Bettercm

Bettercm Contact information, map and directions, contact form, opening hours, services, ratings, photos, videos and announcements from Bettercm, Health & Wellness Website, Port-Vila.

26/09/2025
🧝การดูแลตนเองสำหรับปัญหาผิวหนังบทความนี้ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาผิวหนัง...
26/09/2025

🧝การดูแลตนเองสำหรับปัญหาผิวหนัง

บทความนี้ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาผิวหนังที่พบบ่อย เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema), ผิวแห้ง, การป้องกันแสงแดด, และสิว โดยเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป

♉1. การจัดการโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)

กรณีศึกษา: ผู้หญิงอายุ 32 ปี มีผื่นคันและรอยแดงบริเวณข้อพับด้านหลังเข่าและข้อศอก ซึ่งเมื่ออากาศเย็นลงอาการจะแย่ลง

คำแนะนำ:
* อาการดังกล่าวสอดคล้องกับการกำเริบของ โรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งมักมีปัจจัยกระตุ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สารก่อภูมิแพ้ หรือสารระคายเคือง
* มอยส์เจอไรเซอร์: เป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแล ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอม ทาหลายครั้งต่อวัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ เพื่อช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ เซราไมด์ (ceramides) หรือ colloidal oatmeal
* ยาบรรเทาอาการ: สามารถใช้สเตียรอยด์แบบทาชนิดความเข้มข้นต่ำ (เช่น Hydrocortisone 1% cream) ทาบริเวณที่อักเสบและคัน วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลาไม่เกิน 7 วัน
* สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: สบู่ที่รุนแรง น้ำร้อนจัด เสื้อผ้าขนสัตว์ และสารก่อภูมิแพ้
* คำแนะนำเพิ่มเติม: หากอาการไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์หรือแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์

♉2. การจัดการผิวแห้ง

กรณีศึกษา: ผู้ชายอายุ 45 ปี มีผิวแห้งมาก หยาบ เป็นขุย และบางครั้งมีอาการคัน โลชั่นที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล

คำแนะนำ:
* ควรเปลี่ยนไปใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นสูง (emollient) ที่มีความข้นและ ปราศจากน้ำหอม เช่น Eucerin, CeraVe หรือ Aquaphor ทาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
* เทคนิคการทา: ควรทาทันทีหลังอาบน้ำในขณะที่ผิวยังหมาด เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
* การอาบน้ำ: จำกัดเวลาอาบน้ำให้น้อยกว่า 10 นาที ใช้น้ำอุ่น (ไม่ใช่น้ำร้อน) และเปลี่ยนไปใช้ ผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำหอมสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
* การบรรเทาอาการคัน: หากมีอาการคันต่อเนื่อง สามารถลองอาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ colloidal oatmeal หรือใช้สเตียรอยด์แบบทา ความเข้มข้นต่ำในระยะสั้น
* คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และสังเกตผิวเพื่อเฝ้าระวังรอยแตกหรือสัญญาณของการติดเชื้อ

♉3. การป้องกันแสงแดด (Sunscreen)

กรณีศึกษา: ผู้หญิงอายุ 27 ปี ชื่นชอบการวิ่งกลางแจ้ง และสังเกตเห็นกระและรอยแดงบนแก้ม ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับครีมกันแดด

คำแนะนำ:
* การป้องกันแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันผิวแก่ก่อนวัยและลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง
* ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันทั้งรังสี UV-A และ UV-B
* สำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกสูตรกันน้ำ (water-resistant)
* ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical/Mineral Sunscreens) ที่มีส่วนผสมของ ซิงก์ออกไซด์ (zinc oxide) หรือ ไทเทเนียมไดออกไซด์ (titanium dioxide) มักระคายเคืองผิวน้อยกว่า
* วิธีใช้: ทาครีมกันแดด 15-30 นาทีก่อนออกแดด และทาซ้ำทุก 80-120 นาที โดยเฉพาะเมื่อมีเหงื่อออกหรือว่ายน้ำ
* คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แดดจัดที่สุดคือ 10.00 น. ถึง 14.00 น. และใช้เสื้อผ้าป้องกัน เช่น หมวก เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และแว่นกันแดด

♉4. การจัดการสิว (Acne)

กรณีศึกษา: นักศึกษามหาวิทยาลัยอายุ 19 ปี มีสิวเห่อบนหน้าผากและแก้มมากขึ้นจากความเครียด และผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ (scrub และ astringent) ทำให้ผิวแดงขึ้น

คำแนะนำ:
* สิวเป็นเรื่องปกติและอาจเกิดจากความเครียด ฮอร์โมน หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
* ควรหยุดใช้ scrub และ astringent ที่รุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและสิวแย่ลง
* แนะนำให้ใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง และลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ:
* Benzoyl Peroxide (2.5%-5.0%): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและลดการอักเสบ
* Salicylic Acid (0.5%-2.0%): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเปิดรูขุมขนที่อุดตัน
* วิธีใช้: ควรเริ่มใช้ทีละน้อย และทาวันละครั้ง แล้วทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (noncomedogenic) เพื่อป้องกันผิวแห้ง
* ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยแผลเป็น
* คำแนะนำเพิ่มเติม: หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไป 6-8 สัปดาห์ หรืออาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม

😀มีปัญหาผิวพรรณ​ สามารถปรึกษา​ได้​กับเภสัชกร​ประจำ​ร้านยา

https://www.pharmacytimes.com/view/self-care-for-dermatological-conditions

Discover effective strategies for managing eczema, dry skin, sun protection, and acne with expert recommendations for OTC treatments.

วัคซีน RSV ปกป้องผู้สูงอายุและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณสุข---บทความทบทวนที่เผยแพร่ในวารสาร *Journal of Virology* ระบุว่า ผู้...
26/09/2025

วัคซีน RSV ปกป้องผู้สูงอายุและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณสุข
---

บทความทบทวนที่เผยแพร่ในวารสาร *Journal of Virology* ระบุว่า ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus - RSV) ที่รุนแรง เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ลดลงและภาวะโรคเรื้อรัง ทำให้การฉีดวัคซีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและสุขภาพ

ทำไมผู้สูงอายุจึงมีความเสี่ยงสูงต่อ RSV?

แม้ว่าผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเกือบทุกคนเคยสัมผัสกับเชื้อ RSV มาแล้ว แต่พวกเขายังคงเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รุนแรง การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางชีวภาพและทางคลินิก ดังนี้:

โครงสร้างปอดเสื่อมลง: การทำงานของปอดที่ลดลงตามอายุ เช่น ความยืดหยุ่นของถุงลมลดลง ทำให้ RSV สามารถเจาะลึกเข้าไปในทางเดินหายใจส่วนล่างได้ง่ายขึ้น

โรคเรื้อรัง: ภาวะสุขภาพเรื้อรังจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของ RSV อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ป่วย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), โรคหอบหืด, ภาวะหัวใจล้มเหลว, โรคไตเรื้อรัง และ โรคเบาหวาน

ภาวะภูมิคุ้มกันเสื่อมถอย (Immunosenescence): ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงตามวัยทำให้การป้องกันไวรัสอ่อนแอลง นำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นและนานขึ้น

การตอบสนองของแอนติบอดีไม่มีประสิทธิภาพ: ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการติดเชื้อครั้งก่อน ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการเกิดโรครุนแรงในประชากรกลุ่มนี้ได้

ผลกระทบจากการติดเชื้อ RSV ในผู้สูงอายุ

* คาดว่าในสหรัฐอเมริกามีผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจาก RSV ประมาณ 110,000 ถึง 180,000 รายต่อปี
* อาการอาจเริ่มคล้ายหวัดทั่วไป แต่สามารถพัฒนาไปสู่ภาวะที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ มีไข้ ไออย่างรุนแรง หายใจมีเสียงหวีด หรือหายใจลำบาก
* RSV สามารถทำให้อาการของโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ เช่น COPD หรือหัวใจล้มเหลว แย่ลง จนนำไปสู่การเข้ารักษาในโรงพยาบาลหรือถึงแก่ชีวิตได้

ความสำคัญและคำแนะนำในการฉีดวัคซีน

คำแนะนำจาก CDC: องค์กรควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) แนะนำให้ฉีดวัคซีน RSV เพียง 1 โดส แก่ผู้ที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไปทุกคน และผู้ที่มีอายุ 60-74 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยที่รุนแรง
วัคซีน RSVที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA มีแล้ว 3 ชนิด ได้แก่ Arexvy (GSK), Abrysvo (Pfizer) และ mRESVIA (Moderna)

ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน:
* การฉีดวัคซีนแสดงให้เห็นว่าให้ การป้องกันที่แข็งแกร่งต่อโรคร้ายแรง
* แบบจำลองทางการแพทย์ชี้ให้เห็นว่า หากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างจะสามารถลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ถึง 35% ถึง 64%

การค้นพบเหล่านี้เน้นย้ำว่า การใช้วัคซีนในผู้สูงอายุในวงกว้าง และการติดตามความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ RSV ทั่วโลกได้

https://www.pharmacytimes.com/view/rsv-vaccination-in-older-adults-provides-strong-protection-and-public-health-benefits

Older adults face heightened risks from RSV due to declining immunity and chronic conditions, making vaccination crucial for prevention and health.

บทบาทสำคัญและขาดไม่ได้ของเภสัชกรในการจัดการยา GLP-1 และเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ของผู้ป่วย --- ยา GLP-1 Receptor Agonists ...
26/09/2025

บทบาทสำคัญและขาดไม่ได้ของเภสัชกรในการจัดการยา GLP-1 และเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ของผู้ป่วย
---

ยา GLP-1 Receptor Agonists (RAs) ได้เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ของการดูแลโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างรวดเร็ว โดยขยายขอบเขตจากแค่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไปสู่การช่วยลดน้ำหนักและการปกป้องอวัยวะต่าง ๆ (เช่น หัวใจและหลอดเลือด ไต)

เภสัชกรถือเป็นบุคลากรสำคัญที่ทำงานในด่านหน้าในการบริหารจัดการการรักษาด้วยยา GLP-1 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

วิวัฒนาการและการใช้ยา GLP-1
ยา GLP-1 RA ได้รับการพัฒนาให้ใช้ได้กับภาวะ น้ำหนักเกินและโรคอ้วน นอกเหนือจากการรักษา โรคเบาหวานชนิดที่ 2
ยาที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ semaglutide (ยาฉีด เช่น Ozempic/Wegovy และยารับประทาน เช่น Rybelsus), dulaglutide (Trulicity) และ tirzepatide (Mounjaro)
ผลการวิจัยพบว่า ยาเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดระดับน้ำตาล แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดและไตอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและการควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย

บทบาทที่ขาดไม่ได้ของเภสัชกร

เภสัชกรมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยอย่างครอบคลุมในหลายด้าน:

1. การให้ความรู้และการจัดการผลข้างเคียง:
เภสัชกรจะให้ความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้ยา การจัดการผลข้างเคียง และการให้การดูแลแบบองค์รวม (holistic) รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและโภชนาการ
ให้คำแนะนำว่า หากมีผลข้างเคียงที่พอทนได้ ควรใช้ยาต่อไปอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
2. การช่วยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์:
เภสัชกรสามารถช่วยผู้ป่วยตัดสินใจเลือกระหว่าง ยาฉีด (ออกฤทธิ์ 100% และประสิทธิภาพสูงในการลดน้ำหนัก) กับ ยากิน (ทางเลือกสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม)
ยาเม็ด Rybelsus (semaglutide ชนิดเม็ด) ต้องกินในขณะท้องว่างและต้องรออย่างน้อย 30 นาที ก่อนกินอาหารหรือยาอื่น ๆ ซึ่งเภสัชกรต้องให้คำแนะนำการใช้ที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด
3. การนำทางการเข้าถึงยา:
เภสัชกรมีบทบาทสำคัญในการ คัดกรองผู้ป่วยที่เหมาะสม (เช่น ผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลินสูง)
4. การปรับขนาดยาเฉพาะบุคคล:
เภสัชกรสามารถเสนอการปรับเพิ่มขนาดยา (titration) ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยอาจปรับตารางการให้ยา และอัตราการเพิ่มยาตามความทนทานส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

โดยสรุปแล้ว เภสัชกรมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการยา GLP-1 ที่ซับซ้อนเหล่านี้ ซึ่งช่วยปิดช่องว่างในการดูแลสุขภาพและสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถบรรลุผลลัพธ์ด้านสุขภาพในระยะยาวได้ดีที่สุด

https://www.pharmacytimes.com/view/the-pharmacist-s-expanding-indispensable-role-in-optimizing-glp-1-management-and-patient-outcomes

Pharmacists contribute across direct patient care and education, adherence, and facilitating access.

โรคติดเชื้อ RSV เกิดจากเชื้อไวรัส RSV-A และ RSV-B ซึ่งเป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุ...
26/09/2025

โรคติดเชื้อ RSV เกิดจากเชื้อไวรัส RSV-A และ RSV-B ซึ่งเป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี มันสามารถติดต่อได้ผ่านการหายใจและการสัมผัส โดยเชื้อตัวนี้สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง และสามารถอยู่ที่มือของเราได้นานประมาณ 30 นาที

อาการเริ่มแรกของ RSV จะเหมือนกับไข้หวัดธรรมดามาก ๆ พอป่วยเข้าวันที่ 3-4 อาการที่แสดงคือไข้สูง ไอ อาการเริ่มหนัก มีเสมหะตามมา เริ่มลงหลอดลม ปอด พอไข้สูง เด็กก็จะกินข้าวไม่ได้ อาการก็เริ่มแย่ลง หากปอดอักเสบ ก็จะได้รับการรักษาด้วยการเคาะปอด ดูดเสมหะ พ่นยาทุก 4-6 ชั่วโมงตามอาการ แล้วก็ต้องเอ็กซ์เรย์ว่าลงปอดหรือหลอดลมแล้วหรือยัง ค่าใช้จ่ายมันก็สูงตามไปด้วย แล้วระยะเวลาการรักษามันก็นาน อย่างโรคอื่นแอดมิทแค่ 1-2 วัน แต่ถ้า RSV อย่างน้อย ๆ คือ 3-5 วัน

ในประเทศไทย หากผู้ตั้งครรภ์ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ RSV พวกเขาต้องจ่ายเงินซื้อเองโดยมีราคาเริ่มต้นที่ 9,000-10,000 ขึ้นไป ส่วนเด็กเล็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ผู้ปกครองอาจเลือกฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV และลดความรุนแรงของอาการในเด็กเล็ก แต่ราคานั้นเริ่มต้นที่ 18,000-20,000 บาทขึ้นไป

https://www.bbc.com/thai/articles/cvgvr9m3kg2o

บีบีซีไทยพูดคุยกับสองครอบครัวที่ต้องดูแลลูกเล็กที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อ RSV ทั้งคู่เป็นชนชั้นกลางอยู่ในกร....

25/09/2025

[PED Dose Calculator] ไฟล์ Excel 💻 ‘Dose ยาเด็ก’ 👶🏻

📌 ฟังก์ชัน
- Pediatric Dose Calculator : ขนาดยาเด็กทั่วไป
- Pediatric ATB Calculator : ขนาดยาปฏิชีวนะเด็ก
- IV Fluid Rate Calculator : คำนวณอัตราเร็วของสารน้ำเด็ก ตาม degree dehydration และชนิดสารน้ำที่แนะนำ
- PALS 2020 Calculator : คำนวณขนาดยา และอุปกรณ์ที่ใช้ในการ resus ผู้ป่วยเด็ก
- IBW Calculator

** ให้โหลดไฟล์ลงคอม ‘ไม่แนะนำ’ ให้ใช้ผ่าน google sheet นะครับ 🙂 ไฟล์แก้ไขได้เฉพาะน้ำหนัก กับส่วนที่คำนวณน้ำหนัก ที่เหลือเป็น auto cal 🧮 นั่งทางในเขียนสูตรเอง อาจจะผิดบ้างต้องขออภัย
** ฝากลองใช้แล้ว feedback หน่อยนะครับ จะได้แก้ไข (อยากทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ) ถ้าผิดสะกิดบอกได้ 🙏🏻🙏🏻 ซึ่งคิดว่ามีผิดแน่นอน ทำเองพรูฟเอง อ่านเข้าข้างตัวเองหมด

'ช่องทางธรรมชาติ' อยู่ในคอมเมนต์ 👇🏻👇🏻👇🏻

‼️เตือน. ยาคลายกล้ามเนื้อ Baclofen และ Tizanidine เพิ่มความเสี่ยงบาดเจ็บในผู้สูงอายุ ผลการศึกษาขนาดใหญ่ชี้ว่า ผู้สูงอายุ...
24/09/2025

‼️เตือน. ยาคลายกล้ามเนื้อ Baclofen และ Tizanidine เพิ่มความเสี่ยงบาดเจ็บในผู้สูงอายุ

ผลการศึกษาขนาดใหญ่ชี้ว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับยาคลายกล้ามเนื้อ Baclofen (LIOBAC®, Musclofen®) หรือ Tizanidine (Sirdalud®) มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น หกล้มและกระดูกหัก สูงกว่าผู้ที่ได้รับยา Cyclobenzaprine (Flexeril®, Amrix®)

▶️ รายละเอียดการศึกษา:
* นักวิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังจากระบบสุขภาพในแคลิฟอร์เนียใต้
* กลุ่มศึกษาประกอบด้วยผู้เข้าร่วมอายุ 65-99 ปี จำนวน 87,896 ราย ที่ได้รับยาคลายกล้ามเนื้อ หนึ่งในสามตัว ระหว่างปี 2551-2561
* ติดตามผลลัพธ์การบาดเจ็บรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ฉุกเฉิน หรือคลินิกเร่งด่วน

⏩ ผลการวิจัยที่สำคัญ:
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยา Cyclobenzaprine:
1. ผู้ที่ได้รับยา Baclofen:
* มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บโดยรวมสูงกว่า 1.69 เท่า
* มีความเสี่ยงต่อการหกล้มจนกระดูกหักสูงกว่า 1.98 เท่า
* มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักสูงกว่า 1.37 เท่า
* มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่สมองหรือข้อหลุดสูงกว่า 2.50 เท่า

2. ผู้ที่ได้รับยา Tizanidine:
* มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บโดยรวมสูงกว่า 1.34 เท่า
* มีความเสี่ยงต่อการหกล้มจนกระดูกหักสูงกว่า 1.58 เท่า

⏭️ ปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยง: ได้แก่ มีประวัติหกล้ม, โรคพาร์กินสัน, การใช้ยาต้านเศร้า, และภาวะไตวาย

🔴 ผู้วิจัยสรุปว่า "ยา Baclofen และ Tizanidine ไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า Cyclobenzaprine สำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก"
และควรพิจารณาเพิ่มยาเหล่านี้ใน Beers Criteria ของ American Geriatrics Society และเอกสารคำแนะนำอื่นๆในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน Beers Criteria แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ในผู้สูงอายุอยู่แล้ว แต่ยังไม่รวมยา 2 ตัวนี้

🔳 ข้อจำกัดของการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง และไม่ได้ประเมินผลจากขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยา

‼️ การใช้ยาใดๆ ในผู้สูงอายุควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างใกล้ชิด โดยชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงเสมอ

😀มีปัญหา​เ​รื่องก​ารใช้ยา​ ​เชิญ​ปรึกษา​เภสัชกร​ประจำ​ร้านยา​

💢Safety of Baclofen and Tizanidine in Older Adults: A Retrospective Cohort Study in a Large Integrated Health Care System, Journal of the American Geriatrics Society (JAGS), 13 September 2025
https://doi.org/10.1111/jgs.70097
Baclofen, Tizanidine Linked to Higher Injury Risk in Seniors
Edited by Manasi Talwadekar, September 19, 2025
https://www.medscape.com/viewarticle/baclofen-tizanidine-linked-higher-injury-risk-seniors-2025a1000oxh
.

Background The AGS 2023 updated Beers Criteria for potentially inappropriate medication use in older adults recommends avoidance of skeletal muscle relaxants (SMRs) for musculoskeletal complaints. T...

การใช้เมลาโทนินในเด็กโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: พบการใช้สูง ผลลัพธ์หลากหลาย22 กันยายน 2568 — ผลการสำรวจจากผู้ดูแลเด็กชี้ให้เ...
24/09/2025

การใช้เมลาโทนินในเด็กโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: พบการใช้สูง ผลลัพธ์หลากหลาย

22 กันยายน 2568 — ผลการสำรวจจากผู้ดูแลเด็กชี้ให้เห็นว่า การให้เมลาโทนินในเด็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis - AD) เพื่อปรับปรุงการนอนหลับและบรรเทาอาการคัน มีผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ

วิธีการศึกษา:
นักวิจัยทำการสำรวจผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กจำนวน 102 ราย ที่มีเด็กป่วยเป็นโรค AD (อายุเฉลี่ย 5.5 ปี) ณ โรงพยาบาลเด็กบอสตัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงธันวาคม 2567 เพื่อประเมินรูปแบบและประสิทธิผลของการใช้เมลาโทนิน

ผลการสำรวจที่สำคัญ:
1. อัตราการใช้สูง: พบว่าเด็กโรค AD ร้อยละ 27.5 มีการใช้เมลาโทนิน โดยอัตราการใช้ตลอดชีวิตสูงที่สุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-9 ปี (46.4%) และ 14-17 ปี (38.5%) และในเด็กที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย (56.3% เทียบกับ 22.1% ในเด็กที่ไม่มีโรคประจำตัว)
2. การตัดสินใจใช้ด้วยตนเอง: ผู้ดูแล ร้อยละ 32.1 ที่เริ่มให้เมลาโทนินตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ในขณะที่ ร้อยละ 50 เริ่มใช้ด้วยตนเอง
3. รูปแบบและขนาดยา: ผลิตภัณฑ์เมลาโทนินทั้งหมดที่ใช้เป็นแบบหาซื้อได้เองตามร้านขายยา (over-the-counter) โดยรูปแบบเยลลี่ (gummies) เป็นที่นิยมที่สุด (85.7%) ขนาดยาที่ใช้อยู่ในช่วง 0.5 ถึง 10 มิลลิกรัม (ขนาดยามัธยฐานอยู่ที่ 3 มิลลิกรัม)
4. ความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผล: ผู้ดูแล ร้อยละ 53.5 รายงานว่าเมลาโทนินมีผล "มาก" หรือ "ปานกลาง" ในการช่วยการนอนหลับในเด็ก และ ร้อยละ 32.2 ช่วยลดอาการคันได้ในเด็ก
5. กลุ่มผู้ใช้มีปัญหาการนอนมากกว่า: กลุ่มเด็กที่ใช้เมลาโทนินมีคะแนนความผิดปกติในการนอนหลับสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้อย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มจะนอนไม่เป็นเวลามากกว่า

สรุปและข้อจำกัดของงานวิจัย:
ผู้วิจัยสรุปว่า "เมลาโทนินถูกใช้อย่างกว้างขวางในเด็กโรค AD โดยมีอัตราการเริ่มใช้ด้วยตนเองสูง ความแปรปรวนของขนาดยาค่อนข้างมาก และการรับรู้ถึงประสิทธิผลจากผู้ดูแลมีความหลากหลาย" จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เช่น การทดลองแบบสุ่ม (RCTs) และการศึกษาแบบ longitudinal เพื่อยืนยันบทบาทที่ชัดเจนของเมลาโทนินในการจัดการอาการนอนหลับผิดปกติในเด็กโรค AD

งานวิจัยนี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่น เป็นการศึกษาในศูนย์เดียว อาศัยการรายงานจากผู้ดูแลเป็นหลัก และไม่ได้วัดผลการนอนหลับด้วยอุปกรณ์วัตถุวิสัย

แหล่งที่มา: การศึกษานำโดย Sarah Lee จาก Harvard Medical School ตีพิมพ์ออนไลน์ในวารสาร Pediatric Dermatology เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา

https://www.medscape.com/viewarticle/melatonin-use-common-often-self-directed-mixed-benefits-2025a1000p3w

Melatonin use is common in children with atopic dermatitis, but its perceived effectiveness for sleep and itching is inconsistent, a study finds.

ทางเลือกใหม่ป้องกัน RSV ในทารกแรกเกิดได้รับอนุมัติจากสหภาพยุโรป  22 กันยายน 2568  — หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปได้ก้าวใกล้...
24/09/2025

ทางเลือกใหม่ป้องกัน RSV ในทารกแรกเกิดได้รับอนุมัติจากสหภาพยุโรป

22 กันยายน 2568 — หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปได้ก้าวใกล้สู่การอนุมัติยา ENFLONSIA™ (clesrovimab-cfor) บริษัท Merck Sharp & Dohme (MSD) สำหรับการป้องกันโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างจากเชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ในทารกแรกเกิดและเด็กเล็กในช่วงฤดูระบาดของ RSV ครั้งแรกของชีวิต

ความสำคัญของปัญหา:
เชื้อ RSV เป็นไวรัสระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยตามฤดูกาล และเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้ทารกต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วโลก โดยในสหภาพยุโรป นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร คาดว่า RSV ก่อให้เกิดการนอนโรงพยาบาลในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีประมาณ 250,000 รายต่อปี

กลไกการออกฤทธิ์:
ENFLONSIA™ เป็น แอนติบอดี monoclonal ที่ออกแบบมาเพื่อให้ภูมิคุ้มกันแบบพาสซีฟแก่ทารก ในช่วงที่เสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงที่สุด สาร clesrovimab มีการดัดแปลงกรดอะมิโนสามตำแหน่งในส่วน Fc เพื่อเพิ่มการจับกับตัวรับ Fc ของทารกแรกเกิด ทำให้มันมีครึ่งชีวิตในร่างกายที่ยาวนานขึ้น ตัวยาทำงานโดยการจับกับโปรตีนฟิวชันของไวรัส RSV เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสเกาะและเข้าสู่เซลล์เจ้าบ้าน

ประสิทธิภาพจากงานวิจัย:
จากการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 2b/3 (CLEVER trial) ในทารก 3,614 ราย ที่ได้รับ clesrovimab ขนาด 105 มก. ฉีดเข้ากล้ามเพียงครั้งเดียว พบว่าเมื่อติดตามผลนาน 150 วัน:
* อุบัติการณ์ของการติดเชื้อ RSV ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างที่ต้องพบแพทย์ ลดลงประมาณ 60.4% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
* การนอนโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับ RSV ลดลงประมาณ 84.2%
* โปรไฟล์ความปลอดภัยอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

ข้อดีและวิธีการใช้:
หากได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ENFLONSIA™ จะมาพร้อมกับข้อดีหลักดังนี้
* ฉีดเข้ากล้ามเพียงครั้งเดียว ขนาด 105 มก. โดยไม่ต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวทารก
* ป้องกันได้ยาวนาน: หนึ่งโดสสามารถให้ภูมิคุ้มกันที่ปกป้องทารกได้นาน สูงสุด 5 เดือน ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาของฤดูระบาดของ RSV ในยุโรปที่มักเกิดขึ้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูใบไม้ผลิ
* ความสะดวก: จัดเตรียมในรูปแบบกระบอกฉีดยาพร้อมใช้งาน (prefilled syringe)

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: ได้แก่ อาการปวด บวม แดง รอบๆ บริเวณที่ฉีด และมีผื่น

การมาของ ENFLONSIA™ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในการปกป้องทารกจากโรค RSV ที่รุนแรง โดยเฉพาะการที่ให้ป้องกันได้ยาวนานด้วยการฉีดเพียงครั้งเดียว ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและเพิ่มความครอบคลุมของการป้องกัน

The single-dose monoclonal antibody, Enflonsia, is designed to protect infants for up to 5 months — covering an entire respiratory syncytial virus season.

ความหวังใหม่สำหรับผู้หญิง: EMA อนุมัติยารักษาอาการร้อนวูบวาบจากวัยทองและมะเร็งเต้านม  22 กันยายน 2568  — คณะกรรมการด้านผ...
24/09/2025

ความหวังใหม่สำหรับผู้หญิง: EMA อนุมัติยารักษาอาการร้อนวูบวาบจากวัยทองและมะเร็งเต้านม

22 กันยายน 2568 — คณะกรรมการด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับมนุษย์ ของ European Medicines Agency (EMA) ได้ให้การสนับสนุนการอนุมัติยาตัวใหม่ชื่อ "ลินคิวเอท" (Lynkuet, ชื่อสาร elinzanetant) จากบริษัท Bayer AG สำหรับการรักษาอาการร้อนวูบวาบในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งเกิดจากวัยทอง หรือจากการ รักษามะเร็งเต้านมด้วยการบำบัดทางฮอร์โมน (adjuvant endocrine therapy - AET)

กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับประโยชน์:
1. หญิงวัยหมดประจำเดือน ที่มีอาการร้อนวูบวาบรบกวนชีวิตประจำวัน
2. ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน ที่ต้องได้รับการบำบัดด้วยฮอร์โมน (AET) ซึ่งมักก่อให้เกิดอาการคล้ายวัยทอง

อาการร้อนวูบวาบส่งผลต่อผู้หญิงสูงถึง 80% ในช่วงวัยทอง และมากกว่าหนึ่งในสามมีอาการรุนแรงซึ่งอาจคงอยู่นานกว่า 10 ปี ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต

กลไกการออกฤทธิ์ที่เป็นนวัตกรรม:
ยาลินคิวเอททำงานแตกต่างจากฮอร์โมนทดแทนแบบดั้งเดิม โดยไปยับยั้งตัวรับ NK-1 และ NK-3 บนเซลล์ประสาท KNDy ในสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง (เช่น ในวัยทองหรือระหว่างการรักษามะเร็ง) เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ การยับยั้งนี้ช่วยปรับสมดุลการควบคุมอุณหภูมิร่างกายและลดอาการดังกล่าว

ประสิทธิภาพจากงานวิจัย:
ผลจากการศึกษาระยะที่ 3 จำนวน 4 การศึกษา (OASIS 1, 2, 3, และ 4) พบว่า:
OASIS 1 และ 2: ในหญิงวัยทอง อาการร้อนวูบวาบทั้งความถี่และความรุนแรงลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก โดยภายในสัปดาห์ที่ 26 มากกว่า 80% ของผู้ที่ได้รับยามีความถี่ของอาการลดลงอย่างน้อย 50% และยังเห็นการพัฒนาของคุณภาพการนอนหลับและคุณภาพชีวิตโดยรวม
OASIS 3: ยืนยันว่าผลการรักษามีความคงทนต่อเนื่องไปจนถึง 52 สัปดาห์
OASIS 4: ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับฮอร์โมนบำบัด ยาก็แสดงประสิทธิภาพในการลดความถี่ของอาการร้อนวูบวาบและปรับปรุงการนอนหลับได้เช่นกัน

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: ได้แก่ อ่อนเพลีย, ง่วงนอน, ปวดศีรษะ, ท้องเสีย, และกล้ามเนื้อหดเกร็ง สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม อาจพบ อาการซึมเศร้า เป็นผลข้างเคียงเพิ่มเติม
ข้อห้ามใช้: ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์

รูปแบบยา: แคปซูลนิ่มขนาด 60 มก. กินวันละครั้ง

ยาลินคิวเอทถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการจัดการอาการร้อนวูบวาบ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการใช้ฮอร์โมนทดแทน และสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ต้องการบรรเทาอาการจากผลข้างเคียงของการรักษา

ขั้นตอนต่อไปคือการรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ก่อนที่จะสามารถวางจำหน่ายได้อย่างเป็นทางการ

https://www.medscape.com/viewarticle/women-can-expect-hot-flush-relief-following-ema-greenlight-2025a1000p78

Lynkuet, a dual neurokinin receptor antagonist, showed meaningful reductions in hot flush frequency and severity in postmenopausal women and breast cancer patients in clinical trials.

ยาลดน้ำหนัก GLP-1 ส่งผลต่อความต้องการทางเพศ: สิ่งที่ควรรู้ ในขณะที่ยากลุ่ม GLP-1 receptor agonists กำลังเป็นที่นิยมอย่าง...
24/09/2025

ยาลดน้ำหนัก GLP-1 ส่งผลต่อความต้องการทางเพศ: สิ่งที่ควรรู้

ในขณะที่ยากลุ่ม GLP-1 receptor agonists กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงสำหรับรักษาโรคอ้วนและเบาหวานชนิดที่ 2 มีผลข้างเคียงหนึ่งที่พูดถึงไม่บ่อยนัก นั่นคือ ผลกระทบต่อความต้องการทางเพศ (Libido) ที่อาจลดลงหรือด้อยลง

กลไกที่อาจส่งผลต่อความต้องการทางเพศ

ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นกลไกหลักสองประการที่อาจเป็นสาเหตุ:

1. การลดโดปามีนในสมอง: ยากลุ่มนี้ไปลดสัญญาณโดปามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับระบบสัญญาณความพึงพอใจของสมอง ซึ่งไม่เพียงลดความอยากอาหารแต่ยังอาจส่งผลต่อกิจกรรมที่ให้ความพึงพอใจอื่นๆ รวมถึงความใกล้ชิดทางเพศ

2. การเพิ่มขึ้นของสารเซโรโทนิน: บางการศึกษาชี้ว่ายาอาจไปเสริมการทำงานของเซโรโทนิน ซึ่งในบางบริบทก็ว่ามีผลลดความต้องการทางเพศ

"ทั้งการส่งสัญญาณโดปามีนที่ลดลง และระดับเซโรโทนินที่สูงขึ้น อาจส่งผลให้การตอบสนองต่อความพึงพอใจโดยรวมลดลง"

เนื่องจากระบบประสาทที่ควบคุมการกิน และการสืบพันธุ์มีความคล้ายคลึง และทับซ้อนกันทางวิวัฒนาการ การที่ยายับยั้ง pathways ที่ผลักดันให้เราหาอาหาร จึงอาจส่งผลกระทบต่อระบบที่ทับซ้อนกันนี้ ซึ่งรวมถึงความต้องการทางเพศไปด้วย

ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผล ได้แก่ อาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ ท้องผูก อ่อนเพลีย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลผลต่อความต้องการทางเพศ

ในแง่บวก: น้ำหนักที่ลดลงอาจช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ

อย่างไรก็ดี มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ประสบกับ ความต้องการทางเพศที่ดีขึ้น หลังจากน้ำหนักลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่อารมณ์ดีขึ้น ความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น และสมดุลของฮอร์โมนที่ดีขึ้น

"สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความต้องการและหน้าที่ทางเพศจะดีขึ้นหลังจากน้ำหนักลด เนื่องจากอารมณ์ดีขึ้น ร่วมกับความมั่นใจในตนเองและสมดุลฮอร์โมนที่ดีขึ้น การลดลงของความต้องการทางเพศจากยามักไม่รุนแรงจนลบล้างประโยชน์จากการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะในหญิงวัยทองหรือชายที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ"

บทบาทของระบบฮอร์โมนโดยรวม

การลดน้ำหนักจากการใช้ยาส่งผลต่อระบบฮอร์โมนโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลดน้ำหนักช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินและลดภาวะดื้อต่อเลปติน ส่งผลให้ระดับเทสโทสเตอโรน และเอสโตรเจนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีภาวะ metabolic dysfunction

โดยรวมแล้วยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่าง GLP-1 ฮอร์โมน และความต้องการทางเพศ

วิธีการจัดการหากความต้องการทางเพศลดลงจากการใช้ยา

ผู้ป่วยและแพทย์ควรทำงานร่วมกันเพื่อหาทางจัดการหากเกิดผลข้างเคียงนี้ วิธีการที่อาจช่วยได้ ได้แก่
ปรับขนาดยาให้เหมาะสม
จัดการกับอาการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้
ส่งเสริมสุขภาพทางเพศ ผ่านการปรับฮอร์โมน การให้คำปรึกษา หรือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลข้างเคียงด้านความต้องการทางเพศหรืออารมณ์ จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ หลังจากหยุดยา แต่ระยะเวลาและความสมบูรณ์ของการฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

https://www.medscape.com/viewarticle/once-weekly-combo-diabetes-jab-wins-ema-recommendation-2025a1000pcp

The weekly combination therapy is intended for adults with poor glucose control despite basal insulin or GLP-1 receptor agonist treatment.

Address

Port-Vila

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Bettercm posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to Bettercm:

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram