OsseoLabs

08/11/2025

🔥 Magnesium × AI × 3D Printing 🔥

— A Breakthrough in Surgical Recovery

At OsseoLabs, innovation has never been about breaking records — it’s about breaking barriers for patients.

Today, we’re humbled to share a milestone years in the making:

🏆 We are pioneering personalized, AI-designed, 3D-printed magnesium alloy implants — bioresorbable devices built with our patented porous architecture, engineered to naturally integrate with the body and eliminate the need for removal surgeries ... world's first if you will.

Magnesium is special. It naturally resorbs into the body, eliminating the need for removal surgeries, reducing complications, and helping bones heal as nature intended.

Before the year ends, we will have our first clinical case. Kudos to our R&D team for making it happen. 👏🏼

And while the excitement is real, our guiding principle remains unchanged: safety comes first for our patients. Every protocol, every design decision, and every clinical pilot use is built with that in mind.

This is not the finish line — it’s the beginning of a new era in personalized medicine, where technology adapts to the human body, not the other way around.

08/07/2025

Thank you Techsauce for hosting the incredibly inspiring Techsauce Global Summit 2025 🥳
OsseoLabs team had the amazing opportunity to showcase our AI-driven surgical planning and 3D-printing technologies for personalized bone and facial reconstruction as part of the Finno Efra Accelerator Showcase.
We’re also honored to have earned 2nd Runner-Up in the Startup World Cup – Thailand Regional, standing alongside top innovators shaping future technologies.
Thank you to all the organizers, mentors, and supporters who made this journey possible 💛

08/03/2025

Exciting News! 🎉
OsseoLabs is thrilled to announce our acceptance into the Johnson & Johnson Innovation – JLABS program in Singapore !
Being part of this world-class life sciences incubator, we look forward to collaborating with the JLABS community and contributing to growing ecosystem of health tech startups.
This milestone accelerates our mission to advance bone regeneration solutions and helps us bring transformative healthcare innovations to patients everywhere.
Stay tuned for updates on our journey !

07/07/2025

OsseoLabs ขอขอบคุณ MIDAS ที่จัดงาน Medical Innovation Matching 2025
ทางทีมวิจัยขอบคุณโอกาสที่ได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมการแพทย์ และเชื่อมโยงกับนักวิจัย นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา งานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ early HTA ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีไปสู่ระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน

MIDAS Medical Innovation Matching 2025 เวทีเชื่อมโยงนักพัฒนา-หน่วยงานสนับสนุน เตรียมต่อยอดนวัตกรรมสู่การใช้งานจริง🚀

อ่านต่อ 👉 https://www.midas-health.com/th/news-th/midas-medical-innovation-matching-2025-event/

HITAP MedChic TCELS THAILAND

07/04/2025

ทำไมวัสดุรูพรุนถึงเป็นก้าวใหม่ของการแพทย์ “เฉพาะบุคคล”
ไม่ใช่เพื่อทุกคน แต่เพื่อ “แต่ละคน”
ในยุคที่การรักษาไม่ได้วัดผลความสำเร็จจากค่าเฉลี่ย แต่จากผลลัพธ์ที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย วัสดุที่นำมาใช้ในการฝังร่างกายก็ต้องตอบโจทย์ได้มากกว่าความแข็งแรงหรือความทนทานแบบทั่วไป แต่ต้องสามารถ “ตอบโจทย์ความแตกต่างของร่างกายผู้ป่วยแต่ละคน” อย่างแท้จริง
ในอดีตอุปกรณ์ฝังทางการแพทย์ถูกออกแบบให้ “ทนทาน” และ “อยู่ได้นาน” เป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงว่าร่างกายมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่การไหลเวียนของเลือด ไปจนถึงแรงกระทำในชีวิตประจำวัน ความท้าทายคือ เรากำลังนำวัสดุที่ไม่มีชีวิต ไปฝังในระบบที่มีชีวิต และคาดหวังให้ทั้งสองอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
วัสดุรูพรุน (Porous Implants) จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในจุดนี้ เพราะไม่ใช่แค่การออกแบบให้รองรับแรงได้ แต่ยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับลักษณะทางกายวิภาค สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับร่างกายมนุษย์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการเกิดของเซลล์ใหม่ การไหลเวียนของสารชีวภาพ หรือแม้แต่การถ่ายโอนแรงกลในลักษณะที่ใกล้เคียงกับกระดูกธรรมชาติ
#โครงสร้างที่ออกแบบให้ร่างกายยอมรับ ไม่ใช่แค่ทนรับ
โครงสร้างที่ดีไม่ใช่เพียงต้องแข็งแรง แต่ต้อง "ตอบสนอง" ต่อแรงกระทำทางกล (Mechanical stimuli) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการสร้างกระดูกใหม่ของร่างกาย เช่นเดียวกับที่ร่างกายคนเราจะสร้างกระดูกเพิ่มขึ้นเมื่อมีแรงกระทำอย่างต่อเนื่อง วัสดุฝังที่ออกแบบให้มีโครงสร้างรูพรุนสามารถ "ถ่ายโอนแรง" ในระดับจุลภาค (Micro-mechanical stimulation) ได้ดีกว่าวัสดุแบบตัน ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) และช่วยลดความเสี่ยงของกระบวนการละลายกระดูก (Bone resorption)
ความสามารถในการออกแบบโครงสร้างให้เหมาะกับ “ตำแหน่งเฉพาะ” ในร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น กระดูกสะโพก หรือกระดูกสันหลัง ช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
#รองรับทุกการตอบสนองของร่างกาย
อีกหนึ่งมิติที่วัสดุรูพรุนได้เปรียบคือ “การไหลของของเหลวชีวภาพ” ภายในร่างกาย เช่น เลือดหรือ Plasma วัสดุแบบตันหรือ Lattice แบบเก่ามักมี Dead-end ที่การไหลเวียนติดขัด ส่งผลให้เกิดการสะสมของเซลล์ตายหรือการอักเสบ ในขณะที่โครงสร้างเช่น TPMS (Triply Periodic Minimal Surfaces) มีช่องทางต่อเนื่อง (continuous pore connectivity) ส่งผลให้ Shear stress ภายในรูพรุนสม่ำเสมอ ช่วยลดการอุดตัน และกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Angiogenesis)
กับวิสัยทัศน์ที่ตอบโจทย์แต่ละชีวิต
OsseoLabs คือหนึ่งในผู้นำที่พลิกแนวทางการออกแบบวัสดุทางการแพทย์จากแนวคิด “one-size-fits-all” ไปสู่ “designed-for-each” อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยนวัตกรรมอย่าง OsseoMatrix™ ที่ใช้โครงสร้างรูพรุนแบบ TPMS ร่วมกับ OsseoVision™ แพลตฟอร์ม AI สำหรับวางแผนผ่าตัดรายบุคคล
ทุก Implant ที่ผลิตจาก OsseoLabs ไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนมาตรฐาน แต่ถูกออกแบบจากข้อมูล CT Scan จริงของผู้ป่วยแต่ละราย และผลิตด้วยวัสดุและโครงสร้างที่ปรับแต่งเพื่อเขาคนนั้นโดยเฉพาะ
และเมื่อผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดโอกาสการผ่าตัดซ้ำ และลดภาวะแทรกซ้อน ระบบสุขภาพโดยรวมก็ได้รับผลดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการรักษา ระยะเวลานอนโรงพยาบาล หรือภาระของญาติในการดูแล
นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของวัสดุใหม่ แต่คือการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง
#สรุป: นวัตกรรมที่เปลี่ยนจาก “ดีสำหรับคนทั่วไป” เป็น “เหมาะที่สุดสำหรับคุณ”
วัสดุรูพรุนไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่มันคือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในโลกการแพทย์—จากการรักษาแบบกว้าง ๆ ไปสู่การดูแลแบบเจาะจง ลงลึก และเฉพาะเจาะจงกับชีวิตแต่ละคน
ในวันที่เทคโนโลยีพร้อม และความเข้าใจในมนุษย์ลึกซึ้งขึ้น วัสดุรูพรุนจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ “รากฐาน” ของการรักษาที่ใส่ใจอย่างแท้จริง
📍 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: www.osseolabs.com
🔗 LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/osseolabs/




#ศัลยกรรมกระดูก
#เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

07/03/2025

เมื่อ “หมอ-หมอฟัน-วิศวกร” จับมือกัน นวัตกรรมก็เกิดขึ้นจริง 💡
OsseoLabs ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนปัญหาเล็ก ๆ อย่าง “ฟันผุ” ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาโรคร้ายแรงอย่าง “มะเร็งช่องปาก” ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing และการวางแผนการผ่าตัดแบบเฉพาะบุคคล
เราเชื่อว่าการเชื่อมต่อองค์ความรู้จากแพทย์ ทันตแพทย์ และวิศวกร คือกุญแจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมที่เข้าถึงได้จริงในระบบสุขภาพไทย
การผ่าตัดขากรรไกรด้วยอุปกรณ์พิมพ์สามมิติเฉพาะบุคคล ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คือความหวังของผู้ป่วยให้ได้ “กลับมาใช้ชีวิตได้อีกครั้ง” 🙏

ปัญหาสุขภาพช่องปากที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่อง “เล็กๆ น้อยๆ” แต่ในหลายครั้ง เมื่อมองปัญหาช่องปากด้วยแว่นตาของทันตแพทย์ รวมถึงแพทย์เฉพาะทาง พวกเขากลับเห็นว่ามันคือเรื่องใหญ่ และปลายทางอาจคือ “มะเร็งช่องปาก”

จากปัญหาแค่ฟันผุ หรือสูญเสียฟันไปแค่ 1 – 2 ซี่ แต่หากไม่ดูแลดีพอ เกิดการติดเชื้อในช่องปาก มีโอกาสไม่น้อยที่จะลุกลามไปสู่ปัญหาขนาดใหญ่ ที่เชื้อร้ายเกาะกินเข้าไปยังขากรรไกรในช่องปาก ก่อเกิดเป็นเนื้องอก หรือเนื้อร้ายมะเร็งช่องปาก ร้ายแรงไปถึงต้องผ่าตัดขากรรไกร เพื่อรักษาชีวิต

กับการผ่าตัดขากรรไกรนี่แหละ ที่อาจเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ป่วย และของแพทย์ และทันตแพทย์ที่ต้องให้การรักษา เพราะเมื่อมีการตัดอวัยวะบางส่วนออก ปัญหาคือ “จะทำอย่างไรให้กลับมาเหมือนเดิม”
------------------------------
อ่านเพิ่มเติมได้ที่คอมเมนต์
------------------------------
#ข่าวสุขภาพ #ข่าวสาธารณสุข

06/19/2025

🎉 OsseoLabs at SITE2025 Media Day! 🚀
We’re excited to be part of the Startup x Innovation Thailand Expo 2025 (SITE2025), showcasing how AI, biomechanics, and 3D printing are transforming the future of surgical planning and personalized implants.
A big thank you to NIA - National Innovation Agency Thailand for this platform to share our work and connect with fellow innovators driving healthcare forward.
📍 Visit us at Paragon Hall, July 4–6
Let’s shape the next era of innovation together! 🦾✨

06/09/2025

เทคโนโลยีสร้างกระดูกเทียม: ประโยชน์ที่ครอบคลุมทั้งแพทย์ ผู้ป่วย และครอบครัว
#การเปลี่ยนผ่านสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล
ในปัจจุบัน การรักษาทางศัลยกรรมกระดูกไม่ได้มองแค่ “การซ่อมแซม” โครงสร้างที่เสียหายอีกต่อไป แต่ขยับเข้าสู่ยุคของ “การฟื้นฟูเฉพาะบุคคล” ที่เทคโนโลยีอย่าง 3D printing, AI-driven surgical planning และวัสดุชีวภาพขั้นสูงกลายเป็นหัวใจสำคัญ เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่วิธีการรักษา แต่เปลี่ยน “ผลลัพธ์” ทั้งในแง่ความแม่นยำ ระยะเวลาพักฟื้น และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
#ประโยชน์ต่อแพทย์: วางแผนแม่นยำขึ้น ลดความเสี่ยง และใช้เวลาในห้องผ่าตัดน้อยลง
ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง OsseoVision™ แพทย์สามารถเข้าถึงเครื่องมือวางแผนการผ่าตัดผ่านระบบ AI ได้แบบเรียลไทม์ โดยระบบจะช่วย:
- วิเคราะห์แบบแยกชิ้นส่วนกระดูกจาก CT Scan อัตโนมัติ (Auto-segmentation)
- ระบุ landmark ที่สำคัญเพื่อวางแผนตำแหน่งของอุปกรณ์ฝัง
- จำลองผลลัพธ์การผ่าตัดล่วงหน้าแบบ 3 มิติ
สิ่งนี้ช่วยให้แพทย์สามารถ “ทบทวนและปรับแต่งแผน” ได้ก่อนถึงวันผ่าตัดจริง ลดระยะเวลาในห้องผ่าตัด และลดความเสี่ยงจากการปรับอุปกรณ์ในสถานการณ์จริง
งานวิจัยจาก Xu et al. (2022) แสดงให้เห็นว่า การวางแผนผ่าตัดด้วย AI สามารถลดเวลาผ่าตัดลงได้ถึง 30–40% และเพิ่มความแม่นยำในการติดตั้งอุปกรณ์
#ประโยชน์ต่อผู้ป่วย: ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อน
การใช้โครงสร้างแบบ TPMS และวัสดุพิเศษ เช่น Titanium alloy (Ti–6Al–4V) และ Magnesium alloy ในการผลิตกระดูกเทียม มีความสามารถในการ:
- ปรับความแข็ง (Elastic Modulus) ให้ใกล้เคียงกับกระดูกจริง ลดปัญหา Stress shielding
- เพิ่มอัตราการเชื่อมต่อของเซลล์กระดูก (osseointegration)
- ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดครั้งที่สอง ในกรณีใช้วัสดุ Bioresorbable อย่างแมกนีเซียม
งานวิจัยจาก Li et al. (2021) พบว่า TPMS implants ที่มีการไล่ระดับรูพรุนแบบเฉพาะบุคคล สามารถกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญในเวลาที่สั้นลง
#ประโยชน์ต่อครอบครัวและระบบสุขภาพ: ลดภาระทางการเงินและเวลาในการดูแล
เทคโนโลยีการสร้างกระดูกเทียมแบบเฉพาะบุคคล ไม่ได้ส่งผลแค่ต่อผลลัพธ์ทางคลินิกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระในระดับครอบครัวและระบบสาธารณสุขอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่ออุปกรณ์ฝังได้รับการออกแบบให้เข้ากับร่างกายของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดก็ลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น กลับไปใช้ชีวิตประจำวันและกลับไปทำงานได้โดยไม่ต้องเผชิญกับกระบวนการฟื้นฟูที่ยืดเยื้อ
ในขณะเดียวกัน การลดความจำเป็นในการผ่าตัดซ้ำ (revision surgery) หรือการแก้ไขอุปกรณ์ที่ไม่พอดี ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งในระดับบุคคลและระดับโรงพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญ ลดจำนวนวันนอนโรงพยาบาล ลดปริมาณยา และลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลระยะยาว
สำหรับครอบครัวของผู้ป่วย การมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนที่รักฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ถือเป็นการสร้าง “คุณภาพชีวิต” ที่แท้จริง ทั้งในมิติของเวลา ค่าใช้จ่าย และสุขภาพจิตใจของทุกคนที่เกี่ยวข้อง
กับการเปลี่ยนอนาคตของการรักษากระดูก
OsseoLabs ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอุปกรณ์ฝังหรือแผ่นโลหะดามกระดูก แต่กำลังวางรากฐานใหม่ให้กับศัลยกรรมกระดูกผ่านการผสาน AI, วิศวกรรมโครงสร้าง และวัสดุชีวภาพในแพลตฟอร์มเดียว ด้วยแนวคิด “Provide perfect surgical solutions through personalization and precision” เป้าหมายของ OsseoLabs คือการทำให้การรักษาทุกเคสมีคุณภาพสูงสุดและเฉพาะเจาะจงต่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง

📍 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: www.osseolabs.com
🔗 LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/osseolabs/




#ศัลยกรรมกระดูก
#เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

06/06/2025

วิสัยทัศน์ของ OsseoLabs – ศัลยกรรมกระดูกในอนาคตจะเป็นอย่างไร
#เมื่อการผ่าตัดกระดูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดมาตรฐานอีกต่อไป
วงการศัลยกรรมกระดูกกำลังอยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากการพึ่งพาอุปกรณ์มาตรฐานไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล OsseoLabs คือหนึ่งในองค์กรที่วางรากฐานใหม่ให้กับการรักษา ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน:
“Provide perfect surgical solutions through personalization and precision.”
หรือ “สร้างทางเลือกการผ่าตัดที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความเฉพาะบุคคลและความแม่นยำสูงสุด”
แต่วิสัยทัศน์นี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่วิสัยทัศน์ OsseoLabs ได้สร้างเทคโนโลยีและโครงสร้างระบบที่สะท้อนวิธีคิดนี้ในทุกมิติของการรักษา
: การออกแบบเฉพาะบุคคลในระดับโครงสร้างกระดูก
ในอดีต อุปกรณ์ฝัง/กระดูกเทียม (Implants) สำหรับผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกมักผลิตแบบขนาดมาตรฐานและใช้งานร่วมกันได้หลายคน แต่ความเป็นจริงคือ โครงสร้างกระดูกของแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ เชื้อชาติ หรือพยาธิสภาพที่ส่งผลต่อรูปร่าง ความหนาแน่น และการกระจายแรงในกระดูก
OsseoLabs เลือกที่จะ “เข้าใจ” โครงสร้างเหล่านี้ผ่านเทคโนโลยีอย่าง:
™: Digital planning platform ที่มี AI ที่สามารถสร้างแบบจำลองกระดูก 3 มิติจาก CT Scan ได้อย่างแม่นยำ พร้อมวิเคราะห์ตำแหน่งสำคัญทางกายวิภาค เพื่อออกแบบอุปกรณ์เฉพาะบุคคลในแต่ละเคส
™: นวัตกรรมโครงสร้างที่ใช้รูปแบบ TPMS (Triply Periodic Minimal Surfaces) ในการปรับความพรุน ความแข็ง และทิศทางการถ่ายเทของเหลวให้สอดคล้องกับกระดูกธรรมชาติของผู้ป่วย
Biomaterials: เทคโนโลยีการผลิตด้วย Laser Powder Bed Fusion (LPBF) ที่ใช้วัสดุไทเทเนียมเกรดทางการแพทย์และแมกนีเซียมอัลลอย เพื่อให้ได้กระดูกเทียมที่แข็งแรง น้ำหนักเบา และปลอดภัยต่อร่างกาย พร้อมรองรับการย่อยสลายได้ในบางกรณี
: ความแม่นยำที่เปลี่ยนผลลัพธ์
แม้จะมีการออกแบบเฉพาะบุคคล หากขาดความแม่นยำในกระบวนการ การรักษาก็อาจยังไม่ประสบผล OsseoLabs จึงเลือกลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถวางแผน ตัดสินใจ และสื่อสารกับวิศวกรได้แบบเรียลไทม์บนระบบ Web-based:
- ลดเวลาในการวางแผนจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
- สามารถจำลองตำแหน่ง Implantก่อนการผ่าตัดจริง
- ตรวจสอบความพอดีของอุปกรณ์กับกระดูกผ่านโมเดล 3 มิติแบบ interactive
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแค่ลดข้อผิดพลาด แต่ยังช่วยเพิ่ม predictability ของผลลัพธ์ ลดความเสี่ยงของการผ่าตัดซ้ำ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น
#ผลลัพธ์ที่จับต้องได้: Perfect Surgical Solutions
เมื่อเทคโนโลยีทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน OsseoLabs สามารถส่งมอบทางเลือกที่ “สมบูรณ์แบบ” ในทุกมิติ:
- ออกแบบเฉพาะบุคคล ให้สอดคล้องกับกายวิภาคและพฤติกรรมการใช้งานจริง
- ผ่าตัดอย่างแม่นยำ ด้วยข้อมูลทางชีววิศวกรรมและการวางแผนแบบ real-time
- ส่งเสริมการฟื้นตัว ด้วยวัสดุและโครงสร้างที่ช่วยเร่งการสร้างกระดูกใหม่
- ลดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น Implant loosening หรือ Bone resorption จาก Stress shielding
#ศัลยกรรมกระดูกในอนาคต: ไม่ใช่แค่แม่นยำ แต่ต้อง “เหมาะกับคุณที่สุด”
ในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว OsseoLabs ไม่ได้เพียงแค่นำ AI หรือ 3D Printing มาใช้ แต่เป็นผู้ที่ นิยามใหม่ ของการรักษากระดูกด้วยความเข้าใจลึกถึงระดับโครงสร้างชีวภาพของมนุษย์
“Personalization” ทำให้การรักษาเหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน
“Precision” ทำให้ศัลยแพทย์เชื่อมั่นในทุกขั้นตอน
และ “Perfect Surgical Solutions” คือผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ
📍 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: www.osseolabs.com
🔗 LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/osseolabs/




#ศัลยกรรมกระดูก
#เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

06/01/2025

Combination of Patient-specific Maxillary Reconstruction Plate integrating with Sub-periosteal implants

🌟 Advancement in dental applications by OsseoLabs, in collaboration with a leading local dental expert in KDL.

For patients with insufficient bone volume for conventional endosseous implants, patient-specific maxillary reconstruction plates integrated with sub-periosteal implants offer a viable solution for both defect coverage and prosthetic rehabilitation.

This breakthrough innovation integrates several OsseoLabs proprietary technologies to improve the impact of dental and oral care.

In addition to precise anatomical conformity, the system is engineered with careful consideration of load-bearing requirements to ensure long-term mechanical stability and functional integration of the custom device.

We are excited to see the breakthrough helps underserved patients to have better lives.

Stay tune for more collaborations to come! 🤝

05/29/2025

🌏✨ Big News! ✨🌏
We are thrilled to share that OsseoLabs has been selected as one of the Top 20 startups for the MedTech Innovator Asia Pacific 2025 Accelerator Program 🎉
Chosen from over 550 applicants across 9 countries, this recognition marks a major milestone in our journey to revolutionize surgical care. Even more exciting—we are the first-ever participant from Thailand to be accepted into the program 🇹🇭
Thank you MedTech Innovator for this incredible opportunity !
📣 Read the full press release:

MedTech Innovator, the world’s largest accelerator of medical technology companies, today announced that 20 high-potential medtech companies will participate...

05/06/2025

เปรียบเทียบโครงสร้าง TPMS, LATTICE และ SOLID IMPLANTS: ทางเลือกในการออกแบบกระดูกเทียมสำหรับยุคใหม่
การเปลี่ยนผ่านจาก “วัสดุ” สู่ “โครงสร้างอัจฉริยะ”
ในปัจจุบัน การออกแบบวัสดุฝังเพื่อรักษาผู้ป่วยด้านศัลยกรรมกระดูก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุเพียงอย่างเดียว แต่ยังพิจารณาโครงสร้างภายในที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของกระดูกในระยะยาวโดยตรง โดยเฉพาะการรวมตัวระหว่างกระดูกธรรมชาติและวัสดุฝัง (Osseointegration) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น กระดูกเทียม (Implant) หลุดหรือเกิดการสลายของกระดูก (Bone resorption)
การออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมช่วยลดแรงกดผิดปกติ กระจายแรงได้อย่างเหมาะสม และเปิดโอกาสให้เซลล์กระดูกเจริญเติบโตเข้าสู่วัสดุได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3D printing และแนวคิดด้าน Personalized surgery ได้ผลักดันให้นักวิจัยและผู้พัฒนาเริ่มให้ความสนใจกับโครงสร้างชนิดใหม่อย่าง TPMS (Triply Periodic Minimal Surface) ซึ่งมีจุดเด่นทั้งด้านชีวกลศาสตร์และการออกแบบเชิงวิศวกรรม
Implants: โครงสร้างที่แข็งแรงแต่ไม่ยืดหยุ่นต่อสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ
วัสดุฝังแบบตัน (Solid Implants) ยังคงเป็นตัวเลือกที่มีการใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากผลิตได้ง่ายและมีความแข็งแรงสูง อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหลักของโครงสร้างประเภทนี้คือความแข็งที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับกระดูกธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุไทเทเนียมอัลลอย (Ti-6Al-4V) ที่มีค่า elastic modulus สูงถึง 110 GPa ในขณะที่กระดูก trabecular มีค่าเพียงประมาณ 0.1–1 GPa
ช่องว่างนี้นำไปสู่ภาวะ Stress shielding ซึ่งเกิดจากกระดูกโดยรอบไม่ได้รับแรงกระตุ้นเพียงพอ ทำให้เกิดการสลายตัวของกระดูก และเสี่ยงต่อการหลุดของกระดูกเทียม (Implant) ในระยะยาว (McGregor et al., 2021)
Structures: โครงสร้างพรุนที่ลดความแข็งของวัสดุ
โครงสร้างตาข่าย (Lattice) เป็นแนวทางหนึ่งในการลดความแข็งของวัสดุฝังโดยการเพิ่ม ความพรุน (Porosity) เพื่อให้ได้ชิ้นงานมีน้ำหนักเบา และเอื้อต่อการแทรกตัวของเนื้อเยื่อชีวภาพ เช่น เส้นเลือดหรือเซลล์กระดูก การใช้ Lattice แบบ Strut-based แสดงผลลัพธ์ที่ดีในบางกรณี โดยเฉพาะในกระดูกเทียมที่ต้องการเสริมสมบัติทางชีวภาพและการยึดเกาะกับกระดูก (Osseointegration)
อย่างไรก็ตาม ความละเอียดของ strut และความสามารถในการจำลองโครงสร้าง Trabecular bone อย่างแท้จริงยังมีข้อจำกัดอยู่มาก โดยเฉพาะเมื่อใช้กระบวนการผลิตแบบ Powder Bed Fusion (PBF) ซึ่งมักได้ strut ที่หนากว่า 200 ไมครอน ขณะที่ Trabeculae ของกระดูกจริงมีขนาดประมาณ 100–200 ไมครอนเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณจุดเชื่อม (Node) ของโครงสร้างยังเสี่ยงต่อการเกิด Stress concentration ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายสะสมในระยะยาว (McGregor et al., 2021)
: โครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่จำลองกระดูกได้ใกล้เคียง
TPMS หรือ Triply Periodic Minimal Surface คือโครงสร้าง 3 มิติที่ไม่มีจุดเชื่อม (Node-free) มีค่า Mean curvature เท่ากับศูนย์ ทำให้สามารถกระจายแรงได้อย่างสม่ำเสมอ ลดปัญหาความเครียดสะสมที่จุดใดจุดหนึ่ง และสามารถออกแบบให้มีความพรุน (Porosity) แบบไล่ระดับ (Graded porosity) ได้อย่างแม่นยำ
#คุณสมบัติเด่นของ TPMS ได้แก่:
- ปรับค่าความแข็ง (Elastic modulus) ให้ใกล้เคียงกับกระดูกธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดภาวะ Stress shielding (Zhang et al., 2022)
- เพิ่มพื้นที่ผิวเพื่อรองรับการยึดเกาะของเซลล์กระดูก (Osseointegration) ได้ดีกว่า Lattice แบบดั้งเดิม (Bobbert et al., 2017)
- ควบคุมทิศทางและความสม่ำเสมอของการไหลของของเหลวภายในโครงสร้าง ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อกระดูก (Ma et al., 2020)
โครงสร้าง TPMS ยังสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับตำแหน่งต่างๆในร่างกาย เช่น กระดูกขากรรไกร กระดูกสันหลัง หรือข้อเท้า อีกทั้งยังสามารถควบคุมระดับความพรุนในบริเวณที่รับแรงมากและน้อยได้ภายในกระดูกเทียมเดียวกัน
#ประเด็นสำคัญในการเลือกใช้โครงสร้าง
การเลือกโครงสร้างของอุปกรณ์ฝังควรพิจารณาอย่างเป็นระบบ โดยขึ้นอยู่กับ:
- ตำแหน่งการวางกระดูกเทียม (เช่น ข้อ vs กระดูกกราม)
- ลักษณะและทิศทางของแรงที่กระทำ
- ความต้องการทางชีวภาพ (อัตราการฟื้นตัวของกระดูกในแต่ละบริเวณ)
- ความคาดหวังในการใช้งานในระยะยาว เช่น ความทนทาน ความสามารถในการสลายตัว หรือ
- ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ
โครงสร้างแต่ละประเภทมีข้อดีเฉพาะตัว และควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม ไม่ควรตัดสินว่าโครงสร้างใดดีที่สุดในทุกกรณี
: เชื่อมต่อการออกแบบ TPMS เข้ากับการรักษาเฉพาะบุคคล
OsseoLabs เป็นหนึ่งในองค์กรที่นำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์และการออกแบบเชิงวิศวกรรมมาใช้ร่วมกันผ่านแพลตฟอร์ม OsseoVision™ และ OsseoMatrix™ โดยมีเป้าหมายในการออกแบบและผลิตวัสดุฝังที่มีโครงสร้าง TPMS แบบเฉพาะบุคคล
ความสามารถของระบบนี้คือการวางแผนการผ่าตัดผ่าน Cloud-based AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูล CT scan ได้ทันที และส่งผลลัพธ์ต่อเนื่องไปสู่กระบวนการผลิตวัสดุฝังด้วยเทคโนโลยี LPBF ที่แม่นยำสูง ทำให้ลดเวลาในการผลิตจากหลายสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่วัน
#สรุป
Solid, Lattice และ TPMS เป็นทางเลือกในการออกแบบวัสดุฝังที่ตอบโจทย์แตกต่างกันในบริบทของการรักษา โครงสร้าง TPMS แสดงศักยภาพในการสร้างสมดุลระหว่างความแข็งแรง การรองรับแรง และการส่งเสริมการเจริญของกระดูกในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีการออกแบบและการวิเคราะห์อย่างครบวงจรในระดับองค์กรอย่าง OsseoLabs
📍 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: www.osseolabs.com
🔗 LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/osseolabs/




#ศัลยกรรมกระดูก
#เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ