บ้านยาแฮปปี้ สหกรณ์สันป่าตอง - ร้านยาคุณภาพ

บ้านยาแฮปปี้ สหกรณ์สันป่าตอง - ร้านยาคุณภาพ ร้านยาคุณภาพ บ้านยาแฮปปี้ สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง ให้บริการโดยเภสัชกรตลอดเวลา ❤️

ทำยังไง
15/09/2025

ทำยังไง

✨ ป้องกันไม่ให้ RSV ลงปอดได้ไหม? ✨

ช่วงนี้คำถามยอดฮิตที่คุณพ่อคุณแม่มักถามบ่อยๆ คือ
“ถ้าลูกติดเชื้อ RSV แล้ว ทำยังไงไม่ให้เชื้อลงปอด?”

คำตอบสั้นๆเลยครับ 👉 ไม่มีวิธีป้องกัน 100%

เชื้อจะลงปอดหรือไม่ มันขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
1️⃣ ปริมาณเชื้อที่ลูกได้รับเข้าไป
2️⃣ ความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันเด็กแต่ละคน
3️⃣ โรคประจำตัวที่ลูกมี เช่น คลอดก่อนกำหนด โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคทางระบบประสาท

ดังนั้น มันมีสิ่งที่"เราควบคุมได้" และ สิ่งที่ "เราควบคุมไม่ได้"



✅ สิ่งที่เราควบคุมได้
คือช่วยให้ภูมิคุ้มกันของลูกแข็งแรงที่สุดเท่าที่ทำได้
• 🛌 นอนพักผ่อนเพียงพอ งดนอนดึก ลดกิจกรรมไม่จำเป็น
• 🍲 กินอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพ
👉 ไม่จำเป็นต้องหาซื้ออาหารเสริมแพงๆ แค่กินอาหารหลัก 5 หมู่ครบก็พอครับ
• กินนมแม่ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้
• 💧 ดื่มน้ำ/นมให้เพียงพอ ตามปริมาณที่ลูกควรได้รับต่อวัน
• 🚫 หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด หรือโรงเรียนช่วงป่วย เพื่อไม่ให้ติดเชื้ออื่นซ้ำเติม
เพราะเด็กที่ติด RSV แล้ว ร่างกายต้องใช้ภูมิคุ้มกันต่อสู้เต็มที่อยู่แล้ว ช่วงนี้จะติดเชื้ออื่นเพิ่มได้ง่าย และถ้าไปรับเชื้อใหม่เพิ่ม เช่น ไข้หวัดใหญ่, อะดีโนไวรัส ฯลฯ อาการอาจจะหนักขึ้นได้

❌ สิ่งที่เรา “ควบคุมไม่ได้”
• ปริมาณเชื้อที่ลูกได้รับเข้าไป
จะมากหรือน้อย ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและจังหวะที่สัมผัสเชื้อ เราไม่สามารถกำหนดได้
• ปัจจัยเฉพาะตัวของลูก
เช่น คลอดก่อนกำหนด มีโรคปอด โรคหัวใจ โรคประสาทและกล้ามเนื้อ หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากโรคประจำตัว
• ธรรมชาติของเชื้อ RSV เอง
RSV เป็นไวรัสที่ทำให้เด็กบางคนแค่เหมือนเป็นหวัด แต่บางคนอาจลงหลอดลมหรือปอดได้ แม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจน



🧘‍♀️ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
• ไม่ตื่นตระหนกเกินไป
➡️ เด็กส่วนใหญ่ติด RSV จะเหมือนเป็นหวัดธรรมดา มีเพียงประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้นที่ลงหลอดลมหรือปอด
• ถ้ารู้สึกเครียด จิตตกมากจากการอ่านเคสในโซเชียล
➡️ แนะนำ social detox ปิดโซเชียล พักหน้าจอบ้าง แล้วโฟกัสที่อาการลูกของเราก็พอ
• เฝ้าสังเกตอาการลูก โดยเฉพาะช่วงวันที่ 3–5 ของโรค และรู้จักสัญญาณเตือนที่อาจบอกว่าเชื้อเริ่มลงปอด
(ลองดูคลิปเรื่องนี้ได้ในคอมเมนต์ครับ)
• ดูแลตามอาการ เช่น กินยาลดไข้เมื่อมีไข้สูงและไม่สบายตัว ดูแลการกินน้ำกินนมให้เพียงพอ เป็นต้น



❗สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเชื้อ RSV ลงปอด

1) “พาลูกไปนอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรก จะกันไม่ให้ลงปอดได้”

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การที่เชื้อ RSV จะลงปอดหรือไม่ ขึ้นกับตัวโรคและร่างกายของเด็กคนนั้น ไม่ได้ขึ้นกับว่าไปนอนโรงพยาบาลเร็วแค่ไหนครับ
• RSV มักมีอาการหนักที่สุดในวันที่ 3–5 ของโรค ต่อให้เข้ารพ.ตั้งแต่วันแรก ถ้าเชื้อมีโอกาสลงปอด มันก็ยังสามารถลงได้

แล้วทำไมหมอถึงไม่รีบให้นอนรพ. ตั้งแต่วันแรก?
• เพราะโรงพยาบาลคือที่ที่มีเด็กป่วยจำนวนมาก แม้จะมีมาตรการป้องกันแต่ก็มีความเสี่ยงที่เด็กอาจไปรับเชื้อไวรัสอื่นเพิ่มได้
• วันแรกๆเด็กมักมีอาการไม่มาก การดูแลที่บ้านอย่างใกล้ชิด มักจะปลอดภัยกว่าครับ



2) "ไปพ่นยา ดูดเสมหะแล้วเชื้อจะไม่ลงปอด"

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การพ่นยาและการดูดเสมหะไม่ได้ป้องกัน ไม่ให้ RSV ลงปอด
• หมอมักใช้การพ่นยา ในบางกรณีเท่านั้น 👉 เช่น เด็กที่เริ่มมีอาการเชื้อลงปอดแล้ว เริ่มหอบ หรือเสมหะเหนียวข้นมาก
• จุดประสงค์คือเพื่อให้ เสมหะไม่เหนียวเกินไป และเด็กไอออกง่ายขึ้น → ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
• ส่วนการดูดเสมหะ มันเจ็บนะครับ ดังนั้นเราจะทำเฉพาะบางรายเท่านั้น เช่น เด็กที่เสมหะเยอะมาก จนหอบเหนื่อย จนหายใจลำบาก กินนมไม่ได้ นอนไม่ได้
ถ้าเด็กไม่มีอาการเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องดูดเสมหะเขานะครับ

ทั้งการพ่นยาและดูดเสมหะ ไม่สามารถหยุดไม่ให้เชื้อลงปอดได้นะครับ!

สรุปสั้นๆ: การพ่นยา = ช่วย “บรรเทาอาการ” ไม่ใช่การ “ป้องกันลงปอด”



3) ล้างจมูกช่วยกันไม่ให้เชื้อลงปอด

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ไม่ได้ทำให้เชื้อ RSV หยุดอยู่แค่จมูก หรือป้องกันไม่ให้ลงปอด
• จุดประสงค์จริงๆ คือ ➡️ ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น กินนม/อาหารได้ดีขึ้น และนอนหลับสบายขึ้น
• ไม่มีความจำเป็นต้องโหมล้างมากเกินไป เพียงเพื่อจะป้องกันการลงปอดนะครับ

สรุปสั้นๆ: ล้างจมูก = “ช่วยให้ลูกสบายขึ้น” แต่ ❌ ไม่ใช่ “การป้องกันเชื้อลงปอด”



4. กินยาปฏิชีวนะ(antibiotic) ตั้งแต่แรก จะไม่เป็นปอดอักเสบ

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• เด็กที่ปอดอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากตัวเชื้อไวรัส RSV เอง >> ❌ ไม่ใช่เพราะเชื้อแบคทีเรีย
• ยาปฏิชีวนะ คือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ➡️ ไม่สามารถฆ่าไวรัส RSV ได้เลย
• หมอจะให้ยาปฏิชีวนะเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบจากแบคทีเรียจริงๆ เท่านั้น

❌ ถ้าให้ยาปฏิชีวนะตั้งแต่ยังไม่จำเป็น จะเกิดผลเสียมากกว่าได้ประโยชน์

1️⃣ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียดีๆในลำไส้
ในลำไส้ลูกมี “แบคทีเรียดีๆเต็มไปหมด” ที่ช่วยย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร และสร้างภูมิคุ้มกัน
การกินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นจะฆ่าเชื้อเหล่านี้ไปด้วย

2️⃣ เสี่ยงสร้างเชื้อดื้อยาในตัวลูกเอง
ทุกครั้งที่กินยาปฏิชีวนะเกินจำเป็น จะเหมือน “ฝึกเชื้อให้แข็งแรงขึ้น” จนกลายเป็นเชื้อดื้อยา
ถ้าวันหน้าลูกป่วยจากเชื้อจริงๆ ➡️ ยาเดิมอาจเอาไม่อยู่ ทำให้รักษายากขึ้น

3️⃣ ถ้าเจอแบคทีเรียดื้อยาจริงๆ การรักษาจะยากกว่าเดิม
สมมติวันแรก ให้ยาดักไว้ตั้งแต่ยังไม่มีแบคทีเรียเลย ➡️ วันที่ 4–5 ลูกปอดอักเสบจริงและซ้ำด้วยแบคทีเรีย
ถ้าแบคทีเรียตัวนั้น “ดื้อยา” ➡️ ยากินธรรมดาเอาไม่อยู่ อาจจะต้องนอนรพ.เพื่อใช้ยาฉีดแทน

4️⃣ เสี่ยงผลข้างเคียงไม่จำเป็น
ผื่นแพ้ยา คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ➡️ ทำให้ร่างกายลูกยิ่งอ่อนเพลียทั้งที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยา



💡 ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่

ในโซเชียลตอนนี้ มักเห็นแต่เคสที่อาการหนักถูกแชร์ออกมา
แต่จริงๆ แล้ว เด็กส่วนใหญ่ที่ติด RSV อาการไม่รุนแรง และหายได้เอง

ดังนั้น อย่าเสพโซเชียลจนทำให้จิตตกเกินไป
โฟกัสที่อาการของลูกเราเป็นหลัก เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าไม่แน่ใจ ให้พาลูกไปพบแพทย์ดีกว่าครับ

15/09/2025

✨ ป้องกันไม่ให้ RSV ลงปอดได้ไหม? ✨

ช่วงนี้คำถามยอดฮิตที่คุณพ่อคุณแม่มักถามบ่อยๆ คือ
“ถ้าลูกติดเชื้อ RSV แล้ว ทำยังไงไม่ให้เชื้อลงปอด?”

คำตอบสั้นๆเลยครับ 👉 ไม่มีวิธีป้องกัน 100%

เชื้อจะลงปอดหรือไม่ มันขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
1️⃣ ปริมาณเชื้อที่ลูกได้รับเข้าไป
2️⃣ ความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันเด็กแต่ละคน
3️⃣ โรคประจำตัวที่ลูกมี เช่น คลอดก่อนกำหนด โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคทางระบบประสาท

ดังนั้น มันมีสิ่งที่"เราควบคุมได้" และ สิ่งที่ "เราควบคุมไม่ได้"



✅ สิ่งที่เราควบคุมได้
คือช่วยให้ภูมิคุ้มกันของลูกแข็งแรงที่สุดเท่าที่ทำได้
• 🛌 นอนพักผ่อนเพียงพอ งดนอนดึก ลดกิจกรรมไม่จำเป็น
• 🍲 กินอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพ
👉 ไม่จำเป็นต้องหาซื้ออาหารเสริมแพงๆ แค่กินอาหารหลัก 5 หมู่ครบก็พอครับ
• กินนมแม่ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้
• 💧 ดื่มน้ำ/นมให้เพียงพอ ตามปริมาณที่ลูกควรได้รับต่อวัน
• 🚫 หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด หรือโรงเรียนช่วงป่วย เพื่อไม่ให้ติดเชื้ออื่นซ้ำเติม
เพราะเด็กที่ติด RSV แล้ว ร่างกายต้องใช้ภูมิคุ้มกันต่อสู้เต็มที่อยู่แล้ว ช่วงนี้จะติดเชื้ออื่นเพิ่มได้ง่าย และถ้าไปรับเชื้อใหม่เพิ่ม เช่น ไข้หวัดใหญ่, อะดีโนไวรัส ฯลฯ อาการอาจจะหนักขึ้นได้

❌ สิ่งที่เรา “ควบคุมไม่ได้”
• ปริมาณเชื้อที่ลูกได้รับเข้าไป
จะมากหรือน้อย ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและจังหวะที่สัมผัสเชื้อ เราไม่สามารถกำหนดได้
• ปัจจัยเฉพาะตัวของลูก
เช่น คลอดก่อนกำหนด มีโรคปอด โรคหัวใจ โรคประสาทและกล้ามเนื้อ หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากโรคประจำตัว
• ธรรมชาติของเชื้อ RSV เอง
RSV เป็นไวรัสที่ทำให้เด็กบางคนแค่เหมือนเป็นหวัด แต่บางคนอาจลงหลอดลมหรือปอดได้ แม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจน



🧘‍♀️ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
• ไม่ตื่นตระหนกเกินไป
➡️ เด็กส่วนใหญ่ติด RSV จะเหมือนเป็นหวัดธรรมดา มีเพียงประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้นที่ลงหลอดลมหรือปอด
• ถ้ารู้สึกเครียด จิตตกมากจากการอ่านเคสในโซเชียล
➡️ แนะนำ social detox ปิดโซเชียล พักหน้าจอบ้าง แล้วโฟกัสที่อาการลูกของเราก็พอ
• เฝ้าสังเกตอาการลูก โดยเฉพาะช่วงวันที่ 3–5 ของโรค และรู้จักสัญญาณเตือนที่อาจบอกว่าเชื้อเริ่มลงปอด
(ลองดูคลิปเรื่องนี้ได้ในคอมเมนต์ครับ)
• ดูแลตามอาการ เช่น กินยาลดไข้เมื่อมีไข้สูงและไม่สบายตัว ดูแลการกินน้ำกินนมให้เพียงพอ เป็นต้น



❗สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเชื้อ RSV ลงปอด

1) “พาลูกไปนอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรก จะกันไม่ให้ลงปอดได้”

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การที่เชื้อ RSV จะลงปอดหรือไม่ ขึ้นกับตัวโรคและร่างกายของเด็กคนนั้น ไม่ได้ขึ้นกับว่าไปนอนโรงพยาบาลเร็วแค่ไหนครับ
• RSV มักมีอาการหนักที่สุดในวันที่ 3–5 ของโรค ต่อให้เข้ารพ.ตั้งแต่วันแรก ถ้าเชื้อมีโอกาสลงปอด มันก็ยังสามารถลงได้

แล้วทำไมหมอถึงไม่รีบให้นอนรพ. ตั้งแต่วันแรก?
• เพราะโรงพยาบาลคือที่ที่มีเด็กป่วยจำนวนมาก แม้จะมีมาตรการป้องกันแต่ก็มีความเสี่ยงที่เด็กอาจไปรับเชื้อไวรัสอื่นเพิ่มได้
• วันแรกๆเด็กมักมีอาการไม่มาก การดูแลที่บ้านอย่างใกล้ชิด มักจะปลอดภัยกว่าครับ



2) "ไปพ่นยา ดูดเสมหะแล้วเชื้อจะไม่ลงปอด"

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การพ่นยาและการดูดเสมหะไม่ได้ป้องกัน ไม่ให้ RSV ลงปอด
• หมอมักใช้การพ่นยา ในบางกรณีเท่านั้น 👉 เช่น เด็กที่เริ่มมีอาการเชื้อลงปอดแล้ว เริ่มหอบ หรือเสมหะเหนียวข้นมาก
• จุดประสงค์คือเพื่อให้ เสมหะไม่เหนียวเกินไป และเด็กไอออกง่ายขึ้น → ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
• ส่วนการดูดเสมหะ มันเจ็บนะครับ ดังนั้นเราจะทำเฉพาะบางรายเท่านั้น เช่น เด็กที่เสมหะเยอะมาก จนหอบเหนื่อย จนหายใจลำบาก กินนมไม่ได้ นอนไม่ได้
ถ้าเด็กไม่มีอาการเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องดูดเสมหะเขานะครับ

ทั้งการพ่นยาและดูดเสมหะ ไม่สามารถหยุดไม่ให้เชื้อลงปอดได้นะครับ!

สรุปสั้นๆ: การพ่นยา = ช่วย “บรรเทาอาการ” ไม่ใช่การ “ป้องกันลงปอด”



3) ล้างจมูกช่วยกันไม่ให้เชื้อลงปอด

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ไม่ได้ทำให้เชื้อ RSV หยุดอยู่แค่จมูก หรือป้องกันไม่ให้ลงปอด
• จุดประสงค์จริงๆ คือ ➡️ ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น กินนม/อาหารได้ดีขึ้น และนอนหลับสบายขึ้น
• ไม่มีความจำเป็นต้องโหมล้างมากเกินไป เพียงเพื่อจะป้องกันการลงปอดนะครับ

สรุปสั้นๆ: ล้างจมูก = “ช่วยให้ลูกสบายขึ้น” แต่ ❌ ไม่ใช่ “การป้องกันเชื้อลงปอด”



4. กินยาปฏิชีวนะ(antibiotic) ตั้งแต่แรก จะไม่เป็นปอดอักเสบ

➡️ ไม่จริงครับ

ความจริงคือ
• เด็กที่ปอดอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากตัวเชื้อไวรัส RSV เอง >> ❌ ไม่ใช่เพราะเชื้อแบคทีเรีย
• ยาปฏิชีวนะ คือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ➡️ ไม่สามารถฆ่าไวรัส RSV ได้เลย
• หมอจะให้ยาปฏิชีวนะเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบจากแบคทีเรียจริงๆ เท่านั้น

❌ ถ้าให้ยาปฏิชีวนะตั้งแต่ยังไม่จำเป็น จะเกิดผลเสียมากกว่าได้ประโยชน์

1️⃣ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียดีๆในลำไส้
ในลำไส้ลูกมี “แบคทีเรียดีๆเต็มไปหมด” ที่ช่วยย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร และสร้างภูมิคุ้มกัน
การกินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นจะฆ่าเชื้อเหล่านี้ไปด้วย

2️⃣ เสี่ยงสร้างเชื้อดื้อยาในตัวลูกเอง
ทุกครั้งที่กินยาปฏิชีวนะเกินจำเป็น จะเหมือน “ฝึกเชื้อให้แข็งแรงขึ้น” จนกลายเป็นเชื้อดื้อยา
ถ้าวันหน้าลูกป่วยจากเชื้อจริงๆ ➡️ ยาเดิมอาจเอาไม่อยู่ ทำให้รักษายากขึ้น

3️⃣ ถ้าเจอแบคทีเรียดื้อยาจริงๆ การรักษาจะยากกว่าเดิม
สมมติวันแรก ให้ยาดักไว้ตั้งแต่ยังไม่มีแบคทีเรียเลย ➡️ วันที่ 4–5 ลูกปอดอักเสบจริงและซ้ำด้วยแบคทีเรีย
ถ้าแบคทีเรียตัวนั้น “ดื้อยา” ➡️ ยากินธรรมดาเอาไม่อยู่ อาจจะต้องนอนรพ.เพื่อใช้ยาฉีดแทน

4️⃣ เสี่ยงผลข้างเคียงไม่จำเป็น
ผื่นแพ้ยา คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ➡️ ทำให้ร่างกายลูกยิ่งอ่อนเพลียทั้งที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยา



💡 ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่

ในโซเชียลตอนนี้ มักเห็นแต่เคสที่อาการหนักถูกแชร์ออกมา
แต่จริงๆ แล้ว เด็กส่วนใหญ่ที่ติด RSV อาการไม่รุนแรง และหายได้เอง

ดังนั้น อย่าเสพโซเชียลจนทำให้จิตตกเกินไป
โฟกัสที่อาการของลูกเราเป็นหลัก เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าไม่แน่ใจ ให้พาลูกไปพบแพทย์ดีกว่าครับ

ขออภัยเจ้า 🙏🏻
13/08/2025

ขออภัยเจ้า 🙏🏻

เดือนกรกฏาคม ร้านปิดทุกวันเสาร์นะคะ
04/07/2025

เดือนกรกฏาคม ร้านปิดทุกวันเสาร์นะคะ

ATK Covid-19 ชุดตรวจโควิดมาแล้วค่ะ ราคาย่อมเยาว์ ชุดละ 35.- ตามคุณภาพผ่าน อย. รับรองแบบ 2IN1 ตรวจได้ทั้งน้ำลายและจมูก (ม...
15/06/2025

ATK Covid-19 ชุดตรวจโควิดมาแล้วค่ะ ราคาย่อมเยาว์ ชุดละ 35.-
ตามคุณภาพผ่าน อย. รับรอง
แบบ 2IN1 ตรวจได้ทั้งน้ำลายและจมูก (มีถ้วยน้ำลายให้)

ทักทางเพจหรือทางไลน์
หรือกด https://lin.ee/eHffZoi
โทร. 063-686-9934
แผนที่เดินทางมาร้าน https://maps.app.goo.gl/2M3UcbT4etLUhFSg8
ร้านอยู่ติดร้าน 20 บาท หยิบเลย ตรงข้ามหมูอินเตอร์
ร้านเปิด 08.00-19.00 น. ยกเว้นวันอังคารปิด 20.00 น.😃

09/06/2025

เดือนมิถุนายน 2568
ร้านปิดทุกวันเสาร์นะคะ

06/06/2025

สามารถรับถุงยางฟรี ที่ร้านได้เลย เพียงใช้บัตรประชาชนหรือยืนยันตัวผ่านแอพเป๋าตัง

มีไซส์ 49,52,54
ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับสิทธิรักษาทุกสิทธิ์
😃

ATK Covid-19 ชุดตรวจโควิดมาแล้วค่ะ ราคาย่อมเยาว์ ชุดละ 39.- ตามคุณภาพผ่าน อย. รับรองไม่จำกัดจำนวนซื้อ แต่มีจำนวนจำกัดนะค...
06/06/2025

ATK Covid-19 ชุดตรวจโควิดมาแล้วค่ะ ราคาย่อมเยาว์ ชุดละ 39.-
ตามคุณภาพผ่าน อย. รับรอง
ไม่จำกัดจำนวนซื้อ แต่มีจำนวนจำกัดนะคะ

ATK 3in1 มาแล้วค่ะ ราคาน่ารัก เพียง 59 บาท/1ชุดตรวจได้ 3 โรค ไข้หวัดใหญ่ A/B+RSV ส่วน atk แบบ covid ของเข้าพรุ่งนี้ค่ะ 🩷
05/06/2025

ATK 3in1 มาแล้วค่ะ ราคาน่ารัก เพียง 59 บาท/1ชุด
ตรวจได้ 3 โรค ไข้หวัดใหญ่ A/B+RSV
ส่วน atk แบบ covid ของเข้าพรุ่งนี้ค่ะ 🩷

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ร้านปิด 1 วันค่ะชุดตรวจ ATK  โควิด+ไข้หวัดใหญ่ + HMVP ของเข้าวันอาทิตย์ ส่วนแบบอื่นๆ เภสัชแจ้งอีก...
30/05/2025

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ร้านปิด 1 วันค่ะ
ชุดตรวจ ATK โควิด+ไข้หวัดใหญ่ + HMVP ของเข้าวันอาทิตย์

ส่วนแบบอื่นๆ เภสัชแจ้งอีกทีค่ะ

29/05/2025

ที่ร้านแจกถุงยางอนามัยสำหรับทุกสิทธิการรักษา

เพียง ใช้บัตรประชาชน หรือรับในแอพเป๋าตัง

ไม่มีค่าใช้จ่าย 🥰🥰🩷

ที่อยู่

เชียงใหม่-ฮอด
San Pa Tong
50120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 19:30
อังคาร 08:00 - 19:00
พุธ 08:00 - 19:00
พฤหัสบดี 08:00 - 19:30
ศุกร์ 08:00 - 19:00
เสาร์ 08:00 - 19:00

เบอร์โทรศัพท์

+66636869934

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านยาแฮปปี้ สหกรณ์สันป่าตอง - ร้านยาคุณภาพผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram