04/06/2025
“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่สิ้นสุด คนใหม่ย่อมดูงามกว่าคนเก่า คนนั้นก็ดูสวยดี แต่คนนี้ก็งามกว่า จึงเป็นสิ่งที่หาที่สุดมิได้” — พระนันทเถรศากยะ
วันนี้พาย้อนไปดูรูปแม่สมัยยังสาวๆ แม้จะเป็นสาวบ้านนอกไม่ได้บำรุงปรุงแต่งอะไรมากเหมือนสาวในเมืองแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ในปัจจุบันอายุ 69 ปีเต็ม แม่มีผมขาวแซมดำ ผิวหนังเหี่ยวย่น แม่บอกผมว่าเรี่ยวแรงถดถอยทำงานมากไม่ได้เหมือนเดิม (แต่ก็ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยของแกไม่หยุด) เวลากินข้าวด้วยกันแกก็จะบ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่าเคี้ยวข้าวได้ข้างเดียวอีกข้างฟันไม่ดีแล้ว (ไปหาหมอหลายครั้งแล้ว) แต่แม่ก็กินเก่ง กินนิดกินหน่อย กินไปเรื่อยหลายมื้อ ผมเคยบอกแม่ว่าให้ควบคุมการกินหน่อย อายุเยอะแล้วกระดูกเสื่อมลงแต่อ้วน ร่างกายต้องแบกน้ำหนักตัวเองอยู่ตลอดเวลาเข่าจะเสื่อมได้ง่าย แต่แม่บอกอดไม่ได้ตื่นมาต้องกินเลย อันนี้ไม่ได้เอาแม่มาประจาน แต่จะยกเอาแม่มาเป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่าถ้าคนเราถ้าไม่ฝึกตัวเองตั้งแต่ยังหนุ่มสาว พอแก่ตัวไปความอ่อนแอจะมีมากขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะอดทนข่มฝืนอะไรก็ทำได้ยากเพราะพฤติกรรมหลายๆ อย่างจะเป็นนิสัย/ความเคยชินไปแล้ว ดังสุภาษิตที่ว่า "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" และจะวิเคราะห์ให้เห็นว่ารูปนั้นไม่เที่ยง ไอ้ที่เราไปชอบผู้หญิงในวัยแรกแย้มถึงวัยกลางคนที่มีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หุ่นดี นั้น พอแก่ตัวลงก็จะผมหงอก ตาฝ้าฟาง ฟันก็ร่วง ผิวหนังก็เหี่ยวย่น บางคนจะอ้วนเพราะกินเก่ง อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็เป็นเหมือนกัน เราทุกคนต่างรู้ดี แต่ทำไมปลงอสุภะไม่ลงกันหนอ?! มาดูตัวอย่างสมัยพุทธกาลที่เราควรจะศึกษาเรียนรู้
พระโคตมะพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานั้นมีน้องชายต่างมารดา 1 คน พระนามว่า "นันทะ" ในช่วงที่พระองค์เสร็จไปโปรดพระประยูรญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ พระองค์ทรงรับอาราธนาเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตในวังเนื่องในวันแต่งงานของเจ้าชายนันทะกับนางชนบทกัลยาณี เมื่อเสร็จภัตกิจแล้วพระองค์ก็ยื่นบาตรให้เจ้าชายนันทะถือไว้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับก็ยังไม่รับบาตรคืน เจ้าชายนันทะก็คิดว่าพระองค์คงจะรับบาตรคืนตอนนั้นตอนนี้ จนเสร็จไปถึงนิโครธารามพระพุทธเจ้าจึงรับบาตรคืนแล้วตรัสกับเจ้าชายนันทะว่า "นันทะ เธอจงบวชเถิด" เจ้าชายนันทะจึงได้บวชในวันนั้นอย่างไม่เต็มใจ แต่ด้วยความเคารพยำเกรงต่อพระพุทธเจ้าในฐานะพี่ชายจึงจำนน เมื่อบวชแล้วก็ไม่มีใจที่จะประพฤติพรหมจรรย์ คิดถึงแต่หน้าและถ้อยคำของนางชนบทกัลยาณีที่บอกให้รีบกลับ จึงอยากจะสึกอย่างเดียว เมื่อพระพุทธเจ้าทราบความแล้วจึงทรงพาพระนันทะเที่ยวจาริกไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้พระนันทะได้เห็นสตรีที่มีรูปร่างต่างๆ กัน ตั้งต้นแต่ให้เห็นสิ่งที่อัปลักษณ์ที่สุด โดยให้ได้เห็นนางลิงแก่ที่หูแหว่ง จมูกโหว่ และหางขาด นั่งอยู่บนตอไม้ที่ไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก จนกระทั่งให้ได้เห็นนางเทพอัปสรบนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ที่สวยโสภาที่สุด ทำให้เกิดความกระสันอยากได้นางเทพอัปสรเหล่านั้นมาเป็นคู่ครอง พระพุทธเจ้าก็รับปากว่าถ้าพระนันทะสามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ได้ พระองค์จะสามารถพาหญิงเหล่านั้นมาให้ จากนั้นพระนันทะก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก แต่พระรูปอื่นที่ทราบว่าพระนันทะบำเพ็ญเพียรเพราะอยากได้ผู้หญิงสวยต่างก็เอาไปล้อเลียน พระนันทะจึงเกิดความละอายใจและฉุกคิดว่า...
🌹“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด”
🌹“อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่สิ้นสุด คนใหม่ย่อมดูงามกว่าคนเก่า คนนั้นก็ดูสวยดี แต่คนนี้ก็งามกว่า จึงเป็นสิ่งที่หาที่สุดมิได้”
เมื่อวางความรักลงได้ ท่านก็บำเพ็ญเพียรต่อจนได้บรรลุพระอรหันต์ มื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าท่านเป็นผู้สำรวม มีสติระวังไม่ให้กิเลสครอบงำจิตใจในเวลารับรู้อารมณ์ทางอินทรีย์ (อายตนะ 6 ทั้งนอกและใน) ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้สุดดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้สัมผัส (โผฏฐัพพะ) ใจรู้ธรรมารมณ์ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้สำรวมอินทรีย์
และพระพุทธเจ้าก็มีน้องสาวต่างมารดาอีก 1 คน (น้องสาวเจ้าชายนันทะ) พระนามว่า “นันทา” เป็นผู้หญิงสวยงดงาม น่ารัก น่าชม พระประยูรญาติจึงพากันเรียกว่า “รูปนันทา” บ้าง “อภิรูปนันทา” บ้าง “ชนปทกัลยาณี” บ้าง ครั้นเมื่อออกบวชเป็นภิกษุณีแล้ว (เรียกพระนามว่า "พระนันทาเถรี") ก็ยังหลงในรูปสวยงามของตน พระพุทธเจ้าจึงทรงเนรมิตรูปหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งให้มีรูปโสมสวยงามที่สุดในโลกไม่มีใครมาเทียบได้ แล้วให้หญิงสาวที่ปรากฎนั้นเป็นหญิงสาวในวัยมีลูก 1 คน 2 คน จนถึงวัยกลางคน วัยชรา และวัยแก่หง่อม ผมหงอก ฟันหัก หลังค่อม และล้มตายลง ร่างกายมีหมู่หนอนมาชอนไชเจาะกินเหลือแต่โครงกระดูก พระนันทาเถรีเห็นแล้วเกิดความสลดสังเวช จิตเกิดเบื่อหน่ายในรูปกายที่ตนยึดถือ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า...
✨“ดูก่อนนันทา เธอจงดูอัตภาพร่างกายอันเป็นเมืองแห่งกระดูกนี้ อันกระสับกระส่าย ไม่สะอาด อันบูดเน่านี้เถิด เธอจงอบรมจิตให้แน่วแน่มั่นคง มีอารมณ์เดียวในอสุภกรรมฐาน จงถอนมานะละทิฏฐิให้ได้แล้วจิตใจของเธอก็จะสงบ จงดูว่ารูปนี้เป็นฉันใด รูปของเธอก็เป็นฉันนั้น รูปของเธอเป็นฉันใดรูปนี้ก็เป็นฉันนั้น รูปอันมีกลิ่นเหม็นบูดเน่านี้ ย่อมเป็นที่เพลิดเพลินอย่างยิ่งของผู้โง่เขลาทั้งหลาย”
พระนันทาเถรีได้ส่งจิตพิจารณาไปตามพระพุทธดำรัส เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสจบลงพระนางก็สิ้นกิเลสาสวะ บรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา และเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเป็นผู้มีความชำนาญพิเศษในการเพ่งด้วยฌาน ด้วยเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่ายผู้แพ่งด้วยฌาน หรือผู้ทรงฌาน
ทั้งพระนันทเถระ และพระนันทาเถรี ล้วนเป็นผู้ชนะใจตัวเองไม่หลงในรูปสวยงามของสตรี และผู้ที่สั่งสมบุญบารมีมาหลายชาติเพื่อจะได้เกิดมาเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าและได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะ (ผู้ยอดเยี่ยมในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ) จากพระพุทธเจ้า
เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง