คลินิกสมบัติทันตแพทย์-สุพรรณบุรี

คลินิกสมบัติทันตแพทย์-สุพรรณบุรี ทำฟัน, จัดฟัน, รักษารากฟัน ฟันปลอม ทั?

คลินิกหยุด​ วันพุธ-พฤหัส​ นะคะเจอกันอีกทีวันศุกร์ค่ะขออภัย​ใน​ความ​ไม่​สะดวก​ทุกท่าน​นะคะสอบถามเพิ่มเติม/นัดหมายพบแพทย์L...
17/09/2025

คลินิกหยุด​ วันพุธ-พฤหัส​ นะคะ
เจอกันอีกทีวันศุกร์ค่ะ

ขออภัย​ใน​ความ​ไม่​สะดวก​ทุกท่าน​นะคะ

สอบถามเพิ่มเติม/นัดหมายพบแพทย์
Line:

สืบเนื่องจากฝนตกหนักในบริเวณตลาดอำเภอเมือง เมื่อคืน(15/9)ทำให้เกิดนำ้ท่วมขังสูง แต่ตอนนี้เกือบปกติแล้ว ทางคลินิกขอแจ้งว่...
16/09/2025

สืบเนื่องจากฝนตกหนักในบริเวณตลาดอำเภอเมือง เมื่อคืน(15/9)
ทำให้เกิดนำ้ท่วมขังสูง
แต่ตอนนี้เกือบปกติแล้ว
ทางคลินิกขอแจ้งว่า ทางคลินิกเปิดทำการตามปกตินะครับ
ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ
ติดต่อสอบถาม หรือ จองคิว ที่
085-500849, 080-6221922
หรือทาง page และ LineOA นะคะ

คนอื่นมองแล้วจะรู้มั้ยว่าเราใส่ฟันปลอม? 😬(เรื่องจริงที่คนไข้อาจไม่กล้าถามหมอ)​.....​“หมอคะ… ถามหน่อยได้ไหมคะ”​“ครับ?” ผม...
13/09/2025

คนอื่นมองแล้วจะรู้มั้ยว่าเราใส่ฟันปลอม? 😬
(เรื่องจริงที่คนไข้อาจไม่กล้าถามหมอ)
​.....

​“หมอคะ… ถามหน่อยได้ไหมคะ”

​“ครับ?” ผมมองคนไข้ตรงหน้า ที่มองซ้ายมองขวาเหมือนจะถามเรื่องลับสุดยอด

​“คือ… ถ้าหนูใส่ฟันปลอมไปแล้ว… คนอื่นจะรู้ไหมคะว่าไม่ใช่ฟันจริง?”

​ใช่ครับ ทุกท่าน อ่านไม่ผิด
​"กลัวคนจับได้"

​ผมเข้าใจความรู้สึกกังวลของคนไข้ท่านนี้ดี
เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ก็มักจะคิดแบบนี้

​“จะดูแก่ไหม?” “จะดูตลกหรือเปล่า?” “จะโดนล้อไหม?”

​แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจทำฟันปลอมในวันนี้ จะทำให้คุณยิ้มได้อย่างมั่นใจกว่าที่เคย
และนี่คือเหตุผล…

​1. ภาวะ "ความไม่มั่นใจ" ที่แท้จริง

​การปล่อยให้สุขภาพช่องปากแย่ลง ไม่ใช่แค่เรื่องของฟันที่หายไป แต่มันคือ ความมั่นใจของคุณก็หายไปด้วย

​ไม่กล้ายิ้ม: เก็บปาก เก็บฟัน ไม่กล้าเผยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ

​ไม่กล้าพูด: หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ต้องอ้าปากกว้าง หรือหัวเราะเสียงดัง

​บุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป: ดูไม่สดใส ดูไม่เป็นมิตร เพราะไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

​ระบบย่อยอาหารพัง: เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารโดยตรง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว

​นี่คือสัญญานบอกเราว่า....​
คุณภาพชีวิตของเรากำลังแย่ลง เพราะขาดฟัน

​2. สิ่งที่อยากให้ทุกคนลองเปลี่ยนมุมมอง…
เพื่อรอยยิ้มที่สดใส

​เงินที่จ่ายไป ไม่ได้แค่ซื้อ "ฟันปลอม" แต่ซื้อ "ความมั่นใจ" คืนกลับมา

​“ฟันปลอมที่ดี มีผลต่อความมั่นใจ ยิ่งทำเร็ว ยิ่งปรับตัวในการใช้งานได้ไว​ ยิ้มสวย”

​จากฟันหายไป 1 ซี่… กลายเป็นไม่กล้ายิ้ม
​จากการไม่กล้ายิ้ม… กลายเป็นไม่มั่นใจในตัวเอง
​จากการไม่มั่นใจ… กลายเป็นบุคลิกภาพที่ถดถอย

​หลายครั้งเรารู้ว่าควรทำฟัน แต่เรามักจะกังวลเรื่องที่คนอื่นจะมองมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ

สุดท้ายก็ต้องเสียสุขภาพกายและใจไปมากกว่าที่คิด

​>> “อยากมีรอยยิ้มที่สดใส ต้องเริ่มจากการดูแลช่องปาก”

การลงทุนกับการดูแลสุขภาพคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด การมีฟันที่สวยงามและใช้งานได้ดี คือการเปิดประตูสู่โอกาสต่างๆ ในชีวิต

​3. กฎ 2 ข้อ: “สวยเหมือนจริง… ไม่ต้องกลัวใครรู้”

​>> กฎข้อ 1: “แยกให้ชัด – ฟันปลอมเก่า VS ฟันปลอมใหม่”
หลายคนมีภาพจำว่าฟันปลอมคือแบบเก่าๆ ที่ดูเทอะทะ ดูไม่เป็นธรรมชาติ นั่นคือฟันปลอมเมื่อ 20-30 ปีก่อน!

"ถ้าคุณไม่ใส่ฟันปลอมที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี คุณกำลังซื้อความกังวล ไม่ใช่ความสวยงาม"

สมัยนี้เทคโนโลยีทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ฟันปลอมถูกออกแบบมาให้:

​สีเหมือนฟันจริง: เลือกเฉดสีให้เข้ากับฟันธรรมชาติ

​รูปทรงธรรมชาติ: ปั้นแต่งให้เข้ากับโครงหน้าและฟันที่เหลืออยู่

​วัสดุที่แข็งแรงและเบา: ทำให้สวมใส่สบาย ไม่รู้สึกหนักปาก

​ยึดเกาะดีเยี่ยม: ทั้งแบบถอดได้และแบบติดแน่น ทันตแพทย์จะออกแบบให้กระชับ ไม่หลวมง่าย

​>> กฎข้อ 2: “ระวังกับดักคำว่า ‘รอไปก่อน’”

“จุดเริ่มต้นของการเสียโอกาส คือคิดว่า ‘เดี๋ยวค่อยไปทำ’”

คนไข้จำนวนมากมาหาผมตอนที่ฟันหายไปนานแล้ว
จนฟันซี่ข้างเคียงล้ม หรือกระดูกขากรรไกรละลายไปมาก ทำให้การทำฟันปลอมยากและซับซ้อนขึ้น

​4. สุดท้ายอยากจะบอกทุกท่าน ว่า…

​“เมื่อเราเลิกพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีฟันใช้ก็ไม่เป็นไร เราจะประหยัดค่าใช้จ่ายที่บานปลายในอนาคตได้​ อย่างน่าประหลาด”

​เพราะการยิ้มอย่างมั่นใจ จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี การงานที่ก้าวหน้า และสุขภาพจิตที่ดี

​“ชีวิตที่มีความสุขอาจไม่จำเป็นต้องมีฟันจริงครบทุกซี่ แต่ต้องมีรอยยิ้มที่มั่นใจพร้อมเผชิญหน้ากับโลก”

​ทุกวันนี้ผมให้ความสำคัญกับการให้คำแนะนำคนไข้เสมอว่า การเลือกทำฟันปลอมที่เหมาะสมกับคุณ จะช่วยคืนความมั่นใจให้คุณได้

​ปล. เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกการลงทุนกับรอยยิ้มวันนี้ คือการลงทุนเพื่อสุขภาพใจและโอกาสที่ดีในอนาคต

​“ฟันก็เหมือนความมั่นใจ… วันนี้เราอาจเจอปัญหา
แต่ถ้าเราแก้ไขมันทันที นั่นหมายความว่า คุณกำลังก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่า”

​ขอให้ทุกคน มีสุขภาพฟันที่ดีและยิ้มอย่างมั่นใจ… อดทนดูแลช่องปาก อดทนไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ
เพราะเมื่อคุณยิ้มได้อย่างมั่นใจ…
คุณจะเป็นคนกลุ่มแรกที่คว้าโอกาสดีๆ ได้ก่อนใคร
​และผมเชื่อว่า… ทุกๆท่าน ที่กำลังอ่านบทความนี้จะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น

อยากรู้ว่าควรรอให้ฟันหมดปากก่อนไหม ถึงจะทำฟันปลอมได้​.....​“หมอคะ… ตอนนี้ฟันซี่ไหนมีปัญหาบ้างค่ะ”​“ก็มีหลายซี่เลยครับ แต...
11/09/2025

อยากรู้ว่าควรรอให้ฟันหมดปากก่อนไหม ถึงจะทำฟันปลอมได้
​.....

​“หมอคะ… ตอนนี้ฟันซี่ไหนมีปัญหาบ้างค่ะ”

​“ก็มีหลายซี่เลยครับ แต่ฟันดีๆ ก็ยังมีอยู่.. ไม่สนใจใส่ฟันปลอมในจุดที่ถอนออกไปแล้วหรือครับ ” ผมถามคนไข้ตรงหน้า

​“ยังค่ะหมอ อยากรอให้ฟันมันหมดปากก่อนได้มั้ยคะ แล้วค่อยมาทำฟันปลอมทีเดียวเลย”

​ใช่ครับ ทุกท่าน อ่านไม่ผิด
​“ฟันหมดปาก”

​ผมเข้าใจความรู้สึกของคนไข้ท่านนี้ดี เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ก็มักจะคิดแบบนี้

​“รอให้หมดปากไปเลยทีเดียว แล้วค่อยมาใส่ฟันปลอมทีเดียว จะได้ไม่เสียเงินทำฟันปลอมหลายรอบ”

​แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจแบบนี้อาจทำให้ชีวิตคุณยากกว่าเดิมหลายเท่าตัว และนี่คือเหตุผล…

1.ภาวะ “สุขภาพพัง” ที่แท้จริง
​การปล่อยให้สุขภาพช่องปากแย่ลง ไม่ใช่แค่เรื่องของฟันผุหรือเหงือกอักเสบ แต่มันคือการส่งสัญญาณเตือนภัยว่า ร่างกายของคุณกำลังเข้าสู่โหมดวิกฤติ 100%
​ฟันที่เหลืออยู่มีการเปลี่ยนแปลง: ภาวะ”ฟันล้ม” ภาวะ”ฟันงอกหรือย้อย” ภาวะ”ฟันโยก”

ระบบย่อยอาหารพัง: ด้วยฟันที่บดเคี้ยวอาหารไม่สบกัน หรือไม่มีคู่สบแล้วไม่ใส่ฟันปลอม อาจส่งผลให้เคี้ยวไม่ละเอียด ส่งผลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักขึ้น

​ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง: เชื้อโรคในช่องปากสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้คุณป่วยบ่อยขึ้นโดยไม่รู้ตัว

​หัวใจและหลอดเลือดเสี่ยง: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่า เหงือกอักเสบเรื้อรังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับโรคหัวใจ

​บุคลิกภาพและความมั่นใจลดลง: ฟันที่หลุดหรือมีปัญหาทำให้คุณไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าพูดคุยกับใคร

​นี่คือการตะโกนบอกเราว่า สุขภาพกายของเรากำลังพังไปพร้อมกับฟัน

ดังนั้นการที่ไม่มีฟันหรือเหลือฟันอยู่น้อย การพิจารณาใส่ฟันปลอมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

​2. Mindset ที่ต้องเปลี่ยน… เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

​“สุขภาพปากไม่ดี คือโรคติดต่อสู่ร่างกาย ยิ่งปล่อยนาน ยิ่งติดง่าย รักษายาก”

​เจ็บปวดแค่ฟัน... กลายเป็นเจ็บปวดทั้งตัว
​การดูแลฟันเพียงเล็กน้อย... กลายเป็นการรักษาที่ต้องใช้เงินและเวลาจำนวนมาก

​จากฟันผุซี่เดียว... กลายเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ

​หลายครั้งเรารู้ว่าควรไปหาหมอฟัน แต่เรามักจะผลัดวันประกันพรุ่ง และสุดท้ายก็ต้องจ่ายแพงกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นสุขภาพโดยรวม

>> “อยากมีสุขภาพที่ดี ต้องเริ่มจากการดูแลสุขภาพช่องปาก”

การลงทุนกับสุขภาพช่องปากคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ

​3. กฎ 2 ข้อ: สุขภาพดีเริ่มต้นที่ช่องปาก

​>> กฎข้อ 1: “แยกให้ชัด – สัญญาณเตือน VS ไม่สนใจ”

ทุกครั้งที่รู้สึกว่าฟันมีปัญหา:

“ถ้าไม่ไปหาหมอ สุขภาพร่างกายจะลำบากขึ้นมั้ย?”

“การแก้ไขฟันซี่นี้จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวมั้ย?”

ถ้าคำตอบคือ “ไม่แน่” แปลว่ามันเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องรีบไปหาหมอ ไม่ใช่แค่ปล่อยผ่านไป

​>> กฎข้อ 2: “ระวังหลุมพรางคำว่า ‘เดี๋ยวค่อย’”

“จุดเริ่มต้นของการเสียสุขภาพ คือคิดว่า ‘เดี๋ยวค่อยไป’”

คนไข้จำนวนมากมาหาผมตอนที่ฟันผุจนทะลุโพรงประสาทแล้ว และมักจะบอกว่า “มันไม่เคยปวดเลยนะหมอ” แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดเป็นสัญญาณสุดท้ายที่ร่างกายบอกว่า ไม่ไหวแล้ว และปัญหาได้ลุกลามไปแล้ว

4. สุดท้ายอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า…

​“เมื่อเราเลิกพยายามหลอกตัวเองว่าสุขภาพเรายังดี เงินในบัญชีเราจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด”

​เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่เกิดจากสุขภาพช่องปากที่แย่นั้นแพงกว่าที่คุณคิดไว้หลายเท่า

​“ชีวิตที่มีความสุขไม่จำเป็นต้องมีฟันครบทุกซี่ แต่ต้องมีฟันที่ใช้งานได้ดี สุขภาพที่แข็งแรงพร้อมรับมือกับทุกวัน”

ทุกวันนี้ผมให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพราะการลงทุนเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

​ปล. เราไม่ควรลืมนะครับ ทุกการดูแลฟันวันนี้ คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

​“สุขภาพก็เหมือนชีวิต… วันนี้เราอาจเจอปัญหา แต่ถ้าเราแก้ไขมันทันที นั่นหมายความว่า คุณกำลังก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่า”

​ขอให้ทุกคน มีสุขภาพฟันที่ดี… แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพราะเมื่อช่องปากคุณแข็งแรง… คุณจะเป็นคนกลุ่มแรกที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและปราศจากความกังวล
​และผมเชื่อว่า… ทุกคน ที่กำลังอ่านบทความนี้จะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น

วันนี้​ พุธ​ ที่​ 10  กันยายน​ 68คลินิกหยุด​ 1 วันนะคะขออภัย​ใน​ความ​ไม่​สะดวก​ทุกท่าน​ค่ะสอบถาม/นัดพบแพทย์Line​:
10/09/2025

วันนี้​ พุธ​ ที่​ 10 กันยายน​ 68
คลินิกหยุด​ 1 วันนะคะ

ขออภัย​ใน​ความ​ไม่​สะดวก​ทุกท่าน​ค่ะ

สอบถาม/นัดพบแพทย์
Line​:

🦠🦠 หนองปลายรากฟัน​เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมปวดฟันจนทนไม่ไหวทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีฟันผุให้เห็นเลย?​.​💡 ตอบ: เพราะความเจ็บปวดที...
09/09/2025

🦠🦠 หนองปลายรากฟัน
​เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมปวดฟันจนทนไม่ไหว
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีฟันผุให้เห็นเลย?
​.

​💡 ตอบ: เพราะความเจ็บปวดที่แท้จริงมาจาก 'หนอง' ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เหงือกที่ปลายรากฟันค่ะ
​.

​อาการปวดฟันส่วนใหญ่มักเกิดจากฟันผุที่ลุกลามเข้าไปถึงเส้นประสาท แต่ในบางครั้งก็อาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น อุบัติเหตุที่ทำให้ฟันร้าวหรือแตก ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปได้
​ปัญหาสำคัญคือ เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในโพรงประสาทแล้ว มันจะลุกลามลงไปตามคลองรากฟันอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่ทันสังเกต
​.

​🌊 ธรรมชาติเลยปลูกฝังกลไกพิเศษเพื่อเตือนเรา นั่นคือ 'อาการปวด'
​.

​🏥 จุดนี้เองที่ทำให้เกิดหนองปลายรากฟัน (Periapical Abscess)
​หนองคือแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่ร่างกายพยายามต่อสู้ เมื่อแบคทีเรียเข้าไปถึงปลายรากฟันที่เชื่อมต่อกับกระดูกขากรรไกร ระบบภูมิคุ้มกันของเราจะส่งเม็ดเลือดขาวเข้ามากำจัดเชื้อโรค แต่การต่อสู้กันนี้เองที่ทำให้เกิดการอักเสบและก่อตัวเป็นหนอง
​หนองเหล่านี้จะสร้างแรงดันมหาศาลอยู่ภายใน

☑️ กดดันเส้นประสาท: ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงแบบทนไม่ไหว

☑️ ทำลายกระดูก: ทำให้กระดูกรอบรากฟันถูกทำลายลงเรื่อย ๆ

☑️ อาจทะลุออกมาเป็นตุ่มหนอง: ถ้าแรงดันมากพอ หนองก็จะหาทางระบายออก ทำให้เห็นเป็นตุ่มคล้ายสิวที่เหงือกใกล้กับฟันที่ปวด

​⚠️ แต่ในหน้างาน หนองไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไปนะคะ บางครั้งมันก็ซ่อนตัวอยู่ใต้เหงือกและกระดูก ทำให้คนไข้ปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอาจไม่ได้รับการรักษาที่ตรงจุด
​.

​⏳ ถ้าปล่อยไว้นาน เชื้ออาจลุกลามไปสู่ฟันซี่ข้างเคียงหรือเข้าสู่กระแสเลือดได้ และการรักษาก็จะซับซ้อนยิ่งขึ้น
​.

​✅ สรุป: อาการปวดฟันที่หาต้นเหตุไม่เจอ อาจเป็นสัญญาณเตือนจาก 'หนอง' ที่ซ่อนอยู่ การพบทันตแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ

💊 ทำไมถึงไม่ควรซื้อ "ยาแก้อักเสบ"กินเองตอนปวดฟัน?​บ่อยครั้งที่คนไข้มาหาหมอพร้อมกับความเข้าใจที่ว่า "ปวดฟันต้องกินยาแก้อั...
08/09/2025

💊 ทำไมถึงไม่ควรซื้อ "ยาแก้อักเสบ"
กินเองตอนปวดฟัน?

​บ่อยครั้งที่คนไข้มาหาหมอพร้อมกับความเข้าใจที่ว่า "ปวดฟันต้องกินยาแก้อักเสบ" ซึ่งเป็นความเชื่อที่อันตรายมาก เพราะยาที่คุณคิดว่าเป็น "ยาแก้อักเสบ" อาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่ออาการของคุณ และอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

​1. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยาแก้อักเสบ"

​ยาแก้อักเสบที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป: ส่วนใหญ่คือยาต้านการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen หรือ Diclofenac ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดอาการปวดและบวมได้ดี แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้

​ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): คือยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Amoxicillin ซึ่งเป็นยาที่คนมักจะเรียกว่า "ยาแก้อักเสบ" ทั้งที่จริงแล้วเป็นยาคนละกลุ่มกันโดยสิ้นเชิง

​2. อันตรายจากการกินยาปฏิชีวนะเองโดยไม่ปรึกษาหมอ

​สร้างเชื้อดื้อยา: การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อหรือไม่ตรงตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ จะทำให้เชื้อแบคทีเรียพัฒนาตัวเองจนดื้อยา เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ยาจริง ๆ อาจจะรักษาไม่ได้ผล

​ได้รับผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น: ยาปฏิชีวนะบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย, คลื่นไส้ หรือส่งผลกระทบต่อตับและไตได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้มีการติดเชื้อ

​อาการไม่ดีขึ้น: ถ้าอาการปวดฟันของคุณไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ (เช่น เกิดจากฟันผุที่ไม่ลึกพอ, เสียวฟัน, หรือฟันร้าว) การกินยาปฏิชีวนะก็จะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย

​3. สิ่งที่คุณควรทำเมื่อปวดฟัน

​ใช้ยาแก้ปวดที่เหมาะสม: ในช่วงแรกสามารถกินยาแก้ปวดทั่วไปอย่าง Paracetamol หรือ Ibuprofen เพื่อบรรเทาอาการได้ (หากไม่มีข้อห้ามใช้)

​รีบไปหาหมอฟันทันที: การตรวจวินิจฉัยจากทันตแพทย์เท่านั้นที่จะบอกได้ว่าสาเหตุของอาการปวดฟันมาจากอะไร และจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่

​อย่าลืมว่า "ปวดฟัน" ไม่ได้หมายความว่า "ติดเชื้อ" เสมอไป การกินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นเป็นอันตรายต่อตัวคุณเองในระยะยาวครับ

🦷 ทำไมหมอถึงไม่ยอมถอนฟันให้...ทั้งที่ปวดแทบจะทนไม่ไหวแล้ว?หมอเข้าใจความรู้สึกนะครับ​ว่า...​เวลาปวดฟันคือ"ถอนออกเลยจะได้จ...
07/09/2025

🦷 ทำไมหมอถึงไม่ยอมถอนฟันให้...
ทั้งที่ปวดแทบจะทนไม่ไหวแล้ว?

หมอเข้าใจความรู้สึกนะครับ​ว่า...​เวลาปวดฟันคือ
"ถอนออกเลยจะได้จบ ๆ" แต่พอมาหาหมอฟันทีไร
ก็มักจะได้คำตอบว่า "ยังถอนตอนนี้ไม่ได้นะครับ"
แล้วหมอก็ส่งกลับบ้านพร้อมยา 1-2 ซอง...
ทำไมกันนะ?

​1. เหตุผลที่หมอไม่ถอนฟันให้ทันที
​อาการอักเสบและติดเชื้อ: ถ้าคุณปวดฟันมากจนแทบจะทนไม่ไหว นั่นอาจหมายถึงบริเวณนั้นมีการอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรงอยู่ การถอนฟันตอนนั้นเลยจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง เพราะเชื้อโรคอาจกระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น

​ฤทธิ์ยาชาจะไม่ได้ผลเต็มที่: บริเวณที่มีการอักเสบจะมีสภาพเป็นกรด ทำให้ยาชาออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถึงแม้จะฉีดยาชาไปแล้วคุณก็ยังอาจรู้สึกเจ็บอยู่ดี และการฉีดยาชาเพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

​เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน: การถอนฟันขณะที่ฟันกำลังอักเสบอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะเลือดหยุดไหลยาก หรือมีอาการบวมและติดเชื้อหลังถอนฟันมากกว่าปกติ

​2. สิ่งที่หมอจะทำเพื่อช่วยคุณ
​เมื่อหมอประเมินแล้วว่าไม่สามารถถอนฟันให้ได้ทันที สิ่งที่หมอจะทำคือ:

​จ่ายยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ): เพื่อควบคุมการติดเชื้อและลดอาการอักเสบลง

​จ่ายยาแก้ปวดและลดอาการบวม: เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น

​นัดกลับมาใหม่: เมื่ออาการอักเสบและติดเชื้อลดลงแล้ว หมอจะนัดคุณมาถอนฟันในวันที่เหมาะสมกว่า เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด

​3. คำแนะนำเมื่อคุณปวดฟัน
​ห้ามแกะ/แคะ/บีบหนองด้วยตัวเองเด็ดขาด! เพราะจะยิ่งทำให้อาการติดเชื้อแย่ลง
​ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวม และหลีกเลี่ยงการประคบอุ่นเพราะจะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น
​รีบไปหาหมอฟันให้เร็วที่สุด อย่าทนปวดจนอาการหนัก เพราะการรักษาจะยิ่งยากขึ้นและใช้เวลานานขึ้น

​อยากให้คนไข้เข้าใจ... ว่าหมอไม่อยากทำให้คุณเจ็บ และการตัดสินใจยังไม่ถอนฟันตอนนั้นเป็นไปเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับคุณครับ​❤️

⚠️ เคยได้ยินมาว่า "คนท้องห้ามไปทำฟัน"​ความจริงแล้ว... ไม่ใช่เลยค่ะ! จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างตั้งครรภ์เป็นเร...
06/09/2025

⚠️ เคยได้ยินมาว่า "คนท้องห้ามไปทำฟัน"

​ความจริงแล้ว... ไม่ใช่เลยค่ะ! จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ โคตรสำคัญ เลยด้วยซ้ำ เพราะปัญหาในช่องปากของแม่สามารถส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
​.

​🦷 ทำไมคนท้องถึงต้องระวังเรื่องฟันเป็นพิเศษ?
​ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ เหงือกอักเสบได้ง่ายขึ้น มีอาการบวมแดงและมีเลือดออกง่าย และยังเสี่ยงต่อการเกิด ฟันผุ มากขึ้นด้วย เนื่องจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป เช่น การกินของหวานบ่อยขึ้น หรือมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ทำให้กรดจากกระเพาะอาหารขึ้นมาทำลายเคลือบฟัน
​.

​👶 แล้วจะกระทบกับลูกได้ยังไง?
​งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการมีโรคเหงือกอักเสบขั้นรุนแรงในคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะ คลอดก่อนกำหนด หรือ ทารกมีน้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ ได้ เนื่องจากแบคทีเรียและสารอักเสบจากเหงือกสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลต่อสุขภาพครรภ์
​.

​👩‍⚕️ แล้วทำฟันได้ตอนไหน?
​คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำฟันได้ตามปกติ โดยเฉพาะในช่วง ไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4-6) ซึ่งเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการรักษาทางทันตกรรมทั่วไป เช่น การขูดหินปูน อุดฟัน และถอนฟันที่ไม่ซับซ้อน
​แต่ใน ไตรมาสแรก (เดือนที่ 1-3) และ ไตรมาสสุดท้าย (เดือนที่ 7-9) หากไม่มีอาการฉุกเฉิน ทันตแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรักษาที่ซับซ้อนและเลื่อนไปก่อน
​.

​💡 ต้องบอกอะไรหมอฟันบ้าง?
​สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด เช่น การหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด หรือการถ่ายภาพรังสีที่ไม่จำเป็น
​.

​ดังนั้น อย่าเพิ่งละเลยสุขภาพช่องปากระหว่างตั้งครรภ์นะคะ การดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดก็คือการดูแลลูกน้อยในครรภ์ไปพร้อมกันนั่นเองค่ะ

ฟันตกกระคืออะไร และทำไมถึงเกิดจากฟลูออไรด์?​💡 ฟลูออไรด์ปริมาณพอเหมาะช่วยเคลือบฟัน​คุณอาจจะเคยได้ยินว่าฟลูออไรด์นั้นดีต่อ...
05/09/2025

ฟันตกกระคืออะไร และทำไมถึงเกิดจากฟลูออไรด์?

​💡 ฟลูออไรด์ปริมาณพอเหมาะช่วยเคลือบฟัน
​คุณอาจจะเคยได้ยินว่าฟลูออไรด์นั้นดีต่อฟัน ช่วยให้ฟันแข็งแรงและป้องกันฟันผุได้ ซึ่งเป็นเรื่องจริงค่ะ แต่ถ้าได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณที่ "มากเกินไป" หรือ "นานเกินไป"

โดยเฉพาะในช่วงที่ฟันกำลังก่อตัว จะทำให้ฟันมีสีขาวขุ่นคล้ายชอล์ก ไปจนถึงเป็นสีน้ำตาลเข้มและผิวฟันไม่เรียบ ซึ่งอาการนี้เรียกว่า "ฟันตกกระ (Fluorosis)"

​แล้วทำไมฟลูออไรด์ที่ควรจะเป็นประโยชน์ถึงกลับทำให้ฟันเสียหายได้ล่ะ?

​⚡ กลไกที่ฟลูออไรด์ปริมาณมากทำลายการสร้างเคลือบฟัน

​เมื่อร่างกายได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในช่วงที่ฟันแท้กำลังก่อตัว ฟลูออไรด์จะเข้าไปรบกวนการทำงานของเซลล์ที่ชื่อว่า Ameloblasts ซึ่งมีหน้าที่สร้างชั้นเคลือบฟัน (Enamel) ให้แข็งแรงและเรียบเนียน

​กลไกนี้ทำให้เกิดผลกระทบ 2 อย่างหลัก ๆ คือ:

​ยับยั้งการสร้างเคลือบฟัน: ฟลูออไรด์ที่มากเกินไปจะไปขัดขวางการทำงานของเซลล์ Ameloblasts ทำให้สร้างชั้นเคลือบฟันได้ไม่สมบูรณ์

​ขัดขวางการจัดเรียงตัวของผลึกแร่ธาตุ: ปกติแล้วเคลือบฟันจะแข็งแรงได้ต้องมีการจัดเรียงตัวของผลึกแร่ธาตุที่ชื่อว่า Hydroxyapatite อย่างเป็นระเบียบ
แต่ฟลูออไรด์ส่วนเกินจะทำให้การจัดเรียงตัวนี้ผิดปกติ ทำให้โครงสร้างเคลือบฟันไม่หนาแน่นและมีรูพรุน

​สรุป

​กระบวนการที่เกิดขึ้นทำให้เคลือบฟันที่สร้างขึ้นมานั้นมีความหนาแน่นต่ำกว่าปกติ มีรูพรุนมากกว่าปกติ
และเมื่อฟันงอกออกมาแล้ว รูพรุนเหล่านี้จะดูดซับคราบสีจากอาหารหรือเครื่องดื่มได้ง่าย
ทำให้เกิดเป็นลักษณะลายสีขาวขุ่นไปจนถึงสีน้ำตาลที่เรียกว่า "ฟันตกกระ" นั่นเอง

​ดังนั้น การได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ฟันกำลังพัฒนา ลองปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมให้ลูก ๆ ของคุณดูนะคะ

อมเกลือช่วยรักษาอาการปวดฟันและฟันผุได้... จริงหรือ?​.​❓ทำไมถึงไม่สามารถรักษาได้?เพราะเกลือคือ✔️ ตัวช่วยบรรเทาอาการชั่วคร...
04/09/2025

อมเกลือช่วยรักษาอาการปวดฟันและฟันผุได้... จริงหรือ?

​.

​❓ทำไมถึงไม่สามารถรักษาได้?
เพราะเกลือคือ
✔️ ตัวช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว
✔️ ตัวช่วยลดการอักเสบในเหงือก
✔️ ตัวช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้บางส่วน
✔️ แต่ไม่ใช่ “ยา” ที่รักษาฟันผุให้หายได้

​.

​🍬 หลายคนมักใช้น้ำเกลือกลั้วปากเมื่อมีอาการปวดฟัน
เพื่อหวังว่าอาการจะดีขึ้นและหายขาด แต่เกลือไม่ได้มีคุณสมบัติในการอุดฟันผุให้กลับมาเหมือนเดิม
​🍊 ต่างจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ ที่ช่วยเสริมสร้างและคืนแร่ธาตุให้เคลือบฟัน และฟลูออไรด์ในน้ำยาบ้วนปากที่ช่วยป้องกันฟันผุในระยะยาว

​.

​💥 แล้วมันทำงานได้แค่ไหน?
1️⃣ กลั้วน้ำเกลือ ➤ เกลือช่วยดึงน้ำออกจากเนื้อเยื่อที่บวม
2️⃣ ลดอาการบวมและอักเสบ ➤ ทำให้ความเจ็บปวดลดลงชั่วขณะ
3️⃣ ขับไล่แบคทีเรียได้บางส่วน ➤ ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก
4️⃣ แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งที่มาของปัญหาได้ ➤ เชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ในโพรงฟันยังคงอยู่

​📦 ปัญหาในช่องปากยังคงอยู่!
5️⃣ น้ำเกลือไม่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ได้หมด ➤ ทำให้เชื้อโรคสะสมต่อไป
6️⃣ ฟันที่ผุเป็นรูแล้ว ➤ ไม่สามารถสร้างเนื้อฟันขึ้นมาใหม่ได้
7️⃣ หากการติดเชื้อลามไปถึงรากฟัน ➤ อาจเกิดฝีหนองและอาการปวดที่รุนแรงขึ้น
8️⃣ การอมเกลือไม่ได้ช่วยสลายหินปูนที่สะสม ➤ ทำให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบเรื้อรัง

​.

​🧩 สรุปคือ มันช่วยบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น!
🔹 ลดบวมได้
🔹 ลดปวดได้เล็กน้อย
🔹 ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ
🔹 อาจทำให้ปัญหาลุกลามโดยไม่รู้ตัว

​.

​🚨 ใครที่ปวดฟันอยู่ต้องระวังสุดๆ
เพราะการมัวแต่ใช้น้ำเกลือกลั้วปาก อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการรักษาแต่เนิ่นๆ จนปัญหารุนแรงขึ้น

​.

​🧃 หมายเหตุ:
การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาอย่างถูกวิธี คือทางออกที่ดีที่สุดเสมอค่ะ

​.

​🛡️ ดูแลสุขภาพช่องปากกันนะคะ
​✅ เมื่อมีอาการปวดฟัน ให้รีบไปพบทันตแพทย์ทันที
✅ หากพบว่าฟันผุ ต้องทำการอุดฟัน หรือรักษาตามคำแนะนำของทันตแพทย์
✅ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน
✅ ใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
✅ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และอาหารแข็งที่อาจทำร้ายฟัน
✅ ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาแต่เนิ่นๆ

วันนี้คลินิกหยุด​ 1 วันนะคะขออภัย​ใน​ความไม่สะดวก​ทุกท่านค่ะพบกันวันพฤหัสบดีค่ะ​ 🙏ติดต่อสอบถามLine:
03/09/2025

วันนี้คลินิกหยุด​ 1 วันนะคะ
ขออภัย​ใน​ความไม่สะดวก​ทุกท่านค่ะ
พบกันวันพฤหัสบดีค่ะ​ 🙏

ติดต่อสอบถาม
Line:

ที่อยู่

Nang-Pim Road
Suphan Buri
72000

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00
เสาร์ 08:30 - 17:00
อาทิตย์ 08:30 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

035500849

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกสมบัติทันตแพทย์-สุพรรณบุรีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram