
09/07/2025
😊 Dr. W EP. 174: "ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน... เรื่องใหญ่แค่ไหน? 🦵 ต้องแก้อะไรบ้าง? มาดูกัน!"
สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! เคยมีใครทักหรือรู้สึกด้วยตัวเองไหมครับว่าขาสองข้างของเราอาจจะยาวไม่เท่ากัน? ภาวะนี้เรียกว่า Leg Length Discrepancy (LLD) เป็นข้อกังวลที่พบบ่อยมากในผู้ที่มีอาการปวดหลัง, สะโพก, หรือเข่าเรื้อรัง และมักจะถูกเชื่อมโยงว่าเป็น "ผู้ร้าย" ที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือไม่ครับ
🚨 อาการที่มักจะถูกเชื่อมโยงกับภาวะขาไม่เท่ากัน (Common Symptoms):
➡️ ปวดหลังส่วนล่าง (Lower back pain): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดที่คนมักจะเชื่อมโยงกับ LLD เพราะร่างกายอาจพยายามปรับตัวโดยการเอียงกระดูกเชิงกรานหรือทำให้กระดูกสันหลังโค้ง ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวหรือข้อต่อรับแรงกดที่ผิดปกติ
➡️ รู้สึกว่าร่างกายไม่สมดุล (Feeling unbalanced): จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายอาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เกิดความรู้สึกว่ายืนไม่เต็มเท้า หรือรู้สึกเอนเอียง
➡️ ปวดเข่า (Knee pain): ขาข้างที่ยาวกว่าอาจจะต้องรับแรงกระแทกมากกว่า ในขณะที่ขาข้างที่สั้นกว่าก็อาจจะมีชีวกลศาสตร์การเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาที่เข่าได้
➡️ ปวดขาหนีบ (Groin pain): มักจะเกี่ยวข้องกับแรงเค้นที่ข้อสะโพกหรือการตึงตัวของกล้ามเนื้อจากการปรับท่าทางชดเชย
➡️ ชอบยืนลงน้ำหนักที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง (Preferring to stand on one leg): นี่เป็นได้ทั้งสาเหตุ (จากพฤติกรรม) และผลลัพธ์ (จากการที่ร่างกายพยายามหาท่าที่สบายที่สุดโดยไม่รู้ตัว)
➡️ เดินกะเผลก หรือปวดร้าวลงขา (Limping/Sciatica-like pain): หากมีความยาวต่างกันมากๆ อาจทำให้สังเกตเห็นการเดินกะเผลกได้ชัดเจน และการปรับตัวของเชิงกรานและหลังส่วนล่างก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการคล้าย Sciatica ได้
ก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าภาวะขาไม่เท่ากันนั้นมี 2 ประเภทหลักๆ ซึ่งมีสาเหตุและการจัดการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ:
➡️ 1. Functional LLD (ขาไม่เท่ากันที่เกิดจากการใช้งาน):
นี่คือประเภทที่ "พบบ่อยที่สุด" ครับ!
คืออะไร?: คือภาวะที่กระดูกขาทั้งสองข้างจริงๆ แล้ว "ยาวเท่ากัน" เมื่อวัดจากกระดูกโดยตรง แต่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ขาข้างหนึ่ง "ดูเหมือน (Apparent)" สั้นกว่าอีกข้างหนึ่งเมื่อเรายืนหรือนอน
สาเหตุโดยละเอียด:
ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ (Muscle Imbalance): นี่คือสาเหตุหลักเลยครับ เช่น กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง (Quadratus Lumborum - QL) หรือกล้ามเนื้อสีข้างด้านหนึ่งตึงตัวมากเกินไป ก็จะ "ดึง" ให้กระดูกเชิงกรานข้างนั้นยกสูงขึ้น (Hip hike) ทำให้ขาข้างนั้นดูสั้นลง หรือในทางกลับกัน การที่กล้ามเนื้อก้น (Gluteus Medius) ข้างหนึ่งอ่อนแรง ก็อาจทำให้เชิงกรานฝั่งตรงข้ามตกต่ำลงเวลาเดิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เกิด Functional LLD ได้
การติดยึดของข้อต่อ (Joint Restriction): การที่ข้อต่อสะโพกหรือข้อต่อ SI (Sacroiliac joint) ข้างใดข้างหนึ่งติดขัด เคลื่อนไหวได้ไม่ดี ก็สามารถส่งผลให้การวางตัวของกระดูกเชิงกรานผิดปกติได้
พฤติกรรมการใช้งาน (Habits): การยืนลงน้ำหนักข้างเดียวบ่อยๆ, การนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ, หรือการสะพายกระเป๋าหนักๆ ข้างเดียวเป็นเวลานาน
กลไกของเท้า (Foot Mechanics): การที่เท้าข้างหนึ่งมีภาวะเท้าแบน (Overpronation) มากกว่าอีกข้าง ก็สามารถทำให้ขาข้างนั้นยุบตัวลงและ "สั้น" กว่าอีกข้างในขณะที่รับน้ำหนักได้
การแก้ไข: ภาวะนี้ สามารถปรับแก้ได้ ด้วยกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดจะทำการประเมินเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความไม่สมดุลนั้นๆ แล้วทำการรักษา เช่น การคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว, การขยับข้อต่อที่ติดขัด, และที่สำคัญคือ การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง (เช่น Glutes, Core muscles) เพื่อให้โครงสร้างเชิงกรานกลับมาอยู่ในแนวที่สมดุลและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
➡️ 2. Structural LLD (ขาไม่เท่ากันจากโครงสร้างกระดูก):
นี่คือประเภทที่ "พบน้อยกว่ามาก" ครับ!
คืออะไร?: คือภาวะที่กระดูกต้นขา (Femur) และ/หรือกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ของขาข้างหนึ่ง "ยาวกว่า" อีกข้างหนึ่งจริงๆ เมื่อทำการวัดด้วยวิธีที่แม่นยำ
สาเหตุโดยละเอียด:
พัฒนาการ (Developmental): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือเป็นแค่ความแตกต่างเล็กน้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในระหว่างการเจริญเติบโต
หลังอุบัติเหตุ (Post-traumatic): การมีประวัติกระดูกหักในอดีต โดยเฉพาะในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแผ่นการเจริญเติบโตของกระดูก (Growth plate) หรือกระดูกที่หักติดกันในแนวที่สั้นลง
หลังการผ่าตัด (Post-surgical): เช่น หลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Total Hip Arthroplasty) อาจจะมีความยาวขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
จากโรคหรือภาวะอื่นๆ (Congenital/Pathological): โรคทางกระดูกบางชนิดที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต
การปรับตัวของร่างกาย (Compensations): ร่างกายจะพยายามปรับตัวต่อความยาวขาที่ไม่เท่ากันนี้ เช่น การเอียงเชิงกราน, การทำให้กระดูกสันหลังโค้ง (Functional scoliosis), หรือการปรับกลไกที่ข้อเท้า เช่น เขย่งเท้าข้างที่สั้น หรือทำให้เท้าข้างที่ยาวแบนลง
การจัดการ: ภาวะนี้ไม่สามารถ "แก้ไข" ให้กระดูกกลับมายาวเท่ากันได้ด้วยการออกกำลังกาย แต่สามารถ "จัดการ (Managed)" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายคือการ "ปรับฐานให้เท่ากัน" เพื่อให้โครงสร้างที่อยู่เหนือขึ้นไป (เชิงกราน, กระดูกสันหลัง) อยู่ในแนวที่ดีขึ้น ซึ่งมักจะใช้ การเสริมแผ่นรองที่ส้นเท้าหรือแผ่นรองเต็มฝ่าเท้า (Heel lift / Full-length shoe insert) ในรองเท้าของข้างที่สั้นกว่า เพื่อชดเชยความยาวที่แตกต่างกัน (โดยจะทำในกรณีที่ความแตกต่างนั้นมีนัยสำคัญทางคลินิกเท่านั้น)
🤔 คำถามสำคัญ: แล้วมันสำคัญแค่ไหน? ต้องกังวลไหม? (Does Leg Length Discrepancy Matter?)
➡️ คนส่วนใหญ่ขาไม่เท่ากัน!: จริงๆ แล้ว คนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีขาสองข้างที่ยาวไม่เท่ากันเป๊ะๆ ครับ! ความแตกต่างเล็กน้อย (ประมาณไม่เกิน 1 เซนติเมตร) ถือเป็นเรื่องปกติมาก เหมือนกับที่เรามีตาสองข้างไม่เท่ากัน หรือแขนข้างถนัดแข็งแรงกว่าอีกข้าง
➡️ เกณฑ์ความสำคัญทางคลินิก - หลักฐานว่าอย่างไร?:
มีงานวิจัย Systematic review ที่สำคัญโดย Knutson (2005) ที่รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยจำนวนมากและสรุปไว้ว่า ความแตกต่างของความยาวขาที่ "น้อยกว่า 2 เซนติเมตร" โดยทั่วไปแล้ว "ไม่ถือว่ามีความสำคัญทางคลินิก (Not clinically significant)" หมายความว่ามันมักจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหรือปัญหาต่างๆ ร่างกายของเรามีความสามารถที่น่าทึ่งในการปรับตัวต่อความไม่สมมาตรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้โดยไม่เกิดอาการ
สำหรับนักวิ่ง มีงานวิจัยโดย Hespanhol Junior และคณะ (2016) พบว่าความแตกต่างของความยาวขา "ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเกิดการบาดเจ็บจากการวิ่ง"
➡️ แล้วความเชื่อเรื่อง "ความสมมาตร (Symmetry)" ล่ะ?:
เป็นเวลานานที่ผู้รักษาบางกลุ่มพยายามที่จะ "แก้ไข" ร่างกายให้สมมาตรกันเป๊ะๆ เพราะเชื่อว่านั่นคือ "ความปกติ"
แต่ถ้าเราลองคิดกลับกัน... "ถ้าคนส่วนใหญ่ (อาจจะถึง 90%) มีขาไม่เท่ากัน แล้วการมีขาสองข้างที่สมมาตรกันเป๊ะๆ มันคือ 'ความปกติ' หรือ 'ความผิดปกติ' กันแน่? 🤔" การไล่ตามหาความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบอาจจะเป็นการ "ไล่ตามจับผี" และอาจสร้างความวิตกกังวล (Nocebo effect) ให้กับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W
➡️ หยุดไล่ตามหาความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ! (Stop Chasing Perfect Symmetry!) หลักฐานในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าร่างกายมนุษย์นั้นโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้สมมาตรกันเป๊ะๆ และความแตกต่างเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นปัญหา
➡️ โฟกัสที่ "Function" ไม่ใช่แค่ "Structure": เป้าหมายของการทำกายภาพบำบัด ไม่ใช่การทำให้ร่างกายของคุณสมมาตรเหมือนในตำรา แต่คือการทำให้ร่างกายของคุณ แข็งแรง, ทนทาน, และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายในโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง
➡️ เราจะเข้าไปจัดการกับ LLD เมื่อไหร่?:
เมื่อความแตกต่างนั้นเป็นแบบ Structural LLD ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญทางคลินิกจริงๆ (เช่น มากกว่า 2 เซนติเมตร) และส่งผลต่อกลไกการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน ซึ่งการแก้ไขก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเสริมแผ่นรอง
หรือเมื่อมี Functional LLD ที่ชัดเจน ซึ่งเป็น "ผลลัพธ์" ของความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ และเรามีหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่าความไม่สมดุลนั้นเป็น "สาเหตุโดยตรง" ของอาการปวดของผู้ป่วย (ในกรณีนี้ เรารักษาที่ "ความไม่สมดุล" ไม่ใช่ที่ "ความยาวขา")
➡️ ถ้าคุณถูกบอกว่ามีขาต่างกัน 0.5 ซม. และมีอาการปวดหลัง เป็นไปได้สูงมากว่าอาการปวดหลังนั้นมาจากสาเหตุอื่น (เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว/สะโพกอ่อนแรง, การควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ดี, หรือพฤติกรรมการใช้งาน) ไม่ใช่เพราะความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นครับ!
✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่ออาการปวดหลัง... ไม่ได้มาจากขาสั้นยาวไม่เท่ากัน ✨
คุณนนท์ อายุ 42 ปี พนักงานออฟฟิศ มีอาการปวดหลังส่วนล่างข้างขวาเรื้อรัง เคยไปรักษาที่อื่นและได้รับการแจ้งว่า "ขาข้างขวาของคุณสั้นกว่า" และได้รับการ "จัดกระดูก" เพื่อปรับเชิงกราน แต่กลับรู้สึกดีขึ้นเพียงชั่วคราว ทำให้คุณนนท์กังวลใจมากเกี่ยวกับภาวะขาไม่เท่ากันของตัวเอง
การประเมิน (Assessment):
➡️ Subjective:
ปวดหลังส่วนล่างข้างขวา, รู้สึกว่าตัวเอง "ยืนไม่สมดุล"
มีความวิตกกังวลสูงเกี่ยวกับความยาวขาของตัวเอง คอยเช็คในกระจกตลอดเวลา และเริ่มเกิดความกลัวในการเคลื่อนไหว
➡️ Objective (Clinical Exam):
เมื่อทำการวัดความยาวของกระดูกขาโดยตรง (True leg length measurement) พบว่า กระดูกขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน -> ตัด Structural LLD ออกไปได้
แต่เมื่อยืนตรง สังเกตเห็นว่าแนวกระดูกเชิงกรานด้านขวาสูงกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย (Right hip hike) ทำให้ขาขวา "ดูเหมือน" สั้นกว่า นี่คือ Functional LLD ที่มีขนาดเล็กมาก (เช่น 0.5 ซม.)
➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):
พบต้นตอที่แท้จริง! ไม่ได้อยู่ที่ความยาวขา แต่เป็น ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ
พบว่ากล้ามเนื้อ Gluteus Medius ข้างขวา (ที่ช่วยพยุงเชิงกราน) และ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core stabilizers) ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited)
ในขณะที่กล้ามเนื้อสีข้าง Quadratus Lumborum (QL) ข้างขวา และกล้ามเนื้อหลัง Erector Spinae ทำงานหนักและตึงตัวมากเกินไป (Facilitated/Compensating) ซึ่งการทำงานที่มากเกินไปของ QL นี่เองที่ "ดึง" ให้เชิงกรานข้างขวายกสูงขึ้น และเป็นสาเหตุของอาการปวด
แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นแก้ที่ต้นตอ):
🧠 1. Pain Science Education (PSE) - สำคัญที่สุด!
สร้างความมั่นใจให้คุณนนท์กลับคืนมา! โดยการให้ข้อมูลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (จาก EP นี้) ว่าความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องปกติ และ ไม่ใช่สาเหตุของอาการปวดหลังของเขา (Knutson, 2005)
อธิบายให้เห็นภาพว่าการที่ขา "ดูเหมือน" ไม่เท่ากันนั้นเป็น "ผลลัพธ์" ของกล้ามเนื้อที่ทำงานไม่สมดุล (QL ดึงเชิงกรานขึ้น) ไม่ใช่ "สาเหตุ" ของอาการปวด
เปลี่ยนโฟกัสของคุณนนท์จากการกังวลเรื่อง "โครงสร้างที่แก้ไขไม่ได้" ไปสู่การ "ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อที่แก้ไขได้"
📈 2. Load Management:
แนะนำการปรับท่าทางการนั่งทำงาน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อ QL ทำงานหนักขึ้น เช่น การนั่งไขว่ห้าง หรือการยืนลงน้ำหนักข้างเดียว
⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:
Release (คลาย): คลายกล้ามเนื้อ QL และ Erector Spinae ข้างขวาที่ทำงานหนักเกินไป
Activate (กระตุ้น): กระตุ้นการทำงานของ Gluteus Medius และ Core stabilizers ข้างขวาที่ "หลับ" อยู่
💪 4. Strengthening Program:
ออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างความแข็งแรงและทนทานให้กับระบบ lumbopelvic-hip complex (หลัง-เชิงกราน-สะโพก) โดย ไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นเลย เป้าหมายคือการฟื้นฟู "Function" ไม่ใช่การสร้าง "Symmetry"
ผลลัพธ์ (Outcome):
เมื่อความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อได้รับการแก้ไข (QL คลายตัว, Glutes/Core กลับมาทำงาน) ภาวะ Functional LLD ก็หายไปเอง และที่สำคัญคือ อาการปวดหลังของคุณนนท์ก็หายไปด้วย
คุณนนท์เลิกกังวลเกี่ยวกับความยาวขาของตัวเอง และกลับมามีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง
เขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญว่า "การทำงาน (Function) และความแข็งแรง (Strength) สำคัญกว่าความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Symmetry)"
📖 References :
➡️ Knutson, G. A. (2005). Anatomic and functional leg-length inequality: a review and recommendation for clinical decision-making. Part I, anatomic leg-length inequality: prevalence, magnitude, effects and clinical significance. Chiropractic & Osteopathy, 13, 11.
➡️ Hespanhol Junior, L. C., de Carvalho, A. C. A., Costa, L. O. P., & Lopes, A. D. (2016). Lower limb alignment characteristics are not associated with running-related injuries in runners: A systematic review with meta-analysis. British Journal of Sports Medicine, 50(20), 1259-1265.
➡️ Gurney, B. (2002). Leg length discrepancy. Gait & Posture, 15(2), 195-206.
➡️ Raczkowski, J. W., Daniszewska, B., & Zolynski, K. (2010). Functional scoliosis caused by leg length discrepancy. Archives of Medical Science, 6(3), 393-398.
➡️ Vink, P. (2014). The Torsional Tensegrity of the Human Body's Myofascial System. KVM-Der-Verlag.
📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่:
❤️ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด (JR Physio)
เว็บไซต์: www.jrphysio.com
📍 สาขาเยาวราช:
⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร)
📞 080-425-9900
💬 Line: .cn (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)
💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysiochinatown
🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/mAwdMtETvgrW2yYT9
📍 สาขาเพชรเกษม 81:
⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ)
📞 094-654-2460
💬 Line: (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)
💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysioth
🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเพชรเกษม 81" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/7XdgGKqzXQ3qfsDeA
😊 เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพของคุณครับ!