Mandala Thai Yoga Bodywork, Massage & Reflexology

Mandala Thai Yoga Bodywork, Massage  & Reflexology Reflexology, Thai Yoga Massage, Meditation, seminar classes in side of the Institute of Therapeutic Massage and Wellness Center, W Locust St, Five Point,

A very old therapy that links the reflex zones on the feet to specific parts of the body. Relief from pain, illness and stress comes by putting pressure on the appropriate reflex zones on the feet. Improves total body functioning.

12/22/2021

-

สำหรับแก้วที่ยังไม่เต็ม..เราจะเรียนรู้ไปด้วยกัน..เส้นลมปราณหลัก 12 เส้น ของแพทย์แผนจีน เพื่อนำไปเทียบกับเส้นประธานสิบของ...
05/29/2016

สำหรับแก้วที่ยังไม่เต็ม..เราจะเรียนรู้ไปด้วยกัน..เส้นลมปราณหลัก 12 เส้น ของแพทย์แผนจีน เพื่อนำไปเทียบกับเส้นประธานสิบของไทย.. 1. เส้นลมปราณปอด **เริ่มต้นจากกลางท้อง ลงมาสัมพันธ์กับลำไส้ใหญ่ ย้อนไปโอบล้อมกระเพาะอาหาร ทะลุผ่านกระบังลม ไปสังกัดอยู่กับปอด ผ่านเฉียงจากแอ่งเหนือกระดูกสันอก มาอยู่ชั้นตื้นที่บริเวณหัวไหล่ ทอดลงมาตามด้านหน้าของแขน มาสิ้นสุดที่ปลายนิ้วหัวแม่มือ มีแขนงแยกไปตรงบริเวณข้อมือ ไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วชี้ การหายใจ สัมพันธ์กับจมูก พลังปอดมีทิศทางลงสู่เบื้องล่าง มีไต เป็นตัวรับพลังจากปอดลำเลียงของเหลวในร่างกาย การลำเลียงเลือดมีหัวใจเป็นตัวสูบฉีด โดยอาศัยพลังปอดช่วยเหลือของเหลวอื่นที่เข้าสู่ร่างกาย ม้ามเป็นตัวลำเลียง โดยอาศัยพลังปอดช่วยกระจายไปทั่วร่างกาย การขับถ่ายออกทางลำไส้เล็ก ไต กระเพาะปัสสาวะ หรือแม้กระทั่งทางผิวหนัง ล้วนแต่ต้องสัมพันธ์กับปอดทั้งสิ้น

หน้าที่ของปอด แบ่งเป็น
1.1 หน้าที่เกี่ยวกับการหายใจ คือ แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
1.2 หน้าที่อื่น ๆ นอกจากการหายใจ คือ การควบคุมและขับสารต่าง ๆ เช่น ยา, แอลกอฮอล์ ออก จากระบบเลือด การกรองลิ่มเลือดเล็ก ๆ ที่ตกตะกอนออกจากเส้นเลือดดำ การปกป้องและรับแรงกระแทกที่จะทำอันตรายต่อหัวใจ ซึ่งอยู่ตรงกลางช่องทรวงอก เริ่มต้นจากกลางท้อง ลงมาสัมพันธ์กับลำไส้ใหญ่ ย้อนไปโอบล้อมกระเพาะอาหาร ทะลุผ่านกระบังลม ไปสังกัดอยู่กับปอด ผ่านเฉียงจากแอ่งเหนือกระดูกสันอก มาอยู่ชั้นตื้นที่บริเวณหัวไหล่ ทอดลงมาตามด้านหน้าของแขน มาสิ้นสุดที่ปลายนิ้วหัวแม่มือ มีแขนงแยกไปตรงบริเวณข้อมือ ไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วชี้ การหายใจ สัมพันธ์กับจมูก พลังปอดมีทิศทางลงสู่เบื้องล่าง มีไต เป็นตัวรับพลังจากปอดลำเลียงของเหลวในร่างกาย การลำเลียงเลือดมีหัวใจเป็นตัวสูบฉีด โดยอาศัยพลังปอดช่วยเหลือของเหลวอื่นที่เข้าสู่ร่างกาย ม้ามเป็นตัวลำเลียง โดยอาศัยพลังปอดช่วยกระจายไปทั่วร่างกาย การขับถ่ายออกทางลำไส้เล็ก ไต กระเพาะปัสสาวะ หรือแม้กระทั่งทางผิวหนัง ล้วนแต่ต้องสัมพันธ์กับปอดทั้งสิ้น

หากเส้นพลังงานนี้ผิดปกติ

อาการทางจิต : จิตใจซึมเศร้า กระวานกระวาย อ่อนไหว ขาดมนุษย์สัมพันธ์ ดื้อ ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ขจัดสิ่งกวนใจได้ยาก
อาการทางกาย : จะส่งผลเจ็บในคอ คันคอ ไอเป็นเลือด “อาการไอ ไม่ว่าจะมีเสมหะหรือไม่ เป็นอาการของปอด แต่เสมหะเกิดจากม้าม” เหนื่อยง่าย เป็นหวัดบ่อย คัดจมูก น้ำมูกไหล เลือดกำเดาไหล อุณหภูมิผิดปกติ เป็นลม ข้อศอกตึง ปวดอุ้งมือ แก้มตอบ ผิวแห้งและย่น ผื่นคัน ลมพิษหรือภูมิแพ้ นิ้วโป้งไม่มีแรง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หอบหืด เสียงแหบแห้ง หน้า หนังตา แขน ขา บวม ปวดหัวไหล่และหลัง ปวดตามทางเดินของเส้น
ข้อสังเกตความผิดปกติของเส้นนี้คือ ปวดท้อง ท้องมีเสียงดังโครกคราก ท้องเดิน ท้องผูก บิด เจ็บคอ ปวดฟัน น้ำมูกไหล เลือดกำเดาไหล ปวดบวมร้อนหรือเย็น บริเวณที่เส้นลมปราณผ่าน...จบเส้นที่1

2. เส้นลมปราณลำไส้ใหญ่** ลำไส้ใหญ่ยาว 80 เซนติเมตร ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่2.1 ช่วยย่อยอาหารเพียงเล็กน้อย2.2 ถ่ายระบายกากอาหาร...
05/29/2016

2. เส้นลมปราณลำไส้ใหญ่
** ลำไส้ใหญ่ยาว 80 เซนติเมตร ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่
2.1 ช่วยย่อยอาหารเพียงเล็กน้อย
2.2 ถ่ายระบายกากอาหาร (Wastse product) ออกจากร่างกาย
2.3 ดูดซึมน้ำและอิเล็คโตรลัยต์จากอาหารที่ถูกย่อยแล้ว เช่น โซเดียม และเกลือแร่อื่น ๆ ที่เหลืออยู่ในกากอาหาร รวมทั้งวิตามินบางอย่าง ที่สร้างจากแบคทีเรีย ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินเค ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหนทางสำหรับให้น้ำ อาหารและยาแก่ผู้รับบริการทางทวารหนักได้
2.4 ทำหน้าที่เก็บอุจจาระไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรที่จะถ่ายออกนอกร่างกาย
การตอกเส้นช่วยขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

**เริ่มที่ปลายนิ้วชี้ ย้อนขึ้นมาตามแขนด้านนอกจนถึงหัวไหล่ ข้ามไหล่ไปยังกระดูกสันหลังคอ แทงทะลุมาทางด้านหน้า มาโผล่ที่แอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า ผ่านลงไปยังปอด ทะลุกระบังลม ไปสังกัดอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ มีแขนงแยกออกจากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้าขึ้นไปตามลำคอ จนถึงมุมปาก มีแขนงแทงลึกลงไปถึงเหงือกล่าง ส่วนที่เหลือผ่านเหนือริมฝีปาก ข้ามไปสิ้นสุดที่มุมปีกจมูกด้านตรงกันข้าม หากเส้นพลังงานนี้ผิดปกติ จะเกิด
อาการทางจิต : จิตใจไม่ยึดแน่น ไม่กล้าตัดสินใจ ชอบข่มขู่ผู้อื่น ไม่พอใจ ผิดหวังบ่อย ไม่พึ่งตัวเอง ก้าวร้าว สะเพร่า อาฆาต
อาการทางกาย : คัดจมูก ปวดหน้าผาก ขี้หูมาก กินจุ นอนไม่หลับ กรน ไวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยน ผิวเหลือง ตัวซีด ปวดท้อง จุกเสียด ท้องมีเสียงดังโครงคราก ท้องผูก เจ็บคอ บิด ปวดฟัน เจ็บคอ เลือดกำเดาไหล ตาเหลือง ก้นเหลว ริมฝีปากล่างบวม ปวดสะบักหลัง ปวดบวมร้อนหรือเย็นบริเวณที่เส้นลมปราณผ่าน..จบเส้นที่2

3. เส้นลมปราณกระเพาะอาหารกระเพาะอาหาร ( stomach) ทำหน้าที่รับและย่อยอาหารจนได้เป็นสารจำเป็นสัมพันธ์กับม้ามซึ่งทำหน้าที่ล...
05/29/2016

3. เส้นลมปราณกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหาร ( stomach) ทำหน้าที่รับและย่อยอาหารจนได้เป็นสารจำเป็นสัมพันธ์กับม้ามซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงสารจำเป็น และของเหลวไปยังปอดมีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์ เพปซิน (pepsin) ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นกรด โดยชั้นในสุดของกระเพาะจะมีต่อมสร้างน้ำย่อยซึ่งมีเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริก เป็นส่วนประกอบเอนไซม์เพปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ (peptide) ในกระเพาะอาหารนี้ยังมีเอนไซม์อยู่อีกชนิดหนึ่งชื่อว่า “ เรนนิน ” ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในน้ำนม ในขณะที่ไม่มีอาหาร กระเพาะอาหารจะมีขนาด 50 cm3 แต่เมื่อมีอาหารจะมีการขยายได้อีก 10 – 40 เท่า..

** เริ่มจากปีกจมูก ขึ้นไปตามสันจมูก ไปยังมุมตาใน วกลงมาที่ขอบตาล่าง แล้วดิ่งตรงลงมาถึงระดับปีกจมูก วกไปผ่านเหงือกบน โค้งรอบมุมปากมายังจุดกึ่งกลางใต้ริมฝีปากล่าง ไปตามขอบขากรรไกรล่าง ขึ้นไปตามชายผมจนถึงหน้าผาก มีแขนงแยกลงมาตามลำคอ มายังแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า มีแขนงพุ่งลงไปผ่านกระบังลม ไปสังกัดกระเพาะอาหารและสัมพันธ์กับม้าม จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า มีอีกแขนงหนึ่งผ่านลงมายังหัวนม, ลงมาตามผนังหน้าท้อง ลงไปตามขา ผ่านขอบนอกของกระดูกสะบ้าไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วชี้เท้า ใต้กระดูกสะบ้าเล็กน้อยมีแขนงแยกลงมาตามขา มาสิ้นสุดที่ปลายนิ้วกลางซ้าย ที่บริเวณหลังมีแขนงแยกไปสิ้นสุดที่ปลายด้านในของนิ้วหัวแม่เท้า หากเส้นพลังงานนี้ผิดปกติจะเกิด
อาการทางจิต : ชอบตำหนิผู้อื่น ชอบเย้ยหยัน ระแวง คิดมาก กังวลเกินเหตุ อารมณ์เสียบ่อย จิตใจเปลี่ยนแปลงเร็ว หัวคิดอนุรักษ์
อาการทางกาย : ท้องมีเสียงดังโครกคราก แน่นท้อง บวมน้ำ ปวดกระเพาะอาหาร คลื่นไส้อาเจียน อาหารไม่ย่อย หิวบ่อย กินไม่เป็นเวลา กินไม่ค่อยได้ มีเม็ดที่ริมฝีปาก ท้องอืดเฟ้อ จุกเสียด ปวดท้อง อาเจียน สะอึก ปวดหน้าอก ประสาทเครียด ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีปัญหาสายตา ตาต้อ โลหิตจาง ผิวแห้ง มีไข้ เลือดออกมาก บวม ปวดเข่า หายใจเสียงดัง ชาหรืออัมพาตบริเวณใบหน้า คอแห้ง เจ็บคอ เลือดกำเดาไหลออก และบริเวณที่เส้นลมปราณผ่าน ปวดแสบ ปวดร้อน...จบเส้นที่ 3

4. เส้นลมปราณม้าม** ม้ามทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ ลำเลียงสารจำเป็น ที่ได้จากการย่อยอาหารของกระเพาะอาหารสู่ปอดควบคุมการไหลเวียน...
05/29/2016

4. เส้นลมปราณม้าม
** ม้ามทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ ลำเลียงสารจำเป็น ที่ได้จากการย่อยอาหารของกระเพาะอาหารสู่ปอดควบคุมการไหลเวียนของเลือด
ม้ามทำหน้าที่ลำเลียง และกระจายสารจำเป็น และของเหลวไปยังปอดก่อนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ม้ามทำหน้าที่ในการดึงเอาธาตุเหล็กจากฮีโมโกลบินของเซลล์เม็ดเลือดแดง นำมาใช้ในร่างกาย และยังทำหน้าที่ขับถ่ายเอาของเสียออกจากกระแสเลือดในรูปของน้ำปัสสาวะเช่นเดียวกับตับ ม้ามสร้างแอนติบอดี ในการต่อต้านเชื้อโรค และยังผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิด (ยกเว้นมนุษย์) ม้ามจะทำหน้าที่เก็บเซลล์เม็ดเลือดแดง และส่งไปยังกระแสเลือด เพื่อควบคุมปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง ในกรณีที่เสียเลือดมาก ในทารกที่ยังไม่คลอด ม้ามมีหน้าที่หลักในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และหลังจากคลอด หน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ของไขกระดูกแทน แต่ถ้าไขกระดูกทำงานได้น้อยลงเนื่องจากโรคบางอย่าง ม้ามจะทำหน้าที่ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงอีกครั้งหนึ่ง

ม้ามเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับเลือด จึงมีเส้นเลือดอยู่ภายในมาก ทำให้ม้ามมีลักษณะเป็นสีแดง บางและเปราะมาก หากมีอุบัติเหตุมากระทบถูกม้าม(ทางด้านหลัง) ม้ามก็จะแตกได้ เมื่อม้ามแตกจะทำให้เลือดตกใน(เลือดออกในช่องท้อง) มาก ซึ่งอาจจะทำให้เสียเลือดมากจนถึงชีวิต
นอกจากนั้น ม้ามยังช่วยในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเชื้อโรค เมื่อม้ามต้องทำงานมากขึ้น ม้ามอาจจะโตขึ้น เช่น ในโรคโลหิตเป็นพิษ โรคมาลาเรีย..

** เส้นนี้ผ่านมาตามด้านหน้าของตาตุ่มด้านใน, ด้านในของขาและต้นขา
เมื่อผ่านขาหนีบ ก็จะเข้าสู่ท้อง ไปสังกัดต่อม้าม และสัมพันธ์กับกระเพาะอาหารด้วย
ผ่านผนังกระบังลมขึ้นมา ขนาบสองข้างของหลอดอาหารไปสิ้นสุดที่ลิ้น
มีแขนงแยกจากบริเวณกระเพาะอาหาร ผ่านกระบังลมมาสิ้นสุดที่หัวใจ
ม้ามผิดปกติ ทำให้การสร้างเม็ดเลือดมีปัญหา ติดเชื้อง่าย อาการที่ผิดปกติคือ
อาการทางจิต : สมเพชตัวเอง เย็นชาต่อผู้อื่น กระวนกระวาย วิตกกังวล ชอบอยู่คนเดียว ลังเล หยุมหยิม ไม่พอใจง่าย ๆ
อาการทางกาย : รับประทานอาหารคลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเดิน เรอ ปวดเกร็งโคนลิ้นด้านใน ลิ้นแข็งพูดไม่ชัด กระหายน้ำ โลหิตจาง มีกรดในกระเพาะ หิวไม่เป็นเวลา สะโพกบวม เข่า ขาบวม เย็น ไม่มีแรงแข็ง หอบ ขมับสีคล้ำ ผิวหยาบ ส้นเท้าบวมแตก ปวดลิ้น ปวดกระเพาะ ท้องอืด อาเจียน ดีซ่าน อ่อนเพลีย ปวด และ บวมตามทางเดินของเส้น..จบเส้นที่ 4

5. เส้นลมปราณหัวใจ** หัวใจเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ สูบฉีดเลือดตลอดเวลาไม่มีการหยุด เพื่อให้กระแสเลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายต...
05/29/2016

5. เส้นลมปราณหัวใจ
** หัวใจเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ สูบฉีดเลือดตลอดเวลาไม่มีการหยุด เพื่อให้กระแสเลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายต่อเนื่องกัน หัวใจมนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 ช่อง คือ บนซ้าย ล่างซ้าย บนขวา และ ล่างขวา เลือดที่อยู่ในสองช่องซ้ายจะเป็นเลือดดีที่มาจากปอด เรียกว่าเลือดแดง ส่วนเลือดในสองช่องขวาจะเป็นเลือดที่รับมาจากร่างกายเป็นเลือดที่ใช้ ออกซิเจนไปจนหมดแล้ว เรียกว่า เลือดดำ หัวใจช่องล่างจะมีผนังหนาและแข็งแรง และมีขนาดใหญ่กว่าหัวใจช่องบน ระหว่างหัวใจช่องบน และล่างจะมีลิ้นหัวใจเปิดทางเดียวเพื่อให้เลือดจากช่องบน ไหลลงช่องล่างได้ แต่ไหลย้อนกลับไม่ได้ กล้ามเนื้อหัวใจจะประกอบด้วยเซลล์เฉพาะ ในขณะที่กล้ามเนื้อหดตัว จะบีบเลือดในหัวใจออกจากช่องล่างโดยเลือดแดง จะกระจายไปยังอวัยวะทั่วร่างกาย แต่เลือดดำจะไหลไปยังปอด ในช่วงคลายตัวหัวใจจะขยายโตขึ้น และ ดูดเลือดเข้ามาโดยผ่านทางช่องบน และลงมาช่องล่าง สองช่องซ้ายจะรับเลือดแดงจากปอด ในขณะที่สองช่องขวารับเลือดดำจากเซลล์ทั่วร่างกาย และถูกสูบฉีดออกไปเป็นวัฏจักรเรื่อยๆ โดยเลือดดำที่ออกจากช่องล่างขวาของหัวใจไปปอดจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และรับ ออกซิเจนจากอากาศในปอดกลับกลายเป็นเลือดแดงไหลกลับเข้าสู่หัวใจด้านซ้าย เพื่อถูกสูบฉีดไปทั่วร่างกายต่อไป การบีบตัวของหัวใจทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้นและเมื่อคลายตัวแรงดันจะต่ำ ลง แรงดันนี้สามารถทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวและหดตัวสลับกัน ทำให้สัมผัสได้ในลักษณะ การเต้นของชีพจร ซึ่งใช้เป็นการวัดความถี่ในการเต้นของหัวใจ ส่วนแรงดันที่เกิดขึ้นก็สามารถใช้เครื่องมือวัดได้ เช่นกัน เรียกว่า ความดันโลหิต โดยค่าที่ใช้ตัดสินความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตที่โรงพยาบาล คือ 140/90 มม.ปรอท และ ความดันโลหิตที่บ้านคือ 135/85 มม.ปรอท

** เริ่มต้นออกจาก ใจกลางของหัวใจ ผ่านกระบังลม มาสัมพันธ์กับลำไส้เล็ก มีแขนงออกจากหัวใจ ขึ้นมาตามคอหอย ไปจนถึงตา มีอีกแขนงหนึ่งออกจากหัวใจ โค้งผ่านปอด มาทะลุที่รักแร้ แล้วผ่านลงมาตามด้านในของแขน ไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วก้อย หัวใจควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย ชีพจรของมนุษย์เต้น และสูบฉีดโลหิต โดยอาศัยพลังแห่งหัวใจ และเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ กำหนดความคิด เลือดดีสมองแจ่มใส เลือดพร่องสมองอ่อนเพลีย สัมพันธ์กับลำไส้เล็ก โดยมีเส้นลมปราณเชื่อมถึงกัน หากเลือด หรือพลังแห่งหัวใจมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบถึงลำไส้เล็ก

ลักษณะอาการที่ผิดปกติ

อาการทางจิต : เครียด ใจหวิว ไม่เข้าสังคม ตื่นเต้น เปลี่ยนใจง่าย เก็บกดนอนไม่หลับ ฝันมาก ตกใจง่ายขี้หลงขี้ลืมหรืออาจกระวนกระวายหลับไม่สนิท
อาการทางกาย : คอบวม อกแฟบ แขนตึง ตาเหลือง สีหน้าซีดขาวเหงื่อออกที่อุ้งมือ และ ฝ่าเท้า ชีพจรเต้นเบา ไม่สม่ำเสมอ หรือใจสั่นหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ปวดไหล่เวลายกไหล่ ปวดสะบักหลัง โคนลิ้นขาว ไวต่ออุณหภูมิ หน้าแดง คอแห้ง ปวดบริเวณหน้าอก และ ลิ้นปี่ ฝ่ามือร้อน ปวดตามทางเดินของเส้น..จบเส้นที่ 5

6. เส้นลมปราณลำไส้เล็ก**ลำไส้เล็ก เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร มีความยาวประมาณ 7-8 เมตร ลำไส้เล็กเป็นอวัยวะหนึ่งใ...
05/29/2016

6. เส้นลมปราณลำไส้เล็ก
**ลำไส้เล็ก เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร มีความยาวประมาณ 7-8 เมตร ลำไส้เล็กเป็นอวัยวะหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร เป็นท่อขนาดเล็ก อยู่ต่อจากกระเพาะอาหารและอยู่ก่อนลำไส้ใหญ่ เป็นส่วนที่มีขนาดยาวมากและทำหน้าที่ที่สำคัญมากในระบบการย่อยอาหาร กล่าวคือเป็นอวัยวะส่วนที่ย่อยทั้งแป้ง โปรตีนและไขมัน ลำไส้เล็กทำหน้าที่ รับอาหารที่ผ่านการย่อยจากกระเพาะอาหาร แล้วดูดซึมส่วนที่ใสส่งต่อไปยังม้าม ลำไส้เล็กทำหน้าที่สำคัญมากในระบบทางเดินอาหาร กล่าวคือทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมอาหารที่ย่อยจนกลายเป็นสารอาหารโมเลกุลเดี่ยว แล้ว เช่นกลูโคส กรดอะมิโน กรดไขมันและกลีเซอรอล เข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ร่างการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

** เริ่มต้นจากปลายนิ้วก้อย ผ่านขึ้นไปตามหลังมือ, แขน จนถึงไหล่ วกลงมาที่กระดูกสะบัก แล้วพาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า ทางด้านหน้า จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า ทอดแทงลึกลงมาสัมพันธ์กับหัวใจ วนผ่านหลอดอาหาร ผ่านกระบังลม, ผ่านกระเพาะ จนมาสังกัดอยู่ที่ลำไส้เล็ก มีแขนงแยกขึ้นมาตามลำคอ ผ่านขากรรไกรล่าง ไปจนถึงมุมตานอก แล้ววกลงมาเข้าไปสิ้นสุดในหู ที่บริเวณขากรรไกรล่าง มีแขนงหนึ่งแยก ผ่านโหนกแก้มไปสิ้นสุดที่มุมตาใน

อาการทางจิต : อดทนสูง เก็บตัว คิดมาก เก็บกดความเศร้า โมโหและโกรธง่าย ไวต่อความรู้สึก สนใจในรายละเอียดมาก แบ่งสมาธิยาก เปลี่ยนใจง่าย ทำงานหนัก
อาการทางกาย : ปวดกระดูก กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ปวดสะโพก ท้องป่อง ระดูผิดปกติ กระดูกเชิงกรานตึงไม่ขยาย ริมฝีปากบวมซีด ปวดท้องน้อย ปวดเอร้าวลงถุงอัณฑะปัสสาวะไหลไม่รู้ตัว หูหนวก ดีซ่าน หน้าบวม เจ็บคอ ปวดตามทางเดินของเส้น หูตึง ตาเหลือง คางทูม เจ็บคอ ปวดไหล่และขอบหลังของด้านนอกแขน..จบเส้นที่ 6

7. เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ** กระเพาะปัสสาวะมีหน้าที่สำคัญคือ เป็นที่พักของปัสสาวะ และช่วยขับถ่ายปัสสาวะให้สมบรูณ์ โดยจะ...
05/29/2016

7. เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ
** กระเพาะปัสสาวะมีหน้าที่สำคัญคือ เป็นที่พักของปัสสาวะ และช่วยขับถ่ายปัสสาวะให้สมบรูณ์ โดยจะมีสมองควบคุมอีกที่หนึ่ง ทำให้คนถ่ายปัสสาวะได้ด้วยความเหมาะสมทั้งสถานที่และเวลา ขณะกำลังถ่ายปัสสาวะกระเพาะปัสสาวะนั้นจะบีบตัวเพิ่มความดันภายใน และดันเอาปัสสาวะไหลออกทางท่อปัสสาวะ..

** เริ่มต้นจากมุมตาใน
ขึ้นไปที่หน้าผาก แล้วพาดข้ามยอดกระหม่อม
มีแขนงแยกลงมาทางด้านหลังหู
ตรงยอดกระหม่อมมีแขนงย่อยแทงลึกลงไปติดต่อกับสมอง เส้นลมปราณผ่านต่อไปยังท้ายทอย แล้วทอด ดิ่งลงมาขนาบข้างอยู่กับแนวกระดูกสันหลังลงไปจนถึงเอว
มีแขนงแยกไปสัมพันธ์กับไต
ผ่านจากไตลงไปสังกัดอยู่กับกระเพาะปัสสาวะ
เส้นลมปราณผ่านกระดูกก้นกบ ต่อไปยังสะโพก, ด้านหลังต้นขา จนถึงข้อพับเข่า
จากท้ายทอยมีเส้นแขนงอีกเส้น ทอดขนานมาตามแนวดิ่งชิดขอบในกระดูกสะบัก ผ่านสะโพก, ด้านหลังต้นขา มาบรรจบกับเส้นลมปราณเดิมที่ข้อพับเข่า
จากข้อพับเข่า รวมเป็นเส้นเดียว ทอดลงมาผ่านน่อง แล้วหักเฉไปทางด้านนอกของขา ไปจนถึงส้นเท้า แล้วทอดไปตามขอบนอกฝ่าเท้าไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วเท้าที่ 5
อาการทางจิต : ตกใจง่าย ประสาท ระแวง ขาดสมาธิ ไม่กล้าเสี่ยง รู้สึกไม่ปลอดภัย กระวนกระวาย ขี้บ่น อารมณ์ปรวนแปร สนใจเรื่องหยุมหยิม

อาการทางกาย : ปัสสาวะขัด ปัสสาวะรอที่นอน ไหลไม่รู้ตัว ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ เข่าตึง กระเพาะปัสสาวะ และ มดลูกบวม ลมบ้าหมู ตาแฉะ ปวดจากนิ้วเท้าถึงส้นเท้า คอแข็ง ปวดท้ายทอย เลือดกำเดาไหล ปวดหัว โรคตา ปวดเอว ปวดขา ปวดตามทางเดินของเส้น..จบเส้นที่ 7

8. เส้นลมปราณไต** ไตมีความสำคัญเก็บสารจำเป็นของชีวิต ซึ่งมีผลต่อสารจำเป็นของอวัยวะอื่นๆ ระบบการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ พ...
05/29/2016

8. เส้นลมปราณไต
** ไตมีความสำคัญเก็บสารจำเป็นของชีวิต ซึ่งมีผลต่อสารจำเป็นของอวัยวะอื่นๆ ระบบการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ พละกำลังของร่างกาย สมอง หู กำหนดน้ำ สร้างน้ำปัสสาวะ ช่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ ช่วยม้ามในการและลำเลียงของเหลวในร่างกาย

** เริ่มต้นที่ปลายนิ้วเท้าที่ 5
พาดข้ามฝ่าเท้ามาวนเป็นวงอยู่หลังตาตุ่มใน
แทงเข้าไปในส้นเท้า
ขึ้นมาตามด้านในของขา, เข่า, ต้นขา แล้วผ่านเข้าไปในกระดูกสันหลังไปสังกัดอยู่กับไต
มีเส้นไปสัมพันธ์กับกระเพาะปัสสาวะด้วย
มีเส้นลมปราณออกจากไต ขึ้นมาผ่านตับ, กระบังลม, ปอด, คอหอย แล้วไปสิ้นสุดที่โคนลิ้น
ในระหว่างที่ผ่านปอด มีเส้นแขนงที่แยกออกมาไปสัมพันธ์ติดต่อกับเส้นหัวใจ
อาการทางจิต : หวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย หงุดหงิด บ้าระห่ำ มองโลกในแง่ร้าย ลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ ขี้บ่น ไม่มีจุดยืน

อาการทางกาย : ไตซ้ายมีปัญหาจะขี้ร้อน ไตขวามีปัญหาจะขี้หนาว
ไม่อยากอาหาร กามตายด้าน หน้าดำ มีถุงใต้ตา ขอบตาสีคล้ำ ลิ้นแข็ง คอบวม คอแห้ง มีปัญหาอวัยวะสืบพันธ์ ไม่มีแรง ไอเป็นเลือด หายใจขัด ลิ้นแห้ง เจ็บคอ ปวดเอว ปอดบวม ท้องผูก ท้องเสีย ฝ่าเท้าร้อน ปวดตามทางเดินของเส้น
ถ้าจะให้ดีเราต้องนวดผ่อนคลายด้วยจะเป็นการดีมาก..จบเส้นที่ 8

9. เส้นลมปราณเยื้อหุ้มหัวใจ** การแพทย์ตะวันออก กล่าวว่าอวัยวะที่คุมเรื่องไขมันในเลือด คือ เยื่อหุ้มหัวใจ เมื่อเยื่อหุ้มห...
05/29/2016

9. เส้นลมปราณเยื้อหุ้มหัวใจ
** การแพทย์ตะวันออก กล่าวว่าอวัยวะที่คุมเรื่องไขมันในเลือด คือ เยื่อหุ้มหัวใจ เมื่อเยื่อหุ้มหัวใจได้รับโซเดียมเพียงพอ ก็จะทำงานปกติ ควบคุมไขมันในร่างกายให้อยู่ระดับปกติได้ หากระดับโซเดียมในร่างกายไม่สมดุลกับโปแตสเซียม (โปแตสเซียมมากไป) เยื่อหุ้มหัวใจจะผิดปกติ ควบคุมการผลิตไขมันไม่ได้..

** เริ่มต้นออกจากเยื่อหุ้มหัวใจกลางทรวงอก
ผ่านกระบังลมลงมาสัมพันธ์ติดต่อกับ เส้นปราณซานเจียว
มีแขนงแยกออกมาผ่านทรวงอก ทะลุบริเวณข้างลำตัว ใต้รักแร้
ทอดผ่านลงมาในแนวกลางด้านในของแขน, ฝ่ามือ ไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วกลาง
จากบริเวณใจกลางฝ่ามือ มีแขนงแยกย่อยไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วนาง
อาการทางจิต : ปกป้องตัวเอง กลัวที่สูง ขี้แย ไม่กล้าแสดงออก ใจลอย ตึงเครียดเมื่ออยู่ในฝูงชน ไวต่อความรู้สึก
อาการทางกาย : ปวดหน้าผาก เป็นตะคริว หรือ ชาตามแขนและข้อศอก นอนไม่หลับ ต่อมน้ำลายอักเสบ ความดันผิดปกติ ปวดตึง หรือ เหน็บชาที่ข้อนิ้ว นิ้วล็อก ระบบไหลเวียนของเลือดไม่ดี ลำไส้อักเสบ คลื่นไส้อาเจียน ลิ้นหัวใจตีบ แน่นหน้าอก ท้องผูก บิด ปวดฟัน เจ็บคอ เลือดกำเดาไหล ปวดตามทางเดินของเส้น..จบเส้นที่ 9

10. ซานเจียว** เป็นทางผ่านของของเหลว ทางผ่านของความร้อนบริเวณชั้นผิวหนังด้านนอก เส้นซานเจียว เชื่อมโยงกับอวัยวะที่สำคัญ ...
05/29/2016

10. ซานเจียว
** เป็นทางผ่านของของเหลว ทางผ่านของความร้อนบริเวณชั้นผิวหนังด้านนอก เส้นซานเจียว เชื่อมโยงกับอวัยวะที่สำคัญ คือ กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก มดลูก ถ้าเราตอกเส้นผ่อนคลายแนวแขน ตอกคอบ่าไหล่ เราก็จะได้ผ่อนคลาย และรักษา กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก มดลูก...

** เริ่มต้นจากปลายนิ้วนาง
ผ่านขึ้นมาตามหลังฝ่ามือ, แขน, หัวไหล่
พาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
ผ่านทรวงอกไปสัมพันธ์อยู่กับเยื่อหุ้มปอด แล้วทอดผ่านกระบังลมผ่านไปยังกลางท้อง
จากกลางทรวงอก มีแขนงย้อนกลับมาที่แอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า วกไปยังต้นคอด้านหลัง แล้วทอดขึ้นมาหลังใบหู แล้วขึ้นต่อไปยังชายผมใกล้หน้าผาก
จากใบหูมีแขนงผ่านไปยังใบหู แล้วมาโผล่ที่ด้านหน้ารูหู ไปสิ้นสุดที่หางคิ้ว
จากปลายที่ชายผมใกล้หน้าผาก มีแขนงย่อยมาสิ้นสุดที่มุมตาในอีกที
อาการทางจิต : จัดระบบความคิดไม่ถูก ใจลอย ระแวง กระวนกระวาย เอาแต่ใจตัวเอง แน่นหน้าอก ใจสั่น กระวนกระวาย โรคจิตอาละวาด

อาการทางกาย : ตื่นเช้าแล้วไม่อยากลุก เพลีย ความดันผิดปกติ ตาโปน มดลูกบวม พูดไม่ได้ ขั้วหลอดลมบวม เป็นหวัดบ่อย ปวดในรูหู ปวดไหล่และขอพับ ระบบน้ำเหลืองผิดปกติ เหงื่อออกมาก ท้องอืด รักแร้บวม ร้อนตรงกลางฝ่ามือไวต่อความรู้สึกปวดบริเวณหัวใจปัสสาวะไหลไม่รู้ตัว หูอื้อ เจ็บคอ หน้าบวม ปวดไหล่แขนและข้อศอก ปวดตามทางเดินของเส้น..จบเส้นที่ 10

11. เส้นลมปราณถุงน้ำดี** ทำหน้าที่ เก็บน้ำดี ทำหน้าที่ร่วมกับตับในการหลั่งน้ำดี กำหนดการตัดสินใจ หมายถึงความสามารถของจิต...
05/29/2016

11. เส้นลมปราณถุงน้ำดี
** ทำหน้าที่ เก็บน้ำดี ทำหน้าที่ร่วมกับตับในการหลั่งน้ำดี กำหนดการตัดสินใจ หมายถึงความสามารถของจิตใต้สำนึกในการตัดสินใจ อาการที่บอกว่าเป็นโรคถุงน้ำดี คือ ดีซ่าน ผิวเหลือง ตาเหลือง การรับรสในปากเลวลง ปวดสีข้าง อาเจียนเป็นน้ำดี หลับไม่สนิท โกรธง่าย
ถ้าเราตอกเส้นแนวขาด้านข้าง เราก็จะได้ฟื้นฟูระบบน้ำดี น้ำดีนี่แหละเป็นตัวควบคุมระบบการย่อยอาหารและอีกหลายส่วนในร่างกาย..

** เริ่มต้นจากมุมตานอก
ทอดเฉียงลงมาที่หน้าใบหู วกกลับขึ้นไปตามชายผม แล้วโค้งไปยังด้านหลังใบหู วกกลับมายังหน้าผากเหนือคิ้ว แล้ววกย้อนกลับยังท้ายทอยและต้นคอ
พาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
จากหลังใบหูมีแขนงเข้าไปในหู มาทะลุที่หน้าต่อรูหู แล้วลงมาสิ้นสุดที่ปลายล่างของใบหู
จากมุมตานอก มีแขนงทอดมาที่ขากรรไกรล่าง วกขึ้นไปที่โหนกแก้ม แล้วย้อนกลับมาที่ขากรรไกรล่าง ทอดต่อลงไปรวมที่แอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้ามีแขนงทอดลึกลงไปในทรวงอก ผ่านกระบังลมไปสัมพันธ์ติดต่อกับตับ เข้าไปสังกัดอยู่กับถุงน้ำดี แล้วทอดลงไปตามชายโครง
จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า มีแขนงอีกเส้นทอดออกมาผ่านใต้รักแร้ ลงไปตามสีข้าง จนถึงบริเวณสะโพก แล้ววกไปตามกระเบนเหน็บ วกกลับมารวมกับแขนง ที่บริเวณด้านข้างสะโพก เป็นเส้นเดียวกัน
จากด้านข้างสะโพก ทอดมาตามด้านล่างของขา, หลังเท้าไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วเท้าที่ 4
บริเวณหลังเท้ามีแขนงย่อย ทอดข้ามไปสิ้นสุดที่ปลายนิ้วหัวแม่เท้า
ถ้าน้ำดีไม่ดีก็จะส่งผล
* อาการทางจิต : ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่อดทน รีบร้อน ตื่นเต้นง่าย ตั้งใจแรงกล้า เฉื่อยชา เหนื่อยหลังจากแสดงอารมณ์ อาการทางจิต : ชอบความรุนแรง ต้องการเรื่องตื่นเต้น ชอบทะเลาะวิวาท กล่าวคำหยาบ ต้องการแก้แค้น ไม่อดทน ยิ้มยาก เสียงดัง ขี้เบื่อ ไม่กล้าตัดสินใจ
* อาการทางกาย : กินน้อยแต่น้ำหนักไม่ลด เหนื่อยง่าย ระบบย่อยอาหารไม่ดี ข้อต่อแข็ง เป็นไข้ ปวดคอ ปวดศีรษะ วิงเวียนปวดหางตา ปากขม สันไหล่บวม บวมใต้รักแร้ ปวดบวมตามไหปลาร้า ต่อมน้ำเหลือที่คอและรักแร้บวม ไมเกรน ภูมิแพ้ เจ็บคอ เป็นนิ่ว น้ำมูกมาก มีเสลด นอนไม่หลับ ปวดขากรรไกรบน ปากบวม ปวดหัวตาด้านนอก ปวดตามทางเดินของเส้น ปวดหน้าอก สีข้าง สะโพก ขาและเท้าด้านนอก ร้อนเท้าด้านนอก..จบเส้นที่ 11

12. เส้นลมปราณตับ** ตับทำหน้าที่สะสมสารอาหารและปรับปริมาณเลือด กระตุ้นการย่อยและการลำเลียงมีสัมพันธ์กับถุงน้ำดี** อาการท...
05/29/2016

12. เส้นลมปราณตับ
** ตับทำหน้าที่สะสมสารอาหารและปรับปริมาณเลือด กระตุ้นการย่อยและการลำเลียง
มีสัมพันธ์กับถุงน้ำดี

** อาการทางกาย : ถ้าตับไม่ดีจะส่งผลทางกายคือ ปวดฝ่าเท้า กินจุ ข้อต่อไม่แข็งแรง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเสียว หรือแน่นสีข้าง หรือท้องน้อย
ปวดช่องท้องป่อง เหนื่อยง่าย ตาแห้ง ตาลาย ตาบอดกลางคืน มองไม่ชัด ตาบวมแดง ตาสู้แสงไม่ได้ หน้ามืด วิงเวียน ลิ้นสั่น แขนขาชา กล้ามเนื้อกระตุก ตะคริว
ปวดหน้าอก จุกแน่นใต้ลิ้นปี่จนเรอ
เดินตัวแข็ง ไม่มีแรงขับทางเพศ ทรงตัวไม่อยู่ ปวดเอว ปวดหลัง แน่นหน้าอก ปัสสาวะไม่รู้ตัว ปวดท้องน้อย อวัยวะสืบพันธ์บวม ปวดตามทางเดินของเส้น
อาการทางจิต : โกรธง่าย ชอบความรุนแรง ต้องการเรื่องตื่นเต้น ชอบทะเลาะวิวาท กล่าวคำหยาบ อารมณ์แปรปรวน ต้องการแก้แค้น ไม่อดทน ยิ้มยาก เสียงดัง ขี้เบื่อ ไม่กล้าตัดสินใจ ก็จะตามมาโดยที่เราไม่อยากเป็น..

** เริ่มจากนิ้วหัวแม่มือเท้า ทอดผ่านขึ้นมาตามด้านในของขาจนถึงขาหนีบ
วกกลับลงมาอวัยวะสืบพันธุ์แล้วแทงเข้าท้องน้อย ผ่านขึ้นไปยังกระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี แล้วเข้า ไปสังกัดอยู่กับตับ
ออกจากตับ ผ่านกระบังลมขึ้นมาตามชายโครง ไปอยู่ด้านหลังของหลอดอาหาร, คอหอย ทอดผ่านเข้าสู่ใบหน้า ผ่านตาขึ้นไปจนถึงกระหม่อม
จากตามีแขนงทอดลงมาล้อมรอบริมฝีปาก
มีแขนงออกจากตับ ผ่านกระบังลม เข้าไปในปอดแล้ววกลงมาสิ้นสุดที่กระเพาะอาหาร..จบเส้นที่ 12..ค่อยๆทำความเข้าใจกันนะครับ..

To people who signed up for Thai Reflexology certification class today. The class will be started at 5:00 pm to 9:30 pm ...
05/23/2016

To people who signed up for Thai Reflexology certification class today. The class will be started at 5:00 pm to 9:30 pm in spa room 3rd floor at ITMW. Please wearing short and have your finger & toe nails cut short, too. I look forward to see you this evening. 😘

ทบทวน..ทฤษฎีโรคและลมกับกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยมานวดเพื่อการบำบัด.. **    ทฤษฎีโรคและลมทางการนวด. *** ลมจับโปง – โรคชนิดหนึ่...
05/21/2016

ทบทวน..ทฤษฎีโรคและลมกับกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยมานวดเพื่อการบำบัด..
** ทฤษฎีโรคและลมทางการนวด. **
* ลมจับโปง – โรคชนิดหนึ่ง มีอาการปวดบวมตามข้อ มีน้ำใสในข้อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ จับโปงน้ำและจับโปงแห้ง
* ลมปะกัง – โรคชนิดหนึ่ง มีอาการปวดศีรษะมาก อาจปวดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
* ลมปัตฆาต – โรคลมชนิดหนึ่ง มีอาการปวดเมื่อยตามแนวเส้นปัตฆาต เคลื่อนไหวไม่สะดวก
* ลมปลายปัตฆาต – โรคลมชนิดหนึ่ง เกิดจากเลือดและลมเดินไม่สะดวก ผู้ป่วยมีอาการปวดบวม แข็งและตึงของกล้ามเนื้อ เอ็น เยื่อหุ้มกระดูก และริมหัวต่อกระดูก
* ลมสันฑฆาต – โรคชนิดหนึ่งมี อาการ 4 ชนิด คือ เอกสันฑฆาต (เป็นกับหญิง เกิดเอกโลหิตและระดูแห้ง) โทสันฑฆาต (เกิดจากท้องผูกจนเป็นพรรดึก) ตรีสันฑฆาต (เกิดเป็นเม็ดภายในดี ตับ หรือในลำไส้) อาสันฑฆาต (เกิดจากฟกช้ำภายใน)
* ลมรัตตฆาต – โรคลมชนิดหนึ่ง มีอาการเสียดแทงในท้องสวิงสวาย มีไข้ กินอาหารไม่ได้ หายใจขัด มีเสมหะในลำคอ ถ่ายมีมูกปน มีลมในท้อง
* ลมมุตตฆาต – โรคชนิดหนึ่งเกี่ยวกับกับน้ำปัสสาวะผิดปกติหรือพิการ มี 4 ประการ คือ 1)น้ำปัสสาวะสีเหมือนโลหิตช้ำ และเหมือนน้ำปลาเน่า 2)น้ำปัสสาวะเป็นโลหิตจาง เหมือนน้ำชานหมาก 3)น้ำปัสสาวะเป็นน้ำหนองจาง เหมือนน้ำซาวข้าว 4)น้ำปัสสาวะเป็นเมือก เหมือนน้ำมูกไหล
* ลมปราบ – โรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง มักเกิดกับกล้ามเนื้อ แขน ขา หน้าอก และสันหลัง มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และเจ็บเสียวแปล๊บ ต่อมามีอาการชาและแขนขาลีบ
* ลมลำบอง – โรคชนิดหนึ่ง มีอาการปวดบวมตามข้อต่าง ๆ
* ลมชิวหาสดมภ์ – โรคลมชนิดหนึ่งที่มีพิษมาก มีอาการหาว เรอ คลื่นเหียน ขากรรไกรแข็ง พูดไม่ชัด ลิ้นกระด้างคางแข็ง มักเกิดแทรกลมอัมพาต หากรุนแรงทำให้ไม่รู้สึกตัว
* ลมอัมพฤต – ลมที่ทำให้เกิดอาการเคลื่อนไหวไม่ได้ โดยกระดูกไม่เคลื่อน
* ลมอัมพาต – ลมที่ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ และมีอาการกระดูกเคลื่อน
* ลมองคสูตร – ลมที่เกิดกับอวัยวะเพศและบริเวณหัวเหน่า ขาหนีบในเพศชายเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมาก ท่อน้ำอสุจิ อาการปวดร้าวสองราวข้างสันหลังสะท้อนไปถึงตาและศีรษะ
* กษัย – โรคกลุ่มหนึ่งเกิดจากการเสื่อมหรือความผิดปกติของร่างกาย จากความเจ็บป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาแล้วไม่หาย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามสาเหตะของการเกิดโรค คือ กษัยที่เกิดจากธาตุสมุฏฐาน มี 8 ชนิด กับกษัยที่เกิดจากอุปปาติกะโรค 18 ชนิด
* พรายเลือดพราวย้ำ – โรคจากตระกูลลมปลายปัตฆาต พบในหญิงก่อนวันมีรอบเดือน ประมาณ 7 วัน มีอาการจ้ำผื่นตามผิวหนังเนื่องจากความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน
* ดานเลือด – โรคที่เกิดกับหญิงวัยเจริญพันธุ์ มีประจำเดือนตกค้างภายในโพรงมดลูก ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ
* ดานลม – โรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ (ปัจฉิมวัย) มีสาเหตุเกิดจากอาการท้องผูกเป็นพิษ (เรื้อรัง) มีอาการถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือถ่ายอุจจาระเป็นก้อนเหมือนขี้แพะ ขี้แมว ในท้องเกิดเป็นเถา ดาน พรรดึก..

– ตัวอย่างกลุ่มอาการโรคที่สำคัญ

** อัมพาตใบหน้า เกิดจากลม 5 ชนิด คือ 1)ลมปลายปัตตฆาต 2)ลมสันนิบาต 3)ลมชิวหาสดมภ์ 4)ลมอัมพาต 5)ลมปะกัง
ขากรรไกรค้าง เกิดจากการที่ขากรรไกรเคลื่อนหลุดทั้งสองข้างทำให้ไม่สามารถที่จะหุบปากได้ เป็นอาการแบบเฉียบพลัน มักมีสาเหตุจากการหาวอย่างแรงหรืออุบัติเหตุ
* ลมตะกังหรือลมปะกัง ใกล้เคียงกับโรคไมเกรน เกิดจากความผิดปกติของการหด ขยายตัวผิดจังหวะของหลอดเลือดแดงในสมอง จะมีอาการปวดศีรษะตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
* ลมปลายปัตฆาตข้อศอก เกิดจากการแข็งตัวของเลือด การคั่ง การอั้นของเลือดที่บริเวณข้อศอก มีพังผืดรัดบริเวณข้อศอก เกิดจากการทำงานใช้ข้อศอกมาก หรืออุบัติเหตุ
สันนิบาตข้อมือตก เกิดจากการไหลเวียนของโลหิต การถูกกดเป็นเวลานาน ๆ ถูกความร้อนความเย็นนานเกินไปเกิดจากโรคบางชนิด
* นิ้วไกปืน เกิดจากการใช้งานหนัก พิษสัตว์กัดต่อย ความเสื่อมของร่างกาย ไขมันฝ่ามือหายไปหรือฝ่อตัวลง
* ลำบองข้อไม้ไผ่ (ลำบองข้อกระดูกสันหลัง) มีอาการปวดหลัง หลังแข็ง ข้อกระดูกสันหลังยึดติด และอาจมีการเสียรูปโครงสร้างกระดูกสันหลัง มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
* มดลูกเคลื่อน มี 3 ชนิด คือ มดลูกลอย (มีอาการคือการผายลมทางช่องคลอด) มดลูกตะแคง (มีอาการคือการตกขาวโดยไม่ติดเชื้อ) มดลูกต่ำ (มีอาการคือการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่)
* ยอกคู่ เป็นอาการอักเสบบาดเจ็บของกล้ามเนื้อชั้นลึกทั้ง 2 ข้าง อาการที่เกิดขึ้นจะเรียกอีกชื่อว่า ยอกสะดุ้ง
* สันนิบาตหนังตาตก (ตะเกียงหรี่) เกิดจากอดนอน ทำงานหนัก ภาวะเครียด ลักษณะอาการ คือ มีอาการตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น กำลังกล้ามเนื้อหนังตาไม่มีแรง อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้

– ตัวอย่างกลุ่มอาการสำคัญที่เกี่ยวกับการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ปลอกเอ็น เยื่อหุ้มเอ็น พังผืด ข้อต่ออักเสบ (ชนิดไม่ติดเชื้อ)

* กล้ามเนื้อยอก เป็นอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อลายชั้นลึกหรือเกิดจากการติดขัดของพลังประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดนั้น ไม่มีอาการร้าวชา
* ยอกหลัง เป็นอาการปลดหลังช่วงบั้นเอวบริเวณสีข้างด้านหลังแบบเฉียบพลันอาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ไม่มีการร้าวชา มีอาการลักษณะท่าเดินตัวแข็งแบบท่าแอ่นหน้าหรือแอ่นหลัง
* ยอกสะดุ้ง เป็นอาการปวดหลังช่วงบั้นเอวบริเวณสีข้างด้านหลังแบบเฉียบพลัน โดยเป็นทั้งสองข้าง ลักษณะอาการท่าเดินตัวแข็งแบบสืบเท้า
* ข้อเคลื่อน มีการเคลื่อนมุมของข้อต่อเป็นบางมุมหรือทั้งข้อและมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหรือเอ็นยึดข้อร่วมด้วย
* ข้อหลุด มีการเคลื่อนหลุดข้อต่อแบบสมบูรณ์ทั้งข้อมีการฉีกขาดของเอ็นและกล้ามเนื้อ มีการอักเสบปวด บวม แดง ร้อน มักพบที่ข้อที่มีการเคลื่อนไหวได้มาก คือ ไหล่ หรือสะโพก
* ข้อซ้น มีการเคลื่อน ขบ หรือการอักเสบบริเวณเอ็นยึดข้อ มักพบที่ข้อต่อนิ้วมือ นิ้วเท้า
* ข้อเคล็ด มีการช้ำบริเวณเอ็นยึดข้อและกล้ามเนื้อทำให้กระดูกข้อต่อเคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ
* ข้อแพลง มีการเคลื่อน ขบ หรือเคล็ด ช้ำ บริเวณเอ็น กล้ามเนื้อของข้อเท้า ซึ่งจะใช้เรียกอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ข้อเท้าว่า ข้อเท้าแพลง
* เข่าเสื่อม มีอาการอักเสบ ปวดข้อเข่าเรื้อรัง จนกระดูกข้อสึกมีหินปูนเกาะ ข้อเข้ายึดติด ขาโก่ง มักพบในคนอ้วนอายุ 40 ปีขึ้นไป และเป็นมากในเพศหญิง
ข้อเสื่อม เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่สะดวก มีเลือดตกตะกอนในข้อต่อทำให้เกิดการอักเสบ เกิดจากสภาวะใช้งานมากเกินไปหรือจากความเสื่อมของร่างกาย
สตรีหลังคลอดน้ำคาวไม่เดิน สภาวะน้ำคาวปลาเข้าเส้น ทำให้อาการปวดตึงตามกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่บริเวณเอวและขา
สตรีหลังคลอดน้ำคาวไม่เดิน สภาวะน้ำคาวปลาเข้าข้อ ทำให้มีอาการปวดตึงตามกล้ามเนื้อและข้อต่อทั่วร่างกาย ทำให้เกิดข้อเสื่อมเร็วและมักมีอาการร่างกายทนร้อนทนหนาวไม่ค่อยได้
* สะบ้าลอย เกิดจากลูกสะบ้ามีการเคลื่อนไหวได้มากกว่าปกติทำให้ลูกสะบ้าหลวมคลอน ข้อเข้าไม่กระชับ ข้อเข่าพลิกขบได้ง่าย
* หัวเข่าขัด เกิดจากข้อเข่ามีการเคลื่อนเบี่ยงขบกันทำให้เวลางอหรือเหยียดข้อเข่าได้ไม่สุดพิสัยข้อ มีอาการปวดและตึงบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา
* หัวเข่าตาย เกิดจากข้อเข่าเสื่อมมีหินปูนเกาะ ขาโก่ง ข้อเข่าติด
* สะบ้าพลิก เกิดจากอุบัติเหตุ ทำให้ลูกสะบ้าเคลื่อนพลิกหลุดออกมาด้านข้างแบบเฉียบพลัน เดินไม่ได้
* สะบ้าเจ่า เกิดจากโรคจับโปงแห้งเข่าเสื่อมเรื้อรังกล้ามเนื้อเข่าลีบ ลูกสะบ้าคลอน (ลูกสะบ้าไม่เคลื่อนไหว)
* สะบ้าบิน เกิดจากลูกสะบ้าเคลื่อนขึ้นด้านบน กล้ามเนื้อต้นขาอักเสบแข็งตึง ทำให้เวลาเดินเหยียดขาได้ไม่ตรง
* อาการชักกระตุกใบหน้าข้างเดียว ลักษณะอาการโรคจะมีการกระตุกที่มุมปาก โหนกแก้ม ใบหน้า และเขม่นตา เนื่องจากพลังกระแสประสาททำงานได้ไม่สะดวก
* อาการทางหู เช่น หูตึง หูอื้อ ลมออกหู มีเสียงดังในหู ปวดหู น้ำในหูไม่เท่ากัน..

  ชี่ , ลมปราณ , หรือระบบประสาท ในการแพทย์สมัยใหม่ เกิดจากปฏิกริยาทางเคมี ระหว่าง อิออนโซเดียม และ อิออนโปรตัสเซียม ทำให...
05/15/2016



ชี่ , ลมปราณ , หรือระบบประสาท ในการแพทย์สมัยใหม่ เกิดจากปฏิกริยาทางเคมี ระหว่าง อิออนโซเดียม และ อิออนโปรตัสเซียม ทำให้เกิดไฟฟ้าสื่อนำประสาทเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 - 100 เมตร ต่อวินาที

04/14/2016

ฤ ฤา ฤ ฤา ท่าฤาษีดัดตน แชร์เป็นความรู้ สุดยอดมาก

03/30/2016

Address

1730 Wilkes Avenue And West Locus St
Davenport, IA
52804

Opening Hours

Monday 9am - 7pm
Tuesday 9am - 7pm
Wednesday 9am - 7pm
Thursday 9am - 7pm
Friday 9am - 7pm
Saturday 9am - 7pm

Telephone

+15634451055

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Mandala Thai Yoga Bodywork, Massage & Reflexology posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to Mandala Thai Yoga Bodywork, Massage & Reflexology:

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

Category