08/02/2025
Episode 271 Deep listening of sacroiliac joint: ตอนที่ 2 เอ็น sacrotuberous กับการทำงานของข้อต่อกระเบนเหน็บ
เป็นตอนที่สองแล้วสำหรับการเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจของข้อต่อกระเบนเหน็บนะคะ ตอนที่แล้วได้บอกไปว่า SIJ ไม่มีกล้ามเนื้อควบคุมการเคลื่อนไหวโดยตรง ดังนั้นแรงกระชับข้อส่วนใหญ่มาจากเอ็นยึดกระดูก และในวันนี้เราจะมา focus กับเอ็นยึดกระดูกที่ถือว่าเป็น Key สำคัญในการทำให้เกิดการเคลื่อนไหวและส่งเสริมความมั่นคงของ SIJ ค่ะ
sacrotuberous ligament (STL) ถือว่าเป็นเอ็นยึดกระดูกที่เสริมความมั่นคงให้แก่ SIJ ซี่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่เกาะเชื่อมต่อกระดูกเชิงกรานไว้กับกระดูกสันหลังเอวและกระเบนเหน็บนั่นเอง
STL แผ่คล้ายพัดเกาะทางด้านหลังของกระดูกเชิงกรานและเป็นส่วนสำคัญในการยึดกระดูกกระเบนเหน็บไว้กับ Ilium สิ่งสำคัญคือ STL เต็มไปด้วยเส้นใยคอลลาเจนเนื่องจากต้องรับน้ำหนักของกระเบนเหน็บและต้องป้องกันอันตรายในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง ไม่ว่าจะยืน เดิน หรือวิ่ง
หลักในการจำการเกาะของ STL ง่าย ๆ ค่ะ คือเกาะจาก กระเบนเหน็บ กระดูกหาง กระดูก ilium และลู่เข้าไปเกาะที่ ischial tuberosity แนวการเกาะของ STL ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ของเชิงกรานด้านหลังคือ greater และ lesser sciatic foramen ส่วนหนึ่งของเอ็นนี้ผสานไปกับเอ็นกล้ามเนื้อ Biceps femoris สมาชิกของ hamstrings ดังนั้นจึงมีความสำคัญในการป้องกันการหมุนไปทางด้านหน้ามากเกินไปของกระดูกกระเบนเหน็บ นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อก้นมัดใหญ่มีที่เกาะมั่นคงมากขึ้น
พอทราบจุดเกาะแล้วเราก็มาดูหน้าที่ของเขากันดีกว่า
1.เสริมความมั่นคงของเชิงกราน แนวการเกาะเฉียงของ STL ทำให้เขาป้องกันการหมุนของกระดูกกระเบนเหน็บไปทางด้านหน้ามากเกินไป หรือป้องกัน excessive nutation
2.ขณะที่ยืน ก้มตัวไปทางด้านหน้า STL จะช่วยป้องกันการหมุนของกระเบนเหน็บไม่ให้หลุดไปทางด้านหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลากระโดด ยิมนาสติก ตีกอล์ฟ หรือกระโดดตบวอลเล่ย์บอล เป็นต้น
3.ช่วยกระจายแรงจากลำตัวผ่านขาได้ดีขึ้น และจากการวิจัยพบว่า หาก STL สองด้านมีความตึงไม่เท่ากัน หรือการเอียงลำตัวไปทางด้านข้างอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้เชิงกรานหมุน และอาจทำให้เกิด SIJ strain และอาการปวดหลังส่วนล่างได้
หากมีการหนาตัวมากเกินไปของ STL อาจทับเส้นประสาท pudendal ทำให้ชาไปยังบริเวณฝีเย็บได้ เมื่อ STL หนาตัวมากขึ้นอาจทำให้เกิดอาการปวดแผ่ร้าวจากก้น ด้านหลังของต้นขา หรือหากเขาฉีกขาดรุนแรงอาจทำให้ปวดร้าวลงน่องหรือส้นเท้าได้ค่ะ และมักพบร่วมกับอาการปวดแผ่ร้าวเมื่อเกิดรอยโรคกับกล้ามเนื้อ hamstrings ได้
ในด้านเวชศาสตร์การกีฬา การออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก้น จะมีส่วนช่วยการเกิดอันตรายต่อ STL ได้มากค่ะ ดังนั้น งานวิจัยหลายเรื่องพบว่า การฝึกเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และทำร่วมกับการยืด hamstrings กล้ามเนื้อ iliopsoas จะมีส่วนสำคัญให้การกระจายแรงและป้องกันแรงกระแทกจากลำตัวลงขาค่ะ
ในด้าน manual therapy เราใช้เทคนิคการนวดคลึง STL ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่กดไถล STL แรงเกินไป เพราะเวลาเจ็บหรืออักเสบมาจะปวดก้น และร้าวลงขารุนแรงค่ะ เดี๋ยวจะลงคลิปการใช้หัตถบำบัดกับ STL นะคะ
ความลับของ SIJ น่าจะต้องเขียนได้ 100 ตอน
ยังไงคิดว่าท่านคงเมตตาอ่านไปเรื่อย ๆ นะคะ
วีเรศวร
7 กพ 68
บรรณานุกรม
Oetgen ME, Andelman S, Martin BD. Age-Based Normative Measurements of the Pediatric Pelvis. J Orthop Trauma. 2017 Jul;31(7):e205-e209.
Rana SH, Farjoodi P, Haloman S, Dutton P, Hariri A, Ward SR, Garfin SR, Chang DG. Anatomic Evaluation of the Sacroiliac Joint: A Radiographic Study with Implications for Procedures. Pain Physician. 2015 Nov;18(6):583-92.
Prather H. Pelvis and sacral dysfunction in sports and exercise. Phys Med Rehabil Clin N Am. 2000 Nov;11(4):805-36.
Sgambati E, Stecco A, Capaccioli L, Brizzi E. Morphometric analysis of the sacroiliac joint. Ital J Anat Embryol. 1997 Jan-Mar;102(1):33-8.
Park YH, Huang GS, Taylor JA, Marcelis S, Kramer J, Pathria MN, Clopton P, Resnick D. Patterns of vertebral ossification and pelvic abnormalities in paralysis: a study of 200 patients. Radiology. 1993 Aug;188(2):561-5.