SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間

SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間 The oldest is found in Middle Chinese 魂 (Hún, khwan). It means soul, spirit, supernatural being, something intangible. Having it is auspicious.

“Soul Cure Space” (Su Kwan Space), a spiritual healing space with beliefs, traditional wisdom combined with modern concepts based on Dharma and nature.“สู่ขวัญ สเปส”พื้นที่รักษาทางจิตวิญาณด้วยความเชื่อดั้งเดิมผสมผสานแนวคิดสมัยใหม่ในแนวทางธรรมะ ธรรมชาติ “Soul Cure Space” (Su Kwan Space), a spiritual healing space with beliefs, traditional wisdom combined with modern concepts based on Dharma and nature.
“สู่ขวัญ สเปส” พื้นที่รักษาทางจิตวิญาณด้วยความเชื่อ ภูมิปัญญาดั้งเดิมผสมผสานแนวคิดสมัยใหม่บนพื้นฐานของธรรมะ ธรรมชาติ
“ 癒し空間 ” (Iyashi kūkan) は、信念、伝統的な知恵と、ダルマと自然に基づく現代的な概念を組み合わせたスピリチュアルな癒しの空間です。

สู่ขวัญ สเปส
คำว่า “ขวัญ” พบในหลายวัฒนธรรมในเอเชีย เก่าแก่ที่สุดพบในภาษาจีนยุคกลาง 魂 (Hún , ขวัญ) มีความหมายถึง วิญญาณ, ผี ,สิ่งมีพลังเหนือธรรมชาติ สิ่งที่ไม่มีตัวตน เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่เกิดมา มีแล้วเป็นมิ่งมงคล เป็นขวัญกำลังใจถ้าคนตกใจหรือเสียขวัญ ขวัญก็ออกจากร่างไป จะมีผลร้ายมีการเจ็บป่วย จึงต้องทำการ “สู่ขวัญ” (Soul Cure) เรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับตัว
Soul Cure Space
The word “khwan” (Cure) is found in many Asian cultures. It is believed that it is present since birth. It is a morale booster. If a person is shocked or loses their spirit, the spirit will leave the body. There will be bad results and illness. Therefore, a "sukhwan" (Soul Cure) must be performed to call the spirit back to the body.

癒し空間 (Iyashi kūkan)
クワンという言葉はアジアの多くの文化で見られます。最も古いものは中期中国語にあり、魂、幽霊、超自然的な力を意味します。無形のもの生まれたときからそこにあったと考えられています。持っていると縁起が良いです。人々がショックを受けたり、意気消沈したりした場合、それは士気を高める効果があります。士気は体から離れた。悪い結果や病気もあるでしょうから、士気を取り戻すために「スクワン」をしなければなりません。

ประวัติศาสตร์ของแนวคิดและการรักษาโรคของตะวันออกมีความเป็นมายาวนาน โดยเฉพาะในอาเซียน ไม่ว่าไทย พม่า ลาว เขมร มาเลเชีย หมู่เกาะ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็ล้วนมีปรัชญาในการรักษาแบบพื้นถิ่นที่ใกล้เคียงกัน กล่าวได้ว่างการแพทย์โบราณของอาเซียนนั้นเป็นอย่างเดียวกัน การแพทย์พื้นบ้าน เป็นปรัชญาที่มีรากเหง้าอันเดียวกัน ให้ความสำคัญกับอาหารการกิน ถือว่าอาหารเป็นยา ดังนั้นจึงมีอาหารต้องห้ามในแต่ละโรค มีอาหารที่ต้องกินหากป่วยด้วยโรคหนึ่ง ๆ มีการใช้สมุนไพรที่ใกล้เคียงกัน มีการนวด ใช้หลักการหายใจและเคลื่อนไหว ใจสงบ ภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่าต่างๆที่รักษาผ่านการ ปรับตัวใช้ชีวิตในป่า ผสมกับได้รับอิทธิพลจากจีน อินเดียผ่านการติดต่อค้าขาย เผยแพร่วัฒนธรรมศาสนาและภูมิปัญญา ผ่านเส้นทางสายไหมทางใต้
ปรัชญาอินเดียมีการรักษาเป็นระบบมาตั้งแต่ 2,400 ปีก่อน อินเดียมีตำราอายุรเวท ซึ่งแปลว่า “วิทยาการแห่งชีวิต” ความเชื่อทางการแพทย์ตามแบบอายุรเวท เน้นหนักไปที่ปราณหรือพลังชีวิต ในร่างกายมีทางเดินของปราณที่แน่นอน การเคลื่อนที่ของปราณมีจุดตัดกันที่เรียกว่าจักระ จักระทั้งหมดมีอยู่ด้วยกัน 7 ตำแหน่ง เรียงกันอยู่ตรงกลางของลำตัวตามแนวของกระดูกสันหลัง เรียงจากบนลงล่าง ตั้งแต่กระหม่อมลงไปถึงก้นกบ แต่ละจักระมีความสัมพันธ์กับต่อมต่างๆ ในร่างกาย คนอินเดียเชื่อว่า เมื่อใดที่จักระเสียความสมดุล หรือการเคลื่อนไหลของปราณติดขัด ร่างกายก็จะป่วย การรักษาโรคจึงต้องปรับจักระที่มีปัญหา โดยการใช้ยาสมุนไพร อาศัยการนวด และการฝึกโยคะ
การแพทย์แผนจีนก็มีการพูดถึงการเคลื่อนไหวของพลังงานหรือชี่ ชี่มีความสัมพันธ์กับอวัยวะภายในต่างๆ กัน หากเมื่อใดที่ทางเดินของชี่ติดขัดก็จะเกิดความเจ็บป่วย ต้องแก้ไขความติดขัดของชี่ โดยใช้สมุนไพร ใช้การฝังเข็ม ชี่กง และการรมยา เป็นต้น ปรัชญาการใช้สมุนไพรและเกลือแร่ เป็นอีกแนวคิดที่ เอเชียมีร่วมกัน แต่ต่างไปตามภูมิอากาศและพืชพื้นถิ่น จำแนกตามรส คือ ขม หวาน ฝาด เค็ม เผ็ด และ เปรี้ยว อาศัยแนวคิดที่ว่า รสที่ต่างกันมีผลต่ออวัยวะภายในที่ต่างกัน เช่น รสเผ็ดมีผลต่อปอดและลำไส้ใหญ่ รสหวานมีผลต่อกระเพาะและม้าม รสเปรี้ยวมีผลต่อตับ และถุงน้ำดี รสของสมุนไพรที่ต่างกันก็จะใช้รักษาโรคต่างกันไป แนวคิดนี้ยังครอบคลุมถึงรสชาติของอาหารด้วย คนเอเชียส่วนใหญ่ถือว่าอาหารเป็นยา ในแต่ละฤดูกาลจะกินอาหารอย่างไรจึงจะไม่ป่วย หากไม่สบายแล้วจะต้องกินอย่างไรก็อาศัยแนวคิดเรื่องรสเป็นหลัก
การแพทย์ของทิเบตที่อยู่กึ่งกลางอินเดียจีน กรีก และอาหรับได้รับเอาแนวคิดของนานาประเทศเอาไว้หลากหลาย แนวคิดเกี่ยวกับสรีระเป็นแบบกรีกและอราบิก จึงเทคนิคการผ่าตัดรักษา ร่วมกับความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณซึ่งรับเอามาจากอินเดีย พระลามะยังใช้การสวดมนตร์รักษาโรค แบบพุทธนิกายวัชระยาน การแพทย์แผนไทย มีความเป็นมาของเราเอง ถือหลักเป็นการแพทย์แนวพุทธะ
เดิมทีการแพทย์จึงมีศูนย์กลางอยู่ที่วัด มีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางธรรมชาติ ใช้การผูกหรือมัดขวัญ การเสกเป่า การแก้บน การสืบชาตา และมีการใช้น้ำมนต์ ซึ่งปรับเป็นวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตของคนไทยมาแต่ดั้งเดิม คนโบราณไม่ได้มองว่าโรคมีสาเหตุจากเชื้อโรค แต่การเกิดโรคเป็นเพราะร่างกายขาดความสมดุลของธาตุสำคัญทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือขาดความสมดุลกับธรรมชาติ อากาศ ฤดูกาล เป็นต้น การตรวจวินิจฉัยของหมอไทยจะเน้นเรื่องของวันเดือนปีเกิด เพราะมีแนวคิดที่ว่า คนเราเกิดมามีธาตุเจ้าเรือนกำหนดมาตั้งแต่ในครรภ์มารดา จากนั้นจึงตรวจดูว่าอาการที่มีเป็นอาการของธาตุใด ธาตุทั้งสี่ไม่สมดุลอย่างไร อันไหนหย่อน อันไหนกำเริบ หรือพิการอย่างไร จากนั้นจึงใช้ยาสมุนไพรรักษา การรักษาตามแนวแผนไทยจะเน้นการใช้ยาสมุนไพรเป็นหลัก ประกอบกับการนวด อบประคบ ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย จีน ร่วมกับยาสมุนไพรภูมิปัญญาพื้นบ้านของเราเอง การแพทย์พื้นบ้านทั่วโลกล้วนมีความเป็นมาอันยาวนาน แต่ทั้งหมดมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ การอาศัยธรรมชาติรอบตัวมาปรับสมดุลให้กับร่างกายของตนเอง น่าแปลกใจที่ยุคนี้ ที่การแพทย์สมัยใหม่พัฒนามากว่า 300ปี แต่ปรัชญารักษาโรคแบบบรรพบุรุษยังคงได้รับการยอมรับ และ สามารถปรับตัวให้เข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อการรักษาแบบองค์รวมที่เกิดความสมดุลจากกฎธรรมชาติ

The history of Eastern concepts and treatments has a long history, especially in ASEAN, whether Thailand, Burma, Laos, Cambodia, Malaysia, the islands, the Philippines, Indonesia, all have similar local treatment philosophies. It can be said that ASEAN's ancient medicine is the same. Traditional medicine is a philosophy with the same roots, emphasizing food and eating, considering food as medicine. Therefore, there are foods that are forbidden for each disease, foods that must be eaten if one is sick with a certain disease, using similar herbs, massage, using breathing and movement principles, calming the mind, and the traditional wisdom of various tribes that heal through adapting to life in the forest, mixed with influences from China and India through trade, spreading culture, religion, and wisdom through the southern Silk Road. Indian philosophy has been systematically healing since 2,400 years ago. India has the Ayurveda textbook, which means “the science of life.” Ayurvedic medical beliefs focus on prana or life force. There is a definite path of prana in the body. The movement of prana has intersection points called chakras. There are 7 chakras in total, arranged in the middle of the body along the spine, from top to bottom, from the crown of the head to the buttocks. Each chakra is related to different glands in the body. Indians believe that when the chakras are out of balance or the movement of prana is obstructed, the body will become sick. Therefore, treatment of disease must adjust the problematic chakras by using herbal medicine, massage, and yoga. Chinese medicine also talks about the movement of energy or Qi. Qi is related to various internal organs. When the Qi path is blocked, illness will occur. The blockage of Qi must be resolved using herbs, acupuncture, qigong, and moxibustion. The philosophy of using herbs and minerals is another concept that Asia shares, but it varies depending on the climate and local plants. It is classified by taste: bitter, sweet, astringent, salty, spicy, and sour. It is based on the idea that different tastes affect different internal organs. For example, spicy taste affects the lungs and large intestine, sweet taste affects the stomach and spleen, and sour taste affects the liver and gallbladder. Different tastes of herbs are used to treat different diseases. This concept also covers the taste of food. Most Asians consider food to be medicine. In each season, how to eat so as not to get sick, and if you are sick, what to eat depends mainly on the concept of taste. Tibetan medicine, which is located in the middle of India, China, Greece and Arabia, has adopted many ideas from many countries. Its ideas about the body are Greek and Arabic, so surgical techniques, together with spiritual beliefs, were adopted from India. Lamas also use mantras to cure diseases, in the style of Vajrayana Buddhism. Thai traditional medicine has its own history and is based on Buddhist medicine. Traditional medicine was centered at temples, related to natural rituals, using tying or binding the soul, chanting, making offerings, continuing fate, and using holy water, which has been adapted into the culture of Thai people’s way of life since ancient times. Ancient people did not see diseases as caused by germs, but rather diseases were caused by the body lacking the balance of the four important elements: earth, water, wind, fire, or lacking balance with nature, air, and seasons, etc. Thai doctors’ diagnosis focuses on the date of birth because they believe that people are born with a ruling element since they were in their mother’s womb. Then they examine which element they have and how the four elements are out of balance, which ones are weak, which ones are exacerbated, or how they are disabled. Then they use herbal medicine to treat. Traditional Thai medicine focuses on using herbal medicine as the main ingredient, along with massage and compresses, influenced by India and China, along with our own traditional herbal medicine. Traditional medicine around the world has a long history, but they all have one thing in common: using nature around us to balance our own bodies. It is surprising that in this era, where modern medicine has been developing for over 300 years, the ancestral philosophy of treating diseases is still accepted and can be adapted to modern medicine for holistic treatment that is balanced by the laws of nature.

22/09/2025
ขอบคุณ นักข่าว กรุงเทพธุรกิจ ที่  สนใจ กิจกรรม สู่ขวัญป่า และเครือข่าย ชาติพันธุ์ ญัฮกุร ของพวกเรา ครับ ....ยินดีต้อนรับ...
17/09/2025

ขอบคุณ นักข่าว กรุงเทพธุรกิจ ที่ สนใจ กิจกรรม สู่ขวัญป่า และเครือข่าย ชาติพันธุ์ ญัฮกุร ของพวกเรา ครับ ....ยินดีต้อนรับ ทุกท่าน มาสู่ขวัญป่า..ญัฮกุร

https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1199023?fbclid=IwdGRjcAM3mOljbGNrAzeXmWV4dG4DYWVtAjExAAEeuKyE5n3R1-MRvY9p1O-wRzMS3cUXvTamNT2wOTsinqoFVk-TZUV7hBalpo8_aem_FqhqgBOlMPZOu1ypNsbitA

มารู้จักกับ ‘ญัฮกุร’ กลุ่มชาติพันธุ์ มอญโบราณในไทย ที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยทวารวดี กับการปรับเปลี่ยนวิถี....

17/09/2025

รวมบรรยากาศ4วัน Amazing Green Fest 2025 ชวนผู้คนร่วมสู่ขวัญป่า

11กย. นิทานชาวญัฮกุรคืนดีกับป่า ร่วมสู่ขวัญป่า

12 กย.2568 ในงาน #ดนตรีสู่ขวัญป่า ใน #วันอาบป่าสากล โดย SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間 SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間 พารวมทีมกับเครือข่ายดนตรีชนเผ่า ซาว-ด์ บ้าน Sound Ban-d Record ซาว-ด์ บ้าน Sound Ban-d Record × × JIPI × อาสาสู่ขวัญป่า ซีซัน 1และ 2

16/09/2025

เอิญ ขวัญ ปัน น้ำใจ

19 -21 กย.พบกับเรา SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間 พร้อมขวัญของชนเผ่า พบ กัน งานชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์สร้างสรรค์...
16/09/2025

19 -21 กย.พบกับเรา SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間 พร้อมขวัญของชนเผ่า พบ กัน งานชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์สร้างสรรค์ สังคม ที่ ศมส.

📣 ขอเชิญร่วมงาน “ภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์ สร้างสรรค์สังคมไทย”
🗓️ วันที่ 19–21 กันยายน 2568
📍 ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร กรุงเทพฯ

✨ เต็มอิ่มกับกิจกรรมที่ห้ามพลาด ✨

🎨 Workshop
• เรียนรู้ศิลปะดนตรีและบทเพลงชนเผ่าพื้นเมือง
• สาธิตและชิมอาหารจากชนเผ่าพื้นเมืองกว่า 40 กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ตำข้าวปุ๊ก, ลาบหมูสมุนไพร, ต้มไก่กระดูกดำ ฯลฯ
• ศิลปหัตถกรรมพื้นเมือง: ย้อมผ้าสีธรรมชาติ, เขียนเทียน-บาติก, ปัก-ถัก-ทอ, งานเงิน-งานเขิน, ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ, จักสาน, เครื่องใช้ครัวเรือน
• เรียนรู้และสืบสานวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษากลุ่มชาติพันธุ์

🗣️ เวทีสาธารณะ
• “เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองและปัญญาประดิษฐ์ ร่วมปกป้องสิทธิและกำหนดอนาคตที่สดใส”
• “ผู้ปราดเปรื่องเรื่องเมล็ดพันธุ์ สานความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน” ว่าด้วยศักยภาพสตรีชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
• “ประสบการณ์และบทเรียนการมีกฎหมายฉบับประชาชน: ส่งเสริมศักยภาพเด็กและเยาวชน สิทธิชุมชน เกษตรกร และคุ้มครองผู้บริโภค”
• “บทเรียนการขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ (พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ.๒๕๖๘) ความท้าทายและข้อเสนอแนะต่อการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และการใช้ประโยชน์กฎหมาย”

🌟 Highlight
• อาหารเลิศรสแนวฟิวชั่น “ชิมให้รู้ราก”
• การแสดงศิลปดนตรีและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง (ทั้ง 2 คืน)
• ร่วมประกาศ “ปฏิญญาคุ้มครองสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์” ประจำปี 2568

📌 กิจกรรมคู่ขนานตลอดงาน
• นิทรรศการมีชีวิต: พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ / ความมั่นคงทางอาหาร / การจัดการพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิต
• การนำเสนอภาพถ่ายวิถีชาติพันธุ์
• การแสดงดนตรีและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
• จำหน่ายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ จากชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง

ดาวน์โหลดกำหนดการจัดงาน: https://drive.google.com/file/d/1wPnCjsgxm-_B27K8j7-PUuS9qQhY8a6h/view?usp=drivesdk

#วันชนเผ่าพื้นเมือง #ชาติพันธุ์ #ชนเผ่าพื้นเมือง #ภูมิปัญญาชนเผ่า

09/09/2025

รอพบ กับขวัญป่าญัฮกุร ที่ บูธ D2 ครับ ไป สู่ขวัญ Amazing Green Thailand กัน 11-14 กย. และ การแสดงเวทีกลาง 11กย. 16.00-17.00 เรื่องเล่าจากป่าญัฮกุร 12.กย.16.00-17.00 ดนตรีจากป่า ชนเผ่าและร่วม #สู่ขวัญป่า พร้อมกันในวัน อาบป่า สากล

ที่อยู่

SOUL CURE Space สู่ขวัญสเปส-สวนรักษ์คุณ หมู่ 1 ต. บ้านไร่ อ. เทพสถิต
Thep Sathit
36230

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ SOUL CURE space สู่ขวัญ สเปส 癒し空間ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram