สะเตง คลินิกกายภาพบำบัด จ.ยะลา

สะเตง คลินิกกายภาพบำบัด จ.ยะลา บริหารกายภาพบำบัดที่คลินิก และที่บ้าน การแพทย์และสุขภาพ

มือยังกำแน่น? ขยับนิ้วไม่ได้ดั่งใจ? มาปลดล็อกการเคลื่อนไหวของมือ ด้วย 3 ท่าฝึกง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน!หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า.....
10/10/2025

มือยังกำแน่น? ขยับนิ้วไม่ได้ดั่งใจ? มาปลดล็อกการเคลื่อนไหวของมือ ด้วย 3 ท่าฝึกง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน!

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า... กุญแจสำคัญในการฟื้นฟู "มือ" ไม่ได้อยู่ที่มืออย่างเดียว! แต่อยู่ที่ความมั่นคงของ "แขน" และกล้ามเนื้อจาก "ปลายแขน" ที่ส่งผลโดยตรงมาถึงนิ้วของเราเลยครับ

วันนี้เรามี 3 ท่าฝึกง่ายๆ ที่จะช่วย "ปลุก" สมองและกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานประสานกันอีกครั้ง!

⚠️ สำคัญ: โปรดปรึกษานักกายภาพบำบัดก่อนเริ่มฝึก และควรมีคนดูแลหรือหาที่ยึดจับที่มั่นคงเพื่อความปลอดภัยนะครับ!

1️⃣ ท่าลงน้ำหนัก (Weightbearing)
เป้าหมาย: ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่กำแน่น และ "ปลุก" สมองให้เชื่อมต่อกับมืออีกครั้ง 🧠

วิธีทำ: วางฝ่ามือราบลงบนโต๊ะ (เท่าที่ทำได้) เอนตัวลงน้ำหนักผ่านแขนตรงๆ ค้างไว้ 30-90 วินาที ทำได้ทั้งท่ายืนและท่านั่งเลยครับ

2️⃣ ท่ากระดกข้อมือ (Wrist Extension)
เป้าหมาย: เสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ "ฝั่งเหยียด" เพื่อต่อสู้กับอาการกำมือเกร็ง 💪

วิธีทำ: วางแขนบนโต๊ะ ให้ข้อมือพ้นขอบออกมา แล้วพยายามกระดกข้อมือขึ้น-ลงช้าๆ (ถ้ายากไป ให้ลองวางแขนตะแคงแล้วกระดกข้อมือแทน เพื่อลดแรงต้านครับ)

3️⃣ ท่าฝึกปล่อยของ (Object Release)
เป้าหมาย: ฝึกฝนการ "คลายนิ้ว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด แต่สำคัญมากต่อการใช้งานจริง ✨

วิธีทำ: ใช้มือข้างที่ดีวางของเบาๆ (เช่น ฟองน้ำ, ขวดพลาสติกเล็กๆ) ในมือข้างที่อ่อนแรง จากนั้นตั้งใจ "ปล่อย" ของออกจากมือ (ไม่ต้องสนใจการกำ) เริ่มจากของชิ้นใหญ่ๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชิ้นเล็กลง

🎯 เป้าหมายคือเท่าไหร่?
งานวิจัยแนะนำให้ทำซ้ำๆ 300-800 ครั้ง/วัน เพื่อกระตุ้นให้สมองสร้างเส้นทางใหม่ๆ ได้ดีที่สุด!

ไม่ต้องตกใจนะครับ! เริ่มจากเท่าที่ไหว เช่น ครั้งละ 20 ที วันละ 2-3 รอบ แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ครับ

ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญที่สุด สู้ๆ นะครับ! ❤️

#ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง #กายภาพบำบัด #ฝึกมือ #มืออ่อนแรง #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

ทรงตัวไม่ดี? มา "รีเซ็ต" ระบบสมดุลร่างกาย ด้วย 4 ท่าง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน!รู้สึกว่าการยืนหรือเดินไม่มั่นคงเหมือนเคยใช่ไหมคร...
09/10/2025

ทรงตัวไม่ดี? มา "รีเซ็ต" ระบบสมดุลร่างกาย ด้วย 4 ท่าง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน!
รู้สึกว่าการยืนหรือเดินไม่มั่นคงเหมือนเคยใช่ไหมครับ? ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อขาที่ต้องฝึก แต่เราต้อง "ฝึกสมอง" ให้กลับมาทำงานร่วมกับระบบการทรงตัวทั้ง 3 ส่วน (หู ตา และการรับรู้ของร่างกาย) ให้ดีอีกครั้ง!

มาลองทำ 4 ท่าออกกำลังกายนี้ ที่จะช่วยฟื้นฟูการทรงตัวของคุณให้กลับมาเป๊ะเหมือนเดิม!

⚠️ สำคัญ: ควรปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัดก่อนเริ่ม และเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรมีคนดูแลอยู่ใกล้ๆ หรือหาที่ยึดจับให้มั่นคงนะครับ!

1️⃣ ท่าถ่ายน้ำหนักซ้าย-ขวา (Standing Weight Shifts)
ท่าพื้นฐาน: ยืนตรง ค่อยๆ ถ่ายน้ำหนักตัวไปที่ขาซ้าย แล้วสลับมาขาขวาช้าๆ

✨ อัปเกรดการฝึก:

👀 ฝึกสายตา: ขณะถ่ายน้ำหนัก ลองกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง

👂 ฝึกระบบหู: ลองหันศีรษะไปซ้าย-ขวา หรือก้ม-เงยช้าๆ (ถ้าเวียนหัวให้หยุด)

🦶 ฝึกการรับรู้: ลองทำบนพื้นผิวที่ต่างกัน เช่น บนพรม บนพื้นแข็ง หรือบนหมอนนุ่มๆ

2️⃣ ท่าย่ำเท้าอยู่กับที่ (Slow Standing Marches)
ท่าพื้นฐาน: ยืนตรง แล้วยกเข่าสลับซ้าย-ขวาช้าๆ เหมือนเดินสวนสนาม

✨ อัปเกรดการฝึก:

👀 ฝึกสายตา: จ้องมองที่จุดๆ เดียว หรือมองตามวัตถุที่เคลื่อนไหว

👂 ฝึกระบบหู: ขณะยกเข่าขึ้น ลองหันศีรษะไปด้านข้าง

🦶 ฝึกการรับรู้: ตั้งสมาธิไปที่ "ความรู้สึก" ของฝ่าเท้าและขาข้างที่ยืนรับน้ำหนักอยู่

3️⃣ ท่าก้าวไขว้ลำตัว (Crossing Midline)
ท่าพื้นฐาน: เอื้อมมือหรือก้าวเท้าข้ามเส้นกลางลำตัว ไปแตะเป้าหมายที่อยู่อีกฝั่ง

✨ อัปเกรดการฝึก:

👀 ฝึกสายตา: วางเป้าหมายไว้หลายๆ จุด ในระยะและความสูงที่ต่างกัน

👂 ฝึกระบบหู: ลองมองไปในทิศทางตรงกันข้ามกับขาที่ก้าวไขว้ (ระมัดระวัง)

🦶 ฝึกการรับรู้: ลองหลับตา แล้วใช้ความรู้สึกในการกะระยะเพื่อเอื้อมไปแตะเป้าหมาย

4️⃣ ท่าเดินต่อเท้า (Tandem Stance)
ท่าพื้นฐาน: ยืนนิ่งๆ โดยวางเท้าชิดกันเป็นเส้นตรง ให้ส้นเท้าข้างหนึ่งต่อกับปลายเท้าอีกข้างหนึ่ง เหมือนกำลังเดินบนเชือก

✨ อัปเกรดการฝึก:

👀 ฝึกสายตา: พยายามอ่านตัวหนังสือที่อยู่ไกลๆ หรือมองหาของชิ้นเล็กๆ ในห้อง

👂 ฝึกระบบหู: ค่อยๆ ก้ม-เงย หรือหันศีรษะซ้าย-ขวาช้าๆ ขณะทรงตัว

🦶 ฝึกการรับรู้: ยืนบนพื้นผิวที่ไม่มั่นคงขึ้น หรือแค่ลองหลับตาแล้วตั้งสมาธิอยู่ที่ฝ่าเท้า

🎯 เป้าหมาย:
ควรทำ ทุกวัน วันละ 1-3 เซ็ต, เซ็ตละ 15-30 ครั้ง
ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบ ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญที่สุดครับ!

#ฝึกการทรงตัว #กายภาพบำบัด #โรคหลอดเลือดสมอง #เวียนศีรษะ #ออกกำลังกายผู้สูงอายุ #สุขภาพดี #ฟื้นฟูร่างกาย #รักสุขภาพ

ยืน เดิน วิ่ง... ทำไมเราไม่ล้ม? 🤔 มาไขความลับ "3 ทหารเสือ" ผู้อยู่เบื้องหลังการทรงตัวของเรากัน!เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมเร...
08/10/2025

ยืน เดิน วิ่ง... ทำไมเราไม่ล้ม? 🤔 มาไขความลับ "3 ทหารเสือ" ผู้อยู่เบื้องหลังการทรงตัวของเรากัน!

เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมเราถึงยืนนิ่งๆ หรือเดินบนทางขรุขระได้โดยไม่ล้ม? ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะครับ! แต่เป็นเพราะร่างกายเรามี 3 ระบบอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกันตลอดเวลา เหมือนมีทีมซูเปอร์ฮีโร่คอยดูแลอยู่ข้างในเลยล่ะครับ! 🦸‍♂️🦸‍♀️

1. 👂 ระบบหูชั้นใน (Vestibular System): เข็มทิศส่วนตัว
ในหูชั้นในของเรามีอวัยวะเล็กๆ ที่ทำหน้าที่เหมือน "เข็มทิศและเครื่องวัดความเร็ว" คอยตรวจจับทุกการเคลื่อนไหวของศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นการก้ม เงย หันซ้าย-ขวา หรือแม้แต่ตอนขึ้น-ลงลิฟต์ ระบบนี้จะส่งสัญญาณไปบอกสมองทันทีว่า "ตอนนี้หัวเราเอียงไปทางนี้นะ!" ทำให้เรารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวได้แม้จะหลับตาอยู่ก็ตาม

2. 👀 ระบบการมองเห็น (Visual System): กล้องวงจรปิดชั้นยอด
ดวงตาของเราเปรียบเสมือน "กล้องวิดีโอ" ที่คอยสแกนสิ่งรอบตัวตลอดเวลา 🎥 สมองจะใช้ภาพที่เห็นมาสร้างเป็น "แผนที่" เพื่อบอกว่าตัวเราอยู่ตรงไหนเทียบกับพื้น ผนัง หรือโต๊ะ เก้าอี้ และยังช่วยให้เรามองเห็นสิ่งกีดขวางล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมปรับท่าทางได้ทันท่วงที สังเกตง่ายๆ เลยว่าพอเราหลับตาปุ๊บ การทรงตัวจะยากขึ้นทันที!

3. 🦶 ระบบรับความรู้สึก (Somatosensory System): เซ็นเซอร์รอบตัว
ตั้งแต่ฝ่าเท้า ข้อเท้า ไปจนถึงกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทั่วร่างกาย เรามี "เซ็นเซอร์" คอยรายงานสมองอยู่ตลอดเวลาว่า "ตอนนี้น้ำหนักลงที่ฝ่าเท้าด้านนี้นะ" หรือ "ข้อเท้ากำลังเอียงทำมุมเท่านี้นะ" 📐 ระบบนี้สำคัญมากๆ ในการปรับการทรงตัวเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เรายืนได้อย่างมั่นคงบนทุกพื้นผิว

🤝 ทีมเวิร์คคือหัวใจ!
สมองของเราจะทำหน้าที่เป็น "ผู้จัดการทีม" ที่รวบรวมข้อมูลจากทั้ง 3 ระบบนี้มาประมวลผลพร้อมกัน ถ้าทุกอย่างราบรื่น เราก็จะทรงตัวได้ดีเยี่ยม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้อมูลขัดแย้งกัน เช่น ตานั่งมองมือถือที่นิ่งๆ แต่หูบอกว่ารถกำลังวิ่งอยู่... ก็อาจจะเกิดอาการ "เมารถ" ขึ้นมาได้นั่นเองครับ 😵

น่าทึ่งใช่มั้ยครับ? ร่างกายของเราซับซ้อนและเก่งกว่าที่คิดเยอะเลย!

#ทรงตัว #กายภาพบำบัด #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด #หกล้ม

✋ แขน-มือขยับไม่ได้หลัง Stroke? มาลอง "หลอกสมอง" ด้วยกระจกกัน! ✨สำหรับผู้ป่วย Stroke ที่มีปัญหาแขนและมืออ่อนแรงมากจนแทบข...
04/10/2025

✋ แขน-มือขยับไม่ได้หลัง Stroke? มาลอง "หลอกสมอง" ด้วยกระจกกัน! ✨

สำหรับผู้ป่วย Stroke ที่มีปัญหาแขนและมืออ่อนแรงมากจนแทบขยับไม่ได้ อาจจะรู้สึกท้อใจ... แต่วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ ที่เรียกว่า "Mirror Therapy" (การบำบัดด้วยกระจก) มาแนะนำครับ เป็นวิธีที่ใช้ "ภาพลวงตา" มาช่วยกระตุ้นให้สมองฟื้นฟูตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

Mirror Therapy คืออะไร? 🤔
ง่ายมากๆ ครับ! คือการวางกระจกไว้ตรงกลางลำตัว บังแขนข้างที่อ่อนแรงไว้ แล้วให้เราขยับแขน ข้างที่แข็งแรง ไปพร้อมๆ กับมองภาพสะท้อนในกระจก

สมองจะถูก "หลอก" ให้คิดว่าภาพในกระจกนั้นคือแขนข้างที่อ่อนแรงกำลังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ!

แล้วมันทำงานกับสมองของเรายังไง? 🧠
เทคนิคนี้ไม่ใช่แค่การหลอกสมองเล่นๆ แต่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มารองรับครับ:

👀 ภาพสะท้อนปลุกสมอง: เมื่อตาเรามองเห็นภาพการเคลื่อนไหวในกระจก มันจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมแขนข้างที่อ่อนแรงให้ "ตื่นตัว" ขึ้นมา

⚖️ ปรับสมดุลสมอง: ปกติแล้วสมองข้างที่แข็งแรงจะทำงานหนักมากจนไป "ข่ม" สมองข้างที่เสียหายไว้ แต่เทคนิคนี้จะช่วยลดการทำงานของข้างที่แข็งแรง และเพิ่มการทำงานของข้างที่เสียหาย ทำให้สมองกลับมาสมดุลกันอีกครั้ง

🔗 สร้างเส้นทางประสาทใหม่: เมื่อเราทำซ้ำๆ ทุกวัน สมองจะเริ่มสร้างและซ่อมแซมวงจรประสาทที่เสียหายไป ทำให้การสั่งการเคลื่อนไหวค่อยๆ กลับมาดีขึ้น (เหมือนกับคำว่า "ยิ่งทำซ้ำ สมองยิ่งจำ")

ข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำ 📝
ต้องใช้สมาธิสูง: ต้องตั้งใจและจดจ่อกับการเคลื่อนไหวในกระจกจริงๆ ถึงจะได้ผลดี

ต้องสม่ำเสมอ: งานวิจัยแนะนำให้ทำทุกวัน วันละ 15-20 นาที

อาจจะรู้สึกเบื่อ: เพราะเป็นการทำกิจกรรมซ้ำๆ และอาจรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าแน่นอนครับ!

Mirror Therapy เป็นเครื่องมือฟื้นฟูที่ราคาถูกและทำได้เองที่บ้าน ใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ ลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ เป็นอีกหนึ่งความหวังในการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของเราได้ครับ ❤️

#ฟื้นฟูหลังStroke #โรคหลอดเลือดสมอง #กายภาพบำบัด #มืออ่อนแรง #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

🚶‍♂️ฝึกทรงตัวทุกวัน แต่ทำไมยังเดินไม่มั่นคง? 👉3 ข้อผิดพลาดที่ผู้ป่วย Stroke อาจไม่รู้!เคยสงสัยไหมครับว่า... ทำไมฝึกการทร...
03/10/2025

🚶‍♂️ฝึกทรงตัวทุกวัน แต่ทำไมยังเดินไม่มั่นคง?

👉3 ข้อผิดพลาดที่ผู้ป่วย Stroke อาจไม่รู้!

เคยสงสัยไหมครับว่า... ทำไมฝึกการทรงตัวในบ้านก็ดูดี แต่พอต้องออกไปข้างนอกจริงๆ กลับรู้สึกไม่มั่นใจเหมือนเดิม? 😥 นั่นอาจเป็นเพราะเรากำลังฝึกผิดวิธีอยู่!

วันนี้เราสรุป 3 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย พร้อมวิธีแก้ไขง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเดินของคุณมั่นคงขึ้นในทุกสถานการณ์ มาดูกันเลยครับ! 👇

🔸ข้อผิดพลาดที่ 1: ฝึกแต่ "ท่ายืนนิ่งๆ" 🧍‍♂️
ปัญหา: ชีวิตจริงเราไม่ได้ยืนนิ่งๆ ครับ! เราต้องเอื้อมหยิบของ, ก้าวขา, หันตัวตลอดเวลา การฝึกแค่ยืนเท้าชิดหรือเท้าต่อเท้า จึงไม่ช่วยเตรียมสมองให้พร้อมรับมือการเคลื่อนไหวจริงๆ

✅ ทางแก้ที่ถูกต้อง:

🤸‍♂️ ฝึกเอื้อมตัว: ลองวางของไว้ไกลกว่าปกติเล็กน้อย แล้วเอื้อมไปหยิบ เพื่อให้สมองได้เรียนรู้การปรับสมดุล

👣 ฝึกก้าวเท้า/หันตัว: ฝึกก้าวเท้าไขว้ไปด้านข้าง หรือฝึกหมุนตัวช้าๆ (ในที่ปลอดภัย) เพื่อสอนให้ร่างกายรู้จักใช้กล้ามเนื้อขาในการทรงตัว

🔸ข้อผิดพลาดที่ 2: ใช้ "สายตา" ช่วยเยอะเกินไป 👀
ปัญหา: เรามักจะใช้สายตามองหาจุดยึดเกาะเพื่อช่วยในการทรงตัว พออยู่ในที่มืด, ก้มหน้า, หรือหันเร็วๆ สมองเลยปรับตัวไม่ทัน ทำให้เสียการทรงตัวได้ง่าย

✅ ทางแก้ที่ถูกต้อง:

🙈 ลองหลับตาฝึก: ยืนในมุมห้องเพื่อความปลอดภัย แล้วลองหลับตาฝึกยืนนิ่งๆ เพื่อบังคับให้สมองใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นมาช่วย

👟 ยืนบนพื้นผิวไม่เรียบ: ลองยืนบนหมอนหรือเบาะนุ่มๆ เพื่อท้าทายการรับรู้ของฝ่าเท้า

🚶‍♀️↔️ เดินพร้อมหันศีรษะ: ฝึกเดินไปข้างหน้าช้าๆ พร้อมกับหันมองซ้าย-ขวา

🔸ข้อผิดพลาดที่ 3: ฝึกเป็นเวลา... แต่ลืม "ใช้ในชีวิตจริง" 🛋️
ปัญหา: หลายคนมักจะ "เดินเกาะเฟอร์นิเจอร์" (Furniture Walking) ไปทั่วบ้านจนเป็นนิสัย ทำให้สมองไม่ต้องทำงานหนัก ไม่เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ

✅ ทางแก้ที่ถูกต้อง:

💪 เปลี่ยนทุกก้าวให้เป็นการฝึก: ตั้งใจเดินไปห้องน้ำหรือห้องครัวโดยพยายามไม่เกาะหรือพยุง (ถ้าทำได้อย่างปลอดภัย)

✨ เดินอย่างมีสติ: ทุกครั้งที่เดิน ให้คิดเสมอว่านี่คือ "การฝึก" ไม่ใช่แค่การเดินไปเฉยๆ

🙌 ทำให้สมองได้ "คิด" เอง: ปล่อยให้ร่างกายได้ลองปรับสมดุลด้วยตัวเองบ้าง จะช่วยให้การฟื้นฟูเร็วขึ้นมาก

✨ สรุป:
การฝึกทรงตัวต้อง “เคลื่อนไหว – ท้าทาย – ทำบ่อยๆ”
นี่คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สมองสร้างเส้นทางใหม่ และฟื้นตัวได้ดีกว่าเดิม

📌 #กายภาพบำบัด #ฝึกทรงตัว #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

ทำไมมือยังกำแน่น? 😩 📌 3 ข้อผิดพลาดที่อาจขวางการฟื้นฟูแขน-มือหลัง Strokeเคยรู้สึกท้อไหมครับ? ที่พยายามฝึกเท่าไหร่ แต่มือก...
02/10/2025

ทำไมมือยังกำแน่น? 😩

📌 3 ข้อผิดพลาดที่อาจขวางการฟื้นฟูแขน-มือหลัง Stroke

เคยรู้สึกท้อไหมครับ? ที่พยายามฝึกเท่าไหร่ แต่มือก็ยังกำแน่น แขนก็ยังยกได้ไม่ดีเท่าที่ควร... บางทีอาจเป็นเพราะเรากำลังทำพลาดใน 3 ข้อนี้โดยไม่รู้ตัว! มาลองเช็กและแก้ไขไปพร้อมกันนะครับ 👇

ข้อผิดพลาดที่ 1: ฝืน "เคลื่อนไหว" แต่ลืม "กระตุ้นสมอง"
ปัญหา: เรามักจะพยายาม "ฝืน" ให้มือและแขนเคลื่อนไหวเยอะๆ ซึ่งกลับกลายเป็นการกระตุ้น "ภาวะเกร็ง" (Spasticity) ทำให้มือยิ่งกำแน่นและสมองจดจำท่าที่ผิดๆ ไป

ทางแก้ที่ถูกต้อง:

🧠 ใช้จินตนาการ: หลับตาและนึกภาพมือของเราค่อยๆ คลายและเปิดออก

🤚 กระตุ้นด้วยการสัมผัส: ใช้การนวดเบาๆ หรือแตะไปตามแขนและหลังมือ เพื่อส่งสัญญาณไปปลุกสมอง

👀 จดจ่อ: ขณะที่ผู้ดูแลช่วยคลายมือ ให้เรามองและตั้งใจรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวนั้น

ข้อผิดพลาดที่ 2: ทำซ้ำ "ท่าที่ผิด"
ปัญหา: การยกแขนโดยใช้การ "ยกไหล่" หรือ "กางศอก" ช่วย เป็นการทำซ้ำในท่าที่ผิดๆ ทำให้สมองเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่ไม่มีประสิทธิภาพและใช้ในชีวิตจริงไม่ได้

ทางแก้ที่ถูกต้อง:

🤏 ลดขนาดการเคลื่อนไหว: ทำช้าๆ ในระยะสั้นๆ แต่ถูกต้อง ดีกว่าทำเยอะๆ แต่ผิดท่า

🤝 ใช้มืออีกข้างช่วย: ประคองแขนในท่าที่ถูกต้อง แล้วค่อยๆ ขยับ จะช่วยสอนสมองได้ดีกว่า

💪 เน้น "ไหล่-ศอก" ก่อน: สร้างฐานที่มั่นคงให้ไหล่และศอกก่อน แล้วมือจะตามมาเอง

ข้อผิดพลาดที่ 3: ทำ "ไม่บ่อยพอ"
ปัญหา: สมองต้องการความสม่ำเสมอ การฝึกแค่ตอนไปทำกายภาพ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่เพียงพอที่จะสร้างวงจรประสาทใหม่ที่แข็งแรงได้

ทางแก้ที่ถูกต้อง:

🗓️ ทำทุกวัน!: ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าปริมาณ 5 นาทีทุกวัน ดีกว่า 1 ชั่วโมงอาทิตย์ละครั้ง

🔗 ผูกไว้กับกิจวัตร: ฝึก 5 นาทีหลังกินข้าวทุกมื้อ หรือตอนแปรงฟัน จะช่วยให้ไม่ลืมและกลายเป็นนิสัย

ข้อคิดสำคัญ: ผู้ป่วย Stroke ทุกคนมีศักยภาพในการฟื้นตัวได้ อย่าเพิ่งท้อนะครับ การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเห็นความก้าวหน้าที่ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ! เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ❤️

📌 #กายภาพบำบัด #ฟื้นฟูมือแขน #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

📌 3 สิ่งที่น่าประหลาดใจในการกระตุ้นการฟื้นตัวของสมอง1️⃣ การเคลื่อนไหวแบบใหม่และท้าทาย (Novel Movement Challenges)หลักการ...
29/09/2025

📌 3 สิ่งที่น่าประหลาดใจในการกระตุ้นการฟื้นตัวของสมอง

1️⃣ การเคลื่อนไหวแบบใหม่และท้าทาย (Novel Movement Challenges)

หลักการ: การที่สมองได้เจอสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือไม่คุ้นเคย จะช่วยกระตุ้นให้สมองตื่นตัวและอยากสร้างวงจรประสาทใหม่ๆ มากกว่าการทำกิจกรรมซ้ำๆ แบบเดิมที่สมองเคยชิน

ตัวอย่างกิจกรรม:

🔸เดินถอยหลัง

🔸เดินในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย

🔸ยืนหรือเดินบนพื้นผิวที่ไม่มั่นคงหรือไม่คุ้นเคย

🔸กิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวข้ามลำตัว (Crossing Midline) เช่น ยกมือซ้ายแตะเข่าขวา หรือเอื้อมหยิบของข้ามฝั่ง

🧠 ประโยชน์: ส่งเสริมการจัดระเบียบโครงสร้างสมองใหม่ (Brain Reorganization) ซึ่งช่วยให้สมองสร้างทางเดินใหม่ๆ เพื่อทำงานแทนส่วนที่เสียหาย

2️⃣ การเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี (Music and Rhythmic Movement)

หลักการ: พื้นที่ควบคุมการเคลื่อนไหว (Motor areas) และพื้นที่ควบคุมการได้ยิน (Auditory areas) ในสมองอยู่ใกล้กันมาก เมื่อมีการเคลื่อนไหวที่ซิงโครไนซ์กับจังหวะเสียง จะช่วยกระตุ้นการทำงานของ Motor Cortex ในสมองมากขึ้น

ตัวอย่างกิจกรรม:

🔹ใช้แอป Metronome แล้วลองปรบมือหรือเดินตามจังหวะ

🔹เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลงที่ชอบ

✨ประโยชน์: ช่วยปรับปรุงคุณภาพการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการวางแผนการเคลื่อนไหว เช่น ผู้ป่วยพาร์กินสัน และมีหลักฐานบางส่วนชี้ว่ามีผลดีต่อการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วย

3️⃣ การจินตนาการ (Visualization / Mental Imagery)

หลักการ: แม้จะไม่ได้เคลื่อนไหวจริง แต่การจินตนาการถึงการเคลื่อนไหวที่ปกติทั้งสองข้างของร่างกาย สามารถกระตุ้นพื้นที่ควบคุมการเคลื่อนไหวในสมองได้ มีการศึกษา พบว่าสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวจะมีการทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อมีการจินตนาการ

ตัวอย่างกิจกรรม:

🟢 ขณะทำกิจกรรมแบบ Passive (นักกายภาพหรือผู้ดูแลช่วยขยับแขนขาให้) ให้ตั้งใจมองแขนขาที่กำลังขยับ และจินตนาการว่ากำลังขยับเอง

🟢 ในเวลาว่าง ให้จินตนาการภาพตัวเองกำลังเดิน, เอื้อมหยิบของ, หรือทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยท่าทางที่เป็นปกติ

🌱 ประโยชน์: ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว แม้จะไม่สามารถแทนที่การเคลื่อนไหวจริงได้ แต่ช่วยให้สมองสร้างการรับรู้และสั่งการได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวแบบ Passive ไปสู่ Active-assisted (ช่วยออกแรงเองได้บ้าง) ได้เร็วขึ้น

✅ โดยสรุปแล้ว การนำกิจกรรมที่ท้าทาย, การเคลื่อนไหวตามจังหวะ, และการจินตนาการ มาผสมผสานกับการฟื้นฟูแบบดั้งเดิม สามารถช่วยเร่งการปรับตัวของสมองและนำไปสู่การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นได้

#อัมพาต #อ่อนแรง #กายภาพบำบัด #กายภาพที่บ้าน #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

ปวดส้นเท้าตอนเช้า? 😫 ก้าวแรกของวันแทบไม่อยากลุกเดิน! อย่าปล่อยไว้!​เคยเป็นไหมครับ? ตื่นนอนตอนเช้า พอลงจากเตียงแล้วเหยียบ...
26/09/2025

ปวดส้นเท้าตอนเช้า? 😫 ก้าวแรกของวันแทบไม่อยากลุกเดิน! อย่าปล่อยไว้!

​เคยเป็นไหมครับ? ตื่นนอนตอนเช้า พอลงจากเตียงแล้วเหยียบพื้นเท่านั้นแหละ... โอ๊ย! เจ็บแปล๊บที่ส้นเท้าจนสะดุ้ง 😭 อาการยอดฮิตนี้อาจเป็นสัญญาณของ "เอ็นรองฝ่าเท้าอักเสบ" หรือ "เอ็นร้อยหวายอักเสบ" อยู่นะครับ

​วันนี้เราสรุปวิธีดูแลตัวเองและท่าบริหารง่ายๆ มาฝากกันครับ ทำได้เองที่บ้านเลย! 👇

​เช็กอาการ! เจ็บตรงไหนกันแน่? 🤔
​🦶 เอ็นรองฝ่าเท้าอักเสบ: เจ็บแปล๊บที่ "ส้นเท้าด้านใน" โดยเฉพาะก้าวแรกหลังตื่นนอน หรือหลังนั่งนานๆ

​🦵 เอ็นร้อยหวายอักเสบ: เจ็บที่ "ส้นเท้าด้านหลัง" หรือสูงขึ้นมาหน่อยตรง "เส้นเอ็นร้อยหวาย"
​สาเหตุหลักๆ: มักเกิดจากการใช้งานเยอะเกินไป, กล้ามเนื้อตึงเพราะไม่ได้ยืดเหยียด, หรือแม้แต่การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมครับ

​🤕 ถ้าเพิ่งเริ่มเจ็บ (ดูแลเบื้องต้น)
​พักการใช้งานหนักๆ ก่อน
​ประคบเย็น 15-20 นาที เพื่อลดปวด ลดบวม
​พยายามยืดเหยียดเบาๆ ไม่ฝืนจนเจ็บ

​🧘‍♂️ ท่าบริหารสุดปัง! ทำได้เองที่บ้าน (ควรทำทุกวัน)

➡️ ​เซตยืดกล้ามเนื้อ (ค้างไว้ 20-30 วินาที)

🔸️​ยืดน่อง: ยืนก้าวขาไปด้านหลัง ให้ส้นเท้าหลังติดพื้น แล้วย่อเข่าหน้าลงจนรู้สึกตึงๆ ที่น่อง

🔸️​ยืดเอ็นฝ่าเท้า: นั่งชันเข่า ใช้มือดึงปลายนิ้วเท้าเข้าหาหน้าแข้งจนรู้สึกตึงที่ฝ่าเท้า

🔸️​ยืดต้นขาด้านหลัง: นั่งเหยียดขาตรง แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงไปหาปลายเท้า

➡️​ เซตเพิ่มความแข็งแรง

🔸️​ขยำผ้าขนหนู: วางผ้าบนพื้นแล้วใช้แค่นิ้วเท้าจิกขยำผ้าเข้ามาหาตัว

🔸️​เขย่งปลายเท้า: ยืนตรง ค่อยๆ เขย่งส้นเท้าขึ้น-ลงช้าๆ ทำ 2 ข้างก่อน พอแข็งแรงขึ้นค่อยทำทีละข้าง

​👟 เคล็ดลับเลือกรองเท้า ช่วยลดเจ็บ

🔸️​ในบ้าน: อย่าเดินเท้าเปล่า! ให้ใส่รองเท้าพื้นนุ่มๆ (Slippers) ตลอด

🔸️​นอกบ้าน: เลือกรองเท้าที่พื้นนิ่ม มีส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า และปลายรองเท้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
​เสริมได้: ใช้แผ่นรองส้นเท้าซิลิโคนนุ่มๆ ช่วยลดแรงกระแทกได้ดีมากครับ!
​.

ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ การยืดเหยียดสม่ำเสมอและเลือกรองเท้าที่เหมาะสม จะช่วยให้อาการดีขึ้นและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้ครับ 💪
​ #ปวดส้นเท้า #รองช้ำ #เอ็นร้อยหวายอักเสบ #กายภาพบำบัด #สะเตงคลินิกกกายภาพบำบัด

🧠 4 เคล็ดลับ เปลี่ยนการออกกำลังกายให้ได้ผลดีกว่าเดิม💡 ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ไม่ใช่แค่สร้างกล้ามเนื้อ แต...
25/09/2025

🧠 4 เคล็ดลับ เปลี่ยนการออกกำลังกายให้ได้ผลดีกว่าเดิม

💡 ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ไม่ใช่แค่สร้างกล้ามเนื้อ แต่คือการ “สอนสมองใหม่” ให้สั่งงานถูกต้อง 💪🧩

---

1️⃣ ปลุกประสาทสัมผัส

👉 ลูบ คลำ หรือใช้เครื่องนวดไฟฟ้าสั่นเบา ๆ ที่แขน–ขาข้างอ่อนแรง
✨ ช่วยให้สมอง “รับรู้” และเชื่อมต่อกับอวัยวะได้ดีขึ้น

---

2️⃣ เน้น คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ

✅ แขน: เอื้อมตรง ไม่บิดเข้า, กำมือให้นิ้วโป้งอยู่นอก, ฝึก “เหยียดนิ้ว” มากกว่ากำแน่น
✅ ขา: ยืนลงน้ำหนักโดยไม่ล็อกเข่า, ฝึกนอนคว่ำงอเข่าแตะส้นเท้า

---

3️⃣ ฝึกทีละส่วน

📌 แยกการเคลื่อนไหวออกเป็นขั้นตอน
➡️ ฝึก “ยืนทรงตัว” ให้มั่นคงก่อน
➡️ แล้วค่อยฝึก “ก้าวขา”

---

4️⃣ การเดินที่ดีที่สุด คือ “การเดิน” 🚶‍♂️🚶‍♀️

อย่ารอท่าบริหารที่สมบูรณ์แบบ เดินจริงให้บ่อยที่สุด
เหมือนเด็กเล็กที่หัดเดินจากการ “ลองซ้ำ ๆ”

---

✅ สรุป: การฟื้นฟูหลัง Stroke ต้องเน้น “สอนสมองใหม่” ไม่ใช่แค่เพิ่มกล้ามเนื้อครับ

#อัมพาต #กายภาพที่บ้าน #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

🔑 ปัญหาหลัก: เข้าใจผิดระหว่าง "กล้ามเนื้อ" กับ "สมอง"หลังโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ความเสียหายจริง ๆ อยู่ที่ สมอง (ศูนย์...
25/09/2025

🔑 ปัญหาหลัก: เข้าใจผิดระหว่าง "กล้ามเนื้อ" กับ "สมอง"

หลังโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ความเสียหายจริง ๆ อยู่ที่ สมอง (ศูนย์ควบคุม) ไม่ใช่ที่ กล้ามเนื้อ (อวัยวะที่ทำงานตามสั่ง)

สมองเปรียบเหมือน คอมพิวเตอร์ ส่วนกล้ามเนื้อคือ คีย์บอร์ด
→ ถ้าคอมพิวเตอร์รวน ต่อให้คีย์บอร์ดดีแค่ไหนก็พิมพ์ไม่ถูก

🏋️‍♂️ ทำไมออกกำลังกายหนักแล้วไม่ดีขึ้น

1. การออกแรงเยอะ ๆ เน้นสร้าง “ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ” อย่างเดียว
❌ ไม่ได้แก้ “ซอฟต์แวร์ควบคุมการเคลื่อนไหว” ที่สมองเสียไป

2. การฝืนใช้แรงมากเกินไป
➡️ สมองอาจ “จดจำท่าผิด” หรือ “ท่าเกร็ง” จนติดเป็นนิสัย
➡️ ผลคือการเคลื่อนไหวยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ

✅ แนวทางที่ถูกต้อง

ต้องฝึก “การควบคุมการเคลื่อนไหว” (motor control training) ควบคู่ไปกับการเสริมแรง

เน้น การเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ช้า ชัดเจน และซ้ำบ่อย ๆ ให้สมองเรียนรู้ใหม่

ใช้หลัก Neuroplasticity (สมองสร้างเส้นทางประสาทใหม่) แทนที่จะหวังแค่ “แรงกล้ามเนื้อ”

---

👉 สรุปง่าย ๆ: การฟื้นตัวจาก Stroke ไม่ใช่แค่ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง แต่ต้อง “สอนสมองให้สั่งงานใหม่อย่างถูกต้อง” ครับ

💢 ไหล่ห่อ ปัญหาสุขภาพที่ใกล้ตัวกว่าที่คิดนั่งหน้าคอมนานๆ ก้มเล่นมือถือบ่อยๆ = เสี่ยง “ไหล่ห่อ” 😣เพราะกล้ามเนื้อหน้าอกตึง...
22/09/2025

💢 ไหล่ห่อ ปัญหาสุขภาพที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

นั่งหน้าคอมนานๆ ก้มเล่นมือถือบ่อยๆ = เสี่ยง “ไหล่ห่อ” 😣
เพราะกล้ามเนื้อหน้าอกตึงสั้น + กล้ามเนื้อหลังอ่อนแรง → ไหล่ถูกดึงไปข้างหน้า หลังโก่งตามมา

---

✅ วิธีแก้ไหล่ห่อ ทำได้ 3 ด้าน

1. ปรับท่าทางในชีวิตประจำวัน

นั่ง: หลังตรงชิดพนัก ไม่ยื่นคอไปข้างหน้า จัดจอคอมให้ตรงระดับสายตา

ยืน: อกผาย ไหล่ผึ่ง แขม่วท้องเล็กน้อย

นอน: ใช้หมอนที่พอดี ไม่สูงหรือต่ำเกิน

---

2. ท่ายืดกล้ามเนื้อ (Stretching)

ยืดอกกับกำแพง (Wall Stretch): ยืนหันหน้าเข้ามุมห้อง แขนวางบนกำแพง โน้มตัวไปข้างหน้า ค้าง 30 วินาที × 3 รอบ

ยืดไหล่ด้านหน้า: ยืนประสานมือด้านหลัง แล้วยกขึ้นช้าๆ จนตึงที่ไหล่ ค้าง 30 วินาที × 3 รอบ

---

3. เสริมความแข็งแรง (Strengthening)

ฝึกสะบัก (Scapular Retraction): นั่ง/ยืนตรง ดึงสะบักเข้าหากัน ค้าง 5 วิ × 10–15 ครั้ง

ยางยืด (Resistance Band Pulls): กางแขนออกด้านข้าง ดึงจนตึงที่สะบัก × 10–15 ครั้ง

---

✨ สรุป

การแก้ “ไหล่ห่อ” ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ จัดท่าทางให้ถูก + ยืดที่ตึง + เสริมที่อ่อน ก็ช่วยให้บุคลิกดีขึ้น หายปวดหลังและคอได้

---

📌 #ไหล่ห่อ #กายภาพบำบัด #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

l🌱 ข้อคิดฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke จากหนังสือ Atomic Habitsเป้าหมายใหญ่ เช่น “อยากกลับมาเดินได้” อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกท้อ แต่...
21/09/2025

l🌱 ข้อคิดฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke จากหนังสือ Atomic Habits

เป้าหมายใหญ่ เช่น “อยากกลับมาเดินได้” อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกท้อ แต่ถ้าเปลี่ยนมาโฟกัสที่ ระบบเล็กๆ (นิสัยเล็กๆ) ทุกวัน จะทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้จริงและยั่งยืน 💪

📝 4 กฎแห่งนิสัยเล็กๆ (Atomic Habits)
1. ทำให้มันชัดเจน (Make It Obvious)

📌 ตั้งเวลาและสถานที่แน่นอน เช่น
“หลังอาหารเช้า → ฝึกขยับนิ้ว 10 นาที”
“ก่อนนอน → ฝึกยืดขา 15 นาที”

2. ทำให้มันน่าดึงดูด (Make It Attractive)

🎶 สร้างแรงจูงใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับการฝึก เช่น ฝึกกายภาพบำบัดไปพร้อมกับการฟังเพลงที่ชอบ หรือดูรายการโทรทัศน์ที่อยากดู เมื่อสมองเชื่อมโยงการฝึกกับความสุข จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากทำมากขึ้น → สมองจะเชื่อมโยงการฝึกกับความสุข

3. ทำให้มันง่าย (Make It Easy)

🚶‍♂️ เริ่มต้นด้วยการฝึกที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เดิน 5 ก้าวก่อน แทนที่จะเริ่ม 30 นาที
✋ หยิบปากกาแท่งเดียวก่อน แทนที่จะฝึกจับของหลายชิ้น → จะสร้างความรู้สึกดีและอยากทำต่อ

4. ทำให้มันน่าพึงพอใจ (Make It Satisfying)

✅ ฉลองความสำเร็จเล็กๆ เช่น เมื่อฝึกยืนได้นานขึ้น 1 นาที ให้ตัวเองได้พัก หรือเมื่อทำท่าบริหารครบตามที่กำหนด ให้ขีดเครื่องหมายในตารางความก้าวหน้า การเห็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะช่วยสร้างความรู้สึกพอใจและอยากทำต่อไป

💕 ข้อคิดสำหรับญาติและผู้ดูแล

1️⃣ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย: จัดบ้านให้เหมาะสมกับการฟื้นฟู เช่น ติดตั้งราวจับในจุดที่จำเป็น วางอุปกรณ์กายภาพบำบัดไว้ในที่ที่มองเห็นและหยิบง่าย

2️⃣ เป็นผู้สนับสนุน ไม่ใช่ผู้ควบคุม: บทบาทของคุณคือการให้กำลังใจและช่วยให้การสร้างนิสัยง่ายขึ้น ไม่ใช่การบังคับหรือตำหนิเมื่อผู้ป่วยทำไม่ได้ตามเป้าหมาย

3️⃣ โฟกัสที่ความพยายาม ไม่ใช่ผลลัพธ์: ชื่นชมความพยายามของผู้ป่วยในแต่ละวัน เช่น "วันนี้คุณตั้งใจฝึกมากเลยนะ" มากกว่าการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับวันก่อนๆ หรือกับคนอื่นๆ

4️⃣ ใช้ประโยชน์จากกฎ Atomic Habits ร่วมกัน: คุณอาจจะใช้วิธี "เป็นคู่หู" โดยทำกิจกรรมเล็กๆ ร่วมกับผู้ป่วย เช่น "เรามาฝึกกายภาพบำบัดพร้อมๆ กับดูซีรีส์เรื่องโปรดกันนะ" จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในการต่อสู้กับปัญหา

✨ สรุป: การฟื้นตัวจาก Stroke ไม่ใช่เรื่องของ “ก้าวใหญ่” แต่คือ “นิสัยเล็กๆ ที่ทำทุกวัน”

📌 #ฟื้นฟูผู้ป่วย #กายภาพบำบัด #สะเตงคลินิกกายภาพบำบัด

https://s.shopee.co.th/BKasF86fA สนใจกดสั่งซื้อ

ที่อยู่

269 ถนนผังเมือง4 ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
Yala
95000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 19:00
อังคาร 09:00 - 19:00
พุธ 09:00 - 19:00
พฤหัสบดี 09:00 - 19:00
ศุกร์ 09:00 - 19:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66645614889

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สะเตง คลินิกกายภาพบำบัด จ.ยะลาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง สะเตง คลินิกกายภาพบำบัด จ.ยะลา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram