อบสมุนไพร นวดไทย แม่ศรีพรรณ์ เชียงใหม่

อบสมุนไพร นวดไทย แม่ศรีพรรณ์ เชียงใหม่ นวดไทยเพื่อสุขภาพ อบสมุนไพร ภูมิปัญญาทัองถิ่น Has since ancient times Help toxins that accumulate within the body through sweat. Helps blood circulation easily.

อบตัวด้วยไอน้ำสมุนไพร เป็นการรักษาสุขภาพโดยวิถีธรรมชาติบำบัด ที่มีมาแต่สมัยโบราณ ช่วยขับพิษที่สะสมภายในร่างกายออกมาทางเหงื่อ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก เมื่อเลือดไหลเวียนสะดวกแล้วก็จะส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างการสมดุล ทำให้สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ โดยธรรมชาติ

Steaming with herbal steam a healthy lifestyle therapy. When the blood flows easily, it results in a system of body balance. Make to good health.

มาค่ะ
09/07/2025

มาค่ะ

09/07/2025

ยกเครื่อง ร่ำโยนี ๑๕๐ บ. #หลังคลอด #คาวปลา #ปลาเค็ม #ตกขาว

ทำงานหนัก พักหยุดยาว 4 วัน นี้ให้เวลาดูแลตัวเอง สัก 2 ชั่วโมง ได้ไหม ??ร่างกายถาม ???? 370 ให้ 350 จัดไป
09/07/2025

ทำงานหนัก พักหยุดยาว 4 วัน นี้
ให้เวลาดูแลตัวเอง สัก 2 ชั่วโมง ได้ไหม ??
ร่างกายถาม ???? 370 ให้ 350 จัดไป

19/06/2025
18/06/2025
แพคนี้ ใช้สมุนไพรสูตร  #พิเศษ  #รีแพร์ นะคะ ปกติ 4 ร้อย ต่อ ท่าน  ช่วง  ฝนนี้ 3 อย่าง  #350 จ้า #ดีที่สุด  #สวยๆแบบเวลาม...
18/06/2025

แพคนี้ ใช้สมุนไพรสูตร #พิเศษ #รีแพร์ นะคะ
ปกติ 4 ร้อย ต่อ ท่าน ช่วง ฝนนี้ 3 อย่าง #350 จ้า
#ดีที่สุด #สวยๆแบบเวลามีน้อย #ต้องแพคนี้

06/06/2025

ลูกประคบบ้านๆ เข้า สปา 5 ดาว
แพรวพราวในตลาดออนไลน์
สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จากสมุนไพร เรียนรู้จากสวนสมุนไพรจริง สอนตั้งแต่ต้นจนจบ เรียน 1 วัน รับกลุ่มเล็กๆ รอบละ 10 ท่าน เท่านั้น ค่ะ #จับมือทำ #ลูกประคบสมุนไพร

 #ตัวอย่างผู้ป่วยสมมติเด็กชายอายุ 3 ปี 5 เดือน แม่พามาตรวจเพราะยังไม่พูด เคยพูด “หม่ำๆ” ได้เมื่ออายุ 8-9 เดือน หลังจากนั...
03/06/2025

#ตัวอย่างผู้ป่วยสมมติ

เด็กชายอายุ 3 ปี 5 เดือน
แม่พามาตรวจเพราะยังไม่พูด
เคยพูด “หม่ำๆ” ได้เมื่ออายุ 8-9 เดือน
หลังจากนั้นไม่พูด แต่จะส่งเสียงที่ไม่มีความหมาย
มักเป็นภาษาการ์ตูน ช่วงหลังเริ่มมีการพูดเลียนคำท้ายของคำถาม เช่น เมื่อแม่ถามว่า *เอาไหม* ก็จะพูดว่า *ไหม* ตาม

เด็กไม่ค่อยสบตา เรียกไม่ค่อยหัน ไม่ชี้บอกความต้องการ ไม่พยักหน้าหรือสั่นศรีษะ
เวลาต้องการให้แม่ทำอะไรให้จะใช้วิธีจูงมือแม่แล้วพาแม่ไปที่สิ่งนั้นๆ ถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการจะทุบศีรษะตัวเอง
หรือทำร้ายแม่ ชอบเล่นคนเดียวโดยเอาของมาเรียงกัน ไม่ชวนพ่อแม่เล่นด้วย ถ้ามีคนเข้าไปเล่นด้วยจะไม่ค่อยสนใจ

มีประวัติใช้หน้าจอตั้งแต่เกิด คือเปิดทีวีทิ้งไว้ตลอดวันระหว่างเลี้ยงเด็ก บางครั้งไม่ได้ดูแต่ก็เปิดไว้
ตอนอายุ 6 เดือน ให้ดูจอโทรศัพท์ตอนกินข้าว
หรือเวลาที่แม่ต้องทำงานบ้าน
ช่วงแรกๆใช้แค่เวลาไม่นาน แต่เมื่อเห็นว่าลูกนิ่งจึงปล่อยให้อยู่กับหน้าจอเกือบทั้งวัน หวังให้ลูกได้ภาษา เมื่อเวลาผ่านไป แม่สังเกตว่าลูกจดจ่อแต่กับหน้าจอ เรียกไม่หัน ไม่สนใจเล่นกับแม่

แม่ได้พยายามกระตุ้นพูด แต่ลูกไม่สนใจ ไม่ฟังนิทาน ไม่อยู่นิ่ง วิ่งไปมา ยังไม่ได้งดหน้าจอจริงจัง เพราะคิดว่ารอได้ เดี๋ยว 2 ขวบก็น่าจะพูด และคนรู้จักบอกว่าลูกเขาพูดได้ตอน 4 ขวบ ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวก็พูดได้เอง และเนื่องจากพอไม่ให้ดูจอลูกก็โวยวายมากจนแม่รับมือไม่ไหวจึงใจอ่อนให้ดูจอต่อไปเรื่อยๆ

เมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง เด็กเริ่มมีอารมณ์รุนแรง ไม่พูด บอกความต้องการไม่ได้ ไม่สบตาเวลาพูดคุย เวลาไม่พอใจจะเต้นๆ ลงไปดิ้นกับพื้น หรืออาละวาด ชอบเล่นคนเดียว กลัวการเข้าสังคม ชอบนั่งเรียงของเงียบๆ ไม่เล่นบทบาทสมมติ

พอ 3 ขวบลูกยังไม่พูด สื่อสารไม่เป็น บอกความต้องการไม่ได้ ยังไม่งดหน้าจอ แม่กังวลใจจึงพาไปเข้าโรงเรียน เมื่อไปโรงเรียนเด็กไม่อยู่นิ่ง สื่อสารไม่ได้ แสดงความต้องการด้วยการงอแง อาละวาด
คุณครูจึงแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมินพัฒนาการ

ในห้องตรวจ เมื่อเข้ามาในห้องตรวจ จะเดินไปสำรวจรอบๆห้องปีนป่ายไปทั่ว เปิดลิ้นชัก เล่นถังขยะ เปิดก๊อกน้ำ ไม่ค่อยสบตากับคุณหมอ สนใจเล่นของในห้องตรวจโดยไม่สนใจเล่นกับผู้อื่น ถ้าส่งของให้เล่น จะรับไปหมุนเล่น ไม่ทำตามสิ่งที่คุณหมอชี้ชวนหรือชวนเล่น

ประเมิน ผู้ป่วยอายุ 3 ปี 5 เดือน มีความเสี่ยงของภาวะออทิสติก ASD หรืออาจมีภาวะคล้ายออทิสติก (ออทิสติกเทียม)

✅ความบกพร่องในพัฒนาการด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ได้แก่ ชอบเล่นคนเดียวไม่ชวนพ่อแม่เล่นด้วย
✅มีความผิดปกติในการสื่อสารด้วยภาษาท่าทาง
ไม่ชี้บอกความต้องการ ไม่พยักหน้าหรือสั่นศรีษะ
✅มีอาการตามเกณฑ์ในข้อพฤติกรรม ความสนใจ หรือกิจกรรมที่แคบ จำกัดหรือเป็นแบบแผนซ้ำๆ ได้แก่ การชอบเล่นซ้ำๆโดยเอาของมาเรียงกัน

ในที่นี้ขอกล่าวถึง ภาวะคล้ายออทิสติก (ออทิสติกเทียม) #ภาวะคล้ายออทิสติก
เกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เช่น การดูหน้าจอตั้งแต่ยังเล็ก ใช้หน้าจอเลี้ยงลูก หรือแม้แต่เปิดทีวีทิ้งไว้แม้เด็กจะไม่ได้ดูก็ตาม ซึ่งตรงกับประวัติของผู้ป่วยรายนี้ ผู้ป่วยรายนี้จึงควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจการได้ยิน พบหมอพัฒนาการและจิตแพทย์เด็ก ปรับพฤติกรรม ทำกิจกรรมบำบัด ฝึกพูด
#และที่สำคัญคือควรงดหน้าจอ

🥹 ถามว่าใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะกลับมามีพัฒนาการสมวัยได้อีกครั้ง คำตอบคือ
ใช้เวลาประมาณเดียวกันกับเวลาที่ใช้หน้าจอเลี้ยงลูก
พัฒนาการที่เขาควรทำได้ในช่วงวัยที่ดูจอ
เหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ เมื่อกระตุ้นหรือปรับพฤติกรรม ก็เหมือนพาลูกย้อนกลับไปหาวัยเริ่มพูด คือวัย 1 ขวบ แม้ตอนนี้เขาจะอายุ 3 ขวบกว่าแล้ว แต่สมองไม่ได้รับการกระตุ้นให้เรียนรู้ที่จะพูด พูดไม่เป็น
เพราะฉะนั้นจึงต้องเริ่มใหม่ และการเริ่มในช่วงวัยที่ผ่าน critical period ไปแล้วนั้นจะยากและต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพราะพัฒนาการแต่ละเรื่องก็มีช่วงเวลาทองของเขา จึงมีคำกล่าวที่ว่า อะไรที่ผ่านแล้วผ่านเลย จะกลับมาแก้ไขก็อาจสายเสียแล้ว

หลังจากนั้นคุณแม่ได้งดหน้าจออย่างจริงจัง
และเริ่มปรับพฤติกรรม กระตุ้นพูด ทำกิจกรรมบำบัด
เมื่อนัดมาประเมินซ้ำที่ 3 เดือน
เด็กเริ่มพูดได้เป็นคำๆ ประมาณ 2-3 คำ
ยังไม่พูดเป็นประโยค อารมณ์รุนแรงลดลง
เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว

คุณแม่บอกว่าเหนื่อยมากแต่ดีใจที่เริ่มเห็นลูกพูดได้ … เป้าหมายคือ อยากให้เขาใช้ชีวิตในสังคม เอาตัวรอด และดูแลตัวเองได้

ตัวอย่างผู้ป่วยสมมติรายนี้ จึงชี้ให้เห็นว่า
#เด็กๆพัฒนาได้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
มิใช่หน้าจอ เพราะหน้าจอทำหน้าที่แทนพ่อแม่ไม่ได้

ปล. เป็นผู้ป่วยสมมติที่หมอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน … และหมอเจอเคสประมาณนี้เกือบทุกวัน
ส่วนใหญ่ทราบว่าหน้าจอมีผลเสีย ที่ให้ดูเพราะมีเหตุผลประกอบมากมาย ไม่มีเวลา ไม่มีคนช่วย ลูกดื้อมาก แต่รู้ไหมคะว่าผลเสียที่เกิดขึ้นจากการใช้หน้าจอ จะไม่เลือกเหตุผล ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าคุณแม่จะมีเหตุผลประกอบกี่ร้อยข้อ ผลเสียจากการใช้หน้าจอก็อาจเดินทางมาหาได้ ถ้าใช้ไม่เหมาะสมและยังไม่ถึงวัยที่ควรใช้ (ก่อน 2-3 ขวบควรงดหน้าจอใดๆทุกชนิด)

ทุกคนผิดพลาดได้ เมื่อพลาดแล้ว เราไม่โทษกัน
แต่ควรยอมรับและรีบแก้ไข

ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ

หมอรวงข้าว
กุมารแพทย์ประจำคลินิกเด็กหมอรวงข้าว

ปล. พัฒนาการของลูกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องแข่งขัน
แต่ให้อิงจากพัฒนาการตามวัยเฉลี่ยที่เด็กควรจะทำได้
นอกจากความรักที่สำคัญในการเลี้ยงลูก ความรู้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน

#ตัวอย่างผู้ป่วยสมมติ

เด็กชายอายุ 3 ปี 5 เดือน
แม่พามาตรวจเพราะยังไม่พูด
เคยพูด “หม่ำๆ” ได้เมื่ออายุ 8-9 เดือน
หลังจากนั้นไม่พูด แต่จะส่งเสียงที่ไม่มีความหมาย
มักเป็นภาษาการ์ตูน ช่วงหลังเริ่มมีการพูดเลียนคำท้ายของคำถาม เช่น เมื่อแม่ถามว่า *เอาไหม* ก็จะพูดว่า *ไหม* ตาม

เด็กไม่ค่อยสบตา เรียกไม่ค่อยหัน ไม่ชี้บอกความต้องการ ไม่พยักหน้าหรือสั่นศรีษะ
เวลาต้องการให้แม่ทำอะไรให้จะใช้วิธีจูงมือแม่แล้วพาแม่ไปที่สิ่งนั้นๆ ถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการจะทุบศีรษะตัวเอง
หรือทำร้ายแม่ ชอบเล่นคนเดียวโดยเอาของมาเรียงกัน ไม่ชวนพ่อแม่เล่นด้วย ถ้ามีคนเข้าไปเล่นด้วยจะไม่ค่อยสนใจ

มีประวัติใช้หน้าจอตั้งแต่เกิด คือเปิดทีวีทิ้งไว้ตลอดวันระหว่างเลี้ยงเด็ก บางครั้งไม่ได้ดูแต่ก็เปิดไว้
ตอนอายุ 6 เดือน ให้ดูจอโทรศัพท์ตอนกินข้าว
หรือเวลาที่แม่ต้องทำงานบ้าน
ช่วงแรกๆใช้แค่เวลาไม่นาน แต่เมื่อเห็นว่าลูกนิ่งจึงปล่อยให้อยู่กับหน้าจอเกือบทั้งวัน หวังให้ลูกได้ภาษา เมื่อเวลาผ่านไป แม่สังเกตว่าลูกจดจ่อแต่กับหน้าจอ เรียกไม่หัน ไม่สนใจเล่นกับแม่

แม่ได้พยายามกระตุ้นพูด แต่ลูกไม่สนใจ ไม่ฟังนิทาน ไม่อยู่นิ่ง วิ่งไปมา ยังไม่ได้งดหน้าจอจริงจัง เพราะคิดว่ารอได้ เดี๋ยว 2 ขวบก็น่าจะพูด และคนรู้จักบอกว่าลูกเขาพูดได้ตอน 4 ขวบ ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวก็พูดได้เอง และเนื่องจากพอไม่ให้ดูจอลูกก็โวยวายมากจนแม่รับมือไม่ไหวจึงใจอ่อนให้ดูจอต่อไปเรื่อยๆ

เมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง เด็กเริ่มมีอารมณ์รุนแรง ไม่พูด บอกความต้องการไม่ได้ ไม่สบตาเวลาพูดคุย เวลาไม่พอใจจะเต้นๆ ลงไปดิ้นกับพื้น หรืออาละวาด ชอบเล่นคนเดียว กลัวการเข้าสังคม ชอบนั่งเรียงของเงียบๆ ไม่เล่นบทบาทสมมติ

พอ 3 ขวบลูกยังไม่พูด สื่อสารไม่เป็น บอกความต้องการไม่ได้ ยังไม่งดหน้าจอ แม่กังวลใจจึงพาไปเข้าโรงเรียน เมื่อไปโรงเรียนเด็กไม่อยู่นิ่ง สื่อสารไม่ได้ แสดงความต้องการด้วยการงอแง อาละวาด
คุณครูจึงแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมินพัฒนาการ

ในห้องตรวจ เมื่อเข้ามาในห้องตรวจ จะเดินไปสำรวจรอบๆห้องปีนป่ายไปทั่ว เปิดลิ้นชัก เล่นถังขยะ เปิดก๊อกน้ำ ไม่ค่อยสบตากับคุณหมอ สนใจเล่นของในห้องตรวจโดยไม่สนใจเล่นกับผู้อื่น ถ้าส่งของให้เล่น จะรับไปหมุนเล่น ไม่ทำตามสิ่งที่คุณหมอชี้ชวนหรือชวนเล่น

ประเมิน ผู้ป่วยอายุ 3 ปี 5 เดือน มีความเสี่ยงของภาวะออทิสติก ASD หรืออาจมีภาวะคล้ายออทิสติก (ออทิสติกเทียม)

✅ความบกพร่องในพัฒนาการด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ได้แก่ ชอบเล่นคนเดียวไม่ชวนพ่อแม่เล่นด้วย
✅มีความผิดปกติในการสื่อสารด้วยภาษาท่าทาง
ไม่ชี้บอกความต้องการ ไม่พยักหน้าหรือสั่นศรีษะ
✅มีอาการตามเกณฑ์ในข้อพฤติกรรม ความสนใจ หรือกิจกรรมที่แคบ จำกัดหรือเป็นแบบแผนซ้ำๆ ได้แก่ การชอบเล่นซ้ำๆโดยเอาของมาเรียงกัน

ในที่นี้ขอกล่าวถึง ภาวะคล้ายออทิสติก (ออทิสติกเทียม) #ภาวะคล้ายออทิสติก
เกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เช่น การดูหน้าจอตั้งแต่ยังเล็ก ใช้หน้าจอเลี้ยงลูก หรือแม้แต่เปิดทีวีทิ้งไว้แม้เด็กจะไม่ได้ดูก็ตาม ซึ่งตรงกับประวัติของผู้ป่วยรายนี้ ผู้ป่วยรายนี้จึงควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจการได้ยิน พบหมอพัฒนาการและจิตแพทย์เด็ก ปรับพฤติกรรม ทำกิจกรรมบำบัด ฝึกพูด
#และที่สำคัญคือควรงดหน้าจอ

🥹 ถามว่าใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะกลับมามีพัฒนาการสมวัยได้อีกครั้ง คำตอบคือ
ใช้เวลาประมาณเดียวกันกับเวลาที่ใช้หน้าจอเลี้ยงลูก
พัฒนาการที่เขาควรทำได้ในช่วงวัยที่ดูจอ
เหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ เมื่อกระตุ้นหรือปรับพฤติกรรม ก็เหมือนพาลูกย้อนกลับไปหาวัยเริ่มพูด คือวัย 1 ขวบ แม้ตอนนี้เขาจะอายุ 3 ขวบกว่าแล้ว แต่สมองไม่ได้รับการกระตุ้นให้เรียนรู้ที่จะพูด พูดไม่เป็น
เพราะฉะนั้นจึงต้องเริ่มใหม่ และการเริ่มในช่วงวัยที่ผ่าน critical period ไปแล้วนั้นจะยากและต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพราะพัฒนาการแต่ละเรื่องก็มีช่วงเวลาทองของเขา จึงมีคำกล่าวที่ว่า อะไรที่ผ่านแล้วผ่านเลย จะกลับมาแก้ไขก็อาจสายเสียแล้ว

หลังจากนั้นคุณแม่ได้งดหน้าจออย่างจริงจัง
และเริ่มปรับพฤติกรรม กระตุ้นพูด ทำกิจกรรมบำบัด
เมื่อนัดมาประเมินซ้ำที่ 3 เดือน
เด็กเริ่มพูดได้เป็นคำๆ ประมาณ 2-3 คำ
ยังไม่พูดเป็นประโยค อารมณ์รุนแรงลดลง
เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว

คุณแม่บอกว่าเหนื่อยมากแต่ดีใจที่เริ่มเห็นลูกพูดได้ … เป้าหมายคือ อยากให้เขาใช้ชีวิตในสังคม เอาตัวรอด และดูแลตัวเองได้

ตัวอย่างผู้ป่วยสมมติรายนี้ จึงชี้ให้เห็นว่า
#เด็กๆพัฒนาได้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
มิใช่หน้าจอ เพราะหน้าจอทำหน้าที่แทนพ่อแม่ไม่ได้

ปล. เป็นผู้ป่วยสมมติที่หมอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน … และหมอเจอเคสประมาณนี้เกือบทุกวัน
ส่วนใหญ่ทราบว่าหน้าจอมีผลเสีย ที่ให้ดูเพราะมีเหตุผลประกอบมากมาย ไม่มีเวลา ไม่มีคนช่วย ลูกดื้อมาก แต่รู้ไหมคะว่าผลเสียที่เกิดขึ้นจากการใช้หน้าจอ จะไม่เลือกเหตุผล ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าคุณแม่จะมีเหตุผลประกอบกี่ร้อยข้อ ผลเสียจากการใช้หน้าจอก็อาจเดินทางมาหาได้ ถ้าใช้ไม่เหมาะสมและยังไม่ถึงวัยที่ควรใช้ (ก่อน 2-3 ขวบควรงดหน้าจอใดๆทุกชนิด)

ทุกคนผิดพลาดได้ เมื่อพลาดแล้ว เราไม่โทษกัน
แต่ควรยอมรับและรีบแก้ไข

ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ

หมอรวงข้าว
กุมารแพทย์ประจำคลินิกเด็กหมอรวงข้าว

ปล. พัฒนาการของลูกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องแข่งขัน
แต่ให้อิงจากพัฒนาการตามวัยเฉลี่ยที่เด็กควรจะทำได้
นอกจากความรักที่สำคัญในการเลี้ยงลูก ความรู้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน

(เพิ่มเติม) น่าตกใจมากที่ปัจจุบันนี้ เด็ก 1 ขวบ 2 ขวบ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ ดูคลิปสั้นใน TikTok ซึ่งคลิปสั้นเหล่านี้ไม่ควรให้เด็กดูอย่างมาก เป็นปัจจัยของสมาธิสั้น อารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง รอคอยอะไรไม่ได้ แถมยังไถไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเจอคอนเท้นแบบใด ขนาดผู้ใหญ่เองยังควบคุมตัวเองได้ยาก เด็กจะเหลืออะไร

ปล. ไม่ว่าคลิปสั้นคลิปยาว คลิปจากไหนในหน้าจอ อายุก่อน 2-3 ปี แนะนำให้งดหน้าจอทุกชนิดค่ะ หรืองดให้นานที่สุด ทุกสิ่งเริ่มจากพ่อแม่ แค่ไม่ยื่นจอให้ลูกดู ไม่ต้องหวังว่าจะมีคอนเท้นจำกัดอายุ พ่อแม่เองต้องจำกัดหน้าจอให้ลูกก่อน ผลเสียมีมากจริงๆค่ะ

รวมดาว ที่สาวๆ ชอบ
14/02/2025

รวมดาว ที่สาวๆ ชอบ

มาค่ะ มารักตัวเองกัน
14/02/2025

มาค่ะ มารักตัวเองกัน

31 มค - 4 กพ 68 เจิญมานวดผ่อนคลาย กับทีมหมอนวดที่บูธบ้านแม่ศรีพรรณ์ และ อาหารอร่อยๆ เสื้อผ้างามๆ ชมการแสดงตลอดวันในงาน ก...
31/01/2025

31 มค - 4 กพ 68 เจิญมานวดผ่อนคลาย กับทีมหมอนวด
ที่บูธบ้านแม่ศรีพรรณ์
และ อาหารอร่อยๆ เสื้อผ้างามๆ ชมการแสดงตลอดวัน
ในงาน กินดีอยู่เหนือ ที่ประตูท่าแพ เน่อเจ้า

09/01/2025

เตรียมตัว

ที่อยู่

บ้านแม่เตาไห
Sansai
50290

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 18:00
อังคาร 10:00 - 18:00
พุธ 10:00 - 18:00
พฤหัสบดี 10:00 - 18:00
ศุกร์ 10:00 - 18:00
เสาร์ 10:00 - 18:00
อาทิตย์ 10:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66842492947

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อบสมุนไพร นวดไทย แม่ศรีพรรณ์ เชียงใหม่ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง อบสมุนไพร นวดไทย แม่ศรีพรรณ์ เชียงใหม่:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram