04/11/2022
กระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงสมองได้ดี ซึ่งส่งผลดีต่อการช่วยปกป้องการสูญเสียความทรงจำ รวมทั้งบำรุงความจำ และช่วยบรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้
4. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ เสียงดังในหู หรือหูอื้อลงได้ เมื่อรับประทานสกัดจากใบแปะก๊วย ขนาด 240 มก.ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดจากแปะก๊วยมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการวิงเวียนศีรษะเท่าเทียมกับเบตาฮีสทีนซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาอาการวิงเวียนศีรษะอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
5. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยทำให้มีสมาธิและเพิ่มความจำได้ดีขึ้น ในช่วงวัยทำงานที่ต้องการบำรุงสมองสามารถรับประทานแปะก๊วย ในปริมาณ 120-240 มก.ต่อวัน จะช่วยพัฒนาความคิด เพิ่มความจำและทำให้มีสมาธิมากขึ้นได้
6. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยต้านโรคซึมเศร้าสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วไป มีการศึกษาพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีสภาวะอารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากใบแปะก๊วยร่วมกับการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
7. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยบรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ดี เพราะสารสกัดจากใบแปะก๊วยจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น แก้ไขปัญหาเลือดไปไหลเวียนในบริเวณอวัยวะเพศไม่สะดวก โดยจากการศึกษาพบว่าการรับประทานสารสกัดจากแปะก๊วยเป็นประจำติดต่อกัน 6 เดือน ช่วยให้อาการดีขึ้นมากถึง 50% โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งการรับประทานแปะก๊วยจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังองคชาตมากขึ้น
8. ใบแปะก๊วย (Gingko) นอกจากจะช่วยเรื่องอาการซึมเศร้า และแก้ไขปัญหาสภาวะทางอารมณ์ได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยเรื่องบรรเทาความกังวล
ในต่างประเทศมีการศึกษาวิจัยในกลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่งเป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งในรับประทานสารสักดจากใบแปะก๊วย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งในรับประทานยาหลอก ปรากฎว่าเมื่อถึงเวลาสรุปผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากแปะก๊วย (Gingko Extract) มีภาวะทางจิตใจที่ผ่อนคลาย อารมณ์คงที่ มากกว่ากลุ่มที่ให้ยาหลอก
9. ใบแปะก๊วย (Gingko) มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และกระจางใสให้กับผิว มีการศึกษาโดยการนำเอาชาเขียว (Green Tea) และสารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko Extract) มาทาผิวพบว่า ผิวที่เคยแห้งกร้านกลับมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
10. ใบแปะก๊วย (Gingko) ช่วยลดความเสี่ยงการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง และลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และโรคหัวใจ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นภาวะอันตรายที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจ