Smart Moral Enhancement (SME)

Smart Moral Enhancement (SME) เพื่อร่วมสร้างสรรโลกอริยะด้วยการส?

เป็นคอร์สใหม่สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโครงการSME โรงเรียนแสงทองวิทยาและธิดานุเคราะห์ ดูแลรับผิดชอบโดย พญ.ณิศศา เกียรติ์กิตติพงษ์ (พี่หมอแก้ม)
เริ่มกิจกรรมเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2553 และมีกำหนดการร่วมกิจกรรมทุกวันศุกร์ เวลา 15.00-16.00 น.

28/07/2021

[เหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์]
แชร์ประสบการณ์การดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วย COVID-19 pneumonia

ผมและทีม PC ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมดูแลผู้ป่วยใน RCU แบบคู่ขนานกันไป

บทเรียนหนึ่งที่ทั้งทีม PC และ RCU ได้เรียนรู้ร่วมกัน คือ การได้พูดคุยกับครอบครัว เห็นถึงความรักและความผูกพัน เราก็สามารถสร้างพื้นที่ให้ครอบครัวได้มีโอกาสดูแลกันภายใต้บริบทของมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวด

ในขณะเดียวกัน บุคลากรสุขภาพที่ได้ยินเรื่องราวและการตัดสินใจของครอบครัว ก็ทำให้คลายความกดดันในการดูแลและตัดสินใจ เพราะนั้นได้กลายเป็นการตัดสินใจร่วมกัน ที่เรารับรู้และให้เกียรติคุณค่าของครอบครัวอย่างแท้จริง

วันศุกร์ที่ 30 ก.ค. 2564 19.00-20.30
เชิญชวนมาร่วมเรียนรู้ รับฟัง และแบ่งปันกันครับ

01/04/2018
29/03/2018
27/03/2018

การทำงานเป็นทีมของนกเป็ดน้ำ
เวลาหมู่นกเป็ดน้ำบินบนท้องฟ้า เคยสังเกตมั้ยครับว่าทำไมนกเป็ดน้ำต้องบินเป็นรูปตัววีหัวกลับ นั่นก็เพราะว่า แรงดึงของนกตัวแรกและตัวที่สองในแถวที่สอง จะทำให้นกเป็ดน้ำ 4 ตัวหลังไม่ได้ใช้แรงบินมากเหมือนการบินเดี่ยว เมื่อนกเป็ดน้ำที่เป็นผู้นำเริ่มบิน นกเป็ดน้ำอีก 4 ตัวก็จะแปรขบวนเป็นรูปตัววีหัวกลับ ซึ่งจะช่วยให้นกเป็ดน้ำมีความเร็วในการบินเพิ่มได้ถึง 70% และจะเร็วกว่าการบินตัวเดียว การบินของนกเป็ดน้ำก็เหมือนการทำงานเป็นทีมของคนเรา เมื่อเรามีเป้าหมายร่วมกัน ความร่วมมือกันจะทำให้ไปถึงเป้าหมายและสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น ระหว่างทาง นกเป็ดน้ำจะสลับกันทำหน้าที่ตามสถานการณ์ เมื่อตัวผู้นำเหนื่อย ตัวถัดมาจะสลับขึ้นไปแทน พวกมันจะช่วยเหลือกันเพื่อให้เพื่อนของมันบินไปถึงปลายทางด้วยกันทั้งหมด การบินถึงจุดหมายของนกเป็ดน้ำ ก็เปรียบเสมือนการทำงานเป็นทีมของเรา ที่ต้องมีความเป็นทีมเวิร์ค ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถึงจุดหมายที่สำเร็จร่วมกันได้นั่นเอง
#ฮีโร่ชาวบ้าน .0 #ไทยแลนด์4.0

24/03/2018

Su***de is More Common in Medical School Than in Any Other School Setting
การฆ่าตัวตายพบในโรงเรียนแพทย์บ่อยกว่าโรงเรียนอื่นๆ

ในขณะที่นักเรียนแพทย์เรียนการไปดูแลรักษาช่วยเหลือปัญหาสุขภาพของคนอื่น พวกเขาเหล่านั้นกลับละเลย (ถูกละเลย) และหลงลืมที่จะดูแลตัวเองในด้านต่างๆทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การเรียนและงานที่หนักหน่วงทำให้อดกินอดหลับอดนอน เป็นปัญหาต่อร่างกาย ความกดดัน ความรับผิดชอบ การแข่งขัน ฯลฯ ทำให้เกิดความเครียดสะสมหรืออาการซึมเศร้า เป็นปัญหาต่อจิตใจ ซึ่งล้วนนำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ไม่พึงปรารถนา

หลายคนอาจไม่ทราบว่าในปัจจุบันการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุตายที่สำคัญในกลุ่มวัยรุ่น ยิ่งกว่านั้นยังพบว่านักเรียนแพทย์มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าประชากรทั่วไปในวัยเดียวกันถึง 3 เท่า สาเหตุก็เป็นเรื่องทำนองเดียวกับการฆ่าตัวตายของแพทย์ คือนักเรียนแพทย์ถูกสอนให้เข้าใจว่าต้องแข็งแกร่ง การร้องขอความช่วยเหลืออาจถูกมองว่าอ่อนแอ และการมีปัญหาทางจิตในระหว่างเรียนอาจกลายเป็นตราบาป (stigmata) ทำให้อนาคตของพวกเขาไม่สดใส

ในสหรัฐอเมริกา สมาคมนักเรียนแพทย์อเมริกัน หรือ American Medical Student Association; AMSA (ชื่อย่อซ้ำกับ Asian Medical Students’ Association) ได้จัดให้มีโปรแกรมช่วยเหลือนักเรียนแพทย์ซึ่งครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาทางจิตใจด้วย หรือจะเป็นการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางออนไลน์ ซึ่งอาจเป็นแบบลับคือปกปิดตัวตน หรือจะขอนัดคุยต่อหน้าก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเป็นเวลานาน

ในบ้านเราแม้บริบทจะไม่เหมือนในสหรัฐอเมริกา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีปัญหาด้านนี้ในนักเรียนแพทย์ของเราเช่นกัน นอกจากการพยายามสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีขึ้นในโรงเรียนแพทย์แล้ว อาจต้องมีการพัฒนาการให้ความช่วยเหลือเหล่านี้ให้กับนักเรียนแพทย์ ทั้งในระดับโรงเรียนแพทย์เอง (ซึ่งหลายแห่งมีบริการด้านนี้อยู่แล้ว) หรือความร่วมมือระดับองค์กรของโรงเรียนแพทย์ หรือแม้แต่องค์กรของนักเรียนแพทย์ก็สามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน

อ้างอิง: https://www.amsa.org/suicide-is-more-common-in-medical-school-than-in-any-other-school-setting/
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: scroll.in

04/03/2018

“เรียนหมอหนักมาก” เรามักได้ยินคำนี้อยู่เสมอๆ จนกลายเป็นเรื่องเคยชินกันไปแล้ว หลายคนทุ่มเทอ่านหนังสือติ...

22/01/2018

*Original content by BizKlass*

ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมงนี้ เพื่อแปลโพสต์สุดท้ายของ " Holly Butcher" สุภาพสตรีที่ป่วยเป็นมะเร็งในวัย 26 ปี เธอเสียชีวิตหลังจากโพสต์ข้อความนี้ใน Facebook เพียง 24 ชั่วโมง และครอบครัวก็นำมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นอ่านและรับรู้ว่าชีวิตนี้มีค่ามาก

แม้จะเป็นการแปลแบบมือสมัครเล่นที่ไม่ได้ลุ่มลึกในเรื่องของการใช้ภาษานัก แต่ผมตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดมันออกมาให้ใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้

ผมขออุทิศโพสต์นี้ให้เธอ

******************************************************

"มันก็แปลกอยู่นะที่ฉันจะต้องยอมรับความตายในวัยแค่26ปี

ความตายเป็นสิ่งที่คนหนุ่มสาวอย่างเรามักจะเพิกเฉย เพราะเราคิดว่ายังจะมีวันพรุ่งนี้เสมอ เราจะมีชีวิตไปเรื่อยๆ ความตายเป็นเรื่องของวันข้างหน้าที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ฉันนึกภาพตัวเองตอนแก่ หน้าเหี่ยว ผมหงอกเต็มหัว อยู่ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น มีหลานๆวิ่งเต็มบ้าน ฉันอยากจะสร้างครอบครัวกับคนรักอย่างที่ฝันไว้

ฉันอยากได้ชีวิตแบบนั้น
คิดแล้วก็ทรมานเหลือเกิน

ชีวิตที่เรารักนี้มันเปราะบาง คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ทุกวันที่มีชีวิตคือของขวัญต่างหาก ไม่ใช่การดำรงอยู่เพราะเรามีสิทธิที่จะมีชีวิตต่อไปอย่างที่เข้าใจ ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปีแล้ว ฉันรักชีวิตของฉัน ฉันมีความสุขกับมัน ฉันมีความรักที่ดี

แต่ไม่มีใครควบคุมชะตาชีวิตได้ทั้งนั้น

ฉันเขียนโพสต์นี้ก่อนฉันจะตาย ความตายน่ากลัว แต่เราต่างก็มองข้ามและพยายามไม่คิดถึงมัน ฉันก็เคยคิดว่ามันคงไม่ได้จะเกิดกับตัวเองหรือใครในเร็ววัน การคิดถึงความตายเป็นเรื่องที่แย่จริงๆ

สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือ คุณเลิกกังวลกับปัญหางี่เง่าเล็กๆน้อยๆ ความเครียดที่ไม่ได้สลักสำคัญที่เกิดกับชีวิตเสียเถอะ และพึงระลึกว่าเราต่างต้องเผชิญกับโชคชะตาทั้งนั้น สิ่งที่เราทำได้ควรจะเป็นการใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรู้สึกที่ดี มีคุณค่าในตัวเอง ตัดเรื่องปัญญาอ่อนออกไปเหอะ

ฉันใช้เวลาคิด ไตร่ตรองชีวิตของตัวเองในวาระสุดท้ายนี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และมันมักจะโผล่ขึ้นมากลางดึกซะด้วย ในช่วงเวลาที่คุณเอาแต่บ่นกระปอดกระแปด ขอให้รู้ว่าคนอื่นก็เจอปัญหาแบบเดียวกับคุณและอาจจะอยู่้ในเงื่อนไขที่แย่กว่า โยนมันทิ้งไปเถอะ

ต้องยอมรับนะว่าบางเรื่องมันก็กระทบจิตใจและสร้างความรำคาญให้ชีวิต แต่อย่าแบกมันเอาไว้ เพราะตัวคุณเองก็จะส่งต่อผลกระทบทางลบไปที่ชีวิตของคนอื่นรอบข้างด้วย

เมื่อคุณเริ่มเหวี่ยงหรือปล่อยพลังลบให้คนอืิ่่น ขอให้เดินออกมาจากตรงนั้นก่อน หายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด ดูท้องฟ้าที่ยังสดใส ดูความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ เห็นไหมว่ามันสวยงามมากเลย คุณโชคดีแค่ไหนแล้วที่คุณยังมีชีวิตและหายใจได้ในตอนนี้

วันที่คุณเซ็งกับรถติดหรืออาจจะนอนน้อยเพราะลูกปลุกคุณทั้งคืน ช่างตัดผมตัดให้คุณสั้นเกินไป เล็บที่ไปต่อมาเป็นรอยไม่สวย คิดว่าตัวเองนมเล็กเกินไป หรือคุณอาจกังวลกับเซลลูไลท์ที่ต้นขาและพุงที่น่าเกลียดของตัวเอง

คุณปล่อยเรื่องบ้าๆพวกนี้ทิ้งไปเหอะ

ฉันสาบานว่าคุณจะไม่มีวันคิดเรื่องพวกนี้อีกถ้าคุณกำลังจะตายในอีกไม่ช้า เป็นเรื่องสำคัญนะที่คุณจะต้องถอยออกมาแล้วมองชีวิตแบบภาพรวมทั้งหมด ตัวฉันเองเห็นร่่างกายของตัวเองเสื่อมสลายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ฉันทำอะไรกับมันไม่ได้เลย สิ่งที่ฉันต้องการคือ ฉันอยากจะอยู่ให้ถึงวันเกิดของตัวเองหรือวันคริสต์มาสที่ได้ใช้เวลากับครอบครัว วันที่ฉันจะได้เล่นกับหมา มีความสุขกับคนที่รัก

แค่อีกสักครั้งเท่านั้น

ฉันได้ยินคนเอาแต่บ่นเรื่องปัญหาจากการทำงาน หรืออ้างแต่ว่าไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย จงสำนึกในตอนนี้เถอะว่ามันดีแค่ไหนแล้วที่ร่างกายคุณยังทำงานหรือขยับเขยื้อนได้ แต่ละวันที่คุณทำงานหรือแต่ละก้าวที่คุณออกวิ่ง มันดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยมากๆนะ แต่มันจะมีค่ามาก ถ้าคุณพบกับวันที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยอีกต่อไป

ฉันพยายามที่จะดูแลตัวเอง นั่นเป็นPassionของฉันเลยล่ะที่อยากจะมีสุขภาพแข็งแรง จงรักร่างกายของตัวเองเถอะ แม้ว่ารูปร่างเราอาจจะไม่ได้เป๊ะอย่างที่อยากก็ตาม ดูความมหัศจรรย์ของมัน กินอาหารที่สดและเป็นประโยชน์ รักตัวเอง แต่อย่าหลงใหลมันเกินเหตุนะ

จำเอาไว้ คำว่าสุขภาพที่ดีความหมายกว้างกว่าการมีร่างกายแข็งแรง สิ่งที่สำคัญคือสุขภาพจิต อารมณ์ และความสุขในระดับจิตวิญญาณต่างหาก เมื่อกลับมามองใหม่ คุณจะพบว่าเรื่องที่มีสาระยังมีมากกว่าการมีรูปร่างที่ดีไว้อวดในโซเชียลมีเดีย ไปลบหรือunfollowเพจที่คุณอ่านแล้วทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ซะ หรืิอกระทั่งเลิกยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนหรือใครก็ตามทีที่ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำ

จงดีใจเถอะถ้าวันนี้ร่างกายคุณยังแข็งแรงดีอยู่ หรืออาจจะแค่เป็นหวัด เมื่อยหลัง หรือข้อเท้าเคล็ดก็ตาม อาการพวกนี้ไม่ทำให้ถึงตายหรอก เดี๋ยวก็หาย

บ่นให้น้อยลง แล้วเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเถอะ

โปรดให้ ให้ และให้ผู้อื่นเสมอ เรามักจะมีความสุขเวลาที่ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นมากกว่าตอนที่ทำเพื่อตัวเองเสมอล่ะ ตัวฉันเองก็ยังอยากจะทำดีกับคนอื่นให้มากกว่านี้

ตั้งแต่ป่วยมา ฉันพบกับสิ่งวิเศษ ผู้คนที่จิตใจดีทั้งคนรู้จักและคนแปลกหน้า ความรักและกำลังใจจากครอบครัวที่ยอดเยี่ยมของฉัน พวกเขาให้ฉันมากเหลือเกิน มากกว่าที่ฉันจะตอบแทนได้หมด ฉันจะไม่มีวันลืมพวกเขาและสิ่งดีๆนี้เลย

เรื่องเงินก็ด้วย บทจะตายจริงๆ ฉันไม่ได้คิดเรื่องการใช้เงินเลย มันไม่ใช่เวลาที่เราจะออกไปชอปปิ้งและซื้อของที่ชอบ ซื้อชุดใหม่ที่อยากใส่ ตัวฉันเองคิดได้ว่าตัวเรานี่ใช้เงินไปเยอะมากกับเรื่องเสื้อผ้าและเรื่องสิ้นเปลืองอื่นๆในชีวิต ตลอดช่วงที่ผ่านมา

วันๆคุณอาจจะคิดแต่เรื่องการซื้อชุดใหม่ ของสวยงาม เครื่องประดับที่จะใส่ไปงานแต่งงานของเพื่อนครั้งต่อไป โดยที่คุณไม่รู้หรอกว่า 1. ไม่มีใครมานั่งดูหรอกว่าคุณใส่ชุดซ้ำหรือเปล่า 2. เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะเอาเงินไปใช้ชีวิต กินข้าว ได้อยู่กับเพื่อนๆ อาจจะซื้อต้นไม้ หรืิอชุดสวยๆไปให้พวกเขา หรือจะหากิจกรรมดีๆด้วยกันก็ได้ จงเห็นคุณค่าในเวลาชีวิตของคนอื่น อย่าปล่อยให้พวกเขารอคุณเพราะนิสัยสายเสมอของคุณ เพื่อนๆอยากใช้เวลากับคนที่ไปถึงก่อนเวลาและแชร์สิ่งที่ดีกับพวกเขา ตัวคุณเองก็จะได้รับความเคารพจากพวกเขาเช่นกัน

ปีนี้ ครอบครัวของฉันไม่ได้ให้ของขวัญกันหรือตกแต่งต้นคริสมาสต์เหมือนเคย มันก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องกดดันว่าต้องไปหาซื้อของหรือเขียนการ์ดให้คนอื่น แต่ฉันก็แอบคิดนะว่าฉันน่าจะได้ของขวัญ มันอาจจะดูเหยาะแยะ แต่พวกการ์ดอวยพรที่เขียนให้กันมีความหมายกับฉันมากกว่าของขวัญที่ซื้อกันช่วงเทศกาลเสียอีก แต่่นั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่กว่าคริสต์มาสที่มีความหมายหรอก

ใช้เงินของคุณไปกับประสบการณ์ที่ดีเถอะ หรืออย่างน้อยก็อย่าผลาญเงินไปจนหมดจนคุณไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ฺเลย คุณอาจจะขับรถไปชายหาดสักที่ จุ่มเท้าในน้ำหรือแทรกมันลงในกองทราย ให้น้ำทะเลเปื้อนหน้าบ้าง

จงอยู่กับธรรมชาติ

ดื่มด่ำกับสิ่งรอบตัวในช่วงเวลาที่ดี ไม่ใช่เอาแต่ถ่ายรูปหรือเล่นมือถืออย่างเดียว ชีวิตจริงไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่หน้าจอหรือคอยแต่มามุมถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ ใช้ชีวิตกับมัน อยู่ตรงนั้น มีความสุขกับช่วงเวลานั้นเถอะ ไม่ต้องเผื่อแผ่คนอื่น

เรื่องที่ฉันไม่เข้าใจคือ ทำไมผู้หญิงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อแต่งหน้าทำผมในแต่ละวัน หรือกระทั่งคืนที่ออกไปเที่ยวก็ตาม ลองตื่นให้เช้าขึ้นสิ ฟังเสียงนกร้องและดูความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น ฟังเพลง ฟังมันจริงๆถึงรายละเอียด การบำบัดด้วยดนตรีมันดีจริงนะ

เล่นกับหมาที่คุณเลี้ยงด้วย
แย่จัง ฉันจะไม่ได้ทำมันแล้ว

คุยกับเพื่อน เลิกสนใจมือถือ ใส่ใจหน่อยว่าชีวิตเพื่อนคุณโอเคหรือเปล่า

ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ อย่าพลีชีพเพื่อการทำงาน

คุณต้องทำให้หัวใจของคุณมีความสุข

กินเค้กเหอะ ไม่ต้องรู้สึกผิด

ไม่ต้องไปไล่ตามคนอื่น ไม่ต้องพยายามเติมเต็มชีวิตแบบที่คนอื่นทำ คุณอาจต้องการแค่ชีวิตพื้นๆ สบายๆเท่านั้น มันโอเคนะ!

บอกรักคนที่คุณรักทุกครั้งที่มีโอกาส รักในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมี

และเมื่อมีสิ่งใดที่ทำให้คุณทุกข์ คุณสามารถเปลี่ยนมันได้ จะเรื่องงาน เรื่องความรักหรือเรื่องอะไรก็ตามที คุณเปลี่ยนมันได้แน่ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเหลือเวลาอยู่บนโลกใบนี้อีกนานแค่ไหน อย่าไปเสียเวลากับปัญหาเลย ทุกคนพูดประโยคนี้กันหมดและมันเป็นเรื่องจริงที่สุด

เอาเถอะ ถือว่าเป็นคำแนะนำจากฉัน คุณจะสนใจหรือไม่ก็ตามที

โอ้..และสิ่งสุดท้าย ถ้าคุณสามารถทำอะไรดีๆเพื่อเพื่อนมนุษย์อย่างเช่นการบริจาคเลืิอด มันจะทำให้คุณรู้สึกยอดเยี่ยมที่ได้ช่วยชีวิตคนอื่น การบริจาคแต่ละครั้งช่วยผูุ้ที่ต้องการมันได้ถึง 3 คนแน่ะ มันทำง่ายและผลของมันยิ่งใหญ่จริงๆ

ฉันมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็เพราะเลือดบริจาคของคนอื่นนี่แหละ ทำให้ฉันอยู่ต่อได้อีกตั้งปีนึง ปีที่ฉันตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดบนโลกใบนี้กับครอบครัว เพื่อน และหมาที่ฉันรัก อีกสักปีที่จะยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของฉัน

หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ,

ฮอล"

**********************************************************

ขอบคุณและขอให้ไปสู่สุขคติ ฮอลที่รัก

เล็ก-มนต์ชัย
21 มกราคม 2561 , บ่ายวันอาทิตย์

ปล. อ่านต้นฉบับโพสต์ของฮอลได้ที่ https://www.facebook.com/hollybutcher90/posts/10213711745460694

23/12/2017
20/12/2017

#กอดวิตามินป้องกันหนาว
เติมอุ่นสุขภาพกาย สร้างรักสุขภาพใจ

13/11/2017

มาศึกษาขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ที่ถูกต้องกันนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอเหตุฉุกเฉินกันเมื่อไหร่ หากพบผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และถูกวิธี คือการช่วยเหลือโดยการ CPR ภายใน 4 นาทีหลังจากหัวใจหยุดเต้น ประกอบกับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ (AED) ก็จะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิต

สำหรับขั้นตอนในการทำ CPR มีหลักการดังนี้
1.เมื่อพบคนหมดสติ ให้ตรวจดูความปลอดภัย ก่อนเช้าไปช่วยเหลือ เช่น ระวังอุบัติเหตุ ไฟช็อต หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดซ้ำ
2.ปลุกเรียกผู้ป่วยด้วยเสียงที่ดัง และตบไหล่ทั้งสองข้าง หากผู้ป่วยรู้สึกตัว หายใจเองได้ ให้จัดท่านอนตะแคง แต่หากยังไม่หายใจ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไป
3.โทรขอความช่วยเหลือที่สายด่วน1669 พร้อมร้องขอเครื่อง AED ที่อยู่ใกล้
4.ประเมินผู้ป่วย หากไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ ให้ทำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพทันที
5.ช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ ด้วยการกดหน้าอก จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย วางส้นมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างของกึ่งกลางกระดูกหน้าอก และวางมืออีกข้างทับประสานกันไว้ เริ่มการกดหน้าอก ด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราเร็ว 100-120ครั้งต่อนาที
6.เมื่อเครื่องAEDมาถึง ให้เปิดเครื่อง และเปิดเสื้อผู้ป่วยออก และทำตามที่เครื่อง AEDแนะนำ
7.ติดแผ่นนำไฟฟ้าบนตัวผู้ป่วยตามรูป และห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วย
8.ปฏิบัติตามที่เครื่อง AED แนะนำ จนกว่าทีมกู้ชีพ จะมาถึง และ ส่งต่อผู้ป่วยให้กับทีมกู้ชีพเพื่อนำส่งโรงพยาบาล เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยฉุกเฉินมีโอกาสรอด และปลอดภัย
9.กดหน้าอกต่อเนื่อง ปฏิบัติตามคำแนะนำของเครื่องAEDจนกว่าทีมกู้ชีพจะมาถึง
10.ส่งต่อผู้ป่วยให้กับทีมกู้ชีพเพื่อนำส่งโรงพพยาบาล

#อยากให้คนไทยCPRเป็น

24/09/2017
17/07/2017

ในโอกาสที่กระแสแพทย์ลาออกจากระบบราชการ โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากความอึดอัดกับระบบราชการ Hfocus.org ขอนำข้อเขียนของ รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเคยเขียนเรื่องนี้เผยแพร่ทาง "ในระหว่างปฏิบัติงาน 3 ปีนี้และระหว่างการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง ผมว่ามีหลายอย่าง...

08/01/2017

We multitask all day long outside our vehicles. Can it really be all that dangerous if we multitask while driving? The latest NEJM Quick Take gives an animated overview of a study that looked at crash risk among novice and experienced drivers distracted by other tasks while driving. Watch it now! http://nej.md/19LClpK

16/04/2016

Respect!!

14/02/2016

MV ห้านาทีบรรลุธรรม นอกจาก บิทเติ้ล แต่งทั้งคำร้อง / ทำนอง เองแล้ว เขาขอถ่ายทอดความรู้สึก มุมมองความคิดของเพลงนี้ผ่านภาพมิวสิควิดีโอ ด้วยการเขียน Script MV เ...

21/01/2016

วิจัยพบขีดเส้นใต้-ทำไฮไลท์ ไม่ช่วยการจดจำเพิ่มขึ้น
เชื่อว่าหลายคนคงใช้ปากกาไฮไลท์เป็นตัวช่วยในการช่วยจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่สำคัญ แต่ผลการวิจัยล่าสุดกลับบ่งชี้ว่า ปากกาไฮไลท์นั้นหนา หาได้ช่วยในการจดจำไม่...

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2556 ได้มีการเปิดเผยผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคนต์สเตต คณะจิตวิทยา เกี่ยวกับเทคนิคการอ่านหนังสือที่มีการขีดเส้นใต้หรือใช้ปากกาไฮไลท์ป้ายในส่วนที่สำคัญ ซึ่งปฏิบัติกันเรื่อยมาเป็นเวลานานนั้น ปรากฏว่า ทั้ง 2 วิธีการนี้ ไม่ได้ช่วยการเรียนรู้และจดจำเท่าที่ควร ซึ่งไม่ได้ต่างจากการอ่านหนังสือตรง ๆ เลย

รายงานระบุว่า สาเหตุที่การขีดเส้นใต้หรือทำไฮไลท์นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ เพราะมันจะเป็นการดึงความสนใจจากเรื่องราวที่อ่านทั้งหมดไปสู่เนื้อหาบางข้อ ที่เราเน้นออกมาเท่านั้น ทำให้การเชื่อมโยงกับเนื้อหาอื่น ๆ ที่รายล้อมอยู่ในบทความหายไป จนขาดความรู้ที่จะอนุมานเนื้อหาออกมาได้ ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า มันไม่ได้ช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น เพราะเราจำเป็นจุด ๆ เป็นดวง ๆ ในเนื้อหาใหญ่ทั้งหมดนั่นเอง

ส่วนวิธีการที่ดีกว่าการขีดเส้นใต้ หรือการทำไฮไลท์ คือ การเขียน อ่านให้เข้าใจแล้วสรุปเขียนใหม่ด้วยตัวเองจะช่วยให้เข้าใจและจำได้ดีกว่ามาก แถมกลับมาอ่านซ้ำได้เข้าใจง่ายด้วย เพราะเราจะเขียนตามสไตล์ของตัวเอง

นอกจากนี้ นักวิจัยยังบอกว่าการใช้เวลาค่อย ๆ อ่านหนังสือทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ในหลาย ๆ วัน จะช่วยให้จดจำและเข้าใจได้มากกว่า ดีกว่าการหักโหมอ่านหนังสือก่อนสอบแน่นอน และอีกวิธีที่แนะนำคือ การทำแบบทดสอบอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เราได้คิด และรู้จักเรียบเรียง ลำดับความคิดเพื่อตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้น

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ที่อยู่

หาดใหญ่
Songkhla
90110

เวลาทำการ

15:00 - 16:00

เบอร์โทรศัพท์

081-5431122

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Smart Moral Enhancement (SME)ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Smart Moral Enhancement (SME):

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram