยเร่งความเสื่อมทางสมองจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบผิด ๆ ที่ไม่ได้คุณภาพ

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
นอกจากสรรพคุณด้านความงามและผิวพรรณแล้ว ผลไม้จำพวกเบอร์รียังมีส่วนช่วยป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ส่งเสริมประสิทธิภาพการเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในส่วนของฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) โดยตรง ช่วยบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี จึงถูกยกเป็น อาหารบำรุงสมอง อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ

แอปเปิ้ล
ในแอปเปิ้ลมีสารที่ชื่อว่า อะซีทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสารสื่อประสาท ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบความจำและการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การรับประทานแอปเปิ้ลให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลูก จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สมองในด้านปกป้องความทรงจำทั้งในระยะยาวและระยะสั้นได้เป็นอย่างมาก

ไข่
นอกจากเจ้าของฉายาแหล่งพลังงานชั้นดีแล้ว ไข่ไก่ยังถูกนับให้เป็นหนึ่งในลิสต์แหล่งอาหารช่วยบำรุงสมองอันดับต้น ๆ ที่ถูกปากของใครหลายคน ซึ่งล่าสุดได้มีการค้นพบสารที่มีชื่อว่า โคลีน (Choline) สารสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง ทั้งยังเป็นสารจำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมองใหม่ ๆ เรียกว่าเป็นสุดยอดวัตถุดิบติดบ้านที่มากประโยชน์จริง ๆ

อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean diet)
หรือการใช้น้ำมันมะกอกเข้ามาเป็นส่วนประกอบหลักในแต่ละมื้ออาหาร เพราะน้ำมันสกัดจากพืชจะมีโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสมอง จึงช่วยลดอาการสมองเสื่อมตามวัย หรือชะลอภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยได้ ลองแทรกเมนูอาหารแต่ละสัปดาห์ให้เป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนดูบ้าง นอกจากจะได้ประโยชน์แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสร้างสรรค์ให้อาหารแต่ละมื้อได้ดีอย่างแน่นอน

ช็อกโกแลต
เรียกว่าเป็นอาหารช่วยบำรุงสมองที่ใครหลายคนเต็มใจหาซื้อแน่นอน แต่ดีที่สุดต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลต ที่มีงานวิจัยจาก Loma Linda University รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยยืนยันออกมาหลายปีแล้วว่า ดาร์กช็อกโกแลตสามารถช่วยบำรุงสมอง การจดจำ และการเรียนรู้ได้ แถมยังช่วยลดภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวันได้เป็นอย่างดี

และจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากในดาร์กช็อกโกแลตที่คุณรับประทานอุดมไปด้วยพืชตระกูลถั่ว ที่เป็นแหล่งรวมคุณค่าด้านโปรตีน อัดแน่นด้วยไฟเบอร์และไขมันดีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ในถั่วหลายชนิด เช่น อัลมอนด์ ฮาเซลนัท วอลนัท และแมคคาเมีย ทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มคุณภาพความจำและกระบวนการคิด ซึ่งได้จากวิตามินอีที่มีอยู่ในพืชตระกูลถั่วอีกด้วย

เวียนหัว โคลงเคลง สมองเบลเสริมความจำ น้ำในหูไม่เท่ากันแปะก๊วยสกัด 60 แคปซูล--------------------------♻ เวียนหัว เสียงในห...
01/09/2022

เวียนหัว โคลงเคลง สมองเบล
เสริมความจำ น้ำในหูไม่เท่ากัน
แปะก๊วยสกัด 60 แคปซูล
--------------------------
♻ เวียนหัว เสียงในหู
♻ น้ำในหู ไม่เท่ากัน
♻ สมองเบลอ เสริมความจำ
♻ คลายเครียด
♻ เลือดไหลเวียนดี

วิธีรับประทาน
เช้า 1 เย็น 1 หลังอาหาร

ราคา
1 กระปุก 60 แคปซูล ราคา 560 บาท
ซื้อ 2 กระปุก 1120 ลดเหลือ 1100 บาท
#ส่งฟรี #มีเก็บปลายทาง

สนใจทักจ้า โทร. 080 1143935

01/09/2022

เวียนหัว 🤦‍♀️โคลงเคลง สมองเบลอ
น้ำในหู ไม่เท่ากัน นอนไม่หลับ
แปะก๊วยสกัด 60 แคปซูล
-----------------------------------
✔ เวียนหัว เสียงในหู
✔ สมองเบลอ
✔ น้ำในหู ไม่เท่ากัน
✔ เสริมความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์
✔ เลือดไหวเวียนดี
✔ คลายเครียด

วิธีรับประทาน เช้า 1 เย็น 1 หลังอาหาร

ราคา 1 กระปุก 60 แคปซูล ราคา 560 บาท
ซื้อ 2 กระปุก 1120 บาท ลดเหลือ 1100 บาท
#ส่งฟรี #มีปลายทาง

สนใจทักจ้า โทร 080 1143935

01/09/2022
10 คุณประโยชน์จากใบแปะก๊วย       1.  สารสำคัญ 2 ชนิดที่อยู่ในใบแปะก๊วย (Gingko) ถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโย...
01/09/2022

10 คุณประโยชน์จากใบแปะก๊วย

1. สารสำคัญ 2 ชนิดที่อยู่ในใบแปะก๊วย (Gingko) ถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นั่นก็คือ ฟวาโวนไกลโคไซค์ (Flavone Glycoside) และ เทอร์ปีน แลคโตน (Terpene lactone) ซึ่งสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย

2. ใบแปะก๊วย (Gingko) สามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกายและสมอง ทำให้ออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงสมอง หัวใจ และอวัยวะต่าง ๆ ตามร่างกายได้ดี ถ้าสมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างไม่เพียงพอไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม สมองจะเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด

3. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยป้องกันโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงสมองได้ดี ซึ่งส่งผลดีต่อการช่วยปกป้องการสูญเสียความทรงจำ รวมทั้งบำรุงความจำ และช่วยบรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้

4. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ เสียงดังในหู หรือหูอื้อลงได้ เมื่อรับประทานสกัดจากใบแปะก๊วย ขนาด 240 มก.ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดจากแปะก๊วยมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการวิงเวียนศีรษะเท่าเทียมกับเบตาฮีสทีนซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาอาการวิงเวียนศีรษะอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

5. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยทำให้มีสมาธิและเพิ่มความจำได้ดีขึ้น ในช่วงวัยทำงานที่ต้องการบำรุงสมองสามารถรับประทานแปะก๊วย ในปริมาณ 120-240 มก.ต่อวัน จะช่วยพัฒนาความคิด เพิ่มความจำและทำให้มีสมาธิมากขึ้นได้

6. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยต้านโรคซึมเศร้าสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วไป มีการศึกษาพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีสภาวะอารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากใบแปะก๊วยร่วมกับการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ

7. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยบรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ดี เพราะสารสกัดจากใบแปะก๊วยจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น แก้ไขปัญหาเลือดไปไหลเวียนในบริเวณอวัยวะเพศไม่สะดวก โดยจากการศึกษาพบว่าการรับประทานสารสกัดจากแปะก๊วยเป็นประจำติดต่อกัน 6 เดือน ช่วยให้อาการดีขึ้นมากถึง 50% โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งการรับประทานแปะก๊วยจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังองคชาตมากขึ้น

8. ใบแปะก๊วย (Gingko) นอกจากจะช่วยเรื่องอาการซึมเศร้า และแก้ไขปัญหาสภาวะทางอารมณ์ได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยเรื่องบรรเทาความกังวล
ในต่างประเทศมีการศึกษาวิจัยในกลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่งเป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งในรับประทานสารสักดจากใบแปะก๊วย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งในรับประทานยาหลอก ปรากฎว่าเมื่อถึงเวลาสรุปผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากแปะก๊วย (Gingko Extract) มีภาวะทางจิตใจที่ผ่อนคลาย อารมณ์คงที่ มากกว่ากลุ่มที่ให้ยาหลอก

9. ใบแปะก๊วย (Gingko) มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และกระจางใสให้กับผิว มีการศึกษาโดยการนำเอาชาเขียว (Green Tea) และสารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko Extract) มาทาผิวพบว่า ผิวที่เคยแห้งกร้านกลับมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น

10. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยลดความเสี่ยงการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง และลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และโรคหัวใจ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นภาวะอันตรายที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจ

🥗10 อาหารบำรุงเลือด กินทุกวัน กระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้ดีทุกวัน1.ขมิ้นขมิ้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการลดไขมันในหลอดเลือด...
01/09/2022

🥗10 อาหารบำรุงเลือด กินทุกวัน กระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้ดีทุกวัน

1.ขมิ้น
ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการลดไขมันในหลอดเลือด และยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ซึ่งช่วยในส่วนของการสูบฉีดเลือด อีกทั้งยังช่วยให้การไหลเวียนเลือดเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

2.ขิง
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ซึ่งช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย

3.ดอกคำฝอย
น้ำมันระเหยจากดอกคำฝอยมีสรรพคุณช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และยังมีส่วนในการบำรุงเลือด ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือด และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น

4.กระเทียม
สารชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระเทียมมีส่วนช่วยในการลดคราบที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว

5.กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดงเป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยบำรุงเลือด และช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดสามารถทำงานได้ดี

6.ดอกกะหล่ำ
ดอกกะหล่ำเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการไหลเวียนเลือด บำรุงหลอดเลือดหัวใจ บำรุงเซลล์ผนังหลอดเลือด และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7.พริก
เม็ดพริกมีสารแคปไซซินซึ่งมีฤทธิ์ในการทำให้หลอดเลือดขยาย พร้อมช่วยในการละลายลิ่มเลือด ช่วยลดการหดตัวของเส้นเลือด ยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดในร่างกาย

8.ทับทิม
ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีสารกระตุ้นร่างกายให้ผลิตสารไนตริกอกกไซด์ ซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว จึงทำให้กระแสโลหิตเกิดการไหลเวียนทั่วร่างกาย

9.แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังมีกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายผลิตสารไนตริกออกไซด์ ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว จึงทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

10.ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และช่วยต้านการจับตัวของลิ่มเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้อย่างราบรื่นมากขึ้น

“น้ำในหูไม่เท่ากัน” ที่มาของอาการเวียนหัว...บ้านหมุนรู้หรือไม่ว่า “อาการบ้านหมุน” หรือ “เวียนหัวบ้านหมุน” ที่หลายคนเคยได...
01/09/2022

“น้ำในหูไม่เท่ากัน” ที่มาของอาการเวียนหัว...บ้านหมุน

รู้หรือไม่ว่า “อาการบ้านหมุน” หรือ “เวียนหัวบ้านหมุน” ที่หลายคนเคยได้ยิน หรือบางคนเคยเป็น คือหนึ่งในอาการของโรค “น้ำในหูไม่เท่ากัน” บางคนอาจแค่นั่งพักอาการนี้ก็หายไป แต่บางคนอาจเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและมีอาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าอาการที่เป็นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันก็อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด จะเป็นการดีที่สุด

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน...คืออะไร?
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือ โรคความดันน้ำในหูไม่เท่ากัน มีชื่อว่าในทางการแพทย์ว่า โรคเมเนียร์ (Meniere’s disease) พบมากในผู้ที่มีอายุ 30-60 ปี ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในที่มีภาวะความดันน้ำในหูชั้นในที่เรียกว่า Endolymph มากผิดปกติ ส่งผลให้หูขั้นในที่มีหน้าที่ในการรับเสียง และควบคุมการทรงตัวทำงานผิดปกติ จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ สูญเสียการได้ยิน และรู้สึกถึงแรงดันภายในหู เป็นต้น

ทำไมถึงเป็น...“โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”
ปัจจุบันยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” เกิดจากสาเหตุใด แต่มีหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการเกิดโรค เช่น กรรมพันธุ์
พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเป็นไมเกรน หรือมีโครงสร้างหูชั้นในผิดปกติ การติดเชื้อไวรัส
หูชั้นกลาง หูชั้นในเกิดการอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เป็นโรคต่างๆืโรคภูมิแพ้ โรคซิฟิลิส โรคหูน้ำหนวก โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และไขมันในเลือดสูง ืฮอร์โมน
มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน รวมถึงการมีประจำเดือน
พฤติกรรม การพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด สูบบุหรี่ รวมถึงการรับประทานอาหารโซเดียมสูง และอาหารรสเค็มจัด
สภาพแวดล้อม
อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอึกทึกมากๆ
อาการที่เกิดจาก “น้ำในหูไม่เท่ากัน”
โรคน้ำในหูไม่เท่ากันส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัว และการได้ยิน จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้

เวียนศีรษะอย่างรุนแรง รู้สึกบ้านหมุน โดยมีอาการอยู่นาน อาจจะเป็นชั่วโมง ซึ่งอาการจะมาๆ หายๆ
บางครั้งจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับการสูญเสียสมดุลของร่างกาย จึงทำให้เซล้มได้ง่าย
หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด รู้สึกแน่นในหูเป็นๆ หายๆ การได้ยินบางครั้งดีขึ้น บางครั้งก็แย่ลง มีเสียงดังในหู อาจเป็นเสียงวี้ดๆ มีอาการหนักๆ หน่วงๆ ในหู คล้ายมีแรงดันในหู

โรคนี้รักษาได้...
แพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ตรวจและรักษาผู้ป่วยตามอาการของโรคที่ประเมินได้ในแต่ละราย เช่น

ปรับพฤติกรรม
หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย และพยายามคลายความวิตกกังวล
การรับประทานยา
เป็นการบรรเทาอาการ เช่น การทานยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวม และการคั่งของน้ำในหูชั้นใน รวมทั้งยาขยายหลอดเลือดจะช่วยให้การไหลเวียนของน้ำในหูดีขึ้น ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ตลอดจนยากล่อมประสาทและยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
การฉีดยา
แพทย์จะทำการฉีดยาเข้าไปที่หูชั้นในโดยตรง เพื่อทำลายเซลล์ที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และเมื่อเซลล์ตายอาการดังกล่าวจะหายไป โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดรักษา
การผ่าตัด
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะไม่หาย มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อระบายน้ำที่คั่งอยู่ในหูชั้นในออก
ควรทำอย่างไร?...เมื่อป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
เมื่อคุณกำลังเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” คุณต้องดูแลตัวเองและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกหมู่
หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีเสียงรบกวนในหูขณะนอนหลับ ให้เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อกลบเสียงนั้น
พยายามหากิจกรรมเพื่อคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล
หากผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะกะทันหัน ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือการปีนป่ายที่สูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเสี่ยงอันตรายได้
หากไม่อยากเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” เราต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพให้มากขึ้น จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ กับคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวเพื่อเติมความสุขความสดใสให้สุขภาพใจ เมื่อร่างกายเราแข็งแรง...ใจของเราแข็งแกร่ง โรคใดๆ ก็ยากที่จะเข้ามากล้ำกรายได้

01/09/2022
31/08/2022

ที่อยู่

พระประแดง
Samut Prakan
10130

เบอร์โทรศัพท์

+66632706199

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ องอาจ จิงโกล่า สารสกัดใบแป๊ะก๊วยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์