เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด 077960651

27/09/2025

26/09/2025

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้การเคลื่อนไหวของอุจจาระเป็นปกติขึ้น และลดอาการท้องผูกได้ค่ะ 👍

นี่คือ 4 ท่าง่าย ๆ แก้ท้องผูก ที่ทำได้เองที่บ้าน

---

🧘‍♀️ ท่าออกกำลังกายแก้ท้องผูก

1. ท่ากอดเข่าชิดอก (Knee to Chest Pose)

นอนหงาย ชันเข่าแล้วดึงเข้าหาหน้าอก

โอบเข่าไว้ ค้าง 20–30 วินาที

ทำสลับทีละข้าง หรือพร้อมกันทั้งสองข้าง
🔹 ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้

2. ท่าบิดลำตัวนอน (Supine Twist)

นอนหงาย ชันเข่าขึ้น

ปล่อยเข่าล้มไปด้านซ้าย มือกางออกมองไปทางขวา

ค้าง 20–30 วินาที แล้วสลับข้าง
🔹 ลดอาการแน่นท้องและช่วยการขับถ่าย

3. ท่าแมว-วัว (Cat-Cow Stretch)

อยู่ในท่าคลาน สี่เท้า

หายใจเข้ายกหัว เงยหน้า แอ่นหลัง (Cow)

หายใจออกก้มหน้า โค้งหลัง (Cat)

ทำต่อเนื่อง 10–15 ครั้ง
🔹 กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง

4. ท่าลุกนั่ง (Squat Pose)

ยืนกางเท้าเล็กน้อย ย่อตัวลงแบบนั่งยอง

ค้างไว้ 10–15 วินาที

ลุกขึ้น แล้วทำซ้ำ 8–10 รอบ
🔹 เป็นท่าธรรมชาติที่ช่วยให้ลำไส้ตรงเปิดง่ายขึ้น

✅ ทำวันละ 10–15 นาที จะช่วยลดอาการท้องผูกและทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ

สนใจ #โปรแกรมดีท๊อกซ์ ติดต่อจองคิวทาง inboxนะคะ

26/09/2025

#อาการท้องผูกสัมพันธ์กับอาการปวดหลังอย่างไร?

🔗 ความเชื่อมโยงระหว่างท้องผูกกับอาการปวดหลัง

1. แรงกดในช่องท้องสูงขึ้น

เวลาอุจจาระแข็งหรือเคลื่อนไหวช้า คนมักจะเบ่งแรง

การเบ่งทำให้แรงดันในช่องท้องสูงขึ้น → กดไปที่กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลัง

ถ้าเป็นซ้ำ ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหลังเกร็ง ปวดตึง

2. ก้อนอุจจาระกดเส้นประสาท/อวัยวะใกล้เคียง

อุจจาระที่ค้างนานในลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณลำไส้ตรง (re**um) หรือ sigmoid colon

ทำให้เกิดแรงกดกับเส้นประสาทในอุ้งเชิงกรานและแผ่นหลังส่วนล่าง → เกิดอาการปวดร้าวไปหลังหรือเอวได้

3. กล้ามเนื้อแกนกลาง (core muscle) ทำงานผิดสมดุล

คนที่ท้องผูกมักเกร็งหน้าท้องและหลังเวลาจะถ่าย

การเกร็งซ้ำ ๆ โดยไม่สมดุล ทำให้เกิดอาการเมื่อย ปวด หรือดึงรั้งที่หลัง

4. อักเสบร่วม

บางครั้งท้องผูกสัมพันธ์กับภาวะลำไส้อักเสบ, โรคลำไส้แปรปรวน (IBS)

การอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เส้นประสาทรับความรู้สึกไวขึ้น ปวดหลังง่ายขึ้น

---

✅ สิ่งที่ช่วยได้

ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 6–8 แก้ว

เพิ่มใยอาหาร จากผัก ผลไม้ ธัญพืช

ออกกำลังกายเบา ๆ เดินหรือยืดเหยียด → กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และลดการเกร็งกล้ามเนื้อหลัง

ท่าถ่ายที่ถูกต้อง: ยกเท้าวางบนเก้าอี้เล็ก ๆ ให้เข่าสูงกว่าระดับสะโพก → ลดแรงกดและช่วยให้ลำไส้ตรงเปิดออกง่ายขึ้น

---

👉 ถ้าปวดหลังเรื้อรังร่วมกับท้องผูกนานเกิน 2–3 สัปดาห์ หรือมีอาการร่วม (เลือดปนในอุจจาระ น้ำหนักลด อ่อนเพลียมาก) → ควรตรวจทั้งระบบทางเดินอาหารและระบบกระดูกสันหลังค่ะ

ปรึกษา ได้ที่
เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด MN piysiotherapy clinic ☎️077960651

📌https://share.google/uAyiDME6cLveAux7W

26/09/2025

🧾 #ตารางอ่านสุขภาพจากอุจจาระ

สี / ลักษณะ ความหมายที่พบบ่อย ควรทำอย่างไร

#น้ำตาลกลาง–เข้ม (ปกติ) สีของน้ำดี ย่อยอาหารปกติ
✅ สุขภาพดี
#เขียว กินผักใบเขียว / มัทฉะ / ยาเหล็ก / อาหารผ่านลำไส้เร็ว สังเกตต่อ ถ้าไม่มีท้องเสีย ถือว่าปกติ

#เหลือง ไขมันย่อยไม่สมบูรณ์, โรคตับ/ถุงน้ำดี ถ้าเหม็น-มัน-ลอยน้ำบ่อย ควรพบแพทย์

#ดำ เลือดเก่าในทางเดินอาหาร, ธาตุเหล็ก, ยาบางชนิด ถ้าไม่ได้กินยาเสริมเหล็ก → รีบพบแพทย์

#แดงสด เลือดออกที่ลำไส้ใหญ่/ริดสีดวง ถ้ามาก/เรื้อรัง → พบแพทย์ด่วน

#ซีด/ #เทา น้ำดีไม่ปกติ, ท่อน้ำดีอุดตัน พบแพทย์ตรวจตับและถุงน้ำดี

---

📏 #รูปร่างและเนื้อสัมผัส

ก้อนยาว นุ่ม โค้งเหมือนกล้วย → ปกติที่สุด 👍

ก้อนแข็ง แตกเป็นเม็ด ๆ → ท้องผูก, ดื่มน้ำน้อย, ขาดใยอาหาร

เหลวทั้งก้อน → ท้องเสีย อาหารผ่านลำไส้เร็วเกินไป

เหม็นผิดปกติ + มัน/ลอยน้ำ → อาจย่อยไขมันไม่สมบูรณ์

---

👉 ถ้าสีหรือลักษณะผิดปกติ ต่อเนื่องเกิน 3–5 วัน หรือมี เลือด / น้ำหนักลด / ปวดท้องมาก → ควรรีบพบแพทย์ค่ะ

17/09/2025

🌈 30 ข้อง่ายๆ ที่ช่วยเรื่อง Longivity (อายุยืน สุขภาพดี) แบบไม่เสียตังค์ ทำได้ทุกวัน!!

1.เดินวันละ 30 นาที – ถ้าไม่อยากออกกำลังกายหนัก
แค่เดินก็ช่วยหัวใจและหลอดเลือด
2.ยืดเหยียดก่อนนอน – คลายกล้ามเนื้อ ลดการตึงตัว
ทำให้นอนหลับสบายขึ้น
3.นั่งหลังตรง – ช่วยระบบหายใจและลดปัญหากระดูกสันหลัง
4.หายใจลึก ๆ วันละหลายครั้ง – เพิ่มออกซิเจน
ลดความเครียดไปในตัว
5.ดื่มน้ำเปล่าให้พอ วันละ 2-3 ลิตร
6.กินผักผลไม้ให้ได้ทุกมื้อ (เน้นหลากสี)
7.ลดน้ำตาลและของหวาน – หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม ขนมหวาน
8.กินช้า เคี้ยวละเอียด – ระบบย่อยทำงานดี อิ่มง่าย
9.ลดอาหารแปรรูป (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก ขนมถุง)
10.งดกินจุกจิกหรือกินมื้อดึกตอนดึก
11.เข้านอนให้ตรงเวลา – ช่วยฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน
12.ปิดจอมือถือก่อนนอน 1 ชั่วโมง – ลดแสงฟ้า
กระตุ้นการหลับลึก
13.ตื่นเช้าให้เจอแสงแดด – รีเซ็ตนาฬิกาชีวภาพ
14.นอนกลางวันสั้น ๆ 10–20 นาทีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความจำ
15. หยุดกินเมื่ออิ่ม 80% – ลดภาระการย่อย
17.ฝึกสมาธิหรือหายใจเข้า–ออกช้า ๆ วันละ 5 นาที
18. ตรวจเช็กอุจจาระตัวเองทุกวัน – สังเกตสี กลิ่น
ลักษณะ บอกสุขภาพลำไส้ได้
19.โดนแดดยามเช้า 10–15 นาที รับวิตามิน D
20. เลี่ยงควันบุหรี่ แอลกอฮอล์และมลพิษเท่าที่ทำได้
21. ดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอน – กระตุ้นการขับถ่ายและการไหลเวียนเลือด
22.กินให้ตรงเวลา – ลดปัญหากรดไหลย้อน ระบบย่อยดีขึ้น
23.เดินหลังมื้ออาหาร 10–15 นาที – ช่วยน้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง
24.เว้นระยะจากการนั่งนาน ๆ ทุก 1 ชั่วโมง ลุกขยับ 3–5 นาที
25. ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำกิจกรรมเล็ก ๆ – ช่วยพัฒนาสมองซีกตรงข้าม
26. หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด – ลดภาระหัวใจและไต
27. จิบน้ำทีละน้อยระหว่างวัน – ป้องกันภาวะขาดน้ำ
โดยไม่ต้องดื่ม
28. จำกัดข่าวลบที่เสพ – ลดฮอร์โมนความเครียด
29. อยู่กับคนที่ทำให้เรามีพลังบวก มีความุข
30. ยิ้มและหัวเราะบ่อย ๆ – ฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้สุขภาพดี

💪ทั้งหมดนี้ แค่ใช้วินัยและปรับพฤติกรรมประจำวันก็มีสุขภาพดีได้ค่ะ

15/09/2025

อาการปวดหลังร้าวลงขา มักมี ระดับความรุนแรงที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากเบาไปหนัก ดังนี้ค่ะ

🔹 #ระดับความรุนแรงของอาการปวดหลังร้าวลงขา

1. ตึง (Tightness)

รู้สึกเกร็ง ๆ บริเวณกล้ามเนื้อหลังหรือสะโพก

มักเกิดตอนนั่งนาน ยืนนาน หรือออกแรงมากเกินไป

2. เมื่อย (Fatigue / Ache)

รู้สึกหนัก ๆ ล้า ๆ คล้ายกล้ามเนื้ออ่อนแรง

พักแล้วดีขึ้น แต่กลับมาใหม่เมื่อใช้งานนาน

3. ปวดตื้อ ๆ (Dull Pain)

ปวดลึก ๆ เรื้อรังบริเวณหลังหรือสะโพก

มักสัมพันธ์กับการเสื่อมของหมอนรองกระดูกหรือข้อต่อ

4. ปวดร้าว (Radiating Pain)

ปวดแผ่จากหลังลงขา ตามแนวเส้นประสาทไซอาติก

เป็นสัญญาณว่าเส้นประสาทถูกกดทับ

5. ตะคริว (Cramp / Spasm)

กล้ามเนื้อขาหรือก้นหดเกร็ง เจ็บเฉียบพลัน

มักเกิดจากเส้นประสาทถูกกดหรือกล้ามเนื้อตึงมาก

6. ชา (Numbness / Tingling)

รู้สึกชา เหมือนเข็มจิ้ม หรือสูญเสียความรู้สึก

เป็นสัญญาณว่าเส้นประสาทถูกกดรุนแรง ควรรีบพบแพทย์

📌 โดยสรุป:

ตึง → เมื่อย → ปวดตื้อ ๆ → ปวดร้าว → ตะคริว → ชา

ยิ่งอาการรุนแรงขึ้น แสดงว่าเส้นประสาทถูกกดหรือระคายเคืองมากขึ้น

15/09/2025

Elbow injuries often occur from sports and activities that require frequent use of the arms, elbows, and repetitive swinging or impact. The most common sports include:

---

🏸 Racket Sports

Tennis → Can cause “Tennis Elbow” (inflammation of the tendons on the outer side of the elbow)

Badminton / Squash / Table Tennis → Repetitive swinging can strain the tendons and muscles around the elbow

⚾ Throwing Sports

Baseball (Pitcher’s Elbow) → Repeated throwing may cause Golfer’s Elbow (medial epicondylitis) or cartilage injuries in the elbow

Javelin / Discus / Shot Put → High force from powerful throwing increases risk of elbow strain

🏐 Hitting / Impact Sports

Volleyball / Basketball → Spiking, blocking, or forceful arm swings stress the elbow

Golf → Can cause “Golfer’s Elbow” (inflammation of the tendons on the inner side of the elbow)

🥋 Combat Sports / Weightlifting

Judo / Wrestling / MMA → Risk of elbow dislocation or ligament tears

Weight Training / Olympic Lifting → Poor technique or heavy loads can injure the elbow due to high compression forces

✅ Summary

Racket Sports (Tennis, Badminton) → Injuries from repetitive swinging

Throwing Sports (Baseball, Javelin) → Injuries from tensile stress on tendons and joints

Impact Sports (Golf, Volleyball) → Injuries from forceful impacts or swings

High-Load Sports (Weightlifting, Combat Sports) → Injuries from compression or improper twisting

📌เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด MN piysiotherapy clinic

https://share.google/L7zStWgPqhfN3NAkF

15/09/2025

การบาดเจ็บที่ศอกมักเกิดจากกีฬาและกิจกรรมที่ต้องใช้แขน ข้อศอก และการเหวี่ยงซ้ำ ๆ หรือมีแรงกระแทก โดยกีฬาที่พบบ่อย ได้แก่

🏸 กีฬาแร็กเก็ต

เทนนิส → ทำให้เกิด “Tennis Elbow” (เอ็นรอบข้อศอกด้านนอกอักเสบ)

แบดมินตัน / สควอช / ปิงปอง → การเหวี่ยงไม้บ่อย ๆ ทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อรอบศอกอักเสบ

⚾ กีฬาใช้การขว้าง

เบสบอล (Pitcher’s Elbow) → การขว้างซ้ำ ๆ ทำให้เอ็นข้อศอกด้านในอักเสบ (Golfer’s Elbow) หรือบาดเจ็บกระดูกอ่อนในข้อศอก

ขว้างหอก / ขว้างจักร / ขว้างน้ำหนัก → ใช้แรงมากในการเหวี่ยงแขน

🏐 กีฬาใช้แขนตี / กระแทก

วอลเลย์บอล / บาสเกตบอล → การตบ การบล็อก หรือการเหวี่ยงแขนแรง ๆ

กอล์ฟ → ทำให้เกิด “Golfer’s Elbow” (เอ็นข้อศอกด้านในอักเสบ)

🥋 ศิลปะการต่อสู้ / ยกน้ำหนัก

ยูโด / มวยปล้ำ / MMA → มีโอกาสเกิดข้อศอกเคลื่อนหรือเส้นเอ็นฉีก

เวทเทรนนิ่ง / ยกน้ำหนักโอลิมปิก → ถ้าเทคนิคไม่ถูกต้อง ศอกอาจบาดเจ็บจากแรงกดสูง

✅ สรุป:

กีฬาแร็กเก็ต (เทนนิส, แบดมินตัน) → บาดเจ็บจาก การเหวี่ยงซ้ำ ๆ

กีฬาใช้การขว้าง (เบสบอล, ขว้างหอก) → บาดเจ็บจาก แรงดึงรั้งเอ็นและข้อศอก

กีฬาใช้การตี/กระแทก (กอล์ฟ, วอลเลย์บอล) → บาดเจ็บจาก การกระแทกหรือเหวี่ยงแรง ๆ

กีฬาแรงกดสูง (ยกน้ำหนัก, ศิลปะการต่อสู้) → บาดเจ็บจาก แรงกดหรือแรงบิดผิดท่า

ปรึกษา ☎️ 077960651

📌เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด MN piysiotherapy clinic

https://share.google/L7zStWgPqhfN3NAkF

14/09/2025

#อาการปวดหลังร้าวลงขา (มักเรียกว่า ปวดหลังร้าวลงขาแบบ Sciatica) อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ โดยโรคหรือภาวะที่พบบ่อย ได้แก่:

🔹 โรค/ภาวะที่พบบ่อย

1. หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated Disc / Disc Herniation)

หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือแตก ทำให้กดทับเส้นประสาทที่วิ่งลงไปขา

มักปวดหลังส่วนล่าง ร้าวลงขา ขาชา หรืออ่อนแรง

2. กระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Disc Disease / Spondylosis)

เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อ

ทำให้มีการกดทับเส้นประสาทคล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น

3. โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis)

ช่องที่เส้นประสาทวิ่งผ่านแคบลงจากการเสื่อม กระดูกงอก หรือหมอนรองกระดูกโป่ง

มักปวดขาเวลายืนนานหรือเดินนาน แต่ดีขึ้นเมื่อได้นั่งพัก

4. กระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)

กระดูกสันหลังเลื่อนออกจากตำแหน่ง ทำให้กดทับเส้นประสาท

ปวดหลังและร้าวลงขา

5. กล้ามเนื้อสะโพกกดทับเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)

กล้ามเนื้อสะโพกตึงหรือหดเกร็ง กดทับเส้นประสาทไซอาติก

ทำให้ปวดก้น ร้าวลงขา คล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น

🔹 โรค/ภาวะอื่น ๆ ที่อาจเป็นได้

เนื้องอกในโพรงกระดูกสันหลังหรือรอบ ๆ เส้นประสาท (พบได้น้อย)

การบาดเจ็บกระดูกสันหลัง

การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง (พบได้น้อยแต่สำคัญ)

---

⚠️ อาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที

ขาอ่อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ชาหรือรู้สึกผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ/ก้น

กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้

ปรึกษาโทร 077960651

🏥📌อาการ ปวดหลังร้าวลงขา (มักเรียกว่า ปวดหลังร้าวลงขาแบบ Sciatica) อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ โดยโรคหรือภาวะที่พบบ่อย ได้แก่:

---

🔹 โรค/ภาวะที่พบบ่อย

1. หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated Disc / Disc Herniation)

หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือแตก ทำให้กดทับเส้นประสาทที่วิ่งลงไปขา

มักปวดหลังส่วนล่าง ร้าวลงขา ขาชา หรืออ่อนแรง

2. กระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Disc Disease / Spondylosis)

เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อ

ทำให้มีการกดทับเส้นประสาทคล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น

3. โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis)

ช่องที่เส้นประสาทวิ่งผ่านแคบลงจากการเสื่อม กระดูกงอก หรือหมอนรองกระดูกโป่ง

มักปวดขาเวลายืนนานหรือเดินนาน แต่ดีขึ้นเมื่อได้นั่งพัก

4. กระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)

กระดูกสันหลังเลื่อนออกจากตำแหน่ง ทำให้กดทับเส้นประสาท

ปวดหลังและร้าวลงขา

5. กล้ามเนื้อสะโพกกดทับเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)

กล้ามเนื้อสะโพกตึงหรือหดเกร็ง กดทับเส้นประสาทไซอาติก

ทำให้ปวดก้น ร้าวลงขา

🔹 โรค/ภาวะอื่น ๆ ที่อาจเป็นได้

เนื้องอกในโพรงกระดูกสันหลังหรือรอบ ๆ เส้นประสาท (พบได้น้อย)

การบาดเจ็บกระดูกสันหลัง

การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง (พบได้น้อยแต่สำคัญ)

⚠️ อาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที

ขาอ่อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ชาหรือรู้สึกผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ/ก้น

กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้

อาการ ปวดหลังร้าวลงขา (มักเรียกว่า ปวดหลังร้าวลงขาแบบ Sciatica) อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ โดยโรคหรือภาวะที่พบบ่อย ได้แก่:

---

🔹 โรค/ภาวะที่พบบ่อย

1. หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated Disc / Disc Herniation)

หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือแตก ทำให้กดทับเส้นประสาทที่วิ่งลงไปขา

มักปวดหลังส่วนล่าง ร้าวลงขา ขาชา หรืออ่อนแรง

2. กระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Disc Disease / Spondylosis)

เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อ

ทำให้มีการกดทับเส้นประสาทคล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น

3. โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis)

ช่องที่เส้นประสาทวิ่งผ่านแคบลงจากการเสื่อม กระดูกงอก หรือหมอนรองกระดูกโป่ง

มักปวดขาเวลายืนนานหรือเดินนาน แต่ดีขึ้นเมื่อได้นั่งพัก

4. กระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)

กระดูกสันหลังเลื่อนออกจากตำแหน่ง ทำให้กดทับเส้นประสาท

ปวดหลังและร้าวลงขา

5. กล้ามเนื้อสะโพกกดทับเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)

กล้ามเนื้อสะโพกตึงหรือหดเกร็ง กดทับเส้นประสาทไซอาติก

ทำให้ปวดก้น ร้าวลงขา คล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น

---

🔹 โรค/ภาวะอื่น ๆ ที่อาจเป็นได้

เนื้องอกในโพรงกระดูกสันหลังหรือรอบ ๆ เส้นประสาท (พบได้น้อย)

การบาดเจ็บกระดูกสันหลัง

การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง (พบได้น้อยแต่สำคัญ)

---

⚠️ อาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที

ขาอ่อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ชาหรือรู้สึกผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ/ก้น

กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้

ปรึกษา MN clinic ☎️ 077960651

เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด MN piysiotherapy clinic

https://share.google/AhlGfbYQze974glkl

14/09/2025

🙌 Office Syndrome ไม่ใช่โรคเรื้อรังที่ต้องทนอยู่ตลอดไป แต่สามารถ รักษาให้หายได้ด้วยกายภาพบำบัด เพราะการกายภาพเน้นแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่เพียงกดอาการปวดค่ะ

🩺 # การรักษา Office Syndrome ด้วยกายภาพบำบัด

1. ตรวจประเมินหาสาเหตุ
นักกายภาพบำบัดจะตรวจร่างกายอย่างละเอียด
เช็กกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และท่าทางการทำงาน

2. ลดอาการปวดและคลายกล้ามเนื้อ
การนวดรักษา (Deep tissue massage)
ใช้เครื่องมือกายภาพ เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound), คลื่นไฟฟ้า (ES/EA), เลเซอร์
การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching)

3. ปรับโครงสร้างและข้อต่อ
เทคนิคการจัดกระดูก (Mobilization / Manipulation)
ปรับแนวกระดูกคอ–บ่า–หลังให้ทำงานปกติ

4. ออกกำลังกายเฉพาะบุคคล
โปรแกรมบริหารกล้ามเนื้อ Core, คอ, ไหล่, หลัง
ฝึก Posture และการใช้ร่างกายที่ถูกต้อง
ใช้ท่าบริหารที่ออกแบบเฉพาะเคส เพื่อให้หายไวขึ้น

5. คำแนะนำท่าทางและการปรับสิ่งแวดล้อม
สอนการนั่งทำงานที่ถูกต้อง (Ergonomics)
แนะนำอุปกรณ์เสริม เช่น หมอนรองหลัง, โต๊ะ–เก้าอี้ปรับระดับ
แนะนำการพักเบรก–ยืดเหยียดระหว่างวัน

📌 ผลลัพธ์:

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ หายภายใน 5–7 ครั้ง
ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

09/11/2024

#ปวดคอ #ปวดบ่า #ปวดไหล่ #ปวดหลัง #ปวดสะโพก #ปวดหลังร้าวลงขา #ปวดเข่า #เข่าเสื่อม #ข้อเท้าแพลง #พังผืด #เอ็นอักเสบ #บาดเจ็บจากกีฬา #อัมพาต #อัมพฤก #พาร์กินสัน #เส้นประสาทอักเสบ #แขนขาอ่อนแรง

สวัสดีเดือนพฤศจิกายนค่ะ🙏
ปวด เมื่อย เจ็บ ชา...ไม่อยากผ่า ไม่อยากกินยา มาหาเราค่ะ😄🙏

#โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อข้อต่อ #บาดเจ็บจากกีฬา รักษาโดยวิธี ปรับกระดูกจัดโครงสร้างให้ปกติ และใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ คลื่นไฟฟ้าบำบัดลดปวด และเทคนิควิธีทางกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูข้อ เอ็น และกล้ามเนื้อ ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ

#โรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน , อัมพาตครึ่งซีก, อัมพาตครึ่งท่อน, อัมพาตใบหน้า ซึ่งโรคประเภทนี้ควรรักษาด้วยการกายภาพบำบัดควบคู่กับการทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันด้วยตนเองได้ การกายภาพบำบัดรักษาโดยใช้เครื่อง EMS กระตุ้นกล้ามเนื้อเพิ่มความแข็งแรง เครื่องEA technique กระตุ้นเส้นประสาท ร่วมกับการออกกำลังกายจำเพาะสำหรับกระตุ้นระบบประสาท

ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี
👍👍 หลังจากตรวจร่างกาย จะทราบว่าต้องรักษากี่ครั้งจึงหายหรือกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ

คลินิกเปิดให้บริการ ✅ทุกวันจันทร์-เสาร์ 9.00-17.00น.
❌หยุดทุกวันอาทิตย์


ติดต่อสอบถาม/จองคิว ☎️077960651 ในเวลาทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 9.00-15.00น.

📌📌แผนที่ เอ็มเอ็น คลินิกกายภาพบำบัด MN piysiotherapy clinic