29/12/2020
การเพิ่มออกซิเจนเข้าไปในร่างกาย ส่งผลดีอย่างไรบ้าง?
เมื่อเพิ่มออกซิเจนเข้าไปในร่างกาย จะทำให้เม็ดเลือดแดงมีสุขภาพดีขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น การไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น กระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้ดีขึ้น ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายได้ดี และเร็วขึ้น นอกจากเป็นผลดีต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อระบบประสาทในสมองอีกด้วย
ออกซิเจนบำบัด ช่วยรักษาโรค หรืออาการผิดปกติของร่างกายอะไรบ้าง?
- ระบบประสาททำงานผิดปกติ
- ออทิสติก
- สมาธิสั้น
- อัมพฤกษ์ อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองตีบ
- สมองพิการจากการขาดออกซิเจน
- โลหิตจาง
- ไมเกรน หรือปวดศีรษะเรื้อรัง
- นอนไม่หลับ
- บาดแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หาย เช่น แผนไฟไหม้รุนแรง แผลจากโรคเบาหวาน
- แผลติดเชื้ออย่างรุนแรง
- แผลบวมจากการผ่าตัด
หูดับ
- โรคน้ำหนีบ หลังดำน้ำ ที่เกิดจากผู้ป่วยขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป
- ฝีในสมอง
- ฟองอากาศอุดตันในกระแสเลือด
ออกซิเจนบำบัด มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ในผู้เข้ารับการบำบัดบางรายอาจมีอาการหูอื้อ แน่นหน้าอก แสบร้อนบริเวณหน้าอก ลมรั่วในปอด หรืออาจมีอาการชักได้ แต่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก
ออกซิเจนบำบัด กับวงการความสวยความงาม
แม้ว่ายังไม่มีงานวิจัยออกมายืนยันอย่างแน่ชัดว่า ออกซิเจนบำบัด มีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ลดรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ในสถานเสริมความงามบางแห่ง โดยเฉพาะในต่างประเทศ อาจนำนวัตกรรมนี้มาใช้จากประโยชน์ของการเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เหมือนอย่างที่ คิม คาร์ดาเชี่ยน ไฮโซชื่อดังจากประเทศอเมริกาก็เคยเข้ารับออกซิเจนบำบัดเพื่อจุดประสงค์ของความงามมาแล้วเช่นกัน
Cr.Sanok com
การบำบัดด้วยออกชิเจนแรงดันบรรยากาศสูง หรือ Hyperbaric Oxygen Therapy (HBOT) เป็นการรักษาให้ผู้ป่วยหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ภายในห้องแรงดันแคปซูลที่มีความดันสูง ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากกว่าปกติ
ราคาของบริการออกซิเจนบำบัด
แต่ละโรงพยาบาล แต่ละสถานบำบัดอาจมีราคาแตกต่างกันออกไป แต่การใช้ออกซิเจนบำบัดอาจใช้เวลา และจำนวนครั้งที่ต้องเข้ารับการบำบัดต่างกันแล้วแต่จุดประสงค์ที่เข้ามารับการบำบัด ราคาอาจจะอยู่ที่ครั้งละ 800-1,200 บาท และอาจจะต้องเข้ารับการรักษามากไปจนถึง 40 ครั้ง เช่นในกรณีของการรักษาออทิสติก โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตอนรอบที่ 10 เป็นต้น ดังนั้นจึงอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้วิธีรักษานี้อาจยังไม่เป็นที่แพร่หลาย หรือเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก
ค่า ORAC คืออะไร เหตุใดจึงสำคัญ?
ปัจจุบันหลายคนให้ความสนใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น พยายามเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยกว่าหลายทศวรรษนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าในพืชผักและผลไม้นั้น อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารในกลุ่มต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ จึงทำให้ได้พัฒนาและคิดค้นเพื่อหาวิธีวัดปริมาณความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ จนกระทั่งระบุความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาได้ คือ ค่าโอแรค (ORAC Score) ย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity ทั้งนี้กระบวนการในการตรวจหาค่าโอแรค (ORAC Score) ของอาหารแต่ละชนิดเป็นวิธีการมาตรฐาน ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เป็นสิ่งที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของอาหารแต่ละชนิดได้เป็นอย่างดี
*การวัดค่า ORAC เป็นการวัดค่าสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ละลายได้เฉพาะในน้ำเท่านั้น
อาหารที่มีค่า ORAC สูง….ดีต่อคุณอย่างไร?
อาหารที่มีค่า ORAC สูงมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคที่มีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ นอกจากนี้ยังสามารถปกป้องเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลาย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการปิดกลไกการเกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ดี เช่น ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ต่อต้านริ้วรอย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยการนอนหลับสนิท