06/04/2025
การสั่นสะเทือนที่พลิกชีวิต: การบำบัดด้วยพลังงานความถี่สูงและผลต่อระบบไหลเวียนฝอยของร่างกาย
ในกายภาพบำบัดปัจจุบัน เรามักให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบประสาท แต่แท้จริงแล้วยังมีระบบหนึ่งที่แฝงอยู่ในร่างกายและมีบทบาทต่อคุณภาพชีวิตอย่างลึกซึ้ง นั่นคือ ระบบไหลเวียนเลือดฝอย (microcirculation) — เครือข่ายเส้นเลือดขนาดเล็กที่เป็นเส้นทางสุดท้ายในการส่งออกซิเจนและสารอาหารสู่เนื้อเยื่อทุกอณู
เมื่อระบบนี้ทำงานผิดปกติ เช่นในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดส่วนปลาย (Peripheral Vascular Disease: PVD) ก็จะเกิดอาการปวด เหน็บชา หรือแผลเรื้อรังที่รักษายาก การฟื้นฟูจึงไม่อาจอาศัยเพียงการบริหารกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ต้องเจาะลึกถึงระดับจุลภาคของการไหลเวียน
จุดเริ่มต้นของการบำบัด: จากเลเซอร์โดปเปลอร์ถึงคลื่นพลังงาน
การวัดการไหลเวียนของเลือดฝอยในระดับจุลภาคนั้น จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อน เช่น การตรวจด้วยเลเซอร์-โดปเปลอร์ (Laser Doppler Flowmetry: LDF) ซึ่งสามารถตรวจจับความเร็วและความหนาแน่นของเม็ดเลือดแดงที่เคลื่อนผ่านผิวหนังได้ในระดับความลึกเพียง 1.5 มม. จากพื้นผิว
เครื่องมือชิ้นนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของวิธีการบำบัดใหม่ที่เรียกว่า
การบำบัดด้วยพลังงานความถี่สูง (High Tone Power Therapy: HTP Therapy) ซึ่งพัฒนาขึ้นในปี 1998 โดย Dr. H.U. May และมีการนำไปใช้ทั่วโลก
พลังงานที่มากกว่าคลื่นไฟฟ้า: กลไกของ High Tone Power Therapy
HTP Therapy ไม่ใช่เพียงการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น แต่คือการปล่อย คลื่นความถี่สูงระหว่าง 4,096 ถึง 32,768 Hz ที่เปลี่ยนแปลงความถี่ทุกวินาที ทำให้เกิด “แรงสั่นสะเทือนระดับโมเลกุล” ในเนื้อเยื่อ
แรงสั่นนี้ส่งผลต่อ:
การเปิดช่องทางเมตาบอลิซึมของเซลล์
การสื่อสารระหว่างเซลล์และการทำงานของเอนไซม์
การไหลเวียนของเลือดฝอยในพื้นที่รอบการกระตุ้น
เพิ่มจำนวนและขนาดของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์
ทั้งหมดนี้ส่งเสริม กระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และลดอาการปวด ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การศึกษาผลของ HTP ต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือด
ทีมวิจัยได้แบ่งผู้เข้าร่วมจำนวน 30 ราย (อายุ 22–76 ปี) ออกเป็น 2 กลุ่ม:
กลุ่ม A: ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดส่วนปลาย (16 ราย)
กลุ่ม B: บุคคลสุขภาพดี (14 ราย)
ทั้งสองกลุ่มได้รับการรักษาด้วย HTP Therapy บริเวณฝ่าเท้า จำนวน 10 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที โดยใช้เทคนิค SimulFAMx 10 Hz และวัดค่าการไหลเวียนของเลือดก่อนและหลังการรักษาด้วย LDF
ผลลัพธ์: เลือดที่ไหลดีขึ้น ความหวังที่ชัดเจนขึ้น
ค่าก่อนการบำบัด:
กลุ่ม A: มีค่าการไหลเฉลี่ยเริ่มต้น 15.34 ± 7.33 PU
กลุ่ม B: เริ่มต้นที่ 9.22 ± 4.65 PU
หลังการบำบัด:
กลุ่ม A: ค่าการไหลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะค่า Max PU (+1.81) และค่าเฉลี่ย (+1.45)
กลุ่ม B: ค่าการไหลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในค่าเฉลี่ยและค่าน้อยสุด แต่ Max PU กลับลดลงเล็กน้อยในบางราย
การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้ป่วยสะท้อนให้เห็นว่า HTP Therapy มีผลต่อการกระตุ้นระบบหมุนเวียนฝอยในระดับที่เป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดเสื่อม
มุมมองของนักกายภาพบำบัด: จุดร่วมของพลังงานและการฟื้นฟู
ปัญหาการไหลเวียนโลหิตในหลอดเลือดฝอยไม่เพียงแต่ส่งผลต่อระบบหัวใจเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นเหตุของการฟื้นตัวที่ล่าช้า อาการชาเรื้อรัง และแผลที่หายยาก การฟื้นฟูระบบนี้จึงเป็นงานที่นักกายภาพบำบัดไม่ควรมองข้าม
แม้ว่าในอดีตการฟื้นฟูหลอดเลือดจะเน้นที่ การออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียน (kinesitherapy) แต่ HTP Therapy ได้เปิดประตูสู่วิธีการใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งแรงจากผู้ป่วย แต่เป็นการ กระตุ้นจากระดับเซลล์ และช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูด้วยตนเอง
บทสรุป: จากไฟฟ้า สู่วิถีแห่งการฟื้นฟู
การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า HTP Therapy ไม่ใช่เพียงแค่กระแสไฟฟ้า แต่คือพลังงานที่ถูกออกแบบอย่างแม่นยำทางชีวฟิสิกส์ เพื่อปรับจังหวะการทำงานของเซลล์ระดับจุลภาค ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนฝอย
แม้ผลการศึกษาจะยังต้องการกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ขึ้น และการเปรียบเทียบกับวิธีอื่น ๆ แต่ผลเบื้องต้นชี้ชัดว่า HTP Therapy อาจเป็นคำตอบใหม่ของการฟื้นฟูระบบหลอดเลือดฝอยที่เสื่อม โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิม
ขอขอบคุณงานวิจัยต้นฉบับ
The influence of high tone power therapy on the peripheral microcirculation in the lower limbs numer DOI 10.2478/v10109-010-0038-3
Iwona Nowakowska1, Joanna Szymańska1, Joanna Witkoś1, Magdalena Wodarska1, Marcin Kucharzewski2, Maciej Dembkowski3
พบกับ hightone Therapy ที่นี่ที่เดียว
https://prapatsorn.co.th/hitop-4-touch-2-touch-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a1/