15/11/2022
ซื้อตู้แช่นม แบบไหนดี?
เพราะบางทีคุณแม่ก็ปั๊มนมออกค่อนข้างเยอะ
ทำสต๊อกได้มากจนไม่มีที่จะเก็บ ก็เลยจำเป็นต้องไปทิ้งนมเก่าที่หมดอายุ ทิ้งแล้วก็เสียดายมาก ก็เลยทำให้คุณแม่อยากได้ตู้แช่เพิ่มเพื่อทำสต๊อกนม แต่ก็ไม่รู้ว่า จะใช้ตู้แช่แบบไหนดี และควรมีอุณหภูมิเท่าไหร่ เก็บได้นานเท่าไหร่ โดยเรามีเทคนิคการเลือกซื้อตู้แช่นมมาฝากค่ะ
1.ตู้แช่แข็ง หรือ ตู้เย็น ต่างกันยังไง?
ตู้เย็นธรรมดา ความเย็นสูงสุดที่ทำได้ เย็นสุด -5 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำแข็งมันแข็ง และ ตู้แช่แข็ง เย็นสุด -20 องศาเซสเซียส ทำให้การเก็บน้ำนมแม่ เก็บได้นานมากขึ้น ส่วนนมแม่ที่เก็บในช่องฟรีซหรือตู้เย็นธรรมดา เก็บนมแม่ได้ประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับที่ว่า เราเปิดปิดบ่อยแค่ไหน เพราะการเปิดปิดทุกครั้งความเย็นมันเสีย แต่ถ้าเกิดเป็นตู้แช่แข็งเนี่ย เก็บได้สูงสุดถึง 1 ปี
2.ตู้แช่แข็ง แนวนอน หรือ แนวตั้ง
แบบที่ 1 แนวนอน
ตู้ลักษณะนี้มักจะเก็บความเย็นได้ดีกว่า เพราะความเย็นมันไหลลงที่ต่ำเสมอ ทำให้ไม่เสียความเย็น พอเปิดฝาขึ้นมาปุ๊ป ความเย็นจะไม่ออก ความเย็นจะอยู่ในตู้แช่ค่ะ
แบบที่ 2 แนวตั้ง
ตู้เย็นแช่แข็งแนวตั้ง เปิดแล้วแล้วรู้สึกเย็น เพราะไอเย็นออก พอเราเปิดปิดตู้เย็นบ่อยๆ คราวนี้ความเย็นก็จะหายหมด มันเก็บไม่ได้ เพราะเป็นแนวตั้ง ดังนั้น ถ้าจะซื้อตู้แช่เก็บนม ควรซื้อแนวนอนจะดีกว่า ส่วนแนวตั้งอาจดีตรงที่ว่า สามารถเก็บนมได้สะดวกเท่านั้น
3.ตู้แช่แข็งจะมีราคาเริ่มมต้นอยู่ที่ระดับนึง
แต่พอเพิ่มความจุก็จะมีการบวกเพิ่มไปอีก แนะนำควรซื้อตู้แช่แข็งใหญ่ไปเลย เช่น 7.0 คิว , 9.0 คิว, 12 คิว ขึ้นไปน่าจะดีกว่า เพราะการที่คุณแม่ซื้อตู้เล็กๆ เช่น ตู้ 3.0 คิว , 5.0 คิว ราคาก็ 5-6 พันบาทแล้ว
แต่ถ้าตู้นม 7.0 คิว ราคา 7 – 8 พันบาท โดยราคาไม่ได้เพิ่มถึง 2 เท่า แต่ปริมาณความจุเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เพราะถ้าเป็นคุณแม่นักปั๊มจริงๆ เผลอๆ 7Q ยังจุไม่พอ และขนาดตู้แช่แข็ง แต่ละตู้เก็บได้โดยประมาณ 3.5 คิว / 250 ถุง , 5.0 คิว / 350 ถุง, 7.0 คิว / 450 ถุง และ 9.0 คิว / 550 ถุง
สรุปก็คือ เราควรจะใช้ตู้แช่แข็งโดยเฉพาะจะดีกว่า โดยเฉพาะตู้แช่แข็งแนวนอน และสุดท้ายตู้แช่แข็งตู้ใหญ่จะให้ความจุเยอะและถูกกว่าคุ้มกว่า ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตู้เล็กๆ หลายๆ ตู้ที่หลังด้วยค่ะ
#แม่เย
#เภสัชกรเจสซี่
#หนึ่งเดียวที่แคร์ดูแลจนคุณแม่ทำสต๊อกได้