อูบุญตู ปลูกผัก รักษ์โลก

การได้รักและการถูกรัก...ก็ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหมายมากกว่าแค่หายใจเข้าออก...

นอกจากความรัก...มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีกับการมีชีวิต... คือ คุณค่าของการมีชีวิต... บางคนอาจตีว่าคุณค่าของชีวิตเป็นเงินทองและอำนาจ... เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้นำมาซึ่งความสุขจากวัตถุนิยม...และความเคารพยำเกรงจากคนรอบข้างได้ง่าย เร็ว...แต่กลับไม่จีรัง ต่างจากคำว่า "บารมี".... ซึ่ง คำนี้สร้างมาด้วยการกระทำความดีและคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างจริงใจ...ถึงไม่ใช้เงินหรืออำนาจ...บารมีหรือความดีก็ยังคงอยู่ได้และเป็นที่ยอมรับอีกนาน...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปี ไม่ว่าคุณจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม สามารถทำให้คนอ่านประวัติการทำงานของคุณหลงรักได้อย่าง่ายดาย...เฉกเช่นในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา....บารมีของท่านมีมากมายล้นพ้นจากการสะสมความดีมามากว่า 70 ปี แม้แต่ตัวฉันเองยังต้องเสียน้ำตา เสียใจ ในวันที่พ่อหลวงจากไป ทั้ง ๆ ที่ฉันเจอท่านเพียงครั้งเดียวและแว๊บเดียวในวันรับปริญญาบัตร...แต่ในความรู้สึกส่วนตัวของฉันเราแทบไม่รู้จักกัน....แต่ฉันกลับรู้สึกสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปซึ่งไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่เป็นกับคนไทยที่เป็นคนไทยทุกคน...และเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับผู้มีบารมีเท่านั้น....

แล้วเกี่ยวอะไรกับเกษตรอินทรีย์หละ?

เรียนรู้มาหลายธุรกิจ... แต่ละธุรกิจส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การขายและการหาเงินหรือกำไร(ไม่ว่าจะนายจ้างหรือลูกจ้าง)....เพื่อความอยู่รอดและหาซื้อสะดวกสบาย บางทีก็เกินเลยจากคำว่าสะดวกสบายกลายเป็นฟุ้มเฟื่อย... ส่วนใหญ่แล้วอาจสอนจริยธรรม จรรยาบรรณในการทำธุรกิจควบคู่ไปด้วย... สอนให้เป็นพ่อค้า แม่ค้าทั่ว ๆ ที่ต้องทำงานเพื่อเงินและต้องให้รวยถึงจะดี....

แต่ความจริง...สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งของการมีชีวิต... คือ การหาความสมดุล หาความพอดีกับชีวิต รวมถึงความเอื้ออาทร และเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ปัจจุบันนี้มีแต่การฉวยโอกาส และการเบียดเบียนธรรมชาติและเพื่อนร่วมโลกที่เป็นมนุษยชาติด้วยกันเอง และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ทั้งที่มองเห็นและไม่เห็น...

สิ่งที่แตกต่างของการทำเกษตรอินทรีย์...ด้วยความเข้าใจของตัวผู้เขียนเองและเขียนจากความรู้สึกที่สัมผัสได้...การทำเกษตรอินทรีย์เป็นอาชีพก็เป็นการทำธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน แต่หากบอกว่า...เป็นการทำธุรกิจแบบธรรมะ...ธรรมชาติ... เป็นการสร้างและรักษาความสมดุลให้กับทุกสรรพสิ่ง... โดยเราพยายามสร้างความสมดุลตั้งแต่ต้นทางของการผลิต... จนถึงปลายทางของผู้บริโภค.... เสน่ห์ของเกษตรอินทรีย์ ในความรู้สึก คือ การรักษาสมดุลต่างๆด้วยวิธีทางธรรมชาติ... ปราศจากการเอาชนะธรรมชาติด้วยการกระทำของมนุษย์... ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเคมีสังเคราะห์... หรือการเอาชนะโรคและแมลง ด้วยพันธุ์พืชที่ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรม... เพราะการทำเกษตรแบบนี้ต้องเรียนรู้การจัดการให้ธรรมชาติสร้างธรรมชาติและหักร้างกันจนเกิดสภาวะสมดุลและเหมาะกับสิ่งที่เราต้องการ... การทำธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำมาเพื่อมุ่งเน้นการหาเงินเป็นหลัก...แต่มุ่งที่จะเสพความสุขกับธรรมชาติ...ความพอดี...การอยู่รวมกันในครอบครัว ชุมชนแบบเอื้ออาทร ดีใจและภูมิใจที่ผลผลิตของเราที่เกิดด้วยวิถีธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์...ซึ่งรสชาติก็จะต่างจากการปรุงแต่งด้วยสารเคมี...หากทำทุกกระบวนการจนครบ...สินค้าจะเป็นที่ต้องการของตลาดแบบธรรมชาติ...

หากคนที่มีหัวใจเดียวกัน...จะคิดในแนวเดียวกันว่า... เราเกิดมาเพื่อทำลายและทำร้ายธรรมชาติด้วยกันทั้งสิ้น... ถ้าเราจะทำร้ายให้น้อยลง เคารพสิทธิของธรรมชาติและระบบนิเวศที่อยู่กับเรา...รวมถึงการเคารพพืชผักผลไม้ที่เรากิน โดยการไม่ใช้สารเร่งไม่ใช้ยา...สิ่งสำคัญเรายังเคารพสิทธิของคนที่ปลูกและคนที่กิน... จำเป็นต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ ณ เวลานั้นๆ... เรากินได้และเพื่อนก็ได้กิน....เพราะเราเชื่อว่า " หากเพื่อนไม่มีความสุขแล้วเราจะมีความสุขอยู่คนเดียวได้อย่างไร??"

ดังนั้นการทำเกษตรอินทรีย์เป็นธุรกิจจึงมากกว่าการสร้างรายได้จากการปลูกพืชผัก... เราพยายามทำมากกว่านั้น คือ การทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์เสมอภาคให้กับทุกคนในองค์กรและสังคมที่เราอยู่ โดยการทำองค์กรของเราให้เข้มแข็ง เพื่อเติบโตและแบ่งปันคืนกลับสู่สังคมต่อไป...

U B U N TU F A R M ส ว น อู บุ ญ ตู

I am because we are......มีฉันเพราะมีเธอ.....

ปรับปรุง

31-ม.ค.-16

ปรับปรุงครั้งที่ 2 28 มิ.ย. 17

ปรับปรุงครั้งที่ 3 17 มีนาคม 2561