ฮ่อเหรินหยิน ถั่งเช่าธิเบตแท้ บำรุงร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพ

  • Home
  • ฮ่อเหรินหยิน ถั่งเช่าธิเบตแท้ บำรุงร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพ

ฮ่อเหรินหยิน ถั่งเช่าธิเบตแท้ บำรุงร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพ “ตังถั่งแห่เช่า ยาบำรุงร่างกายชั้นยอดที่ได้จากการผสมผสานกันระหว่างตัวหนอนและเห็ด” ผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรอง เลขทะเบียน G50/2551

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน  เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่...
10/02/2020

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่างกาย🌿🇨🇳

☑ บำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย
☑ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
☑ ป้องกันและบำบัดโรคในระบบทางเดินหายใจ
☑ เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
☑ ฟื้นฟูและปรับสมดุลการทำงานของต่อมไร้ท่อ
☑ ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
☑ บำรุงอวัยวะสำคัญของร่างกาย
❤คุณสมบัติโดดเด่นช่วยบำรุง
✔สมอง ✔ ต่อมไร้ท่อ ✔ หัวใจ ✔ไต ✔ปอด ✔ ตับ ✔ม้าม
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดน้ำ 1ขวด 3,950 บาท
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดแคปซูล 50 แคปซูล 2,750
💥 พิเศษที่สุด 💥 เมื่อซื้อยาน้ำฮ่อเหรินยิน 1ขวด มูลค่า 3,950 บาท
💰รับฟรี ฮ่อเหรินยินชนิด แคปซูล มูลค่า 2,750 💰 ฟรีเลยค่าา 💥

สนใจสั่งซื้อกดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย👇👇👇👇
https://line.me/R/ti/p/%40zel7753t
Hotline 👉 ☎099-245-8080

เปิดตลอดน๊าาา สั่งได้เลย 24 ชมอยากสุขภาพดีต้องสั่งค่ะปรึกษาเพิ่มเติมทักมาได้เลยค่ะ #คุณสั่งเราส่งทันทีไม่ต้องรอรอบ🇨🇳🌿ผลิ...
15/01/2020

เปิดตลอดน๊าาา สั่งได้เลย 24 ชม
อยากสุขภาพดีต้องสั่งค่ะปรึกษาเพิ่มเติมทักมาได้เลยค่ะ
#คุณสั่งเราส่งทันทีไม่ต้องรอรอบ
🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่างกาย🌿🇨🇳

☑ บำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย
☑ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
☑ ป้องกันและบำบัดโรคในระบบทางเดินหายใจ
☑ เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
☑ ฟื้นฟูและปรับสมดุลการทำงานของต่อมไร้ท่อ
☑ ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
☑ บำรุงอวัยวะสำคัญของร่างกาย
❤คุณสมบัติโดดเด่นช่วยบำรุง
✔สมอง ✔ ต่อมไร้ท่อ ✔ หัวใจ ✔ไต ✔ปอด ✔ ตับ ✔ข
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดน้ำ 1ขวด 3,950 บาท
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดแคปซูล 50 แคปซูล 2,750
💥 พิเศษที่สุด 💥 เมื่อซื้อยาน้ำฮ่อเหรินยิน 1ขวด มูลค่า 3,950 บาท
💰รับฟรี ฮ่อเหรินยินชนิด แคปซูล มูลค่า 2,750 💰 ฟรีเลยค่าา 💥

สนใจสั่งซื้อกดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย👇👇👇👇
https://line.me/R/ti/p/%40zel7753t
Hotline 👉 ☎099-245-8080

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน  เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่...
04/01/2020

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่างกาย🌿🇨🇳

☑ บำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย
☑ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
☑ ป้องกันและบำบัดโรคในระบบทางเดินหายใจ
☑ เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
☑ ฟื้นฟูและปรับสมดุลการทำงานของต่อมไร้ท่อ
☑ ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
☑ บำรุงอวัยวะสำคัญของร่างกาย

❤คุณสมบัติโดดเด่นช่วยบำรุง
✔สมอง ✔ ต่อมไร้ท่อ ✔ หัวใจ ✔ไต ✔ปอด ✔ ตับ ✔ม้าม

📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดน้ำ 1ขวด 3,950 บาท
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดแคปซูล 50 แคปซูล 2,750

สอบถาม/สั่งซื้อ
คลิ๊ก ส่งข้อความและโทรฟรีด้วย LINE กันเถอะ
https://line.me/ti/p/i9K6Kqe7ES

สายด่วน ☎ 099-245-8080
ID herbline

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน  เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่...
20/12/2019

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่างกาย🌿🇨🇳

☑ บำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย
☑ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
☑ ป้องกันและบำบัดโรคในระบบทางเดินหายใจ
☑ เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
☑ ฟื้นฟูและปรับสมดุลการทำงานของต่อมไร้ท่อ
☑ ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
☑ บำรุงอวัยวะสำคัญของร่างกาย
❤คุณสมบัติโดดเด่นช่วยบำรุง
✔สมอง ✔ ต่อมไร้ท่อ ✔ หัวใจ ✔ไต ✔ปอด ✔ ตับ ✔ม้าม
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดน้ำ 1ขวด 3,950 บาท
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดแคปซูล 50 แคปซูล 2,750
💥 พิเศษที่สุด 💥 เมื่อซื้อยาน้ำฮ่อเหรินยิน 1ขวด มูลค่า 3,950 บาท
💰รับฟรี ฮ่อเหรินยินชนิด แคปซูล มูลค่า 2,750 💰 ฟรีเลยค่าา 💥

สนใจสั่งซื้อกดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย👇👇👇👇
https://line.me/R/ti/p/%40zel7753t
Hotline 👉 ☎099-245-8080

 #ฮ่อเหรินหยิน #ถังเช่าธิเบต
06/11/2019

#ฮ่อเหรินหยิน
#ถังเช่าธิเบต

4 ข้อสังเกตุ "โรคไต" รู้ได้อย่างไรนะ? #ถังเช่าธิเบตแท้  #โรคไต  #ถังเช่าฮ่อเหรินยิน
30/10/2019

4 ข้อสังเกตุ "โรคไต" รู้ได้อย่างไรนะ?
#ถังเช่าธิเบตแท้ #โรคไต #ถังเช่าฮ่อเหรินยิน

วัยทำงานมักต้องเจอปัญหาความเครียด อาการไม่สดชื่น หงุดหงิดง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย นอนไม่ค่อยหลับ อ้วนง่าย เหล่านี้เป็นปั...
25/10/2019

วัยทำงานมักต้องเจอปัญหาความเครียด อาการไม่สดชื่น หงุดหงิดง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย นอนไม่ค่อยหลับ อ้วนง่าย เหล่านี้เป็นปัญหาที่พบเห็นได้บ่อยๆ ของชาวออฟฟิศและคนเมืองเลยทีเดียว

อยู่แบบ 5 อ.ช่วยชะลอวัยได้
เมื่อไปพบแพทย์ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคอะไร แต่สำหรับทางการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยหรือ Anti - Aging Medicine
เรียกอาการเหล่านี้ว่าร่างกายเริ่มเกิดความเสื่อม เมื่อร่างกายเริ่มเสื่อมอวัยวะต่างๆ ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ อาการหรือโรคที่เกิดจากความเสื่อมก็จะตามมา เช่น โรคมะเร็งต่างๆ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคต้อกระจก โรคระบบประสาทเสื่อม โรคกระดูกพรุน เป็นต้น

แล้วเราจะสามารถชะลอความเสื่อมของร่างกายได้หรือไม่ และมีวิธีไหนบ้าง พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านชะลอวัย จาก AddLife Anti-Aging Center ไลฟ์เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี กล่าวว่า ภาวะเสื่อมของร่างกายเกิดขึ้นได้เมื่อเราอายุมากขึ้น โดยเฉลี่ยจะเริ่มเกิดความเสื่อมของร่างกายเมื่ออายุ 30 ปี แต่ในปัจจุบันสภาพแวดล้อม อาหาร อากาศ และมลภาวะที่เป็นพิษทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อมเร็วขึ้น

การแพทย์เฉพาะทางด้านชะลอวัย จึงเข้ามาช่วยรักษาหรือแก้ไข โดยจะมุ่งเน้นที่การป้องกันโรค การฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการรักษาสุขภาพก่อนที่จะเกิดโรค ทั้งการใช้สารอาหาร แร่ธาตุ ฮอร์โมนต่างๆ มาช่วยทำให้ร่างกายชะลอความเสื่อมให้ช้าลง สำหรับผู้ที่อยากชะลอความเสื่อมของร่างกาย เพื่อช่วยชะลอวัยให้ดูเด็กลง สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ให้อยู่แบบ 5 อ.

อากาศ : อยู่ในที่ๆ มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษต่างๆ ทั้งรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ที่ช่วยเร่งความเสื่อมของร่างกาย หาเวลาไปพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเมืองแล้วคุณจะรู้สึกสดชื่น สมองปลอดโปร่งขึ้น

อาหาร : ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เปลี่ยนกลุ่มอาหารให้หลากหลาย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง และไขมันสูง อาหารที่มีสารปนเปื้อน ถ้าเป็นไปได้ควรทำอาหารทานเองบ้าง

ออกกำลังกาย : การออกกำลังช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีและแลดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย แต่คนเรามักจะบอกว่าไม่มีเวลา ควรจัดสรรเวลาให้ออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 150 นาที และการออกกำลังที่ดีควรมีการผสมผสานให้หลากหลาย เช่น แอโรบิค วิ่ง ว่ายน้ำ จ๊อกกิ่ง ช่วยกระตุ้นเลือดลม ทำให้หัวใจแข็งแรง โยคะ ช่วยให้ข้อต่อมีการยืดหยุ่นที่ดี การยกเวท จะช่วยเรื่องมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ป้องกันกระดูกบาง เป็นต้น

อารมณ์ : หัวเราะวันละนิด จิตแจ่มใส เป็นคำที่ใช้ได้กับทุกๆ สมัย คนเราสมัยนี้มักมีความเครียด การคิดบวก ปรับวิธีคิดหามุมบวก นั่งสมาธิ จะช่วยคลื่นในสมองได้หลับสนิท ลองหาเวลานั่งสมาธิวันละ 5นาที

แอนไท-เอจจิ้ง : การแพทย์แนวรุกมุ่งเน้นการฟื้นฟูรักษาภาวะเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพราะแม้ว่าเราจะทำครบ 4 อ. ข้างต้น แต่เมื่อร่างกายเสื่อมถึงจุดหนึ่ง มีอาการ "แก่” เกิดขึ้นแล้ว เราจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้การรักษาและชะลอไม่ให้สุขภาพเสื่อมถอย แต่ฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข

วิธีง่ายๆ ที่คุณก็สามารถดูแลสุขภาพตนเองให้ดูอ่อนวัยห่างไกลโรคได้ เริ่มปฏิบัติวันนี้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวน่ะค่ะ
www.bangkokbiznews.com

ตะคริว คืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยไม่สามารถบังคับได้ การเป็นตะคริ...
25/10/2019

ตะคริว คืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยไม่สามารถบังคับได้ การเป็นตะคริวอาจจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขา ในขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น หรือที่เรียกว่า ตะคริวกลางคืน (Nocturnal Leg Cramps) ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อขาและพบได้บ่อยในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่พบว่าบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานานๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป หรือการยืนหรือทำงานบนพื้นแข็ง เช่น คอนกรีตเป็นเวลานาน หรือนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น นอกจากนี้พบว่าอาการตะคริวอาจสัมพันธ์กับภาวะต่างๆ ได้แก่ การตั้งครรภ์ ภาวะขาดน้ำ กลุ่มโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โรคต่อมไร้ท่อ หรือการรับประทานยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป

หากไม่อยากเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือขณะนอนหลับ ควรนอนในท่าที่สบายผ่อนคลาย ใช้หมอนรองขาให้สูงจากเตียงประมาณ 10 เซนติเมตร ห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมทั้งดื่มนมก่อนนอนเพื่อเพิ่มแคลเซียมและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นตะคริวขณะนอนหลับ สามารถดูแลให้ดีขึ้นได้โดย

1. ยืดกล้ามเนื้อขา ยืดขาให้ตร
2. กระดกปลายเท้าขึ้นค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
3. นวดกล้ามเนื้อขาเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น

ขอบคุณที่มา สสส

หลายปีที่ผ่านมานี้มีคนไข้มาหาหมอด้วยโรคภูมิแพ้เป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี เมื่อพบเจอคนรู้จัก ในกลุ่มเพื่อน ญาติสนิท หรือแม้แต่...
10/10/2019

หลายปีที่ผ่านมานี้มีคนไข้มาหาหมอด้วยโรคภูมิแพ้เป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี เมื่อพบเจอคนรู้จัก ในกลุ่มเพื่อน ญาติสนิท หรือแม้แต่หมอเองก็ยังเป็นโรคภูมิแพ้ แต่จะเยอะจริงอย่างที่หมอบอกหรือไม่ลองจากดูสถิติกัน ในประเทศไทยเราพบว่า ภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา มีรายงานอุบัติการณ์เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า โดยในขณะนี้ประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30 โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคหืดร้อยละ 10-15 โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหารร้อยละ 5 โดยอุบัติการณ์ในเด็กจะสูงกว่าในผู้ใหญ่คือ พบเด็กที่มีภาวะโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 40

ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้นั้นถ้าไม่ได้รับการรักษาจะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่กว่าคนปกติ เช่นว่า มีอาการคัดจมูกในเวลากลางคืนทำให้นอนอ้าปากหายใจ จึงตื่นมาด้วยอาการปากแห้ง รู้สึกเหมือนนอนหลับไม่สนิท คุณภาพการนอนหลับลดลง ทำให้ร่างกายไม่สดใสตื่นตัว และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ อย่างไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก หูชั้นกลางอักเสบ หรือนอนกรน แล้วเราจะทำอย่างไรให้ผู้ป่วยโรคนี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกับโรคที่เป็นอยู่ หมอจึงขออธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้และโรคอื่นที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจกันก่อนนะคะ

โรคภูมิแพ้คืออะไร
โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่เกิดจากภาวะร่างกายตอบสนองต่อสารกระตุ้น (โดยในภาวะปกติแล้วจะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย อย่างเช่น พวกไรฝุ่น ละอองเกสรพืช) แล้วเกิดการตอบสนองมากผิดปกติจนทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้นั้น เช่นถ้าเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก เมื่อเราหายใจเข้าไปทางจมูกสารก่อภูมิแพ้จะไปสัมผัสกับเยื่อบุโพรงจมูกแล้วทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ทำให้คัดจมูก จาม มีน้ำมูกใสๆ คันจมูก

ส่วนกรณีที่เป็นโรคหืดเมื่อหายใจเอาสารก่อภูมิแพ้เข้าไปถึงหลอดลมก็จะทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม แล้วหลอดลมก็จะตอบสนองด้วยการหดเกร็ง เกิดอาการของหลอดลมตีบขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาก่อนเกิดอาการเป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมงก็ได้ค่ะ โดยทั่วไปในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักมีแนวโน้มที่จะเกิดการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ไม่ใช่สารก่อภูมิแพ้ไวกว่าปกติได้ เช่น ความเย็น ความร้อน ความกดอากาศต่ำ หรือฝน ความชื้น ซึ่งภาวะนี้อาจอยู่นานเป็นวันหรือเป็นเดือนก็ได้และสามารถเกิดอาการได้โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้เกิดจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม โดยพบว่าถ้าบิดาหรือมารดาเป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้บุตรมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50 แต่ถ้าทั้งบิดาและมารดาเป็นโรคภูมิแพ้จะมีผลให้บุตรมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้เลยมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียงร้อยละ 10 เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขปัจจัยทางพันธุกรรมได้ ดังนั้นการกำจัดและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ ไรฝุ่น ในผู้ป่วยและครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้ (ซึ่งมีความเสี่ยงสูง) จะสามารถลดอาการของโรคหรือป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้

ชนิดของโรคภูมิแพ้
เราอาจแบ่งตามระบบของร่างกาย ออกได้เป็น 4 กลุ่มคือ โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืดและโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง โรคภูมิแพ้ทางตา และโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ (anaphylaxis)

โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ
หมอแบ่งอาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูกออกเป็น 4 ชนิดคือ ชนิดแรกเป็นชนิดที่มีอาการเด่นทางน้ำมูก คือจะมีน้ำมูกใสไหล จาม คันจมูก ชนิดที่สองมีอาการเด่นทางอาการคัดจมูกเป็นหลักมักไม่มีน้ำมูกและอาการจาม ชนิดที่สามจะมีอาการของทั้ง 2 ชนิดรวมกัน คือมีทั้งน้ำมูกใสและคัดจมูก ส่วนชนิดสุดท้ายจะมีอาการที่วินิจฉัยยากถ้าผู้ตรวจไม่มีความชำนาญอาจวินิจฉัยผิดได้ค่ะ โดยในกลุ่มนี้อาจมีอาการไอเรื้อรังหรือกระแอม ซึ่งเกิดจากเสมหะไหลหรือซึมลงคอ อาจรู้สึกมีเสมหะติดคอเวลาเช้าได้ บางคนมีอาการปวดหัวเรื้อรัง นอนกรน หรือถอนหายใจบ่อยๆ ปากแห้ง บางคนมีอาการคันหัวตาโดยไม่มีอาการตาแดง อธิบายว่าเกิดจากการที่มีเยื่อจมูกบวมมากทำให้ท่อน้ำตาที่อยู่ติดกันอักเสบ เกิดอาการคันมากที่หัวตา อาการเหล่านี้สร้างความรำคาญและทรมานไม่ใช่น้อยเลยค่ะ

โดยปกติการวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้จากการซักประวัติของผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยเฉพาะประวัติโรคหรืออาการภูมิแพ้ภายในครอบครัว การสังเกตตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ สภาพลักษณะการทำงาน สภาพแวดล้อมภายในบ้าน ที่ทำงาน รวมทั้งการตรวจร่างกายบางอย่าง ถ้าพบก็จะมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคเช่น การมีขอบตาล่างบวมคล้ำ ซึ่งการตรวจภายในโพรงจมูกจะช่วยบอกถึงความรุนแรงของการอักเสบ และอาจบอกถึงโรคในโพรงจมูกที่มีผลต่อการรักษาโรคภูมิแพ้ได้ เช่นอาจพบการซีดหรือมีสีแดงจัดจากการอักเสบ

โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ทางผิวหนังที่พบบ่อย ได้แก่ ลมพิษและผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โดยผู้ป่วยที่เป็นลมพิษจะเริ่มด้วยอาการคัน หลังจากนั้นจะมีอาการบวม ซึ่งเป็นได้ทั้งตัวโดยเฉพาะที่ถูกเกาหรือกดรัด มักเป็นๆ หายๆ อาการบวมอาจจะเป็นแบบตุ่มนูนที่มีขนาดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่อาจดูคล้ายตุ่มยุงกัด แต่บางแห่งจะดูคล้ายแผนที่กระจายไปรอบบริเวณที่แพ้ โดยตรงกลางผื่นสีจะจางและไม่นูน ผื่นลมพิษนี้อาจมีลักษณะแตกต่างกันไป บางครั้งจะรวมกันเป็นปื้นหนา หรืออาจมีจุดขาวซีดๆ ตรงกลาง ขณะที่ขอบโดยรอบจะหนานูนแดง ผื่นลมพิษจะเห่อเร็วและผื่นนั้นมักจะหายได้เองภายใน 4-6 ชม.โดยไม่มีร่องรอยหลงเหลือ แล้วก็จะย้ายไปขึ้นบริเวณอื่นได้อีก โดยมากผื่นจะหายไปใน 24 ชั่วโมง ถ้าเป็นนานเกิน 24 ชั่วโมงให้นึกว่าอาจจะเป็นโรคอื่น ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการบวมของหนังตา ริมฝีปาก อวัยวะเพศ ทางเดินหายใจ ร่วมด้วยค่ะ

ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ มักเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุขวบปีแรก โดยร้อยละ 80-90 ของเด็กที่เป็นโรคนี้มักมีอาการก่อนอายุ 7 ปี โดยผู้ป่วยจะมีอาการผื่นคันตามลำตัวและหน้า เป็นๆ หายๆ ผิวแห้งอักเสบ และมีอาการกำเริบเป็นระยะเมื่อได้รับสารกระตุ้น ในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคหืดเมื่อเด็กโตขึ้น สำหรับสาเหตุที่สำคัญของโรคภูมิแพ้ทางผิวหนังในเด็ก ได้แก่ แพ้อาหาร โดยอาหารที่พบว่าแพ้ได้บ่อยในเด็กไทย คือ ไข่ นมวัว อาหารทะเล และแป้งสาลี รู้อย่างนี้แล้วพ่อแม่หรือผู้ปกครองจึงควรสังเกตหลังจากที่บุตรหลานของท่านรับประทานอาหารจำพวกนี้เป็นพิเศษ เพราะถ้ารู้ว่าแพ้อาหารชนิดใดจะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการแพ้แก่เด็ก

โรคภูมิแพ้ทางตา
โรคภูมิแพ้ทางตา เป็นการอักเสบที่เยื่อตาขาวและใต้เปลือกตา ผู้ป่วยจะมีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบตา และมีขี้ตา โดยมักมีอาการช่วงได้รับสารกระตุ้น เช่น ฝุ่น ละอองเกสรหญ้า หรือขนสัตว์ ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ทางตามักพบร่วมกับอาการโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ
โรคนี้เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ เพราะอาการแพ้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง รวดเร็วและมีอาการหลายระบบร่วมด้วย โดยผู้ป่วยอาจมีอาการคัน ลมพิษ บวมที่หน้าหรือปาก แน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก บางรายอาจมีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดความรู้สึก และอาจถึงแก่ชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ส่วนในรายที่เป็นโรคหอบหืดอยู่เดิมอาจไปกระตุ้นให้โรคหอบหืดกำเริบได้ ซึ่งสาเหตุที่สำคัญของโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงคือ ภาวะแพ้อาหาร ยา แมลงกัดต่อย ฉะนั้นผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้ชนิดนี้ควรหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ และในรายที่เกิดอาการแพ้ที่รุนแรง เช่น ช็อก ผู้ป่วยควรมียาฉีดอะดรีนาลีน (adrenaline) พกติดตัวไว้ด้วยเสมอเพื่อป้องกันการเสียชีวิตก่อนที่จะพบแพทย์ค่ะ

จากที่หมอเล่ามาทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลโดยรวมของโรคภูมิแพ้ที่หมอคิดว่าน่าจะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับโรคภูมิแพ้กันมากขึ้นเพื่อจะได้สามารถดูแลตัวเองและบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้อย่างรู้เท่าทัน ซึ่งรายละเอียดในแต่ละเรื่องหมอขอยกไปกล่าวในบทต่อไปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณที่มา samitivajhotpital

ฆ่ามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันตัวเอง 25 กันยายน 2562  นพ. ภูชัย พิทักษ์กิจนุกูรHIGHLIGHTS:สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เป...
08/10/2019

ฆ่ามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันตัวเอง
25 กันยายน 2562 นพ. ภูชัย พิทักษ์กิจนุกูร

HIGHLIGHTS:
สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นสาเหตุหลักที่ยังทำให้โรคมะเร็งไม่มีแนวโน้มลดลง และมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งอยู่ในทวีปเอเชีย
การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Cancer Immunotherapy) สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ผลการรักษาดีขึ้น อีกทั้งมีผลข้างเคียงน้อย


ฆ่ามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันตัวเอง

มนุษย์เราต่อสู้กับโรคมะเร็งมายาวนาน เทคโนโลยีการแพทย์ ในปัจจุบันทำให้เราตรวจพบโรคมะเร็งได้ไวขึ้นกว่าเมื่อก่อน จึงสามารถรักษาได้ทันและหายได้หากพบตั้งแต่ระยะแรก

องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง หรือ IARC ขององค์การอนามัยโลกเผยรายงานสถานการณ์มะเร็งทั่วโลกประจำปี 2018 ประมาณการณ์ตัวเลขผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 18 ล้านคน และจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9.6 ล้านคนภายในปีนี้ ที่น่าตกใจคือ มากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งอยู่ในทวีปเอเชีย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่ไม่ได้ตระหนักและให้ความสำคัญเท่าที่ควร

การรักษาโรคมะเร็งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภูมิคุ้มกันในร่างกาย กับการฆ่าเซลล์มะเร็ง
หลักการทำงานของ Cancer Immunotherapy
ความแตกต่างระหว่างยาเคมีบำบัด ยาออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง และยาภูมิคุ้มกันบำบัด
โรคมะเร็ง ที่สามารถรักษาได้ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
ประสิทธิภาพของการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Cancer Immunotherapy)

การรักษาโรคมะเร็งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
การผ่าตัด
การฉายรังสี
การให้ยาเคมีบำบัดหรือยาคีโม
การให้ยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Molecular targeted therapy)
ภูมิคุ้มกันบำบัด (Cancer Immunotherapy)

ภูมิคุ้มกันในร่างกาย กับการฆ่าเซลล์มะเร็ง
ปัญหาที่สำคัญของมะเร็งบางชนิดคือ สามารถกดสัญญาณการระดมภูมิคุ้มกันหรือสั่งห้ามไม่ให้ เม็ดเลือดขาว ที่เปรียบเสมือนทหารประจำตัวของร่างกาย เข้ามาทำลายเซลล์มะเร็งได้ เซลลมะเร็งจึงสามารถหลบซ่อน และแพร่กระจายไปอย่างไม่จบสิ้น จึงเป็นที่มาของยามะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน (Cancer Immunotherapy)

หลักการทำงานของ Cancer Immunotherapy
เมื่อเซลล์เกิดความผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็ง จะมีผิวเซลล์แตกต่างออกไป ซึ่งเม็ดเลือดขาวสามารถแยกแยะได้และคอยฆ่าสิ่งแปลกปลอมก่อนที่จะโตขึ้นมาเป็นก้อน แต่หากเซลล์มะเร็งแข็งแรงขึ้นหรือภูมิคุ้มกันร่างกายแย่ลง เซลล์มะเร็งจะสามารถพัฒนาตัวเองสร้างสารขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดเลือดขาวมองเห็นว่ามะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงไม่เกิดการทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ยาภูมิคุ้มกันบำบัดจะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพให้เม็ดเลือดขาวสามารถมองเห็นว่าเซลล์มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงสามารถฆ่ามะเร็งได้สำเร็จ

ความแตกต่างระหว่างยาเคมีบำบัด ยาออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง และยาภูมิคุ้มกันบำบัด
ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ทำลายทั้งเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็ง ส่วนยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (molecular targeted therapy) เป็นการรักษาเฉพาะแต่ละบุคคล แพทย์จะต้องทำการตรวจว่าคนไข้แต่ละคนเหมาะสมกับยาชนิดใด

สำหรับยาคุ้มกันบำบัดมีกลไกการออกฤทธิ์ ทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลข้างเคียงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด แต่การที่เม็ดเลือดขาวมีความสามารถมากเกินไปบางครั้งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวเป็นผื่น ลำไส้อักเสบ ท้องเสีย ปอดอักเสบรวมถึงอาจส่งผลกระทบให้ไทรอยด์ทำงานมากหรือน้อยเกินไป หรือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ฯลฯ

นอกจากแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ยาตามชนิดของมะเร็งแล้ว ระยะของมะเร็งก็มีผลต่อการเลือกใช้ยาเช่นกัน โดยยาออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง และยาภูมิคุ้มกันบำบัดเหมาะสำหรับการใช้รักษามะเร็งระยะ 3-4

โรคมะเร็ง ที่สามารถรักษาได้ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
ดังต่อไปนี้

มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด
มะเร็งปอด
มะเร็งศีรษะและลำคอ
มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและระบบทางเดินปัสสาวะ
มะเร็งไต
มะเร็งตับ
มะเร็งเต้านมบางชนิด
มะเร็งกระเพาะอาหารที่ดื้อต่อยาเคมีบำบัด
มะเร็งลำไส้บางชนิด

ประสิทธิภาพของการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Cancer Immunotherapy)
การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด สามารถใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น หรือใช้เดี่ยวๆ ก็ได้ ขึ้นกับอาการของโรคมะเร็ง จากสถิติการรักษาพบว่า ก่อนที่จะมีการค้นพบการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา มีอัตราการอยู่รอด 3 ปี โดยเฉลี่ยประมาณ 5% แต่เมื่อมีการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดทำให้อัตราการอยู่รอด 3 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 42% เช่นเดียวกับอัตราการอยู่รอด 5 ปี ในผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่เดิมมีอัตราการอยู่รอดเพียง 6% ก็เพิ่มขึ้นเป็น 15% ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาระยะ 4 ซึ่งเซลล์มะเร็งกระจายไปยังปอด ตับ และกระดูก ได้รับยาภูมิคุ้มกันบำบัดประมาณ 1 ปีครึ่ง สามารถควบคุมให้โรคสงบ โดยไม่มีผลข้างเคียง และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งไตที่ได้รับการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดประมาณ 1 ปี ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่มีอาการแทรกซ้อน การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดนับเป็นวิธีรักษามะเร็งด้วยยาที่มีประสิทธิภาพมาก

การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Cancer Immunotherapy) สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้การรักษาดีขึ้น อีกทั้งมีผลข้างเคียงน้อย

อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคมะเร็งในแต่ละชนิดมีความจำเพาะเจาะจงสูง ผู้ป่วยควรเข้ารับคำปรึกษาและตรวจร่างกายกับแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีที่สุด

การตรวจพบมะเร็งยิ่งเร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการตรวจเพิ่มเติมตามอายุ ซึ่งจะช่วยให้พบความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะมะเร็งซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถรักษาให้หายขาดหากพบในระยะเริ่มต้น ในกรณีที่พบในระยะ 4 หรือระยะลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ก็ยังสามารถควบคุมให้โรคสงบและผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ขอบคุณที่มา today health

ถังเช่าควบคุมเบาหวานสาเหตุที่คนป่วยเป็นเบาหวานนั้นมีทั้งเกิดจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมการใช้ชีวิต และหากป่วยเป็นโรคนี้แล้ว...
03/10/2019

ถังเช่าควบคุมเบาหวาน

สาเหตุที่คนป่วยเป็นเบาหวานนั้นมีทั้งเกิดจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมการใช้ชีวิต และหากป่วยเป็นโรคนี้แล้ว ผู้ป่วยจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการทานอาหารรวมถึงอาจต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในหลายด้านในบางรายอาจต้องรับประทานยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

แต่การจะดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคเบาหวานหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดีนอกเหนือจากการปรับพฤติกรรมการทานอาหารและการออกกำลังกายเป็นสำคัญแล้วยังมีสมุนไพรที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างถั่งเช่า ถั่งเช่ามีประโยชน์ต่อโรคเบาหวานอย่างไร ลองมาดูกัน



ถั่งเช่ามีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือด

ถั่งเช่าหรือที่เรียกกันว่าหญ้าหนอน เป็นสมุนไพรในแถบประเทศทิเบตและจีนมานานนับพันปีตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 เพราะมีสรรพคุณด้านบำรุงร่างกายมากมายหลายด้านจนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งสมุนไพร” ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติเด่นก็คือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะถั่งเช่ามีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยา อาทิ สารคอร์ไดเซปิน (Cordycepin) สารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) เบต้ากลูแคน (Beta glucan) ฯลฯ ซึ่งช่วยให้การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายดีขึ้น ช่วยส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้

ขอบคุณที่มา bangkok hospital

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน  เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่...
28/09/2019

🇨🇳🌿ผลิตภัณฑ์ ฮ่อเหรินหยิน เป็นตำรับลับของสมุนไพรจีน ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูร่างกาย ทั้งระบบ เยียวยารักษาระบบพื้นฐานของร่างกาย🌿🇨🇳

☑ บำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย
☑ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
☑ ป้องกันและบำบัดโรคในระบบทางเดินหายใจ
☑ เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
☑ ฟื้นฟูและปรับสมดุลการทำงานของต่อมไร้ท่อ
☑ ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
☑ บำรุงอวัยวะสำคัญของร่างกาย

❤คุณสมบัติโดดเด่นช่วยบำรุง
✔สมอง ✔ ต่อมไร้ท่อ ✔ หัวใจ ✔ไต ✔ปอด ✔ ตับ ✔ม้าม

📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดน้ำ 1ขวด 3,950 บาท
📌 ฮ่อเหรินหยินชนิดแคปซูล 50 แคปซูล 2,750

สอบถาม/สั่งซื้อ
คลิ๊ก ส่งข้อความและโทรฟรีด้วย LINE กันเถอะ
https://line.me/ti/p/i9K6Kqe7ES

สายด่วน ☎ 099-245-8080

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้คนเป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น หลายคนรู้ตัวก่อนก็สามารถรักษาไว้ได้ทันเวลา แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนท...
21/09/2019

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้คนเป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น หลายคนรู้ตัวก่อนก็สามารถรักษาไว้ได้ทันเวลา แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ไม่มีอาการแสดงใดๆ เมื่อรู้ตัวก็อาจสายไปเสียแล้ว ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เราน่าจะมาทำความรู้จัก “โรคหัวใจ” ให้มากขึ้นกันดีกว่า

ไลฟ์สไตล์เกี่ยวเนื่องกับหัวใจโดยตรง
ไม่เฉพาะแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะเดี๋ยวนี้หนุ่มสาววัยทำงานก็เสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปทำให้การใช้ชีวิตไร้คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น การกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เครียดจากการทำงาน ขาดการออกกำลังกาย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงได้ทั้งสิ้น และยิ่งหากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคเบาหวาน หรือภาวะไขมันในเลือดและความดันโลหิตสูงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วย

รู้จัก “โรคหัวใจ”
โรคหัวใจ (Heart Disease) คือโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ สามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันโรคหัวใจและหลอดเลือดมีอัตราการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด จำนวน 54,530 คน เฉลี่ยเสียชีวิตวันละ 150 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คนเลยทีเดียว

พฤติกรรมการใช้ชีวิต…เป็นสิ่งสำคัญ
สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจโดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นมักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การสูบหรือสูดดมควันบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง มีรสหวาน และอาหารเค็ม และยังรวมไปถึงน้ำหนักตัว ความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดด้วย

สัญญานเตือน “โรคหัวใจ” ที่ต้องสังเกต
- เหนื่อยง่าย เวลาออกกําลังกาย หรือเดินเร็วๆ หายใจเข้าได้ลำบาก อาจจะเป็นตลอดเวลา เป็นขณะออกกำลังกาย หรือใช้แรงมาก หรือเป็นเฉพาะในเวลากลางคืน
- เจ็บหน้าอก หรือแน่นบริเวณกลางหน้าอก หรือด้านซ้าย หรือทั้ง 2 ด้าน ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยเวลาหายใจ และอึดอัดตรงหน้าอก
- มีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมาหอบกลางดึก
- เป็นลมหมดสติไม่ทราบสาเหตุ
- ขา หรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น “โรคหัวใจ”
วิธีที่จะรู้ว่าตนเองเป็นโรคหัวใจหรือไม่นั้น ก็ต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์ ซึ่งในการตรวจโรคหัวใจนั้นแพทย์จะวินิจฉัยด้วยการตรวจเหล่านี้

- ซักประวัติ หรือสอบถามประวัติ อาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่พึงสงสัย รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
- ตรวจร่างกายทุกระบบของร่างกาย รวมทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยฟังการเต้นของหัวใจ วัดความดันโลหิต
- ตรวจด้วยการเอกซเรย์ทรวงอก และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) โดยใช้สื่อนำคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กไปวางตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) คือ การให้ผู้ป่วยเดิน หรือวิ่งบนสายพานเพื่อกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และดูการการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- สำหรับผู้ที่ไม่พร้อมในการวิ่งสายพาน จะเป็นการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) เพื่อดูกายวิภาคของหัวใจ ความหนาของผนังหัวใจ การเคลื่อนที่และการบีบตัว
- ตรวจหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Coronary Artery) เพื่อวิเคราะห์หาเส้นเลือดที่ตีบจากการมีไขมันไปเกาะหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย
- หากเกิดข้อสงสัยว่าเป็นโรคหัวใจ การตรวจที่จะบอกได้แน่ชัด คือ การตรวจฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดหัวใจหรือ ที่เรียกว่าการสวนหลอดเลือดหัวใจ

ไม่อยากเป็นโรคหัวใจ…ก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง
เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ถ้าอยากมีชีวิตที่ยืนยาว ก็ควร งดสูบบุรี่ หลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ ของเสพติดมึนเมา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลีกเลี่ยงความเครียด ควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคโดยรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ รับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยมากขึ้น นอกจากนี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณที่มา โรงพยาบาลเปาโล

โรคปอดบวม..อันตรายที่มากับฝนโรคปอดบวม เป็นโรคปอดและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากภาวะถุงลมในปอดเกิดการอักเสบ อาจเกิดจากการ...
14/09/2019

โรคปอดบวม..อันตรายที่มากับฝน
โรคปอดบวม เป็นโรคปอดและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากภาวะถุงลมในปอดเกิดการอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ เมื่อเป็นปอดบวมจะมีหนองและสารน้ำอย่างอื่นในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนได้ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และอาจถึงแก่ชีวิตได้


การติดต่อของโรคปลอดบวม จะมีลักษณะเช่นเดียวกับการติดต่อของโรคหวัด โดยเชื้อโรคจะแพร่กระจายโดยการไอ จาม การหายใจรดกัน หรือแม้แต่การสำลักเอาสารเคมี หรือเศษอาหารเข้าไปในปอด และการแพร่กระจายของเชื้อไปตามกระแสเลือด เช่น การฉีดยา การให้ น้ำเกลือ การอักเสบในอวัยวะส่วนอื่นๆ เป็นต้น

สังเกตอาการเบื้องต้น
อาการของโรคปอดบวมโดยทั่วไป จะมีอาการไข้ตลอดเวลา หนาวสั่น ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอแห้ง ๆ และจะเริ่มมีเสมหะเหนียว เป็นสีเหลือง สีเขียว หรือมีเลือดปน จาม คัดจมูก เจ็บหน้าอก และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย

การป้องกัน

1. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นทานผักและผลไม้ เพราะในผักและผลไม้จะมีวิตมินซี ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
3. ไม่ควรใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวม โดยเฉพาะเด็กทารก เพราะถ้าเป็นเปอดบวมจะอันตรายมาก
4. หลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษ เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์ ควันไฟ เป็นต้น
5. เมื่อเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด อีสุกอีใส ฯลฯ ควรดูแลรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ และหากมีอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
6. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี



อย่างไรก็ตาม ควรสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันการเกิดโรคปอดบวม
ขอบคุณที่มา.. โรงพยาบาล วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย

10/09/2019

9 โรคร้าย ที่มากับ น้ำท่วม & หลังน้ำท่วม
น้ำท่วม ทุกข์แรก .. โรคที่มารอซ้ำเติม ทุกข์ที่สอง
มี 9 โรคที่ควรระวัง และวิธีป้องกันเบื้องต้น มาฝากค่ะ

1.โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อราและแผลพุพองเป็นหนอง
ซึ่งเกิดจากการย่ำน้ำหรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรคหรืออับชื้นจากเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่ไม่สะอาดเป็นเวลานาน โดยจะมีอาการเท้าเปื่อย เป็นหนอง และเริ่มคันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย จากนั้นผิวหนังจะพุพอง นิ้วเท้าหนาและแตก มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนคือผิวหนังอักเสบ
ป้องกันได้ด้วยการเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีบาดแผลควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแล้วทาด้วยยาฆ่าเชื้อ

2. โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส
ติดต่อได้ทุกเพศทุกวัย แพร่กระจายในลมหายใจ เสมหะ น้ำลาย อาการมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ไอจาม อ่อนเพลีย
ป้องกันได้ด้วยใช้ผ้าปิดปากเวลาไอจาม ดื่มน้ำอุ่นมากๆ มีไข้สูงเกิน 7 วันควรพบแพทย์

3.โรคปอดบวมเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด
เช่น น้ำสกปรกจนทำให้เกิดการอักเสบ อาการไข้สูง ไอมาก หอบหายใจเร็ว เห็นชายโครงบุ๋ม ริมผีปากซีดหรือเขียวคล้ำ กระสับกระส่ายหรือซึม
หากมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที

4.โรคตาแดง
ติดต่อได้ง่ายในเด็กเล็กแต่เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายรุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ อาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 1 – 2 วัน จะมีอาการระคายเคือง ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม เยื่อบุตาขาวอักเสบแดง ทั้งนี้ในหากดูแลถูกวิธีจะหายได้ใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่ดูแลอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น กระจกตาดำอักเสบ
ทั้งนี้ป้องกันได้ด้วยล้างดวงตาให้สะอาดเมื่อถูกฝุ่นละออง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ควรขยี้ตา

5.โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารค้างคืนหรือเน่าบูด แบ่งออกเป็นหลายโรค ได้แก่ โรคอุจาระร่วง อาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ อาจมีมูกเลือดและมีการอาเจียนร่วมด้วย อหิวาตกโรค จะถ่ายเป็นน้ำคล้ายน้ำซาวข้าวทีละมากๆ อาการรุนแรง

อาหารเป็นพิษ มักมีอาการปวดท้องร่วมกับการถ่ายอุจาระเหลว คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการปวดศีรษะและเมื่อยเนื้อตัวร่วมด้วย โรคบิด จะถ่ายอุจจาระมีมูกหรือเลือดปน มีไข้ ปวดท้องและมีปวดเบ่งร่วมด้วย โรคไข้ทัยฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย มีอาการสำคัญคือมีไข้ เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ

ป้องกันได้โดยล้างมือให้สะอาด เลือกรับประทานอาหาร กำจัดสิ่งปฏิกูล ขยะมูลฝอย เพื่อไม่ให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวัน แต่หากป่วยจำเป็นต้องดื่มน้ำหรืออาหารเหลวมากๆ รวมทั้งดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) ด้วย

6.โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส
เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน มีหนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เชื้อออกมากับปัสสาวะสัตว์แล้วปนเปื้อนในน้ำท่วมขัง โดยโรคนี้จะติดต่อทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือไชเข้าตามเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ อาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 4 – 10 วัน จะมีไข้สูงทันที ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และศีรษะมาก บางรายมีอาการตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร ท้องเดินร่วมด้วย จำเป็นต้องรีบพบแพทย์ มิเช่นนั้นอาจถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันได้โดยสมรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ ทำความสะอาดที่พักไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของหนู

7.โรคไข้เลือดออก
มียุงลายเป็นพาหะพบได้ทุกวัยในทุกพื้นที่ มีอาการไข้สูงตลอดทั้งวัน หน้าแดง เกิดจุดแดงๆ เล็กๆ ตามลำตัว ต่อมาไข้จะลดลง ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจเกิดอาการรุนแรง มีความผิดปกติ เช่น ถ่ายดำ ไอปนเลือด เกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้การรักษาห้ามใช้ยาแอสไพริน และระวังไม่ให้ถูกยุงกัด

8.โรคหัด
เป็นโรคไข้ออกผื่นที่พบในเด็ก เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบในฤดูฝน หากมีการแทรกซ้อนอาจเสียชีวิตได้ สำหรับการติดต่อผ่านทางการไอจาม เชื้อกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย อาการหลังจากได้รับเชื้อ 8 – 12 วัน มีไข้ ตาแดง พบจุดขาวๆ เล็กๆ ในกระพุ้งแก้ม
ป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย

9.โรคไข้มาลาเรีย
ติดต่อโดยยุงก้นปล่องเป็นพาหะนำเชื้อโรค มักพบในพื้นที่ป่าเขามีแหล่งน้ำจืดธรรมชาติ อาการหลังรับเชื้อ 7 – 10 วัน จะปวดศีรษะ โดยทั่วไปคล้ายไข้หวัด แต่หลังจากนั้นจะหนาวสั่นและไข้สูงตลอดเวลา อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
ป้องกันโดยหลีกเลี่ยงยุงด้วยการทายาหรือสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด
ขอบคุณที่มา โรงพยาบาลกลาง

Address


Opening Hours

Monday 09:30 - 17:00
Tuesday 09:30 - 17:00
Wednesday 09:30 - 17:00
Thursday 09:30 - 17:00
Friday 09:30 - 17:00
Saturday 09:30 - 17:00

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ฮ่อเหรินหยิน ถั่งเช่าธิเบตแท้ บำรุงร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพ posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to ฮ่อเหรินหยิน ถั่งเช่าธิเบตแท้ บำรุงร่างกาย เสริมสร้างสุขภาพ:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram