ปรับระบบไหลเวียน ดีท๊อกซ์เลือด

ปรับระบบไหลเวียน ดีท๊อกซ์เลือด ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ปรับระบบไหลเวียน ดีท๊อกซ์เลือด, Medical and health, Samut Sakhon.

19 สัญญาณอาการไทรอยด์ เตือนไว้ก่อนว่าอย่ามองข้าม เพราะอาการผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจใช่ และนำไปสู่อันตรายจากโรคภัยอย่าง...
20/10/2017

19 สัญญาณอาการไทรอยด์ เตือนไว้ก่อนว่าอย่ามองข้าม เพราะอาการผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจใช่ และนำไปสู่อันตรายจากโรคภัยอย่างคาดไม่ถึง !

ปฏิวัติระบบการล้างสารตกค้าง สารพิษต่างในเลือด
08/09/2017

ปฏิวัติระบบการล้างสารตกค้าง สารพิษต่างในเลือด

อาหารประเภทใหนที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งลำไส้
08/09/2017

อาหารประเภทใหนที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งลำไส้

ติดเชื้อในกระแสเลือดคืออะไรและแตกต่างกับติดเชื้อธรรมดาอย่างไรติดเชื้อในกระแสเลือด คือการที่การติดเชื้อรุนแรงจนพบเชื้ออยู...
30/08/2017

ติดเชื้อในกระแสเลือดคืออะไรและแตกต่างกับติดเชื้อธรรมดาอย่างไร
ติดเชื้อในกระแสเลือด คือการที่การติดเชื้อรุนแรงจนพบเชื้ออยู่ในเลือด แตกต่างจากการติดเชื้อทั่วไป มักจะมีการติดที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง และจำกัดวงอยู่ที่ตรงนั้น ความรุนแรงก็มากกว่า เพราะว่าเมื่อเชื้ออยู่ในเลือดได้ ก็แปลว่ามันสามารถลอยไปอวัยวะต่างๆในร่างกายได้และไปก่อโรคที่ตำแหน่งอื่นๆได้
ซึ่งการที่เชื้อสามารถเข้าระบบเลือดได้และไปที่อื่นได้ จะทำให้อาการของผู้ป่วยหนัก ทำให้อวัยวะของร่างกายเกิดการทำงานผิดปกติได้หลายระบบพร้อมๆกัน



ความน่ากลัวของโรคนี้คือ ในบางกรณี อาการสามารถเป็นอย่างรวดเร็ว / บางกรณีให้ยาถูกชนิดถูกตัว แต่ว่าอาการก็ยังไม่ดีขึ้น / เช้าๆสายๆยังพอคุยได้อยู่ พอตกบ่ายก็อาการหนักจนเสียชีวิตก็มี



จะตรวจอย่างไรว่าเป็นติดเชื้อในกระแสเลือด
จริงๆแล้วการจะบอกว่าเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดต้องอาศัยการเจาะเลือดแล้วเอาไปเพาะเชื้อ ถ้าขึ้นเชื้อเราก็จะเรียกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด
ปัญหาคือ
- ไม่ใช่ทุกคนที่เป็น ที่จะตรวจเจอเชื้อ : บางทีจังหวะที่เชื้อมีมากเป็นคนละจังหวะกับการเจาะเลือด
- ผลการเพาะเชื้อ ใช้เวลา 3-7 วันกว่าจะขึ้น ... ซึ่งถ้ารอผลก็มักเสียชีวิตไปแล้ว



ดังนั้น แพทย์มักจะดูอาการก่อนว่าเข้าได้ไหม
ถ้ามีการติดเชื้อที่มีความเสี่ยงของการติดเชื้อในกระแสเลือด เช่น มีไข้สูง เม็ดเลือดผิดปกติ ความรู้สึกตัวผิดปกติ การหายใจดูแย่ๆ หรือมีอาการของการทำงานของอวัยวะที่ไม่ดี การไหลเวียนเลือดไม่โอเค แพทย์ก็จะคาดเอาไว้ก่อนว่ามีความเสี่ยงเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือด จากนั้นก็จะซัดยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะเข้าไป แล้วก็รอดูอาการและผลการรักษาเป็นระยะๆตามลำดับ



ใครที่มีความเสี่ยง
คือคนทุกคนมีการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่ว่าคนที่เสี่ยงกว่าปกติก็คือผู้ที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น
1. เบาหวาน(ที่คุมได้ไม่ดี) น้ำตาลสูงๆทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานน้อยลง สู้กับเชื้อได้ยากขึ้น
2. ตัดม้าม ม้ามเป็นป้อมที่ร่างกายเอาไว้สู้กับศัตรู การตัดม้ามไม่ว่าด้วยเหตุใด จะทำให้ร่างกายขาดป้อมในการสู้เชื้อไปอีกตำแหน่งนึง ก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบางชนิดได้ง่ายขึ้น
3. การได้รับยาที่กดภูมิคุ้มกัน เช่น ยารักษามะเร็ง ยาสำหรับผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ สเตียรอยด์ขนาดสูง(ทั้งจากในยาแผนปัจจุบัน หรือยาแผนโบราณที่แอบผสม) ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานลดลง เชื้อหลั่นล้าง่ายขึ้น
4. ตับแข็ง ตับเป็นที่จับเชื้อโรคที่สำคัญของร่างกาย ในเวลาปกติ เชื้อจะผ่านจากลำไส้ไปตับก่อน แล้วค่อยไปหัวใจแล้วไปทั่วร่างกาย ตับก็จะจับเชื้อที่หลุดมาจากลำไส้ไว้ได้ แต่พอตับแข็ง เลือดจะไหลอ้อมตับไปหัวใจโดยตรง ดังนั้นหากติดเชื้อจากลำไส้ เชื้อจะไปทั่วร่างกายได้โดยตรง
5. ไตวาย ไตก็เป็นที่กำจัดเชื้อที่สำคัญอีกที่หนึ่ง (แม้จะไม่เท่าตับกับม้าม) ถ้าไตวายก็เพิ่มความเสี่ยงไปอีกระดับ
6. เชื้อดุ เชื้อบางจำพวกมีความเสี่ยงของเชื้อในการเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดอยู่แล้ว เช่น เชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบหูดับ เชื้อ2-3ชนิดจากอาหารทะเล เชื้อไข้กาฬหลังแอ่น ฯลฯ พวกนี้พอติดแล้ว ก็กระจายได้เลยแม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยง (ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงก็ยิ่งกระจายง่ายไปอีก)
7. อายุมาก ไม่มีอะไร อายุมาก ภูมิต่ำ เลยติดเชื้อ

ไม่ได้มีความเสี่ยงเลยนะ แต่ทำไมยังเป็น บางคนบอกว่าญาติพี่น้องไม่ได้เสี่ยงเลยสักข้อแต่ทำไมถึงเป็น ต้องถามก่อนครับว่าไม่มีความเสี่ยงจริงๆ หรือมีแต่ไม่รู้ ผู้ป่วยหลายคน ติดเชื้อในกระแสเลือดก่อน จากนั้นพอตรวจหาไปหามาเลยเจอว่าเป็นตับแข็งอยู่เดิม (จากดื่มเหล้าก็มี จากเป็นไวรัสตับอักเสบก็มี) บางราย มาด้วยติดเชื้อในกระแสเลือด ... และก็ตรวจพบว่าเป็นเบาหวานครั้งแรก (ไม่มีโรคประจำตัว เพราะว่าไม่เคยตรวจ) บางรายบอกว่าตรวจทุกปีไม่เจออะไร แข็งแรงดี ... ซักไปซักมากินสมุนไพร เอาไปตรวจ อ้าว ใส่สเตียรอยด์ ดังนั้น เราไม่รู้ว่าเรามีหรือไม่มีความเสี่ยง ต้องตรวจก่อนครับ



ป้องกันอย่างไร
1. ตรวจสุขภาพเป็นระยะ ว่ามีความเสี่ยงอะไรโผล่มาไหม
2. กินสุก ของกินทุกอย่างควรสุก (ส้มตำถ้าไม่มั่นใจความสะอาด ควรกินสุก / อาหารอะไรมาจากทะเล ต้องสุกแบบร้อนจัดติดต่อกันสามนาที แบบปูเหี่ยว หอยเหี่ยว ... แบบฉ่ำน้ำหวานๆนี่ไม่เอาเด็ดขาด) ... และถ้าภูมิต่ำอย่างชัดเจน จะเปลี่ยนจากควรสุกเป็น"ต้องสุก" เพราะพลาดทีนึงนี่หนักเลย
3. ถ้ามีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยง ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคเท่าที่ทำได้
4. อย่ากินยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อ ... คือพอเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดขึ้นมา บางคนเกิดจากเชื้อที่มีในตัว ... พอกินยาบ่อย เชื้อดื้อยา ... พอไปหาหมอ หมอให้ยาเร็วแต่ว่าเชื้อดันดื้อยา เลยอาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออายุมาก การฉีดวัคซีนให้ลองถามแพทย์ที่ดูแลอยู่ประจำครับ

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ :

โรคติดเชื้อในกระแสเลือด คืออะไร"การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นโรคที่มีอัตราการตายสูงมากและตายอย่างรวดเร็วถ้าหากได้รับการรัก...
30/08/2017

โรคติดเชื้อในกระแสเลือด คืออะไร"

การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นโรคที่มีอัตราการตายสูงมาก
และตายอย่างรวดเร็วถ้าหากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที

เพราะเลือดคือองค์ประกอบหลักของร่างกายไหลไปอวัยวะทุกส่วน หากมีความรุนแรงของเชื้อมากอาจทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย การติดเชื้อทุกส่วนของร่างกายสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปอด ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร หรือผิวหนัง ซึ่งภาวะนี้จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างทันที เพราะถ้ามีอาการรุนแรงอาจทำให้ต้องเสียชีวิตได้

ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยเด็ก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยสูงอายุ เพราะการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเริ่มเสื่อม และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ หรือผู้ป่วยที่มีโรคร่วมหลายอย่าง เช่น เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น

นอกจากปัจจัยของผู้ป่วยแล้วปัจจัยของเชื้อก่อโรคที่เป็นสาเหตุก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ เช่น ถ้าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงหรือเป็นเชื้อดื้อยาหลายชนิด ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงได้เช่นกัน

ผู้ป่วยจะมาโรงพยาบาลด้วยอาการของการติดเชื้อของอวัยวะที่เป็นสาเหตุ มีไข้ หายใจเหนื่อย อาจซึมหรือหมดสติ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีความดันโลหิตต่ำ หรือภาวะช็อก การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต ปอด หัวใจ ล้มเหลวได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเสียชีวิต

ส่วนการรักษา แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อก่อโรคที่สงสัย การให้การน้ำให้เพียงพอ ถ้ามีอาการหอบเหนื่อยมาก อาจจำเป็นต้องใส่ท่อหลอดลมช่วยการหายใจ และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการ ผู้ป่วยที่มีความดันเลือดต่ำ เนื่องจากอาการติดเชื้อ หรือมีไข้สูง อาจต้องนอนโรงพยาบาลนานหลายวัน

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ : Sukaphapdee

30/08/2017

"ดีท็อกหลอดเลือด"
ดีท็อกหลอดเลือดคืออะไร สาเหตุคืออะไร และจำเป็นต้องดีท็อกหรือไม่?
หลอดเลือดของเราก็เปรียบเสมือนท่อที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปทั่วร่างกาย เมื่อท่อผ่านการใช้งานนานๆ เข้าก็จะมี "ตะกรัน" เกาะตามผนังท่อหนาขึ้นเรื่อยๆ มากเข้าก็จะเกิดการอุดตัน และทำให้ท่อแตกในที่สุด
สำหรับหลอดเลือดตะกรันก็คือ "ไขมัน" ที่เกาะตามผนังหลอดเลือดนั้นเอง เมื่อไขมันเกาะมากเข้าจนอุดตันทางเดินเลือด 80-90% ก็จะแสดงอาการออกมา เป็นโรคเส้นเลือดตีบ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปตีบที่ส่วนไหน ถ้าตีบที่หัวใจก็จะทำให้หัวใจวาย ถ้าตีบที่ไตก็ทำให้ไตวาย ถ้าตีบที่สมองก็ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
ดังนั้นเราจึงต้องคอย "ดีท็อกหลอดเลือด" หรือล้างไขมันในเลือดออกอย่างสม่ำเสมอนั้นเอง
ไขมันชนิดที่เกาะผนังหลอดเลือด คือ "ไขมันชนิดเลว (LDL)" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของตะกรันในหลอดเลือด ซึ่งงานวิจัยหลายตัวในปัจจุบันพบว่าการทานกระเทียมเป็นประจำสามารถสลายไขมันชนิดนี้ได้

กระเทียมถูกยกย่องว่าเป็นสุดยอดสมุนไพรสลายไขมันในเลือด มาตั้งแต่สูตรยาโบราณ จนถึงงานวิจัยในปัจจุบันที่บ่งชี้ว่ากระเทียมมีสาร "ไดซัลไฟด์" ซึ่งออกฤทธิ์แปลงสภาพไขมันเลว (LDL) ให้กลายเป็นไขมันดี (HDL) ร่างกายย่อยเป็นพลังงานได้ ไม่เก็บสะสม พูดง่ายๆ ว่ากระเทียมช่วยดึงไขมันสะสมเอามาใช้นั้นเอง

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ :

30/08/2017

ดีท็อกซ์...ดีจริงๆ น่ะหรือ (Lisa)

สมัยนี้เอะอะอะไรก็ต้องดีท็อกซ์ล้างพิษ เพื่อผิวพรรณที่สวยงามและมีสุขภาพที่ดี แต่ก็มีหลายเสียงกลับบอกว่าดีท็อกซ์แท้จริงกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วอย่างนี้เราควรดีท็อกซ์กันดีมั้ยล่ะ

นักร้องอินเตอร์อย่าง บียอนเซ่ ยอมทำดีท็อกซ์ด้วยการดื่มแต่น้ำมะนาวเพื่อให้น้ำหนักตัวลด จะได้ฟิตกับบทบาทในเรื่อง "Dream Girls" หรือ กวินเน็ธ พัลโทรว์ ผู้รักสุขภาพเยี่ยงชีวิตทำดีท็อกซ์ด้วยการดื่มแต่น้ำผลไม้ และกินแต่อาหารเบาๆ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ติดต่อกัน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสะอาดและสุขภาพดีส่วนพิธีกรฝีปากกล้าอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ งดดื่มไวน์แดงและขนมปังเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้ตัวเองดูเฟิร์มต่อหน้าสาธารณชน และภรรยาสาวของ ทอม ครุยส์-เคที่ โฮล์มส์ เข้าคอร์สดีท็อกซ์อย่างเข้มงวดจนออกมาดูผอมโกรกทั้งนี้ ก็เพื่อเตรียมร่างกายให้ปลอดสารพิษเพื่อรับมือกับการมีลูกคนใหม่ได้

แม้กระแสดีท็อกซ์จะโด่งดังทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทย แต่หลายกระแสกลับท้วงติงว่าการดีท็อกซ์นั้นใช่ว่าจะดีอย่างที่กล่าวอ้างกัน

#แล้วดีท็อกซ์คืออะไรกันล่ะ

คำว่า ดีท็อกซ์ ย่อมมาจากคำเต็ม ๆ ว่า Detoxification ซึ่งเป็นวิธีการนำเอาสารพิษออกจากร่างกาย หรือที่คนไทยมักเรียกสั้น ๆ ว่า "การล้างพิษ" แต่เดิมแพทย์แผนโบราณใช้วิธีการดีท็อกซ์หรือสวนล้างลำไส้ เพื่อรักษาโรคหรือการเจ็บป่วยอะไรก็แล้วแต่ อย่างคนป่วยเป็นไข้ก็ควรให้คนไข้ถ่ายอุจจาระออกมา ครั้นระบายออกมาแล้วอาการไข้ลดลง เมื่อคนไข้อาการดีขึ้นก็เข้าใจว่านี่คือการเอาสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น จึงคิดว่าถ้าได้ระบายของเสียออกมามากกว่านี้ โดยอาศัยวิธีสวนล้างอุจจาระ คงช่วยให้ร่างกายเอาสารพิษออกมามากขึ้นไปอีก เหตุนี้การทำดีท็อกซ์จึงปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่เคยมีใครสนใจทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนอย่างตอนนี้

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ :

3. ล้างพิษตับด้วยสารพัดสูตรตับเป็นอวัยวะที่ช่วยคัดกรองสารพิษเพื่อขับออกจากร่างกายก็จริง แต่การล้างพิษตับด้วยการทานอาหารบ...
30/08/2017

3. ล้างพิษตับด้วยสารพัดสูตร

ตับเป็นอวัยวะที่ช่วยคัดกรองสารพิษเพื่อขับออกจากร่างกายก็จริง แต่การล้างพิษตับด้วยการทานอาหารบางอย่าง เช่น น้ำมันมะกอก และดีเกลือ ไม่ได้ช่วยล้างพิษในตับอย่างที่เข้าใจกันได้ เพราะดีเกลือช่วยให้ขับถ่ายคล่องขึ้น และน้ำมันมะกอกจะปะปนออกมากับอุจจาระ จึงทำให้คนที่ทานทั้ง 2 อย่างคิดว่าทานแล้วช่วยดีท็อกซ์เอาอุจจาระ และไขมันออกมา ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิดเต็มๆ



หากอยากดีท็อกซ์ร่างกายอย่างถูกวิธีจริงๆ เลือกทานอาหารที่มีกากใย เส้นใยอาหารตามธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ อย่างมะละกอสุก ลูกพรุน ธัญพืช ข้าวกล้อง หรืออาจจะเป็นน้ำมะนาวผสมน้ำเปล่า ดื่มในตอนเช้า แต่ยังทานอาหารครบ 5 หมู่ทุกมื้อ และไม่สวนทวาร สวนลำไส้บ่อยเกินความจำเป็น ทางที่ดีหากไม่เคยสวนทวาร สวนลำไส้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน และท้ายที่สุด ดื่มน้ำให้มากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ไม่ต้องง้อคอร์สดีท็อกซ์ที่ไหนแน่นอน

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ :

2. สวนรูทวารหนักใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อึดอัดท้องอยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย อาจเลือกวิธีสวนรูทวาร โดยการสอดสายน้ำเกลือที่...
30/08/2017

2. สวนรูทวารหนัก

ใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อึดอัดท้องอยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย อาจเลือกวิธีสวนรูทวาร โดยการสอดสายน้ำเกลือที่บรรจุของเหลวอย่างน้ำ หรือน้ำกาแฟเข้าไป จริงๆ แล้วด้วยวิธีที่ทำไม่ถือว่าผิด แต่หากคนที่ทำไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ดีพอ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่อาจไม่สะอาดพอ อาจทำให้ติดเชื้อจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

นอกจากนี้การสวนรูทวารหนักจะทำให้มีอุจจาระออกมาในปริมาณมาก ไม่ได้หมายความว่าเป็นการดีท็อกซ์ลำไส้จนสะอาดหมดจดอย่างที่คิด แต่เป็นการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่มากจนเกินไป และหากล้างลำไส้บ่อยๆ อาจทำให้ลำไส้สูญเสียแบคทีเรียในกระเพาะอาหารที่มีประโยชน์ในการช่วยขับถ่ายออกไป ทำให้ในอนาคตร่างกายอาจทำการขับถ่ายด้วยตัวเองไม่ได้ จนต้องใช้วิธีสวนไปตลอด

📢สอบถามเพิ่มเติมได้ที่📢
👉 สอบถามข้อมูล
☎🚩🚩คุณวิบูลย์ : 095-2529656
☎ไลน์ : suttabutr
☎ไลน์ :

ใครที่รู้จักคำว่า “ดีท็อกซ์” คงจะเคยได้ยินถึงข้อดีของมันมาบ้าง พูดกันง่ายๆ ก็เหมือนกันกับการล้างพิษ ล้างสิ่งไม่ดีออกจากร...
30/08/2017

ใครที่รู้จักคำว่า “ดีท็อกซ์” คงจะเคยได้ยินถึงข้อดีของมันมาบ้าง พูดกันง่ายๆ ก็เหมือนกันกับการล้างพิษ ล้างสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย ทำแล้วเชื่อกันว่าทำให้ระบบภายในร่างกายใสสะอาด ปราศจากเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งหมักหมมต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายสกปรก หรือทำให้เป็นโรคภัยต่างๆ โดยทำแล้วสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายทั้งหลายจะไหลออกมาพร้อมกับอุจจาระ

ด้วยความเชื่อนี้ จึงทำให้หลายคนหันไปทำดีท็อกซ์กันเป็นว่าเล่น มีสูตรดีท็อกซ์แพร่หลายตามโลกออนไลน์ต่างๆ มีสมุนไพรที่โฆษณาว่าช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย รวมไปถึงทัวร์ล้างพิษตับไตที่ตามสถาบันต่างๆ จัดขึ้นอีกด้วย จึงมีหลายคนหลวมตัวไปเข้าคอร์สดังกล่าว หรือจำสูตรมาทำเองที่บ้าน จนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต วิธีดีท็อกซ์ร่างกายแบบไหนควรหลีกเลี่ยงด่วนๆ Sanook! Health มีคำตอบครับ



3 วิธีดีท็อกซ์ ล้างพิษตับผิดๆ ที่ห้ามทำ อันตรายถึงชีวิต

1. อดอาหาร ทานได้แต่อาหารบางประเภทที่เชื่อว่าช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย
การอดอาหารแล้วทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น ดื่มแต่น้ำมะนาวโซดา น้ำมะพร้าว น้ำใบย่านาง หรือทานแต่ผลไม้ล้วนๆ นอกจากจะไม่ได้ช่วยดีท็อกซ์ร่างกายอย่างแท้จริงแล้ว ยังทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร หนำซ้ำยังอาจทำให้หมดพลังงาน ไม่มีแรง หน้ามืด ตาลาย น้ำตาลในเลือดต่ำ ยิ่งใครที่ทานแต่ของที่ทำให้ถ่าย อาจเกิดอาการช็อคจากการขาดน้ำจนเสียชีวิตได้

ที่อยู่

Samut Sakhon

เบอร์โทรศัพท์

0952529656

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ปรับระบบไหลเวียน ดีท๊อกซ์เลือดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท