07/09/2025
RSV ที่กำลังระบาดช่วงนี้ค่ะ
สำหรับผู้ปกครองที่กำลังดูแลเด็กๆ คุณหมอเขียนละเอียดครบถ้วนดีมากๆ
ขอให้เด็กๆปลอดภัยจากโรคต่างๆ สุขภาพแข็งแรงทุกคนค่ะ
🦠 RSV (อาร์เอสวี) เชื้อนี้… พ่อแม่ต้องรู้
ช่วงนี้มีเด็กเล็กติด RSV กันเยอะมาก
โพสต์นี้เลยตั้งใจรวบรวมข้อมูลให้ครบที่สุด
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้เป็น “คู่มือ” เวลาเจอเหตุการณ์จริง จะได้ไม่ตกใจ
📚 ในโพสต์นี้จะมี 19 ข้อ ประกอบไปด้วย
• พื้นฐานที่ควรรู้
• อาการที่ควรสังเกต
• วิธีดูแลลูกที่บ้าน
• คำถามยอดฮิตที่เจอบ่อยที่สุด
✅ อ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจก็ได้
หรือจะเซฟเก็บไว้ เผื่อวันนึงต้องใช้ ก็เปิดมาดูง่ายๆ
❤️ ถ้าเห็นคนรู้จักที่ลูกกำลังเป็น RSV
หรือมีใครโพสต์ถามตามเพจต่างๆ
แชร์โพสต์นี้ไปให้เขาได้เลยครับ
(มีคำถามอะไรเพิ่มเติม พิมพ์ถามในคอมเมนต์ได้เลยนะครับ)
========================
1️⃣ RSV คืออะไร? ทำไมคนพูดถึงกันเยอะจัง?
RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus
เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
☔️ ช่วงหน้าฝนแบบนี้คือช่วงที่มันระบาดหนัก
และ >90% ของเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ จะเคยติด RSV แล้ว
เด็กส่วนมากมีอาการเหมือน "หวัดธรรมดา"
แต่..ประมาณ 1 ใน 3 ของเด็กที่ติดเชื้อ
เชื้อ RSV สามารถลามลงไปลึกถึงปอดได้
ทำให้เกิดอาการ หอบเหนื่อย หายใจเร็ว จนต้องนอนโรงพยาบาลได้ 🏥
🧒🏻 RSV มักระบาดเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะใน
• ศูนย์เด็กเล็ก
• พี่น้องในบ้านเดียวกัน
========================
2️⃣ เชื้อ RSV ติดได้ยังไง? 🤧
💧 เชื้อไวรัส RSV แพร่ผ่าน “น้ำมูก น้ำลาย”
ดังนั้น… ถ้าไอ จาม หรือพูดคุยใกล้ๆ กันก็สามารถแพร่เชื้อได้
✋ และไม่ใช่แค่นั้น… ถ้าเด็กที่ป่วย
ไอ จาม หรือเช็ดน้ำมูกแล้วเอามือไปจับของเล่น จับประตู หรือจับของใช้ต่างๆ
เชื้อ RSV จะไปเกาะอยู่บนพื้นผิวพวกนี้ได้นาน “หลายชั่วโมง” เลยครับ!
🧸 แล้วถ้ามีเด็กคนอื่นไปจับของชิ้นเดียวกัน
ต่อด้วยเอามือเข้าปาก ขยี้ตา หรือหยิบขนมเข้าปาก → ก็ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายมาก
👩🦰 หรือบางที… ผู้ใหญ่เป็นคนไปจับของที่มีเชื้อ
แล้วกลับมาหาเด็ก หยิบจับเด็กโดย “ไม่ล้างมือก่อน” → ก็กลายเป็นการส่งเชื้อให้เด็กแบบไม่รู้ตัว
👃 นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ RSV มักจะมีอาการน้อย
บางคนแค่เจ็บคอเล็กน้อย บางคนไม่มีอาการเลย
แต่ถ้าเผลอไป “กอด หอม จุ๊บ” เด็ก → ก็แพร่เชื้อให้ลูกได้เหมือนกันครับ
❌ เชื้อ RSV ไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ แบบที่หลายคนเข้าใจผิดกัน
ดังนั้น…แค่ออกไปนั่งหน้าบ้านหรือเจอฝนเฉยๆ
ไม่ได้ทำให้ติดเชื้อ RSV นะครับ
👉 เชื้อจะติดผ่านการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือสิ่งของปนเปื้อนเท่านั้นครับ
========================
3️⃣ ลูกติดมาจากไหน? 🔍
RSV เป็นไวรัสที่มี “ระยะฟักตัว” อยู่ที่ประมาณ 2–8 วัน
แปลว่า… หลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้อ → จะยังไม่แสดงอาการทันที
แต่จะเริ่มไอ มีน้ำมูก ก็ต่อเมื่อผ่านไป 2-8 วัน
📌 ดังนั้น ถ้าวันนี้ลูกเริ่มมีอาการป่วย. . .
คุณพ่อคุณแม่ลอง “ย้อนไปดูช่วง 2–8 วันที่ผ่านมา” ว่า…
🧸 ลูกไปเจออะไรที่เข้าข่าย “เหตุการณ์ในข้อ 2” หรือเปล่า?
• ไปเล่นของเล่นร่วมกับเด็กที่ป่วยไหม?
• มีใครในบ้านป่วยก่อนหน้าหรือเปล่า?
• มีผู้ใหญ่มากอด หอมลูก หรือไม่?
========================
4️⃣ ถ้าลูกติด RSV แล้ว… อาการจะเป็นยังไง?
แบบไหนที่ควรเริ่มสงสัยว่าใช่ RSV? 🤒🦠
🗓 ช่วง "1–2 วันแรก" ที่เริ่มมีอาการ
ลูกจะมีอาการ ไอ 🤧 น้ำมูกไหล 💧
ไข้อาจจะมีหรือไม่ก็ได้
ช่วงนี้จะดูเหมือน “หวัดธรรมดา” มากๆ
ยังแยกไม่ออกว่าเป็น RSV หรือเปล่า
🗓 ช่วงวันที่ 3–5 ของอาการ (ช่วงพีค)
ระยะนี้เชื้อ RSV จะเพิ่มจำนวนในร่างกายมากที่สุด
🧠 เด็กบางคนอาการจะหนักขึ้นในช่วงนี้
และ 1 ใน 3 ของเด็กที่ติด RSV จะ “ลุกลามลงปอด”
🔍 สัญญาณเตือนที่บอกว่าเชื้อลงปอด ได้แก่…
1. หายใจเร็วผิดปกติ (เร็วเกินตามอายุ)
2. ไอถี่ขึ้น เสมหะเยอะขึ้น บางคนไอจนกินไม่ได้ นอนไม่ได้ หรือไอจนอาเจียน
3. ได้ยินเสียงครืดคราดในลำคอ หรือปอด
4. หายใจแล้วหน้าอกบุ๋ม 🫁
5. ริมฝีปากเริ่มม่วงหรือเขียว 💙 (บ่งบอกว่าออกซิเจนในเลือดต่ำ)
📽 ดูวีดีโอให้เห็นภาพมากขึ้นได้จาก link นี้;
https://fb.watch/BHLdXH1u7J/?
🗓 ช่วงวันที่ 6–7 เป็นต้นไป
ร่างกายเริ่มควบคุมเชื้อได้แล้ว
อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
✅ ไข้จะหายก่อน
⏳ ไอจะหายช้าที่สุด
บางคนอาจไอได้นาน 2–4 สัปดาห์
แต่ควรค่อยๆ ดีขึ้น
❗️ถ้าไอเกิน 2–3 สัปดาห์ แล้วยังไม่ดีขึ้น → แนะนำให้พาไปพบแพทย์ครับ
💩 เด็กเล็กยังไม่สามารถคายเสมหะเองได้
เลยมักจะ “กลืนเสมหะลงท้อง”
ซึ่งอาจทำให้มีอาการ “ท้องเสีย” ตามมาได้บ้าง
โดยทั่วไปไม่อันตราย และมักหายได้เอง
========================
5️⃣ ต้องตรวจน้ำมูกไหม? ตรวจเองที่บ้านได้หรือเปล่า? 👃🧪
ปัจจุบันมี “ชุดตรวจเชื้อไวรัสในน้ำมูกแบบตรวจเองที่บ้าน”
📦 หน้าตาคล้ายชุดตรวจโควิดเลย
วิธีใช้ก็เหมือนกัน → แยงจมูกลูก → หยดน้ำยา → รอผล 15 นาที
✅ ข้อดีคือสะดวกมาก
⚠️ แต่… สิ่งที่ต้องระวังคือ
1. เหมาะกับบ้านที่ “กล้าแยงจมูกลูกเอง” เท่านั้น
เพราะถ้า “แยงไม่ลึกพอ” → อาจ “ตรวจไม่เจอเชื้อ” ได้
ทำให้ผลออกมาเป็นลบ ทั้งที่ลูกอาจติดเชื้อจริงก็ได้
2. 💡 ชุดตรวจเหล่านี้เป็น “การตรวจแบบคัดกรองเบื้องต้น”
ความแม่นยำจะอยู่ที่ 50-60%
ดังนั้น ถ้าผลออกมา “ไม่เจอเชื้อ” อย่าเพิ่งวางใจว่าไม่เป็น RSV ครับ
เพราะอาจเกิดจาก…
• ตรวจเร็วเกินไป → เชื้อยังน้อยเลยยังไม่ขึ้นผลบวก
• แยงไม่ลึกพอเลยไม่เจอเชื้อ
แต่ถ้า…
✅ ตรวจแล้ว “เจอเชื้อ RSV” → ถือว่าผลน่าเชื่อถือระดับนึง
ถ้าอาการก็เข้าได้ มักแปลว่าลูกติดเชื้อจริงครับ
🎯 แนะนำให้เลือก “ชุดตรวจที่แยงจมูกครั้งเดียว แต่ตรวจได้หลายเชื้อพร้อมกัน”
เพราะเด็กอาจไม่ได้ติด RSV เสมอไป แต่อาจติดเชื้อไวรัสตัวอื่นก็ได้
🛍 ตอนนี้มีชุดตรวจแบบ 8–10 เชื้อในชุดเดียว
ให้เลือกอันที่เชื่อถือได้ และผ่านอย.นะครับ
📽 ดูคลิปวิธีการเลือกชุดตรวจน้ำมูกได้ใน link นี้เลย;
https://fb.watch/BHLh2LB6r3/?
========================
6️⃣ ทำไมบางทีพาไปโรงพยาบาล หมอไม่เห็นตรวจ RSV ให้เลย❓🏥
จริงๆแล้ว “ไม่จำเป็นต้องส่งตรวจ RSV ในเด็กทุกราย” ครับ
✅ เพราะ RSV เป็นเชื้อไวรัส สามารถหายได้เอง
→ “ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ” และรักษาตามอาการเท่านั้น
👨⚕️ การซักประวัติ + ตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ก็เพียงพอแล้วสำหรับการวินิจฉัยว่าเป็น “การติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ” และเริ่มรักษาได้เลยครับ
🕐 อีกเหตุผลสำคัญคือ…
การตรวจ RSV ที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
ระหว่างรอผล → เด็กต้องนั่งรอในโรงพยาบาลนาน
และยิ่งอยู่นาน… ก็ยิ่ง “เสี่ยงติดเชื้ออื่นๆ” จากโรงพยาบาลมากขึ้นด้วยครับ 😷
📌 เพราะแบบนี้ จึงเลือก “ส่งตรวจเฉพาะในบางกรณี” เช่น
เด็กที่มีอาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล
หรือ เด็กที่เริ่มมีภาวะเชื้อลงปอด เป็นต้น
========================
7️⃣ เด็กกลุ่มไหน… ที่เสี่ยงเชื้อลงปอดมากกว่าเด็กทั่วไป? 🫁⚠️
👶🏻 เด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือน
(โดยเฉพาะต่ำกว่า 6 เดือน จะมีโอกาสสูงขึ้นอีก)
👶🏻 เด็กที่ “คลอดก่อนกำหนด”
เพราะปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ภูมิคุ้มกันก็ได้จากแม่ไม่เต็มที่
💔 เด็กที่มี “โรคประจำตัว” เช่น
• โรคหัวใจแต่กำเนิด
• โรคปอดเรื้อรัง
• ภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิด
• โรคทางระบบประสาท ที่แรงไอไม่ดี
กลุ่มนี้ถ้าติด RSV ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดนะครับ
เพราะมีโอกาสที่เชื้อจะลุกลามลงปอดได้ง่ายกว่าและรุนแรงกว่าเด็กทั่วไปครับ
========================
8️⃣ รักษา RSV เบื้องต้นที่บ้านได้ยังไงบ้าง?
(กรณีที่อาการไม่หนัก ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล) 🏠🩺
📽 ดูคลิปการรักษา RSV ที่บ้านได้จากคลิปนี้; https://www.facebook.com/share/v/1ASsRV3rQv/
8.1) 💧 สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ไม่ใช่ยา แต่คือ “การให้น้ำหรือนมให้เพียงพอ”
โดยคำนวณตามน้ำหนักของเด็ก
(📊 ดูตารางที่ทำไว้ให้ในคอมเมนต์ได้เลย)
ถ้าเด็กได้รับน้ำไม่พอ → “น้ำมูก” และ “เสมหะ” จะเหนียว
(สองสิ่งนี้มีน้ำเป็นองค์ประกอบมากกว่า 95%)
📌 ผลที่ตามมา…
• น้ำมูกเหนียว → อุดจมูก → หายใจไม่สะดวก
โดยเฉพาะในเด็ก 1 ขวบ → จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นบ่อยๆ
(เด็ก