Inside Krabeeputh เผยชีวิตการฝึกตน ความรู้ ความคิด และจิตวิญญาณของ #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน

นิยามความเป็นตัวผม
==============
> เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง (a Buddhist)
ผมเคยเป็นเด็กวัดเรียนในวัดมาก่อน เคยได้รับการอบรมบ่มสอนด้วยธรรมะจากพระและครูบาอาจารณ์ พอเติบโตสู่วัยรุ่นและเรียนจบได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกทั่วไปก็พยายามจะดำเนินชีวิตตามหลักพุทธศาสนาสำหรับฆราวาสอย่างน้อยที่สุดก็คือ "ศีล 5" แม้จะทำได้ไม่ดีนักก็ตาม เพราะบ่อยครั้งที่เราก็แพ้จิตใจตัวเอง โดนครอบงำด้วยกิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง
> เป็นนักมังสวิรัติ (a Vegetarian)
ผมทานมังสวิรัติมาตั้งแต่อายุประมาณ 9-10 ขวบ เริ่มจากการที่แม่พากินเชิงบังคับหน่อยๆ และต่อมาได้ตั้งตบะกับพระไว้ตั้งแต่เด็กว่า "จะทานมังสวิรัติให้ได้ตลอดชีวิต" นับมาจนถึงปัจจุบันผมทานมังสวิรัติมาได้ 30 กว่าปี ถือว่าไม่เป็นต้นเหตุแห่งการฆ่าเพื่อกินมาครึ่งชีวิตแล้ว
> เป็นเจ้าของฟาร์มเล็กๆ (a Farmer)
ผมโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้สร้างอาชีพและเป็นเจ้านายตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นความใฝ่ฝันของผมมาตลอดว่าอยากจะมีบริษัทของตัวเองทำธุรกิจอะไรสักอย่าง จนมีบริษัทตัวเองเล็กๆ ที่ทำด้านระบบสถานีโทรทัศน์ แต่แล้วก็มาได้รับผลกระทบหนักจากภาวะทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมด้าน broadcast TV โดน disrupt หนักมากจากสื่อออนไลน์ และการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในต้นปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบันมาซ้ำเติมเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ทรุดเลย จึงคิดจะเปลี่ยนไปทำงานทางด้านอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพตามที่ตัวเองสนใจมานาน จึงได้กลับมาอยู่บ้านเกิดทำ "ฟาร์มเฮือนซายโท่ง" ในรูปแบบโคกหนองนาโมเดลตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา

ความสนใจส่วนตัว
============
- สุขภาพการกินอยู่ที่ดี (Health & Wellness)
- เกษตรกรรม (Agriculture)
- อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Healthy Foods & Beverages)
- เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
- การท่องเที่ยว (Travel)
- จิตวิญญาณ (Spirituality) และพุทธศาสนา (Buddhism)

เป้าหมายชีวิต
=========
> ต้องการพิสูจน์ศักยภาพความเป็นคน เกิดมาแล้วชาติหนึ่งจะสามารถไปตามฝันได้แค่ไหน?
> ในบั้นปลายชีวิตอยากอยู่กับธรรมชาติ มีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่อย่างสุขสงบ (Self-actualization)

นอกจากเพจส่วนตัวอันนี้แล้ว ยังมีเฟสบุ๊คเพจและกลุ่มอื่นที่สร้างไว้สำหรับเรื่องที่ผมสนใจ สามารถติดตามได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
> เรื่องการเกษตรตามรอยพระราชดำริ FB Page ชื่อ "เฮือนซายโท่ง Organic Farm & Cafe"
https://www.facebook.com/ZhaiTongHouse
> เรื่องอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
FB Page ชื่อ "Puth's Foods สุขภาพดีด้วยอาหารมังสวิรัติ เจ วีแกน"
https://www.facebook.com/Puthfoods
FB Group ชื่อ "อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Healthy foods & beverages)"
https://www.facebook.com/groups/861546671336665/

การชนะใจตนเองยากที่สุด!!
03/09/2025

การชนะใจตนเองยากที่สุด!!

3/9/2568 เมื่อวานพระดาบดินส่งคำสอนพ่อครู #สมณะโพธิรักษ์ มาให้ ความว่า “การเอาชนะใจตนเองนั่นแหละเป็นการเอาชนะที่ยากที่สุด” อันนี้จริงที่สุด!!
บางครั้งที่มีโอกาสเอื้ออำนวยให้เราทำตามใจกิเลสของตัวเองได้ โอกาสจะแพ้ภัยตัวเองมาเต็มๆ รู้สึกได้เลยว่าใจตุ๊บๆ ต่อมๆ เพราะเกิดธรรมาธรรมะสงครามในจิตใจเรา มันมีการต่อสู้กับเรื่องที่เรายังไม่หลุดพ้น ใจหนึ่งมันปรุงแต่ง (สังขาร) สารพัดอย่างเลยเถิดไปไกลจนเกิดมีฤทธิ์เป็นแรงพลังบังคับตัวของเราให้อยากกระทำ จนจะลงมือทำจริงๆ (ถ้าลงมือทำสำเร็จ “บาป” ก็เกิดสมบูรณ์ทันที) แม้จะผิดพลาดก็มีการหาเหตุผลสารพัดไว้ให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลงหรือปลอบใจตัวเองว่าเริ่มใหม่ก็ได้ (ดูมันดิ เก่งไหมล่ะ?)
แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่าถ้าพลาดไปสิ่งที่ตั้งใจทำมาตลอดก็จะสูญเปล่า สิ่งที่เราพูดไว้ก็จะไม่ศักดิสิทธิ์เพราะทำไม่ได้อย่างพูด นึกถึงสมณะและหลวงพ่ออนุตตโรที่ท่านเมตตาอบรมสั่งสอนให้เห็นโทษภัย จะกล้าไปกราบท่านไหมและบอกท่านยังไง พยายามนึกถึงคำสอนของพ่อครูเพื่อทำให้ใจมันคลาย ท่านเคยบอกว่า “ฌาน คือไฟเผากิเลส“ ตอนเกิดการต่อสู้ในจิตใจนี่แหละ คือจังหวะที่ต้องใช้ “ไฟเผากิเลส” มียุทธวิธียังไงต้องงั้นเอามาสู้ เมื่อชนะได้จึงเป็น ”ฌาน“
แต่กิเลสมันก็แรงจัง จะชนะมันได้ต้องใช้ความเข้มแข็งและพลังจิตใจเยอะมากๆ แต่พลังจิตเราอ่อนด้อยมากเลยเนื่องจากเรายังไม่หลุดพ้นในเรื่องนี้ (ให้ตายซิ จะไหวไหมน้อ?) และเวทีนี้ก็ไม่มีใครสู้แทนเราได้ด้วยดิ เราต้องสู้เองเท่านั้น มันเป็นของใครของมัน คนอื่นไม่รู้กับเรา มีแค่เราที่รับรู้ได้ในใจของเรา จึงเห็นเลยว่าชนะใจตัวเองนี่แหละโคตรยากจริงๆ!!

ป.ล. วันนี้มาระบายความในใจออกแนวนามธรรม จะมีใครอ่านแล้วเข้าใจไหมน้อ?

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

💡ผู้มี "ปัญญา" จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง "อุปธิ 3" ดียิ่ง มีพยัญชนะอีกคำที่ว่า "อุปธิ 3" นี่แหละ ที่บัญญัติไว้ว่า หมายถึง "...
27/08/2025

💡ผู้มี "ปัญญา" จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง "อุปธิ 3" ดียิ่ง มีพยัญชนะอีกคำที่ว่า "อุปธิ 3" นี่แหละ ที่บัญญัติไว้ว่า หมายถึง "กิเลส-ขันธ์-อภิสังขาร" (พระไตรปิฎกเล่ม 29 ข้อ 33)
🌿ซึ่งผู้มี "ปัญญา" จะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง "อุปธิ 3" นี้ได้ครบ อันได้แก่ "กิเลส-ขันธ์-อภิสังขาร" นั่นคือ จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้ว่า "กิเลส" นั้นแท้ๆ มันคืออะไร? "ขันธ์" คืออย่างไร? และ "อภิสังขาร" จัดการกันไฉน?
🧑‍🤝‍🧑คนจึงจะต้องสร้าง "ปัญญาวุธ" ขึ้นมา ซึ่งก็คือ “สร้างพลังงานทางจิต” นี้เอง ให้มีคุณวิเศษที่มีประสิทธิภาพตามที่ว่านี้จริง ให้ได้สำเร็จแท้ นั่นคือ
1. รู้จักตัวตนของ "กิเลส" ให้ได้
2. รู้แจ้งว่ากิเลสมันมีอยู่ใน "ขันธ์" ของเรานี่เอง
3. รู้จริง "อภิสังขาร" ว่า คือ "วิธีการจัดการ" ชำระกิเลสหมดสิ้นสูญสลายหายไปจากจิตตนเองได้จริงๆ
แล้วผู้มี "ปัญญา" นั้นจึงจะสามารถทำลาย "กิเลส" ด้วย "ไฟ (ฌาน) ที่เป็นพลังงานของจิต" ขึ้นมาเผา (ฌายติ, ฌาเปติ) กำจัด "กิเลส" ให้ดับสูญสิ้นไปจาก "ขันธ์ 5" ของตนให้เรียบร้อยตามต้องการสำเร็จเด็ดขาด คนผู้นั้นจึงมี "วิมุติ-นิพพาน" เป็นผู้ "อมตะ" ผู้ทำตนสำเร็จเป็น "อรหันต์" คือผู้อยู่เหนือ "ความเกิด-ความตาย"
ผู้สามารถสลาย "กิเลส" จาก "จิตวิญญาณ" ของตนที่มันยึดความเป็น "อัตตา-ปรมาตมัน-พระเจ้า-เทฺว" ไม่ยอมเลิกสำเร็จแท้จริง แล้วตนเองจะจัดการกับตนเองให้ "อยู่" หรือให้ "ตาย" ไปอย่าง "ปรินิพพานเป็นปริโยสาน" เมื่อใดก็ได้ เป็นเรื่องของตนเด็ดขาดสัมบูรณ์สุด
🔥"ฌาน" ของพุทธจึงไม่ใช่ "ฌาน" ที่แค่กดข่มได้เก่งสุดหรือแค่เล่นเจ้าล่อเอาเถิด "เกิดแล้ว-ตาย ตายแล้ว-เกิด" กันอยู่ไม่รู้แล้ว แต่เป็น "พลังฤทธิ์" วิเศษที่เรียกด้วยภาษาเข้าใจกันง่ายๆว่า "ไฟ" เป็นพลังงานทางจิตที่มีฤทธิ์พิเศษมีอำนาจวิเศษสามารถ "เผากิเลส" ตัวการที่พา "เกิด" วนเวียนอยู่ในวัฏสงสารไม่มี "จบสิ้น" ได้สำเร็จกระทั่ง "จบกิจ" แท้ "กิเลสาสวะ" หมดสิ้นได้เด็ดขาดจริง ไม่ใช่แค่วิธี "กดข่ม(วิกขัมภนะ)" หรือแช่เย็นไว้จับตัวเป็นก้อนแข็งแน่นิ่งเข้าไปๆ เท่านั้น ซึ่งยิ่งไม่เคลื่อน ไม่ไหวติง
แต่ "ฌาน" ที่สัมมาทิฏฐิของพุทธนั้น ยิ่งมีประสิทธิภาพ ไหวแรงร้อนยิ่ง เหนือชั้นกว่า"ไฟราคะ-ไฟโทสะ-ไฟโมหะ" ซึ่งสร้างด้วยพลังทางกาย ด้วยพลังทางวาจา ด้วยพลังทางใจ กันอย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์สุดๆ
🔥"ฌานที่สัมมาทิฏฐิของพุทธ" ต้องวิเศษมีฤทธิ์มีพลัง แรงร้อนเหนือกว่า "ไฟราคะ-ไฟโทสะ-ไฟโมหะ" จึงจะเผาผลาญทำลาย "ราคะ-โทสะ-โมหะ สำเร็จได้

พ่อครู #สมณะโพธิรักษ์ 🙏
หนังสือปัญญา 8 เล่ม 1 หน้า 167-170

สาเหตุที่ทำให้พระพุทธ​ศาสนา​เสื่อม=====================       ไม่ใช่คนนอกศาสนามาทำลาย​ แต่เป็นเพราะคนในศาสนา โดยเฉพาะ​ผู...
21/08/2025

สาเหตุที่ทำให้พระพุทธ​ศาสนา​เสื่อม
=====================
ไม่ใช่คนนอกศาสนามาทำลาย​ แต่เป็นเพราะคนในศาสนา โดยเฉพาะ​ผู้นำ คือ​ "พระสงฆ์" หลังจากที่พระพุทธ​เจ้า​ปรินิพพาน​ได้พียง​ 7​ วัน ก็ได้มีพระสุภททะกล่าวจาบจ้วงพระพุทธ​องค์​ พระมหากัสสปะพร้อมพระอรหันต์​จึงได้ทำการสังคายนา คือ รวบรวมพระธรรมวินัยให้เป็นหมวดหมู่
พระพุทธ​องค์​ปรินิพพาน​ได้​ 100​ ปี ได้มีภิกษุ​วัชชีได้ประพฤติ​ตนผิดพระธรรมวินัย​ พากับรับเงินรับทองจากชาวบ้าน จึงได้ทำการสังคายนาเป็นครั้งที่​ 2​ เมื่อเสร็จสิ้น​การสังคายนาภิกษุ​พวกวัชชีไม่ยอมรับ จึงได้แยกตัวไปทำสังคายนาขึ้นอีก จึงทำให้พระพุทธ​ศาสนาแยกออกเป็น​ 2​ นิกาย
เมื่อ​ พ.ศ.​ 300​ พระเจ้าอโศกมหาราชได้พบกับสามเณรรูปหนึ่งชื่อสามเณรนิโครธจึงเกิดความศรัทธา​เลื่อมใส จึงได้เปลี่ยนพระทัยหันมานับถือพระพุทธ​ศาสนา​และได้โปรดให้มีการทำสังคายนาพระธรรมวินัย​ ได้ทำนุบำรุงพระพุทธ​ศาสนา​ให้เจริญรุ่งเรือง และได้ส่งพระเถระผู้มีความสามารถ​ออกไปเผยแพร่พระพุทธ​ศาสนา​ยังนานาประเทศ
ส่วนประเทศไทย​ได้ส่งพระโสณะเถระกับพระอุตตระเถระเข้ามาเผยแพร่ มาถึงสมัยรัชกาล​ที่​ 4​ พระองค์​ได้ทรงผนวชตั้งพระทัยจะประพฤติ​ปฏิบัติ​ในกิจของสงฆ์​ แต่เมื่อมาอยู่ในร่มเงาแห่งบวรพุทธศาสนา จึงได้มาเห็นความบกพร่องหย่อนยานของพระสงฆ์ จนพระองค์​ทนไม่ได้จึงแยกตัวไปตั้งคณะสงฆ์​ธรรมยุต​ขึ้นมา เริ่มเคร่งครัดวิรัติ​ตนตามสิกขาวินัย ไม่รับเเงินทองอันเป็นของต้องห้าม​ เป็นวัตถุอนามาส จนมีผู้คนเลื่อมใสศรัทธา ในเมืองไทยจึงเกิดเป็น​ 2​ นิกาย
สาเหตุที่แท้จริงในปัจจุบันนี้ คือ...
1.​ ผู้นำศาสนา​คือพระสงฆ์​กลายเป็นนักธุรกิจ หารายได้จากการทำบุญ มีการเรี่ยไรเงินทอง​ แจกซองผ้าป่า​ ล่าเจ้าภาพกฐินเพื่อหาเงินอันเป็นการล่อแหลมต่ออาบัติ​ปาราชิก ทำให้กฐินเพี้ยน​ ผ้าป่าผิด​ บิดเบือน​พุทธ​บัญญัติ​เดิม
2.​ ผู้นำศาสนา​คือพระสงฆ์​กลายเป็นทุนนิยม​ มีการหล่อพระพุทธ​รูป​ ทำเหรียญ​ขายจนกลายเป็น​พุทธ​พาณิชย์​ นำเอาพระพุทธ​รูปไปขายเป็นสินค้าและอ้างว่าเช่าบูชา​ ต้นทุนไม่เท่าไรแต่คิดกำไรมหาศาล
3.​ ผู้นำศาสนา​คือพระดึงเอาพุทธศาสนา​ไปปนกับพราหมณ์ มีการสะเดาะเคราะห์​ต่อชะตา ทำเครื่องรางของขลัง​ เล่นไสยศาสตร์​ เดรัจฉาน​วิชา​ เป็นหมอดูฤกษ์​ยาม​ ซึ่งค้านกับคำสอนของพระพุทธ​เจ้า
4.​ การศึกษา​พระพุทธ​ศาสนา​ผิดพลาด พระเณรที่เข้ามาบวชไม่ได้มุ่งเรียนโลกุตรธรรม​ ไม่ได้มุ่งลดละกิเลส ไม่มีเป้าหมายที่จะปฏิบัตตนให้หลุดพ้นจากทุกข์​ตามแนวทางพระศาสนา แต่กลับไปเรียนวิชาการทางโลก(เดรัจฉาน​วิชา) เรียนจบแล้วก็สึกออกไปแย่งงานชาวบ้าน ไม่ได้ให้อะไรแก่ศาสนา​ เพียงแอบอ้างอาศัยแล้วยังทำให้ศสนาพลอยเศร้าหมองไปด้วย
5.​ ผู้นำศาสนามุ่งเน้นแต่พิธีกรรมตามจารีตประเพณี​เท่านั้น ไม่ได้มุ่งเน้นเนื้อหาสาระที่จะนำไปประพฤติ​ปฏิบัติ​ตนอันจะดับทุกข์​ได้ พิธีกรรมนั้นก็มุ่งแต่ผลประโยชน์ อันจะได้มาซึ่งวัตถุ​เงินทอง​ หรือเพื่อความขลัง​ศักดิ์สิทธิ์ งมงาย ซึ่งพระพุทธ​ศาสนา​เป็น​ อเทวนิยม​ ไม่ใช่​ เทวนิยม
6.​ ไม่ได้คัดเลือกกลั่นกรองผู้ที่จะเข้ามาบวช จึงมีแต่คนอกหัก​ หลักลอย​ คอยงาน​ สังขาร​แย่​ หัวไม่ดี​ ขี้โรค​ เป็นผู้ล้มเหลวในชีวิต ไม่ได้บวชด้วยความเลื่อมใสศรัทธา​ในหลักคำสอน​ ไม่มีทางไปจึงได้อาศัยบวชเลี้ยงตน​ จากผู้ไม่มีอะไรกลายเป็นพระมหาศาล​ จากอยู่กระต๊อบก็มาอยูตึก จากลูกตามีตามาก็มามียศมีตำแหน่ง​ เป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งสวนทางกับพระศาสดาที่พระองค์​ทิ้งเงินทองมาเอาธรรม​ ทิ้งเวียงวังมาอยู่เรือนว่าง​ ลอมฟาง​ โคนไม้
กาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แม้หลักคำสอนของพระศาสดา​ ได้ผ่านเข้าสู่กึ่งพุทธกาล ก็ย่อมมีความคลาดเคลื่อนแปรเปลี่ยนไปได้เช่นกัน ด้วยการทำบุญ​นอกพุทธที่แปลกปลอมเข้ามาในรูปแบบ​ของเดรัจฉาน​วิชา บอกใบ้ให้หวย​ เครื่องราง​ของ​ขลัง​ รดน้ำมนต์​ สะเดาะเคราะห์​ต่อชะตา พฤติกรรม​เหล่านี้ได้ยกอ้างเอาชื่อพระพุทธ​ศาสนา​ขึ้นมา​ เพื่อหวังประโยชน์​ทางการค้า ลาภ​ ยศ​ ชื่อเสียง​ ด้วยความเก่งกาจ​ อิทธิปาฏิหาริย์​ พระพุทธ​ศาสนา​จึงถูกสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ปิดบังเนื้อแท้จนหมดสิ้น ด้วยการกระทำเพื่อผลกำไรหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์​ ด้วยอำนาจแห่งมิจฉาทิฐิ​ของบุคคลบางกลุ่ม
เราเหล่าพุทธบริษัท​ทั้งหลาย น่าที่จะมาร่วมแรงร่วมใจกันเข็นกงล้อพระธรรม​จักร​ และช่วยกันซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอ มาช่วยกันสืบศาสนจักร​ ให้เป็นเอกภาพในพระพุทธ​ศาสนา ด้วยการมาสร้างสังคมดีให้มีคุณธรรม​ กระทำตนให้เป็นประโยชน์เพื่อเป็นพุทธ​บูชา​ สัมมาปฏิบัติ​ด้วยกันเทอญ.

บทความโดย ส.ดวงดี
สาธุครับ🙏

16/08/2025
โยนิโสมนสิการ เป็นปัจจัยแห่งโภชฌงค์ 7
05/06/2025

โยนิโสมนสิการ เป็นปัจจัยแห่งโภชฌงค์ 7

การที่เราสามารถมองเห็นคน สัตว์ วัตถุสิ่งของได้นั้น เกิดจากการที่แสงไปตกกระทบสิ่งต่างๆ แล้วเกิดการสะท้อนเข้าสู่ตาเรา และผ่านเข้ามาในลูกตา ไปทำให้เกิดภาพบนจอ (Retina) ที่อยู่ด้านหลังของตา ข้อมูลของวัตถุที่มองเห็นจะส่งขึ้นไปสู่สมองตามเส้นประสาท (optic nerve) สมองจะแปลข้อมูลเป็นภาพของวัตถุนั้น นี่คือข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ แต่คนมีความรู้สึกเมื่อเห็นแล้วมันจะปรุงแต่งอารมณ์ (สังขาร) แล้วตีความสิ่งที่เห็นไปต่างๆ นานาตามประสบการณ์ที่เคยรับรู้มาก่อน (สัญญา) จึงบดบังความจริงที่มองเห็น
นี่แหละพุทธศาสนาจึงให้ความสำคัญกับการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจหลังการรับรู้ทางทวารต่างๆ มีสติ (สติสัมโพชฌงค์) เป็นองค์ธรรมที่ต้องทรงอยู่เสมอ แล้วพิจารณาให้เห็นเหมือนวิทยาศาสตร์ คือให้เห็นจริงตามความเป็นจริงโดยไม่เอาอารมณ์ความรู้สึกเข้าไปใส่ เช่น เห็นคนก็แยกเพศออกว่าเป็นผู้หญิง-ผู้ชาย และสามารถรู้รายละเอียดขึ้นไปอีกได้ว่าสวย/หล่อ หรือขี้เหร่ แต่ไม่เอาความรู้สึกชอบ-ไม่ชอบ เข้าไปปะปนด้วย การฝึกมองให้เป็นอย่างนี้บ่อยๆ จะไม่ทำให้กิเลสครอบงำเราได้ง่าย แต่ถ้าเห็นท่าว่ากำลังจะเพลี้ยงพล้ำกิเลสเข้าแล้วก็ต้องเอาวิธีของพระพุทธเจ้ามาสกัดกั้น นั่นคือ มองให้เห็นเป็นความไม่งาม (อสุภะนิมิต) ดูเหมือนง่ายเนอะ ใครๆ ก็รู้ แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้จริงๆ และทำได้ตลอดต่อเนื่อง จริงไหม?!
ช่วงนี้ผมได้บอกเล่าเรื่องตัวเอง ได้ตีแผ่กิเลสตัวเอง ให้ทุกคนได้เห็นมุมที่ยังอ่อนแอในตัวผม ยังมีกิเลสเหมือนคนทั่วไป รู้ไหม...ในขณะเดียวกันมันทำให้ผมได้คิดวิเคราะห์พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและลึกซึ้ง (โยนิโสมนสิการ) ตอกย้ำตัวเองเข้าไปด้วย ใน "อังคสูตรที่ 1" พระไตรปิฎกเล่มที่ 19 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 11 สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทำปัจจัยภายในให้เป็นเหตุแล้ว เรายังไม่เล็งเห็นเหตุอื่น แม้อันหนึ่งเพื่อความบังเกิดแห่งโพชฌงค์ 7 เหมือนโยนิโสมนสิการเลย" ช่วงนี้กามวิตกเลยไม่เกิดขึ้นในขณะที่เรายังมีสติในเวลากลางวัน แต่ฝันตอนกลางคืนนั้นถือเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมได้ จะล้างฝันลามกฝันเลอะเทอะให้หมดไปก็ต้องทำในขณะที่ยังลืมตามีสติอยู่ในตอนกลางวันนี่แหละให้หมดได้จริงๆ เพราะมันสัมพันธ์กัน
ตอนที่ผมเริ่มกินมื้อเดียวต่อเนื่องใหม่ๆ ก็ทำอย่างนี้แหละหาความรู้ต่างๆ ข้อดี/ประโยชน์ของมันให้เยอะๆ ย้ำตัวเองเข้าไป จนใจมันจางคลาย (วิราคานุปัสสี) ไม่รู้สึกต้องคุมเคร่งระแวดระวังแล้ว ความผ่อนคลายเบาสบายก็เกิดขึ้น จึงมั่นใจได้ว่าเราชนะแน่แล้ว เรื่องกามเมถุนก็ต้องทำอย่างเดียวกัน แต่ต้องหาความไม่งามและโทษภัยของมันให้เยอะๆ (อสุภะ) ดังนั้น ใครจะหาว่าผมบ้า หมกมุ่น ไม่เป็นไรเลยผมรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรนะ หรือใครเบื่อที่ผมโพสต์เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ต้องอ่านนะ ข้ามไปได้เลยครับ 😊

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่ส...
04/06/2025

“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่สิ้นสุด คนใหม่ย่อมดูงามกว่าคนเก่า คนนั้นก็ดูสวยดี แต่คนนี้ก็งามกว่า จึงเป็นสิ่งที่หาที่สุดมิได้” — พระนันทเถรศากยะ

วันนี้พาย้อนไปดูรูปแม่สมัยยังสาวๆ แม้จะเป็นสาวบ้านนอกไม่ได้บำรุงปรุงแต่งอะไรมากเหมือนสาวในเมืองแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ในปัจจุบันอายุ 69 ปีเต็ม แม่มีผมขาวแซมดำ ผิวหนังเหี่ยวย่น แม่บอกผมว่าเรี่ยวแรงถดถอยทำงานมากไม่ได้เหมือนเดิม (แต่ก็ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยของแกไม่หยุด) เวลากินข้าวด้วยกันแกก็จะบ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่าเคี้ยวข้าวได้ข้างเดียวอีกข้างฟันไม่ดีแล้ว (ไปหาหมอหลายครั้งแล้ว) แต่แม่ก็กินเก่ง กินนิดกินหน่อย กินไปเรื่อยหลายมื้อ ผมเคยบอกแม่ว่าให้ควบคุมการกินหน่อย อายุเยอะแล้วกระดูกเสื่อมลงแต่อ้วน ร่างกายต้องแบกน้ำหนักตัวเองอยู่ตลอดเวลาเข่าจะเสื่อมได้ง่าย แต่แม่บอกอดไม่ได้ตื่นมาต้องกินเลย อันนี้ไม่ได้เอาแม่มาประจาน แต่จะยกเอาแม่มาเป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่าถ้าคนเราถ้าไม่ฝึกตัวเองตั้งแต่ยังหนุ่มสาว พอแก่ตัวไปความอ่อนแอจะมีมากขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะอดทนข่มฝืนอะไรก็ทำได้ยากเพราะพฤติกรรมหลายๆ อย่างจะเป็นนิสัย/ความเคยชินไปแล้ว ดังสุภาษิตที่ว่า "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" และจะวิเคราะห์ให้เห็นว่ารูปนั้นไม่เที่ยง ไอ้ที่เราไปชอบผู้หญิงในวัยแรกแย้มถึงวัยกลางคนที่มีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หุ่นดี นั้น พอแก่ตัวลงก็จะผมหงอก ตาฝ้าฟาง ฟันก็ร่วง ผิวหนังก็เหี่ยวย่น บางคนจะอ้วนเพราะกินเก่ง อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็เป็นเหมือนกัน เราทุกคนต่างรู้ดี แต่ทำไมปลงอสุภะไม่ลงกันหนอ?! มาดูตัวอย่างสมัยพุทธกาลที่เราควรจะศึกษาเรียนรู้
พระโคตมะพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานั้นมีน้องชายต่างมารดา 1 คน พระนามว่า "นันทะ" ในช่วงที่พระองค์เสร็จไปโปรดพระประยูรญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ พระองค์ทรงรับอาราธนาเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตในวังเนื่องในวันแต่งงานของเจ้าชายนันทะกับนางชนบทกัลยาณี เมื่อเสร็จภัตกิจแล้วพระองค์ก็ยื่นบาตรให้เจ้าชายนันทะถือไว้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับก็ยังไม่รับบาตรคืน เจ้าชายนันทะก็คิดว่าพระองค์คงจะรับบาตรคืนตอนนั้นตอนนี้ จนเสร็จไปถึงนิโครธารามพระพุทธเจ้าจึงรับบาตรคืนแล้วตรัสกับเจ้าชายนันทะว่า "นันทะ เธอจงบวชเถิด" เจ้าชายนันทะจึงได้บวชในวันนั้นอย่างไม่เต็มใจ แต่ด้วยความเคารพยำเกรงต่อพระพุทธเจ้าในฐานะพี่ชายจึงจำนน เมื่อบวชแล้วก็ไม่มีใจที่จะประพฤติพรหมจรรย์ คิดถึงแต่หน้าและถ้อยคำของนางชนบทกัลยาณีที่บอกให้รีบกลับ จึงอยากจะสึกอย่างเดียว เมื่อพระพุทธเจ้าทราบความแล้วจึงทรงพาพระนันทะเที่ยวจาริกไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้พระนันทะได้เห็นสตรีที่มีรูปร่างต่างๆ กัน ตั้งต้นแต่ให้เห็นสิ่งที่อัปลักษณ์ที่สุด โดยให้ได้เห็นนางลิงแก่ที่หูแหว่ง จมูกโหว่ และหางขาด นั่งอยู่บนตอไม้ที่ไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก จนกระทั่งให้ได้เห็นนางเทพอัปสรบนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ที่สวยโสภาที่สุด ทำให้เกิดความกระสันอยากได้นางเทพอัปสรเหล่านั้นมาเป็นคู่ครอง พระพุทธเจ้าก็รับปากว่าถ้าพระนันทะสามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ได้ พระองค์จะสามารถพาหญิงเหล่านั้นมาให้ จากนั้นพระนันทะก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก แต่พระรูปอื่นที่ทราบว่าพระนันทะบำเพ็ญเพียรเพราะอยากได้ผู้หญิงสวยต่างก็เอาไปล้อเลียน พระนันทะจึงเกิดความละอายใจและฉุกคิดว่า...
🌹“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด”
🌹“อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่สิ้นสุด คนใหม่ย่อมดูงามกว่าคนเก่า คนนั้นก็ดูสวยดี แต่คนนี้ก็งามกว่า จึงเป็นสิ่งที่หาที่สุดมิได้”
เมื่อวางความรักลงได้ ท่านก็บำเพ็ญเพียรต่อจนได้บรรลุพระอรหันต์ มื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าท่านเป็นผู้สำรวม มีสติระวังไม่ให้กิเลสครอบงำจิตใจในเวลารับรู้อารมณ์ทางอินทรีย์ (อายตนะ 6 ทั้งนอกและใน) ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้สุดดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้สัมผัส (โผฏฐัพพะ) ใจรู้ธรรมารมณ์ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้สำรวมอินทรีย์
และพระพุทธเจ้าก็มีน้องสาวต่างมารดาอีก 1 คน (น้องสาวเจ้าชายนันทะ) พระนามว่า “นันทา” เป็นผู้หญิงสวยงดงาม น่ารัก น่าชม พระประยูรญาติจึงพากันเรียกว่า “รูปนันทา” บ้าง “อภิรูปนันทา” บ้าง “ชนปทกัลยาณี” บ้าง ครั้นเมื่อออกบวชเป็นภิกษุณีแล้ว (เรียกพระนามว่า "พระนันทาเถรี") ก็ยังหลงในรูปสวยงามของตน พระพุทธเจ้าจึงทรงเนรมิตรูปหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งให้มีรูปโสมสวยงามที่สุดในโลกไม่มีใครมาเทียบได้ แล้วให้หญิงสาวที่ปรากฎนั้นเป็นหญิงสาวในวัยมีลูก 1 คน 2 คน จนถึงวัยกลางคน วัยชรา และวัยแก่หง่อม ผมหงอก ฟันหัก หลังค่อม และล้มตายลง ร่างกายมีหมู่หนอนมาชอนไชเจาะกินเหลือแต่โครงกระดูก พระนันทาเถรีเห็นแล้วเกิดความสลดสังเวช จิตเกิดเบื่อหน่ายในรูปกายที่ตนยึดถือ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า...
✨“ดูก่อนนันทา เธอจงดูอัตภาพร่างกายอันเป็นเมืองแห่งกระดูกนี้ อันกระสับกระส่าย ไม่สะอาด อันบูดเน่านี้เถิด เธอจงอบรมจิตให้แน่วแน่มั่นคง มีอารมณ์เดียวในอสุภกรรมฐาน จงถอนมานะละทิฏฐิให้ได้แล้วจิตใจของเธอก็จะสงบ จงดูว่ารูปนี้เป็นฉันใด รูปของเธอก็เป็นฉันนั้น รูปของเธอเป็นฉันใดรูปนี้ก็เป็นฉันนั้น รูปอันมีกลิ่นเหม็นบูดเน่านี้ ย่อมเป็นที่เพลิดเพลินอย่างยิ่งของผู้โง่เขลาทั้งหลาย”
พระนันทาเถรีได้ส่งจิตพิจารณาไปตามพระพุทธดำรัส เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสจบลงพระนางก็สิ้นกิเลสาสวะ บรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา และเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเป็นผู้มีความชำนาญพิเศษในการเพ่งด้วยฌาน ด้วยเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่ายผู้แพ่งด้วยฌาน หรือผู้ทรงฌาน
ทั้งพระนันทเถระ และพระนันทาเถรี ล้วนเป็นผู้ชนะใจตัวเองไม่หลงในรูปสวยงามของสตรี และผู้ที่สั่งสมบุญบารมีมาหลายชาติเพื่อจะได้เกิดมาเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าและได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะ (ผู้ยอดเยี่ยมในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ) จากพระพุทธเจ้า

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

การ่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์ (S*X) คือสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคู่จนขาดไม่ได้??
03/06/2025

การ่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์ (S*X) คือสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคู่จนขาดไม่ได้??

การ่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์ (S*X) คือสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคู่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักอยู่ด้วยกันนานหรือเลิกกัน จริงหรือ?
ผมเชื่อว่าหลายคนส่วนใหญ่จะตอบว่า "จริง" ไม่เชื่อลองสอบถามคนอื่นหลายๆ คนดูดิ แม้ผมเองก็ยังเคยเห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่ปัจจุบันความคิดผมเปลี่ยน!! และนี่คือความเห็นของผมที่เปลี่ยนไป...
ที่คนเราเชื่อว่าการร่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์นั้นมันจำเป็นสำหรับชีวิตคู่ เพราะติดใจหลงไหลในอรรถรสของการร่วมเพศ ทั้งจังหวะ ท่วงท่า ลีลา ความแรง-เบาของการร่วมเพศ การร่วมเพศจึงเป็นกิจกรรมที่ทำให้ได้เสพรสครบทั้ง 5 ทวาร ตาได้เห็นสัดส่วนรูปร่าง หูได้ยินเสียงร้องครวญคราง/กระซิบกระซาบ จมูกได้กลิ่นกาย (ฟีโรโมน) ลิ้นได้สัมผัสจุดสำคัญให้อีกฝ่ายพึงพอใจ รสเค็ม-เปรี้ยว-หวานก็ได้รับด้วยแน่นอน กายได้กอดรัดสัมผัสเสียดสี คนใดทำให้ถูกใจได้ทุกทวารก็ยิ่งผูกใจอีกฝ่ายได้มาก เราจะเห็นว่ามีคู่รักบางคนก็ไม่ได้หล่อไม่ได้สวยแถมไม่รวยอีกต่างหากแต่ลีลาดีหรือทำให้เสร็จถึงใจ (Climax) ก็ดึงดูดให้อยู่เป็นคู่กันได้ รสของกามนี่แหละมันคือกิเลส "กามราคะ" ที่บดบังปัญญาของเราให้เห็นความจริง (อริยสัจ) ไม่ได้!!
แท้ที่จริงแล้วการร่วมเพศนั้นก็คือการเอาเนื้อของอวัยวะเพศมาสัมผัสเสียดสีกัน การรับรู้ทางทวารอื่นก็ช่วยเสริมอารมณ์ เพื่อกระตุ้นให้เส้นประสาทที่มีอยู่มากมายบริเวณนั้นไปสั่งการให้อวัยวะทางเพศหลังน้ำกามออกมา แล้วก็จะรู้สึกโล่ง เบาสบาย เหมือนได้ปลดพันธนาการอะไรยังงั้น ตรงนี้แหละที่เราไปยึดเอาอารมณ์อย่างนี้ว่าเป็นสุข (กามสุขัลลิกานุโยค) แล้วก็ถวิลหามันอยู่ร่ำไป ยิ่งเสพคุ้นกับมันบ่อยๆ มันก็ยิ่งจะแทงรากลึกและแตกรากเกาะยึดจิตใจของเราไว้แน่นขึ้นจนยากที่จะเอามันออกได้ เราจึงได้เป็นทาสของมันอยู่ทุกวันนี้ จึงเห็นว่าการร่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ต้องหาคู่ มีแฟน แต่งงานกัน แต่แล้วหลายคู่ก็ต้องเลิกลากันเพราะเซ็กส์เข้ากันไม่ได้ คนหนึ่งต้องการมาก อีกคนต้องการน้อย หรือลีลาไม่ดีไม่ถูกใจก็เลิกคบ หรือมีเซ็กส์กับคนเดิมรสชาติเดิมมันเบื่อแล้วก็หาคนใหม่เพื่อให้ความรู้สึกตื่นเต้นกระชุ่มกระชวย และอื่นๆ สารพัดอย่างที่จะเป็นไป จริงหรือไม่จริงทุกคนรู้ดีทั้งเกิดขึ้นกับตัวเองและจากข่าวที่เห็นกันทั่วไป ดังนั้นการร่วมเพศเพื่อต้องการที่จะสืบเผ่าพันธุ์จริงๆ นั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่นั้นต้องการเสพกามารมณ์!!
เมื่อเราแก่ชราอวัยวะพวกนี้ก็เหี่ยวย่นไม่น่าดูเอาเสียเลย แม้กระทั่งอารมณ์ (S*x drive) จะเอามาเสียดสีกันเหมือนสมัยยังหนุ่มยังสาวก็ไม่ค่อยจะมี ถ้ายิ่งป่วยเป็นโรคหนักๆ ยิ่งหมดอารมณ์ความต้องการเร็ว (คือร่างกายมันไม่ให้ แต่ใจไม่ได้หมดกิเลสนะ มันแค่ซ่อนตัวนอนนิ่งเท่านั้น) พอตายไปอวัยวะพวกนี้ก็ถูกไฟเผาเป็นผุยผงไม่มีค่าอะไรเลย เคยคิดไหมทำไมเราถึงบ้าบอไปกับมันนักหนอ?!
ถึงผมจะมีความเห็นเปลี่ยนไปอย่างนี้แล้วก็ตามก็ใช่ว่าจะหลุดพ้นมันได้ง่ายๆ เลย เพราะกิเลสตัญหาและอุปาทานมันฝังรากลึกอยู่ในก้นบึ้งจิตใจของเรามาช้านานหลายภพหลายชาติ เมื่อแจ้งชัดในตนแล้วแม้รู้ว่าจะหลุดจากมันได้ยากก็ต้องพากเพียรลดละเลิกกิเลสกามต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ ล้มก็ลุกขึ้นสู้ต่อ ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าผมไปมีแฟนแต่งงานก็แปลว่าผมแพ้กิเลสตัวเอง (อินทรีย์พละยังไม่แข็งแรง) แต่สักวันก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อ จนกว่าจะหลุดพ้นมันได้ ถ้าชาตินี้ตายก่อนชาติหน้าก็มาสู้ใหม่ ต้องมีสักชาติแหละที่เราชนะมันได้!

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มี!!
02/06/2025

ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มี!!

ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มี!! (พุทธพจน์)
เรื่องกิน-อยู่-หลับนอนสำหรับผมได้ฝึกมาเยอะพอสมควรจึงไม่ค่อยมีปัญหาแล้ว ตอนนี้อยู่เป็นโสดมาหลายปีแต่ในใจก็ยังมีความจำเก่าๆ (สัญญูปาทานักขันธ์) ที่เคยได้สัมผัสลิ้มลองมาหลอกหลอน/ก่อกวนจิตใจ (กามุปาทาน) ให้มีความใคร่อยาก (ตัณหา) อยู่ จึงตั้งใจจะตัดเรื่องกามเมถุนให้ขาดจนไม่เหลือใย ผมดูวีดีโอโครงสร้างร่างกายของคน หรือกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ผ่าจากผิวหนังภายนอกเข้าไปดูกล้ามเนื้อ หัวใจ ตับ ไต ใส้ รวมทั้งอวัยวะภายในเพศชาย-หญิง (ผมกำลังเรียนแพทย์แผนไทยสาขาผดุงครรภ์ไทยพอดีเลยจึงได้ศึกษาเรื่องนี้ไปด้วย) ดูการผสมไข่กับอสุจิที่เขาทำกันในห้องแล็บ เอาไข่ผู้หญิงมา 1 ใบ แล้วใช้เข็มที่มีอสุจิ 1 ตัว แทงเข้าไปถึงกลางไข่แล้วก็ปล่อยอสุจิ (ทั้งหมดนี้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องส่องกล้องขยายดู) พอปล่อยทิ้งไว้ไม่นานมันก็แตกตัวเป็นเซลส์ จึงเอาไปใส่ในมดลูกผู้หญิง(แม่) เมื่อมันได้รับสารอาหารจากแม่ไปเลี้ยง มันก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นเป็นอวัยวะต่างๆ จนเป็นรูปร่างของคน พอคลอดออกมาจากแม่ได้กินนมกินอาหารมันก็เจริญเติบโต อวัยวะแต่ละส่วนก็ทำงานตามหน้าที่ของมันเองพร้อมกับสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนเพื่อรักษาสภาพของมันไว้ เมื่อมันเจริญเติบโตสมบูรณ์สุดแล้วก็คงอยู่แค่ระยะหนึ่งแล้วมันก็ค่อยๆ เสื่อมลงตามกาลเวลาแล้วก็ตาย ผมดูแล้วมันเหมือนพวกจุลินทรีย์เล็กๆ ที่ตาเรามองไม่เห็นมันแตกตัวมาเรื่อยๆ จนโตเป็นอีกชีวิตหนึ่งเลย นี่มันตรงกันคำสอนของพระพุทธเจ้าใน "อนิจจสูตร" พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ 17 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 9 สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ระบุว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้ อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้" มันจริงแท้มากเลย ทั้งๆ ที่สมัยพุทธกาลไม่มีกล้องจุลทรรศ ไม่มีวิทยาการล้ำหน้าเท่าปัจจุบัน พระองค์ก็รู้แล้วว่า "มันไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา" พอได้ดูแล้วพิจารณาดีๆ ก็จริงนะร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มันมีกลไกทำงานของมันเอง เติบโตแล้วก็ตายตามเวลาของมันเอง ตัวจิตเรามาครองร่างกายนี้เท่านั้น เรารักใครชอบใครก็ชอบร่างของสัตว์นั้น สักวันก็ต้องเสื่อมต้องตาย ถูกเผาเป็นผุยผง พอมีปัญญาคิดได้อย่างนี้แล้วจิตมันหลงยึดติดอยู่ (อุปาทาน) ก็คลายใจลง (วิราคะ) ได้ชั่วขณะหนึ่ง (ตทังคปหาน) แต่มันยังไม่คลายใจได้ตลอด
พระพุทธเจ้าสอนว่า จะคลาย "กามฉันทะ" ให้พิจารณาเห็นความไม่งาม (อสุภะ) ทั้งความไม่งามในร่างกายและอากับกิริยาที่แสดงออกมารวมทั้งนิสัยใจคอ และให้มองเพศตรงข้ามเป็นเหมือนแม่ พี่สาว น้องสาวของเรา เรารู้ธรรมะหมดแต่เวลาเจอสถานการณ์จริง เมื่อตา (อายตนะใน) เห็นผู้หญิงสวย/น่ารัก (รูปผู้หญิง=อายตนะนอก การเห็น=วิญญาณ ผู้หญิงสวย=ผัสสะ) ตรงกับที่ใจมันยึดมั่น (อุปาทานขันธ์) ก็เกิดความรู้สึกชอบแล้ว (เวทนา) ไอ้ใจเจ้ากรรมกลับปลงอสุภะไม่ลง มองให้เป็นเหมือนญาติเราไม่ได้ เพราะตัณหาและอุปาทานมันยังยึดแน่นอยู่😭 ยิ่งทุกวันนี้มีสือ online ให้ได้ดู ไม่ต้องออกไปไหน อยู่บ้าน อยู่ป่า ก็ดูได้หมด เปิดโทรศัพท์ปุ๊บก็มีสาวๆ สวยๆ แต่งตัววับๆ แวบๆ ให้ดูแล้ว ผู้หญิงทุกวันนี้เขาไม่ค่อยอายกัน ชอบโชว์สรีระส่วนเว้าส่วนโค้งของตัวเองเสียด้วย จะหารูปโป้หรือหนังโป้ดูก็ไม่ยากเลย ผมเห็นกิเลสตัวเองอย่างหนึ่ง เราดูผู้หญิงคนนี้สวยแล้วชอบ พอเลื่อนไปดูรูป/คลิปอื่นเห็นอีกคนสวยก็ชอบอีกละ เลื่อนไปอีกก็ชอบอีก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นี่แปลว่าความชอบ (กิเลส) มันไม่มีที่สิ้นสุดนะ ผู้ชายแต่งงานมีเมียสวยแล้วแต่ก็ยังมีชู้เพราะแบบนี้นี่แหละ มันตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี 3 สิ่งที่เสพแล้วไม่มีวันอิ่ม คือ 1.การเสพกามเมถุน (เพศสัมพันธ์) 2. การดื่มสุราน้ำเมา 3.การนอน ถ้าเรายังเสพสิ่งเหล่านี้อยู่ก็จะยิ่งผูกรัดจิตให้ยึดติดอย่างแน่นหนาขึ้นจนยากที่จะเอาออกหรือเลิกได้!!
ผมไม่ได้เสพกาม (เพศสัมพันธ์) มาหลายปีแล้ว แต่บางครั้งก็ยังมีความรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เสพกามแว๊บขึ้นมาในความคิด ดูมันดิ มันยังอาลัยอาวรณ์อยู่ ตัดเยื่อยังเหลือใย กิเลสมันกลัวตาย ถ้าเรายังใจอ่อนต้องเสร็จมันแน่ๆ และเวลานอนหลับก็ยังมีฝันลามก/ฝันเลอะเทอะ ความฝันคือการนึกคิดหรือการทำงานของจิตใต้สำนึก มันจะคิดปรุงแต่งโดยขาดสติสัมปชัญญะควบคุม (ขนาดตื่นอยู่แท้ๆ ยังคิดชั่วช้าลามกได้เลย) ถ้าใจยังข้องเกี่ยวกับสิ่งใดอยู่มันก็จะแสดงออกมาทางความฝัน บางครั้งในฝันนั้นเราก็สามารถมีสติหยุดมันได้นะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีสติ เมื่อเรารู้สึกตัวตื่น (จะลืมตาหรือไม่ลืมตาก็ตาม) เรารู้ว่าฝันอะไร บางทีความจำก็อาจจะเลือนลาง แปลว่าจะมีตัวรู้อีกตัวหนึ่งมันทำงานทุกครั้งที่จิตทำงาน เมื่อหลับสนิทจริงๆ จะไม่ฝัน จิตจึงได้พักการคิดจริงๆ
ผมเล่าให้ฟังทั้งหมดนี่ไม่อายที่จะตีแผ่กิเลสของตัวเอง เพราะนี่คือความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตคนๆ หนึ่ง ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีกิเลสกามเมถุนมากน้อยแตกต่างกันไปแต่สภาวะก็คงคล้ายๆ กัน การเขียนทำให้ได้ใช้ความคิดระลึกย้อนเข้าไปรู้อดีต (บุพเพนิวาสานุสสติญาณ) และปัจจุบัน ได้นึกทบทวนดูจิตใจตัวเองทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น แล้วเรียบเรียงความคิดเป็นภาษาที่จะเขียนให้คนอื่นเข้าใจ มันทำให้ต้องค้นหาคำและความหมายให้ถูกต้องและแหล่งอ้างอิงโดยเฉพาะธรรมะของพระพุทธเจ้าและคำสอนของพ่อครู #สมณะโพธิรักษ์ ต้องมีกล่าวไว้จริงเพื่อป้องกันไม่ใครคนอื่นมาตำหนิว่าเราแอบอ้างได้ ดังนั้นแต่ละโพสต์ที่ทุกคนได้อ่าน ผมใช้เวลาเขียนหลายชั่วโมงมากนะ และผมอยากจะบันทึกไว้ย้อนกลับมาอ่านตัวเองอีกครั้งในวันที่เราชนะใจตัวเองได้แล้ว ส่วนใครอ่านแล้วได้ประโยชน์ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ (ย้อนอ่านโพสต์เก่าๆ ด้วยจะได้ประโยชน์มากขึ้น) 😊

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม!!
02/06/2025

ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม!!

กระบวนการการทำงานของกิเลสตัณหา!!
"กิเลส" ทุกอย่างมันจะเริ่มทำงานตั้งแต่นึกคิดปรุงแต่งในจิต ไม่ว่าเราจะรับรู้จากทวารตา หู จมูก ลิ้น กาย กระทบกับผัสสะ หรือใจมันนึกคิดเองก็ตาม พอคิดจดจ่อในสิ่งนั้นนานเข้าๆ ก็จะเริ่มเร่าร้อน (ปริฬาหะ) และจะบีบคั้นเราแรงขึ้นๆ จนเราทนไม่ไหว (สังเกตุ..ทุกข์เกิดขึ้นแล้วนะ) ถ้าไม่ได้รับการสนองความใคร่อยาก (ตัณหา) นั้นให้สมใจ มันก็จะหงุดหงิด กระวนกระวาย (ทุกข์หนักขึ้น) จนต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหาสิ่งนั้นมาสนองกิเลสตัวเองจนได้ แม้จะยากลำบาก ต้องเสียเงินเสียทอง หรือต้องทำร้ายทำลายคนอื่นก็ตาม (ทุกข์หนักขึ้นกว่าเก่าอีก) พอความใคร่อยาก (ตัณหา) นั้นได้รับการสนองแล้วเกิดความรู้สึก (เวทนา) พึงพอใจ/ชอบก็จะเป็นสุข ถ้าไม่ชอบ/ไม่พอใจก็จะเป็นทุกข์อีก (ทุกข์วนมาอีกละ) ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหาสิ่งนั้นมาสนองใหม่อีก (ทุกข์ซ้ำทุกซ้อน) วนซ้ำแบบนี้อยู่ร่ำไป ในเรื่องการกิน การอยู่ การหลับนอน และเพศสัมพันธ์ ก็เหมือนกันหมด!!
เมื่อรู้แล้วว่าเรามีกิเลสมาก (สักกายะ) ในเรื่องอะไร/สิ่งใดแล้วตั้งใจลดละเลิก เราจะมีความต้องการอย่างรุนแรงในเรื่องนั้น/สิ่งนั้นทันทีเลย (สังเกตุไหมในบางเรื่องก่อนจะมาลดละกิเลส ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีกิเลสเท่าไหร่ พอจะมาลดเท่านั้นแหละมันอยากขึ้นมาเลย เพราะกิเลสมันเก่ง มันซ่อนแฝงหลอกเรา) มันต้องฝืนใจข่มใจสู้กับความใคร่อยาก (ตัณหา) ที่จะเอาให้ได้ดังใจ/สมใจอยากหนักมาก ไอ้กิเลสตัณหานี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่มีตัวมีตน แต่เราสัมผัสมันได้ว่ามันแข็งแกร่ง มันมีพละกำลังแรงเสียเหลือเกิน การที่จะชนะกิเลสตัณหามันถึงไม่ง่ายเอาเสียเลย การทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยากจึงน่ายกย่อง ✨
ส่วนใครที่ยังเห็นไม่ได้ว่าตัวเองมีกิเลสหนาในเรื่องใดๆ มีความใคร่อยากเมื่อไหร่ก็สนองตัณหาตัวเองเมื่อนั้น กินสุขดื่มเสพ ชีวิตได้เสพสุขสบาย ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ดูเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะ? แต่…พระพุทธเจ้าว่านั่นคือคนโง่ (อวิชชา) จะอยู่ในวังวนของวัฏสงสารไปตราบนานเท่านาน!!

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

เพศสัมพันธ์ (s*x) เป็นเรื่องธรรมชาติ แก่ไปเดี๋ยวก็ไม่มีเอง ไม่ต้องไปฝืนธรรมชาติ จริงหรือ?!
01/06/2025

เพศสัมพันธ์ (s*x) เป็นเรื่องธรรมชาติ แก่ไปเดี๋ยวก็ไม่มีเอง ไม่ต้องไปฝืนธรรมชาติ จริงหรือ?!

ใครที่คิดว่า "เพศสัมพันธ์ (s*x) เป็นเรื่องธรรมชาติ แก่ไปเดี๋ยวก็ไม่มีเอง ไม่ต้องไปฝืนธรรมชาติ" บอกให้เลยนี่คือความคิดเห็นของผู้มีมิจฉาทิฏฐิ อย่าหวังจะได้พบสัจจะธรรม!!
เพราะการบรรลุธรรมนั้นต้องเริ่มตั้งแต่มี "ความเห็นที่ถูกต้อง" ( #สัมมาทิฏฐิ) และมี "ความตั้งใจ" ที่จะลดละกิเลส ( #สัมมาสังกัปปะ) เมื่อความตั้งใจมีฤทธิ์มีแรงพอมันจะแสดงออกมาสู่ "คำพูดที่ดี" ( #สัมมาวาจา) และ "การกระทำที่ดี" ( #สัมมากัมมันตะ) แม้การเลี้ยงชีพก็ "ทำงานที่สุจริต" ( #สัมมาอาชีวะ) ไม่ผิดจากธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยมี "ความเพียรพยายาม" ( #สัมมาวายามะ) ที่จะลดละกิเลสอย่างไม่ย่อท้อ และมี "สติ" ตามรู้กิเลส ( #สัมมาสติ) สติตัวนี้คือ #สติปัฏฐาน4 ได้แก่
👉1. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (กายในกาย) พิจารณาให้เห็น "อาการ ลิงค นิมิต อุเทศ" ของกาย เมื่อไหร่ที่เรามีความใคร่อยากในกามแล้วเราจับอารมณ์ความรู้สึกนั้นได้ ( #อาการ) ทันทีหรือเห็นช้ากว่านั้นก็ตาม และแยกมันออกคือเห็นความต่าง ( #ลิงค) ว่านี่คือกิเลสตัวราคะ โทสะ โมหะ จากที่มันแสดงมาให้เห็น ( #นิมิต) โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการศึกษา/ฟังธรรม ( #อุเทศ) มาแล้ว ขอย้ำว่า "กาย" คือ องค์ประชุมรวมของรูปและนาม ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น และไม่ใช่แค่นั่งสมาธิหลับตาดูลมหายใจ (อานาปานสติ) เท่านั้น แต่ทำได้ทุกอิริยาบทในชีวิตประจำวันเลย
👉2. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน (เวทนาในเวทนา) พิจารณาโดยเอา #เวทนา108 มาตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกของกายในกาย ตั้งแต่เวทนาทางกาย เวทนาทางใจ เป็นสุข หรือทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าเมื่อเข้าสู่วัยชราร่างกายมันเสื่อมโทรมลง ฮอร์โมนต่างๆ ก็ทำงานได้ไม่ดี แถมยังเจ็บป่วยเป็นนั่นเป็นนี่เยอะแยะ มันก็ไม่ค่อยมีแรงกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่าไหร่ ดูอย่างหยาบๆ เหมือนไม่มีกิเลสเลยนะ แต่ไม่หรอก กิเลสมันฉลาด มันนอนนิ่ง ซ่อนตัวอยู่ในกมลสันดาน ไม่มีอะไรมากระทุ้งมันก็รู้สึกเฉยๆ (เคหสิตอุเบกขา) ดังนั้นกิเลสมันไม่ได้ถูกชำระล้างให้หมดแล้วจะหลุดพ้นได้อย่างไร?! จะหมดกิเลสได้มันต้องออกจากกาม (เนกขัมมะ) โดยการลดละเลิกการเสพติดในกามคุณ 5 ออกไปเรื่อยๆ จนรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์ และเมื่อตรวจเช็คในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ว่ายังไงจิตก็นิ่งเฉย (เนกขัมมสิตอุเบกขา) กับสิ่งที่มายั่วย้อมมอมเมาได้ตลอด ก็มั่นใจได้เลยว่าหมดกิเลสแน่แท้!!
👉3. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (จิตในจิต) พิจารณาตรวจเช็คด้วย #เจโตปริยญาณ16 ย้ำเข้าไปอีกตั้งแต่เห็นว่าจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ (สราคจิต) จิตไม่มีราคะก็รู้ว่าจิตไม่มีราคะ (วีตราคจิต) ตรวจสอบตัวเองอย่างนี้ไล่ขึ้นไปอีก 12 ตัว จนสุดท้ายรู้ว่าจิตหลุดพ้น (วิมุตตจิต) หรือยังไม่หลุดพ้น (อวิมุตตจิต) เราก็จะรู้สภาวะจิตของเองได้เฉพาะตน (ปัจจัตตัง)
👉4. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (ธรรมในธรรม) แล้วเอาหลักธรรมหมวด #นิวรณ์5 #อุปาทานขันธ์5 #อายตนะ6 ทั้งนอก-ใน #โพชฌงค์7 และ #อริยสัจ4 มาพิจารณาให้เห็นจริงตามความจริง (ไตรลักษณ์) ด้วย
เมื่อปฏิบัติตามมรรคได้ครบทั้ง 7 องค์ นี้แหละ จิตใจที่แน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหว ( #สัมมาสมาธิ) ก็จะบังเกิดแม้กระทบสัมผัสอยู่กับสิ่งยั่วยวน (ผัสสะ) นั้นอยู่ก็ตาม!!
เพราะพ่อครู #สมณะโพธิรักษ์ อบรมสั่งสอนให้รู้ว่าพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้แหละ (ลองฟังธรรมและอ่านหนังสือของพ่อครูเยอะๆ นะแล้วจะรู้อย่างนี้จริงๆ) ผมจึงต้องรีบเพียรพยายามออกจากกาม (เนกขัมมะ) ฆ่ากิเลสมันให้ตายตั้งแต่ร่างกายตัวเองยังแข็งแรงในวัย 40 กว่าๆ ถ้าแก่ไปกว่านี้แล้วร่างกายมันเสื่อมลงไปมากเราจะเข้าใจผิดไปได้ว่าตัวเองหมดกามแล้ว หารู้ไม่ว่ากิเลสมันนอนนิ่งเป็นอนุสัยกิเลส นี่คือตัวผม แต่ถ้าใครจะคิดว่าอย่าไปฝืนธรรมชาติแล้วจะยังบำรุงกามให้สาสมแก่ใจตัวเองอยู่ ก็สุดแล้วแต่ท่านเถิด กรรมเป็นของใครของมัน!!

เรื่องราวชีวิต #กระบี่พุทธมนุษย์กินพืช #กระบี่พุทธมนุษย์ฝึกตน #ฟาร์ม #เฮือนซายโท่ง #โคกหนองนาโมเดล #เกษตรทฤษฎีใหม่ #เศรษฐกิจพอเพียง #ศาสตร์พระราชา #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #ชีวิตชนบท #เรียบง่าย #เรียบง่ายแต่มีความสุข #อาหารสมอง

ที่อยู่

84 Moo 5 Ban Non Tio, Non Khun
Yang Chum Noi
33190

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Inside Krabeeputhผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Inside Krabeeputh:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram