คลินิกบ้านหมอตา

คลินิกบ้านหมอตา บริการตรวจรักษาโรคตา​ทุกชนิด ต้อกระจก ผ่าตัดเปลือกตา ตาสองชั้น ถุงใต้ตา botox ตัดแว่นสายตา

เลนส์แก้วตาเทียมปัจจุบันสามารถแก้ไขค่าปัญหาสายตาได้ทุกมิติ ปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อให้คุณได้การมองเห็นหลังผ่าตัด ได้เหมาะส...
12/08/2025

เลนส์แก้วตาเทียมปัจจุบันสามารถแก้ไขค่าปัญหาสายตาได้ทุกมิติ ปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อให้คุณได้การมองเห็นหลังผ่าตัด ได้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันของคุณได้มากที่สุด
อย่าลืมว่า #รักษาต้อกระจก โดยผ่าตัด เราควรทำแค่เพียงตาละ1ครั้งในชีวิตเราเท่านั้น ดังนั้นควรได้รับข้อมูลและเลือกเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมสำหรับคุณเท่านั้น
#คลินิกบ้านหมอตา
เรายินดีให้คำแนะนำและมีบริการเลนส์พรีเมี่ยม ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านค่ะ

#โรคต้อกระจก

รายละเอียดติดต่อสอบถามโทร/ไลน์ 065-6409099 ค่ะ
01/08/2025

รายละเอียดติดต่อสอบถาม
โทร/ไลน์ 065-6409099 ค่ะ

🎉หมอมาอัพเดท เรื่องเลนส์แก้วตาเทียมแบบพรีเมี่ยม แก้ไขค่าสายตาเฉพาะบุคคล ที่ฮ่องกง 🇭🇰ค่ะนวัตกรรมการรักษาโรคต้อกระจกด้วยเล...
30/07/2025

🎉หมอมาอัพเดท เรื่องเลนส์แก้วตาเทียมแบบพรีเมี่ยม แก้ไขค่าสายตาเฉพาะบุคคล ที่ฮ่องกง 🇭🇰ค่ะ

นวัตกรรมการรักษาโรคต้อกระจกด้วยเลนส์พิเศษ ณ คลินิกของเรายินดีให้คำปรึกษาค่ะ

ด้วยเทคโนโลยีเลนส์พิเศษที่ทันสมัยและได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากล ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสายตาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นและคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

บริการของเราได้แก่:
👁️การวินิจฉัยและประเมินสายตาอย่างละเอียด
👁️การรักษาด้วยเลนส์พิเศษที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล
👁️การดูแลและติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เรามุ่งมั่นให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพและใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

🌟สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวนัดหมายได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 065 6409099
หรือแวะมาปรึกษากับเราที่
#คลินิกบ้านหมอตา หลังโรบินสัน สุพรรณบุรี

#โรคต้อกระจก
#สลายต้อกระจก
#รักษาต้อกระจก

พบกับความงามที่คุณวางใจได้  ภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์ด้วยบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม โดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประส...
23/07/2025

พบกับความงามที่คุณวางใจได้ ภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์

ด้วยบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม โดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ เครื่องมือทันสมัยและปลอดภัย

• ให้คำปรึกษาโดยละเอียด พร้อมแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ได้ที่

ความสุขคลินิกเวชกรรม

📞 065-6409099
✉️ วันพฤหัสบดี17.00-20.00น.
@ 164 ถ.อาทิวราห์(หลังโรบินสัน) ข้างชมเดือนคอมเพล็กซ์

หมอมาอัพเดทความรู้ และเทคโนโลยี ในการรักษาโรคตา ในงานประชุมราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยค่ะ❤️😊❤️
15/07/2025

หมอมาอัพเดทความรู้ และเทคโนโลยี ในการรักษาโรคตา ในงานประชุมราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยค่ะ
❤️😊❤️

อีกบทความดีๆที่ขออนุญาตนำมาแบ่งปันกันค่ะ
01/07/2025

อีกบทความดีๆที่ขออนุญาตนำมาแบ่งปันกันค่ะ

"วินัย"
คือความสามารถในการควบคุมตัวเอง
ให้ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อนสิ่งที่อยากทำได้
แม้ว่าจะเบื่อหรือไม่อยากทำ
ก็ยังควบคุมตัวเองให้ทำได้
ซึ่งทำให้เขาสามารถรับผิดชอบต่อตัวเอง
และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ
วินัยจึงเป็นหัวใจสำคัญของ
การที่เด็กคนหนึ่งจะไปถึง
เป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ได้
**********
"3 สิ่ง" ที่ทำให้การสอนวินัยเด็กๆ สำเร็จ
❤️ (1) ความสัมพันธ์อันดี
ก่อนจะสอนสิ่งใดให้เด็กๆ
เราควรมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเสียก่อน
สายสัมพันธ์เกิดจากการใช้เวลาร่วมกัน
- ทำกิจกรรมร่วมกัน
เล่น อ่านนิทาน ทำงานบ้าน
- สัมผัสด้วยรัก
อุ้ม กอด บอกรัก
ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงเวลาที่ดี
ที่จะทำให้เกิดสายสัมพันธ์อันดี
แต่หมายรวมถึงช่วงเวลาที่ไม่ดีด้วย
ทุกครั้งที่เราโกรธลูก
ลูกโกรธเรา
เราทะเลาะกัน
เสียน้ำตาให้กัน
แล้วเรายอมที่จะขอโทษ
และปรับความเข้าใจเข้าหากัน
เพราะการรักษาสายสัมพันธ์สำคัญกว่า
การหาไว้ใครผิดมากกว่าใคร
สายสัมพันธ์จะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง
เพราะสายสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้นจาก
การร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน
เมื่อสายสัมพันธ์ดี
ลูกจะวางใจในตัวเรา
พร้อมรับฟัง
และ(อยาก)ทำตาม
ในสิ่งที่เราสอนเขา
ในขณะเดียวกันเมื่อสายสัมพันธ์ดี
ทำให้เรารู้จักลูกของเราดี
เราจะวางใจและเชื่อมั่นในตัวเขาเช่นกัน
แม้ในวันที่ลูกเติบโตเป็นวัยรุ่น-ผู้ใหญ่
สายสัมพันธ์คือเครื่องเหนี่ยวรั้ง
ให้เขาอยากทำในสิ่งที่ดีมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี
เพราะสายสัมพันธ์ที่ดีทำให้
เขารักและคิดถึงเราเสมอ
ที่สำคัญทำให้เขารักตัวเองเป็น
**********
❤️ (2) ตารางเวลาที่ชัดเจนและทำได้จริง

การกำหนดตารางเวลาที่ชัดเจน
จะช่วยให้เรากับลูกเข้าใจตรงกันว่า
"เวลาไหนควรทำอะไร"
เพื่อลดการสั่ง บ่น ของเรา
และเพิ่มการควบคุมตัวเองของลูก
ซึ่งตารางเวลาที่ดีต้องเกิดจาก
การตกลงกันระหว่างเรากับลูก
ไม่ใช่แค่เราเป็นผู้กำหนดให้อยู่ฝ่ายเดียว
ที่สำคัญทุกคนในบ้านควรมี
ตารางเวลาหลักร่วมกัน
เช่น
- เวลากินข้าว
- เวลาพักผ่อนร่วมกัน
***
ตารางเวลาที่ดีประกอบไปด้วย
1. "กิจกรรมหรืองาน"
ที่ลูกต้องรับผิดชอบที่บ้าน
ขึ้นอยู่กับช่วงวัยของเขา
ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยาก
จนเกินความสามารถเด็ก
เช่น
- นั่งกินข้าวเอง
- อาบน้ำ-แปรงฟัน
- นอน-ตื่นนอนเป็นเวลา
- ทำการบ้าน
- ทำงานบ้าน
- ออกกำลังกาย
- เล่นแล้วเก็บ
***
2. "เวลาที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ"
ในข้อนี้ผู้ใหญ่ต้องคอยให้การดูแล
โดยช่วยบอกเวลาให้ช่วงแรกว่า
"ตอนนี้ต้องทำอะไร"
เพราะเด็กๆ อาจจะยังดูเวลาไม่เป็น
แต่การทำกิจกรรม
หรืองานในช่วงเวลาเดิม
ในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ
จะทำให้เด็กๆ จดจำว่า
ตัวเองต้องทำอะไรเวลาไหนบ้าง
เด็กบางคนไม่ต้องดูนาฬิกา
แต่สามารถบอกได้ว่า
เวลานี้เขาต้องไปทำอะไร
***
3. "เรียงลำดับกิจกรรมหรืองาน"
ตามความสำคัญอย่างชัดเจน
เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่า
"อะไรควรทำก่อน-หลัง"
เช่น
- ทำการบ้านและงานบ้านให้เสร็จ
ก่อนไปเล่นหรือดูการ์ตูน
- ต้องอาบน้ำและแปรงฟัน
ก่อนจะมาฟังนิทานแล้วเข้านอน
***
4. "ทำเวลาไหนและทำที่ไหน"
เด็กๆ เรียนรู้ "กาลเทศะ"
คือการทำอะไร เวลาไหน ที่ไหน
จากสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน
เช่น
- กินข้าวที่โต๊ะอาหาร
ไม่มีหน้าจอ
ไม่มีของเล่น
เพราะกินข้าว เรากินข้าว
และคุยกันได้
- เล่นที่ห้องของเล่น
อิสระภายใต้ขอบเขตที่ชัดเจน
เพื่อให้เด็กๆ ได้รับอิสระที่เหมาะสม
- ห้องนอนไม่มีของเล่น
เพื่อมีไว้สำหรับนอน
มีเพียงตุ๊กตากอดนอนได้
กับนิทาน 1-2 เล่มก่อนนอน
วินัยที่ดี
เริ่มต้นจากสภาพแวดล้อม
ที่ง่ายต่อการสร้างวินัย
นั่นคือ "ชัดเจนจากสภาพแวดล้อม"
แต่ "ไม่ควบคุมกันมากเกินไป"
เพราะการควบคุมถูกกำหนด
โดยธรรมชาติจากห้องต่างๆ
และกิจวัตรว่า...
"เขาทำอะไรเวลาไหนและที่ไหน"
***
5. "มีการกำหนดผลลัพธ์ (Consequence)"
จากการไม่ทำสิ่งจำเป็นก่อนสิ่งสิ่งที่อยากทำ
ทั้งนี้ต้องไม่ใช่เพราะเหตุสุดวิสัยหรือวันพิเศษอะไร
เช่น
⦿ ถ้าเขาเลือกจะไม่กินข้าว
ในช่วงเวลาที่ควรกินข้าว
เราก็จะเก็บอาหารไปเมื่อหมดเวลา
เขาก็จะได้เรียนรู้ว่า...
เขาควรมากินข้าวให้ตรงเวลา
ไม่เช่นนั้นจะต้องทนหิวรอมื้อถัดไป
⦿ ถ้าเขาเลือกเล่นจนเลยเวลาอาบน้ำ
เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จก็หมดเวลานิทาน
เขาต้องเข้านอนเลย
⦿ เด็กโตที่เล่นเกมไม่ยอมทำการบ้าน
จากที่เขาจะได้เล่นเกมทุกวัน
อาจจะงดสัปดาห์นั้น
ได้เล่นอีกครั้งสัปดาห์ถัดไป
หรือ จนกว่าจะทำการบ้านจนครบ
***ข้อสังเกต***
เด็กที่มีปัญหาเรื่อง
การทำตามตารางเวลา
มักจะมีปัญหา...
- การควบคุมตัวเอง
- การยับยั้งช่างใจ
- และการจัดการเวลา
ซึ่งเด็กบางคนเกิดจากการ
ไม่เคยฝึกฝนหรือมีประสบการณ์มาก่อน
เมื่อฝึกฝนก็สามารถทำได้
และที่บ้านอาจจะไม่ทำในทิศทางเดียวกัน
เมื่อบ้านเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน
แต่เด็กบางคนแม้จะฝึกฝน
มานานแล้วยังทำไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะ
เขาอาจจะมีปัญหาบางอย่าง
เช่น
- ด้านสมาธิ
ทำให้ควบคุมตัวเองได้ลำบาก
หรือ
- มีพัฒนาการล่าช้าบางด้าน
ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้
กรณีเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์พัฒนาการ
หรือ จิตแพทย์ เพื่อกระตุ้น/บำบัดต่อไป
**********
❤️ (3) ต้นแบบจากผู้ใหญ่ในชีวิต "พ่อแม่"
⦿ "พ่อแม่มีวินัย"
คนในบ้านทำไปในทิศทางเดียวกัน
เราต่างฝึกฝนทำหน้าที่ของเรา
และทำไปด้วยกัน สม่ำเสมอ
เด็กจะซึมซับและเรียนรู้
ที่จะทำสิ่งเดียวกันกับเรา
⦿ "พ่อแม่รักษาเวลา"
ถ้าอยากให้ลูกเป็นคนตรงต่อเวลา
พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเห็นเช่นกันว่า
พ่อแม่ก็ตรงต่อเวลา
เช่น
- ไปส่ง-รับลูกตรงเวลา
- ไม่ปล่อยให้ลูกรอเก้อ ถ้าสัญญาอะไรไว้
⦿ "พ่อแม่ต้องให้คุณค่ากับลูก
และสิ่งที่จำเป็นก่อนสิ่งที่ไม่สำคัญ"
เช่น
- ถ้าลูกอยากเล่าอะไรให้เราฟัง
เราจะรับฟังสิ่งที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ
และตอบคำถามในสิ่งที่เขาถาม
แต่ถ้าเราติดภารกิจจริงๆ
ให้เราบอกลูกว่า "สิ่งที่ลูกอยากคุยคือเรื่องอะไร"
ให้เราจดเอาไว้เพื่อให้ลูกรู้ว่าเราให้ความสำคัญ
และเพื่อป้องกันลืมเรื่องที่เขาอยากคุยกับเราด้วย
และบอกลูกชัดเจนว่าเราจะคุยกับเขาเมื่อไหร่
เพื่อให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ไม่ลืมและให้ความสำคัญกับเขา
**********
(1) "ความสัมพันธ์อันดี"
(2) "ตารางเวลาที่ชัดเจน ทำได้จริง"
(3) "ต้นแบบที่ดี"
สามสิ่งสำคัญนี้ผนวกกัน
จะช่วยให้เด็กคนหนึ่งเรียนรู้วินัย
คือการรับผิดชอบตัวเอง
และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
ทั้งนี้กว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโต
ต้องอาศัย...
⦿ "เวลา"
⦿ "ความสม่ำเสมอ"
⦿ และ "ความอดทน"
ของทั้งเราและเขา
❤️ นานแค่ไหนที่เด็กคนหนึ่งจะเกิดวินัย
ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ (ก่อนวัยรุ่น)
และทำต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่ทำๆ หยุดๆ
1 สัปดาห์จะต้องสู้รบปรบมือกันหน่อย
2-3 สัปดาห์จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
1 เดือนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงชัดเจน
3 เดือนจะง่ายขึ้น
6 เดือนจะเกิดเป็นกิจวัตร
และ 1 ปีขึ้นไปจะเริ่มเกิดเป็นนิสัย
❤️ แต่เด็กโต-วัยรุ่นก็เกิดได้เช่นกัน
หากสภาพแวดล้อมพร้อมเปลี่ยนไปกับเขา
และชัดเจนที่จะพาเขาไปด้วยกัน
เวลาในการลงมือทำไปกับเขา
และสายสัมพันธ์คือคำตอบของทุกสิ่ง
กว่าจะถึงวันนั้นขอให้คุณพ่อคุณแม่
อย่ายอมแพ้ในตัวเราและลูก
อย่าถอดใจกับช่วงเริ่มต้นที่ยากลำบาก
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้เพราะผลลัพธ์ใช้เวลา
ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
เมื่อวันที่ลูกดูแลและรับผิดชอบตัวเองได้
มันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา

หน้าจอ มีทั้งคุณและโทษ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะขออนุญาตแชร์บทความดีๆค่ะ
01/07/2025

หน้าจอ มีทั้งคุณและโทษ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ
ขออนุญาตแชร์บทความดีๆค่ะ

พ่อโต้งขอเล่า #อาการของเด็กที่ใช้หน้าจอเยอะเกินไป จนไม่มีสมาธิและทำสิ่งที่น่าเบื่อนานๆ ไม่ได้ พร้อมกับคำอธิบายแบบเข้าใจง่าย ช้าๆ ชัดๆ นะครับ

อาการที่ 1️⃣ สมาธิสั้น อยู่กับอะไรนานๆ ไม่ได้

▪️ฟังครูแค่ 5–10 นาทีก็เริ่มหันไปมองรอบตัว ในวัยที่ควรนิ่งได้แล้ว
▪️อ่านหนังสือยังไม่ถึงหน้าแรกก็ลุกไปหาอย่างอื่นทำ
▪️เปลี่ยนกิจกรรมบ่อย ทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง

🧠 เพราะสมองคุ้นกับการเปลี่ยนสิ่งเร้าเร็วๆ จากหน้าจอ

อาการที่ 2️⃣ ไม่มีความอดทน เบื่อง่าย หงุดหงิดง่าย

▪️เจอบทเรียนยากๆ หรือช้าๆ จะบ่นว่า "น่าเบื่อ"
▪️ถ้าไม่ได้ดูหน้าจอ จะหงุดหงิดหรืองอแง
▪️ไม่อยากรอ ไม่อยากทำซ้ำ ไม่อยากเริ่มใหม่

❗ เพราะโดพามีนจากหน้าจอทำให้เด็กคาดหวัง “ความสนุก” ตลอดเวลา

อาการที่ 3️⃣ อ่านหนังสือไม่เข้าใจ แค่มองผ่าน แต่ไม่ซึมซับ ไม่เข้าหัว

▪️อ่านไปเหมือนดูผ่านๆ ไม่รู้ว่าเนื้อหาคืออะไร
▪️ไม่สามารถจำหรืออธิบายสิ่งที่อ่านได้
▪️ข้ามบรรทัดหรือรีบอ่านให้จบโดยไม่เข้าใจ

📱 เพราะสมองเคยชินกับภาพเคลื่อนไหวและเสียง ไม่ชินกับตัวหนังสือเรียบๆ เงียบๆ

อาการที่ 4️⃣ ใจลอย ตัวอยู่ตรงนี้แต่ใจไปที่อื่น

▪️เวลานั่งเรียนเหมือนร่างกายอยู่แต่ใจไม่อยู่
▪️คิดถึงเกม มือถือ หรือยูทูบอยู่ตลอดเวลา
▪️ชอบวาดรูป เขียนเล่น หรือกดปากกาไปมา

😶 เพราะสมองไม่สามารถโฟกัสสิ่งที่ไม่มีการกระตุ้นสูงได้

อาการที่ 5️⃣ ร่างกายอยู่นิ่งไม่ได้จะกระสับกระส่าย

▪️นั่งไม่ติดที่ ขยับตลอดเวลา
▪️ลุก เดิน ยืดตัว หมุนเก้าอี้ ทั้งที่เรียนอยู่
▪️บางครั้งมีพฤติกรรมเหมือน ADHD (แม้จะไม่ได้เป็นจริงๆ)

🚨 เกิดจากการเสพสิ่งกระตุ้นตลอดเวลา ทำให้ร่างกายต้องเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้เบื่อ

อาการที่ 6️⃣ พูดเร็ว คิดไว แต่คิดวิเคราะห์ไม่เป็น

▪️เด็กบางคนจะพูดเก่ง ตอบไว
▪️แต่ถ้าให้วิเคราะห์ คิดต่อยอด หรืออธิบายเหตุผล จะทำไม่ได้
▪️ขาดความสามารถในการคิดเชื่อมโยง เพราะเคยชินกับข้อมูลสั้นๆ เร็วๆ

💡 สะท้อนว่าการใช้หน้าจอแบบสั้นๆ เช่น คลิปสั้น ทำลายการคิดแบบลึกซึ้ง

อาการที่ 7️⃣ นอนหลับยาก เหนื่อยง่าย อารมณ์ไม่คงที่

▪️สมองตื่นตัวเกินไปเพราะโดนแสงฟ้าและภาพกระตุ้น
▪️ส่งผลให้นอนหลับยาก พอหลับไม่เต็มอิ่ม
▪️ทำให้เด็กง่วงตอนกลางวัน หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน

😴 ร่างกายไม่ได้พักจริงๆ เพราะสมองทำงานตลอดเวลา

เมื่อเราทราบอาการแล้ว ต่อไปพ่อโต้งจะอธิบายช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆว่า… #ทำไมเด็กที่ใช้หน้าจอเยอะๆ ถึงไม่มีสมาธิในการเรียนหรืออ่านหนังสือนานๆ

🔴 เพราะสมองของเด็กถูกกระตุ้นมากเกินไป

หน้าจอ เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือเกมออนไลน์
จะเปลี่ยนภาพ เสียง และข้อมูล "เร็วมาก"
ทำให้สมองคุ้นเคยกับ "สิ่งเร้าที่เร็วและตื่นเต้น"

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง อ่านหนังสือ หรือฟังครูพูด
สิ่งเหล่านั้นดู “ช้า” และ “น่าเบื่อ” สำหรับสมอง
เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนเร็วๆ หรือสนุกเหมือนหน้าจอ

❗ เปรียบเทียบง่ายๆ นะครับ
ถ้ากินอาหารเผ็ดจัดตลอดเวลา พอมากินรสจืดก็จะรู้สึกว่า "ไม่อร่อย"
สมองก็เช่นกัน ถ้าชินกับสิ่งเร้าเร็วๆ จะทนสิ่งที่ช้าหรือเงียบไม่ได้

🔵 เพราะระบบสมาธิในสมองแย่ลงหรือเด็กบางคนถึงขั้นพัง

การใช้งานหน้าจอมากเกินไป (โดยเฉพาะสื่อที่เปลี่ยนเร็วๆ เช่น TikTok หรือ YouTube Shorts)
จะทำให้ "วงจรสมาธิ" ในสมองอ่อนแอ

สมาธิ คือ ความสามารถในการ "โฟกัสกับสิ่งเดิม" นานๆ แต่หน้าจอสอนสมองให้ "เปลี่ยนสิ่งที่ดู" ตลอดเวลา พอมาอ่านหนังสือหรือเรียนในห้อง สมองจึง "ทนไม่ได้"

🔄 หน้าจอ = เปลี่ยนไปเรื่อยๆ → สมองชอบเปลี่ยน
📘 การเรียน = อยู่กับสิ่งเดิม → สมองเบื่อ

🟣 เพราะฮอร์โมนโดพามีน ที่เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมองเวลาที่เรา รู้สึกดี, สนุก, ตื่นเต้น, หรือ ได้รางวัล ...... มันหลั่งมากเกินไป

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ

😆เวลาเด็กเล่นเกมแล้วชนะ → สมองหลั่งโดพามีน → "รู้สึกฟิน"

😁เวลาได้ไลก์จากโพสต์ → โดพามีนหลั่ง → "รู้สึกภูมิใจ"

😃เวลาเปิดคลิป TikTok ใหม่ → โดพามีนหลั่งทันที → "อยากดูอีก"

💥 โดพามีน = ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกว่า “เอาอีก!”

แต่เมื่อไปทำอะไรที่ไม่มีรางวัลทันที เช่น อ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน
สมองจะรู้สึกว่า “ไม่สนุก” “ไม่มีแรงจูงใจ”
เพราะมันไม่ได้รางวัลเร็วแบบที่เคยได้จากหน้าจอ

⚫️ เพราะหน้าจอลดทักษะการอดทนต่อความเบื่อ (Boredom Tolerance)

เด็กที่ใช้หน้าจอบ่อย จะไม่เคยฝึก "การอดทนต่อความเบื่อ" แต่การเรียน การอ่าน หรือการทำงานในชีวิตจริง ล้วนต้องใช้ความอดทน และมีช่วงที่ "น่าเบื่อ"

ถ้าเด็กไม่เคยฝึกสิ่งนี้ เขาจะลุกหนี หยุด หรือขอเปลี่ยนกิจกรรมทันที ทำให้ ขาดความอดทน และ ทำอะไรต่อเนื่องไม่ได้

✅️ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถ้าเราอยากให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ถอนพิษโดพามีนของหน้าจอจากสมองลูก ควรทำอย่างไร?

#จำกัดเวลาใช้หน้าจอ เช่น ไม่เกินวันละ 1–2 ชั่วโมง

#ให้เด็กมีเวลาว่างจริงๆโดยไม่ต้องดูจอ เช่น เล่นของเล่น อ่านหนังสือ วิ่งเล่น

#ฝึกให้ทำสิ่งเดิมนานๆทีละนิด เช่น อ่าน 5 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่ม

#ใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบไม่มีหน้าจอ เช่น เล่นกระดาน อ่านนิทาน ทำอาหารด้วยกัน

และ #สร้างความสุขจากกระบวนการ ค่อยๆสร้าง ค่อยๆทำ รอความสำเร็จ ไม่ใช่จาก “รางวัลทันที" นะครับ 😊

#ดีต่อลูก #หน้าจอ

ต้อกระจก Vs ต้อหิน
17/06/2025

ต้อกระจก Vs ต้อหิน

Watch, follow, and discover more trending content.

การมองเห็นของดวงตา ซับซ้อนมาก ทุกส่วนของดวงตาล้วนมีความสำคัญดูแลสุขภาพตากันด้วยนะคะ
16/06/2025

การมองเห็นของดวงตา ซับซ้อนมาก ทุกส่วนของดวงตาล้วนมีความสำคัญ
ดูแลสุขภาพตากันด้วยนะคะ

Watch, follow, and discover more trending content.

ช่วงสงกรานต์ คลินิกเปิดบริการ จันทร์ที่14 และอังคารที่ 15 เมษายน 9.00-12.00 น.ค่ะ🙏🙏
14/04/2025

ช่วงสงกรานต์ คลินิกเปิดบริการ จันทร์ที่14 และอังคารที่ 15 เมษายน 9.00-12.00 น.ค่ะ🙏🙏

02/04/2025

ใครมีปัญหา
เหนียงใต้คาง เยอะ
มาปรึกษา คุณหมอศัลยกรรมตกแต่ง เราได้ตรวจทุกๆวันพฤหัส ค่ะ

02/04/2025

การดูแลดวงตาง่ายๆ ที่ทำได้ทุกวัย คือการใส่แว่นปกป้องดวงตาของเรา จากสารเคมี ฝุ่น แมลง และอุบัติเหตุต่างๆ
ไม่ว่าจะทำงานบ้าน ทำอาหาร จับขี่รถจักรยานยนต์ ปั่นจักรยาน

❤️รัก ดวงตา
👁️ดูแล ดวงตา
ด้วย การส่วมใส่แว่นตาป้องกัน
กันนะครับ👓

065 6409099

#คลินิกบ้านหมอตา

ที่อยู่

ถนนอาทิวราห์
Supanburi
72000

เวลาทำการ

จันทร์ 15:30 - 18:30
อังคาร 15:30 - 18:30
พุธ 15:30 - 18:30
ศุกร์ 09:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

0656409099

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกบ้านหมอตาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์