Banthai Therapy Crosby

Banthai Therapy Crosby Contact information, map and directions, contact form, opening hours, services, ratings, photos, videos and announcements from Banthai Therapy Crosby, Massage service, Dorbett Drive Crosby, Crosby.

Welcome to Applypam women’s Massage Therapy
Experience expert women-only massage treatment at Applypam massage Therapy Crosby
We specialize in traditional Thai massage, Deep tissue,
specialist treatment designed to relieve pain,reduce stress& relaxation

09/07/2025

😊 Dr. W EP. 174: "ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน... เรื่องใหญ่แค่ไหน? 🦵 ต้องแก้อะไรบ้าง? มาดูกัน!"

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! เคยมีใครทักหรือรู้สึกด้วยตัวเองไหมครับว่าขาสองข้างของเราอาจจะยาวไม่เท่ากัน? ภาวะนี้เรียกว่า Leg Length Discrepancy (LLD) เป็นข้อกังวลที่พบบ่อยมากในผู้ที่มีอาการปวดหลัง, สะโพก, หรือเข่าเรื้อรัง และมักจะถูกเชื่อมโยงว่าเป็น "ผู้ร้าย" ที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือไม่ครับ

🚨 อาการที่มักจะถูกเชื่อมโยงกับภาวะขาไม่เท่ากัน (Common Symptoms):

➡️ ปวดหลังส่วนล่าง (Lower back pain): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดที่คนมักจะเชื่อมโยงกับ LLD เพราะร่างกายอาจพยายามปรับตัวโดยการเอียงกระดูกเชิงกรานหรือทำให้กระดูกสันหลังโค้ง ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวหรือข้อต่อรับแรงกดที่ผิดปกติ

➡️ รู้สึกว่าร่างกายไม่สมดุล (Feeling unbalanced): จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายอาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เกิดความรู้สึกว่ายืนไม่เต็มเท้า หรือรู้สึกเอนเอียง

➡️ ปวดเข่า (Knee pain): ขาข้างที่ยาวกว่าอาจจะต้องรับแรงกระแทกมากกว่า ในขณะที่ขาข้างที่สั้นกว่าก็อาจจะมีชีวกลศาสตร์การเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาที่เข่าได้

➡️ ปวดขาหนีบ (Groin pain): มักจะเกี่ยวข้องกับแรงเค้นที่ข้อสะโพกหรือการตึงตัวของกล้ามเนื้อจากการปรับท่าทางชดเชย

➡️ ชอบยืนลงน้ำหนักที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง (Preferring to stand on one leg): นี่เป็นได้ทั้งสาเหตุ (จากพฤติกรรม) และผลลัพธ์ (จากการที่ร่างกายพยายามหาท่าที่สบายที่สุดโดยไม่รู้ตัว)

➡️ เดินกะเผลก หรือปวดร้าวลงขา (Limping/Sciatica-like pain): หากมีความยาวต่างกันมากๆ อาจทำให้สังเกตเห็นการเดินกะเผลกได้ชัดเจน และการปรับตัวของเชิงกรานและหลังส่วนล่างก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการคล้าย Sciatica ได้

ก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าภาวะขาไม่เท่ากันนั้นมี 2 ประเภทหลักๆ ซึ่งมีสาเหตุและการจัดการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ:

➡️ 1. Functional LLD (ขาไม่เท่ากันที่เกิดจากการใช้งาน):

นี่คือประเภทที่ "พบบ่อยที่สุด" ครับ!

คืออะไร?: คือภาวะที่กระดูกขาทั้งสองข้างจริงๆ แล้ว "ยาวเท่ากัน" เมื่อวัดจากกระดูกโดยตรง แต่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ขาข้างหนึ่ง "ดูเหมือน (Apparent)" สั้นกว่าอีกข้างหนึ่งเมื่อเรายืนหรือนอน

สาเหตุโดยละเอียด:

ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ (Muscle Imbalance): นี่คือสาเหตุหลักเลยครับ เช่น กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง (Quadratus Lumborum - QL) หรือกล้ามเนื้อสีข้างด้านหนึ่งตึงตัวมากเกินไป ก็จะ "ดึง" ให้กระดูกเชิงกรานข้างนั้นยกสูงขึ้น (Hip hike) ทำให้ขาข้างนั้นดูสั้นลง หรือในทางกลับกัน การที่กล้ามเนื้อก้น (Gluteus Medius) ข้างหนึ่งอ่อนแรง ก็อาจทำให้เชิงกรานฝั่งตรงข้ามตกต่ำลงเวลาเดิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เกิด Functional LLD ได้

การติดยึดของข้อต่อ (Joint Restriction): การที่ข้อต่อสะโพกหรือข้อต่อ SI (Sacroiliac joint) ข้างใดข้างหนึ่งติดขัด เคลื่อนไหวได้ไม่ดี ก็สามารถส่งผลให้การวางตัวของกระดูกเชิงกรานผิดปกติได้

พฤติกรรมการใช้งาน (Habits): การยืนลงน้ำหนักข้างเดียวบ่อยๆ, การนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ, หรือการสะพายกระเป๋าหนักๆ ข้างเดียวเป็นเวลานาน

กลไกของเท้า (Foot Mechanics): การที่เท้าข้างหนึ่งมีภาวะเท้าแบน (Overpronation) มากกว่าอีกข้าง ก็สามารถทำให้ขาข้างนั้นยุบตัวลงและ "สั้น" กว่าอีกข้างในขณะที่รับน้ำหนักได้

การแก้ไข: ภาวะนี้ สามารถปรับแก้ได้ ด้วยกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดจะทำการประเมินเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความไม่สมดุลนั้นๆ แล้วทำการรักษา เช่น การคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว, การขยับข้อต่อที่ติดขัด, และที่สำคัญคือ การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง (เช่น Glutes, Core muscles) เพื่อให้โครงสร้างเชิงกรานกลับมาอยู่ในแนวที่สมดุลและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

➡️ 2. Structural LLD (ขาไม่เท่ากันจากโครงสร้างกระดูก):

นี่คือประเภทที่ "พบน้อยกว่ามาก" ครับ!

คืออะไร?: คือภาวะที่กระดูกต้นขา (Femur) และ/หรือกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ของขาข้างหนึ่ง "ยาวกว่า" อีกข้างหนึ่งจริงๆ เมื่อทำการวัดด้วยวิธีที่แม่นยำ

สาเหตุโดยละเอียด:

พัฒนาการ (Developmental): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือเป็นแค่ความแตกต่างเล็กน้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในระหว่างการเจริญเติบโต

หลังอุบัติเหตุ (Post-traumatic): การมีประวัติกระดูกหักในอดีต โดยเฉพาะในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแผ่นการเจริญเติบโตของกระดูก (Growth plate) หรือกระดูกที่หักติดกันในแนวที่สั้นลง

หลังการผ่าตัด (Post-surgical): เช่น หลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Total Hip Arthroplasty) อาจจะมีความยาวขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

จากโรคหรือภาวะอื่นๆ (Congenital/Pathological): โรคทางกระดูกบางชนิดที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต

การปรับตัวของร่างกาย (Compensations): ร่างกายจะพยายามปรับตัวต่อความยาวขาที่ไม่เท่ากันนี้ เช่น การเอียงเชิงกราน, การทำให้กระดูกสันหลังโค้ง (Functional scoliosis), หรือการปรับกลไกที่ข้อเท้า เช่น เขย่งเท้าข้างที่สั้น หรือทำให้เท้าข้างที่ยาวแบนลง

การจัดการ: ภาวะนี้ไม่สามารถ "แก้ไข" ให้กระดูกกลับมายาวเท่ากันได้ด้วยการออกกำลังกาย แต่สามารถ "จัดการ (Managed)" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายคือการ "ปรับฐานให้เท่ากัน" เพื่อให้โครงสร้างที่อยู่เหนือขึ้นไป (เชิงกราน, กระดูกสันหลัง) อยู่ในแนวที่ดีขึ้น ซึ่งมักจะใช้ การเสริมแผ่นรองที่ส้นเท้าหรือแผ่นรองเต็มฝ่าเท้า (Heel lift / Full-length shoe insert) ในรองเท้าของข้างที่สั้นกว่า เพื่อชดเชยความยาวที่แตกต่างกัน (โดยจะทำในกรณีที่ความแตกต่างนั้นมีนัยสำคัญทางคลินิกเท่านั้น)

🤔 คำถามสำคัญ: แล้วมันสำคัญแค่ไหน? ต้องกังวลไหม? (Does Leg Length Discrepancy Matter?)

➡️ คนส่วนใหญ่ขาไม่เท่ากัน!: จริงๆ แล้ว คนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีขาสองข้างที่ยาวไม่เท่ากันเป๊ะๆ ครับ! ความแตกต่างเล็กน้อย (ประมาณไม่เกิน 1 เซนติเมตร) ถือเป็นเรื่องปกติมาก เหมือนกับที่เรามีตาสองข้างไม่เท่ากัน หรือแขนข้างถนัดแข็งแรงกว่าอีกข้าง

➡️ เกณฑ์ความสำคัญทางคลินิก - หลักฐานว่าอย่างไร?:

มีงานวิจัย Systematic review ที่สำคัญโดย Knutson (2005) ที่รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยจำนวนมากและสรุปไว้ว่า ความแตกต่างของความยาวขาที่ "น้อยกว่า 2 เซนติเมตร" โดยทั่วไปแล้ว "ไม่ถือว่ามีความสำคัญทางคลินิก (Not clinically significant)" หมายความว่ามันมักจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหรือปัญหาต่างๆ ร่างกายของเรามีความสามารถที่น่าทึ่งในการปรับตัวต่อความไม่สมมาตรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้โดยไม่เกิดอาการ

สำหรับนักวิ่ง มีงานวิจัยโดย Hespanhol Junior และคณะ (2016) พบว่าความแตกต่างของความยาวขา "ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเกิดการบาดเจ็บจากการวิ่ง"

➡️ แล้วความเชื่อเรื่อง "ความสมมาตร (Symmetry)" ล่ะ?:

เป็นเวลานานที่ผู้รักษาบางกลุ่มพยายามที่จะ "แก้ไข" ร่างกายให้สมมาตรกันเป๊ะๆ เพราะเชื่อว่านั่นคือ "ความปกติ"

แต่ถ้าเราลองคิดกลับกัน... "ถ้าคนส่วนใหญ่ (อาจจะถึง 90%) มีขาไม่เท่ากัน แล้วการมีขาสองข้างที่สมมาตรกันเป๊ะๆ มันคือ 'ความปกติ' หรือ 'ความผิดปกติ' กันแน่? 🤔" การไล่ตามหาความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบอาจจะเป็นการ "ไล่ตามจับผี" และอาจสร้างความวิตกกังวล (Nocebo effect) ให้กับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น

💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W

➡️ หยุดไล่ตามหาความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ! (Stop Chasing Perfect Symmetry!) หลักฐานในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าร่างกายมนุษย์นั้นโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้สมมาตรกันเป๊ะๆ และความแตกต่างเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นปัญหา

➡️ โฟกัสที่ "Function" ไม่ใช่แค่ "Structure": เป้าหมายของการทำกายภาพบำบัด ไม่ใช่การทำให้ร่างกายของคุณสมมาตรเหมือนในตำรา แต่คือการทำให้ร่างกายของคุณ แข็งแรง, ทนทาน, และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายในโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง

➡️ เราจะเข้าไปจัดการกับ LLD เมื่อไหร่?:

เมื่อความแตกต่างนั้นเป็นแบบ Structural LLD ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญทางคลินิกจริงๆ (เช่น มากกว่า 2 เซนติเมตร) และส่งผลต่อกลไกการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน ซึ่งการแก้ไขก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเสริมแผ่นรอง

หรือเมื่อมี Functional LLD ที่ชัดเจน ซึ่งเป็น "ผลลัพธ์" ของความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ และเรามีหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่าความไม่สมดุลนั้นเป็น "สาเหตุโดยตรง" ของอาการปวดของผู้ป่วย (ในกรณีนี้ เรารักษาที่ "ความไม่สมดุล" ไม่ใช่ที่ "ความยาวขา")

➡️ ถ้าคุณถูกบอกว่ามีขาต่างกัน 0.5 ซม. และมีอาการปวดหลัง เป็นไปได้สูงมากว่าอาการปวดหลังนั้นมาจากสาเหตุอื่น (เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว/สะโพกอ่อนแรง, การควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ดี, หรือพฤติกรรมการใช้งาน) ไม่ใช่เพราะความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นครับ!

✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่ออาการปวดหลัง... ไม่ได้มาจากขาสั้นยาวไม่เท่ากัน ✨

คุณนนท์ อายุ 42 ปี พนักงานออฟฟิศ มีอาการปวดหลังส่วนล่างข้างขวาเรื้อรัง เคยไปรักษาที่อื่นและได้รับการแจ้งว่า "ขาข้างขวาของคุณสั้นกว่า" และได้รับการ "จัดกระดูก" เพื่อปรับเชิงกราน แต่กลับรู้สึกดีขึ้นเพียงชั่วคราว ทำให้คุณนนท์กังวลใจมากเกี่ยวกับภาวะขาไม่เท่ากันของตัวเอง

การประเมิน (Assessment):

➡️ Subjective:

ปวดหลังส่วนล่างข้างขวา, รู้สึกว่าตัวเอง "ยืนไม่สมดุล"

มีความวิตกกังวลสูงเกี่ยวกับความยาวขาของตัวเอง คอยเช็คในกระจกตลอดเวลา และเริ่มเกิดความกลัวในการเคลื่อนไหว

➡️ Objective (Clinical Exam):

เมื่อทำการวัดความยาวของกระดูกขาโดยตรง (True leg length measurement) พบว่า กระดูกขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน -> ตัด Structural LLD ออกไปได้

แต่เมื่อยืนตรง สังเกตเห็นว่าแนวกระดูกเชิงกรานด้านขวาสูงกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย (Right hip hike) ทำให้ขาขวา "ดูเหมือน" สั้นกว่า นี่คือ Functional LLD ที่มีขนาดเล็กมาก (เช่น 0.5 ซม.)

➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):

พบต้นตอที่แท้จริง! ไม่ได้อยู่ที่ความยาวขา แต่เป็น ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ

พบว่ากล้ามเนื้อ Gluteus Medius ข้างขวา (ที่ช่วยพยุงเชิงกราน) และ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core stabilizers) ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited)

ในขณะที่กล้ามเนื้อสีข้าง Quadratus Lumborum (QL) ข้างขวา และกล้ามเนื้อหลัง Erector Spinae ทำงานหนักและตึงตัวมากเกินไป (Facilitated/Compensating) ซึ่งการทำงานที่มากเกินไปของ QL นี่เองที่ "ดึง" ให้เชิงกรานข้างขวายกสูงขึ้น และเป็นสาเหตุของอาการปวด

แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นแก้ที่ต้นตอ):

🧠 1. Pain Science Education (PSE) - สำคัญที่สุด!

สร้างความมั่นใจให้คุณนนท์กลับคืนมา! โดยการให้ข้อมูลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (จาก EP นี้) ว่าความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องปกติ และ ไม่ใช่สาเหตุของอาการปวดหลังของเขา (Knutson, 2005)

อธิบายให้เห็นภาพว่าการที่ขา "ดูเหมือน" ไม่เท่ากันนั้นเป็น "ผลลัพธ์" ของกล้ามเนื้อที่ทำงานไม่สมดุล (QL ดึงเชิงกรานขึ้น) ไม่ใช่ "สาเหตุ" ของอาการปวด

เปลี่ยนโฟกัสของคุณนนท์จากการกังวลเรื่อง "โครงสร้างที่แก้ไขไม่ได้" ไปสู่การ "ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อที่แก้ไขได้"

📈 2. Load Management:

แนะนำการปรับท่าทางการนั่งทำงาน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อ QL ทำงานหนักขึ้น เช่น การนั่งไขว่ห้าง หรือการยืนลงน้ำหนักข้างเดียว

⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:

Release (คลาย): คลายกล้ามเนื้อ QL และ Erector Spinae ข้างขวาที่ทำงานหนักเกินไป

Activate (กระตุ้น): กระตุ้นการทำงานของ Gluteus Medius และ Core stabilizers ข้างขวาที่ "หลับ" อยู่

💪 4. Strengthening Program:

ออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างความแข็งแรงและทนทานให้กับระบบ lumbopelvic-hip complex (หลัง-เชิงกราน-สะโพก) โดย ไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องความยาวขาที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นเลย เป้าหมายคือการฟื้นฟู "Function" ไม่ใช่การสร้าง "Symmetry"

ผลลัพธ์ (Outcome):

เมื่อความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อได้รับการแก้ไข (QL คลายตัว, Glutes/Core กลับมาทำงาน) ภาวะ Functional LLD ก็หายไปเอง และที่สำคัญคือ อาการปวดหลังของคุณนนท์ก็หายไปด้วย

คุณนนท์เลิกกังวลเกี่ยวกับความยาวขาของตัวเอง และกลับมามีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง

เขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญว่า "การทำงาน (Function) และความแข็งแรง (Strength) สำคัญกว่าความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Symmetry)"

📖 References :

➡️ Knutson, G. A. (2005). Anatomic and functional leg-length inequality: a review and recommendation for clinical decision-making. Part I, anatomic leg-length inequality: prevalence, magnitude, effects and clinical significance. Chiropractic & Osteopathy, 13, 11.

➡️ Hespanhol Junior, L. C., de Carvalho, A. C. A., Costa, L. O. P., & Lopes, A. D. (2016). Lower limb alignment characteristics are not associated with running-related injuries in runners: A systematic review with meta-analysis. British Journal of Sports Medicine, 50(20), 1259-1265.

➡️ Gurney, B. (2002). Leg length discrepancy. Gait & Posture, 15(2), 195-206.

➡️ Raczkowski, J. W., Daniszewska, B., & Zolynski, K. (2010). Functional scoliosis caused by leg length discrepancy. Archives of Medical Science, 6(3), 393-398.

➡️ Vink, P. (2014). The Torsional Tensegrity of the Human Body's Myofascial System. KVM-Der-Verlag.

📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่:

❤️ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด (JR Physio)

เว็บไซต์: www.jrphysio.com

📍 สาขาเยาวราช:

⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร)

📞 080-425-9900

💬 Line: .cn (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)

💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysiochinatown

🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/mAwdMtETvgrW2yYT9

📍 สาขาเพชรเกษม 81:

⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ)

📞 094-654-2460

💬 Line: (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)

💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysioth

🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเพชรเกษม 81" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/7XdgGKqzXQ3qfsDeA

😊 เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพของคุณครับ!

10/02/2025
08/02/2025

Episode 271 Deep listening of sacroiliac joint: ตอนที่ 2 เอ็น sacrotuberous กับการทำงานของข้อต่อกระเบนเหน็บ

เป็นตอนที่สองแล้วสำหรับการเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจของข้อต่อกระเบนเหน็บนะคะ ตอนที่แล้วได้บอกไปว่า SIJ ไม่มีกล้ามเนื้อควบคุมการเคลื่อนไหวโดยตรง ดังนั้นแรงกระชับข้อส่วนใหญ่มาจากเอ็นยึดกระดูก และในวันนี้เราจะมา focus กับเอ็นยึดกระดูกที่ถือว่าเป็น Key สำคัญในการทำให้เกิดการเคลื่อนไหวและส่งเสริมความมั่นคงของ SIJ ค่ะ

sacrotuberous ligament (STL) ถือว่าเป็นเอ็นยึดกระดูกที่เสริมความมั่นคงให้แก่ SIJ ซี่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่เกาะเชื่อมต่อกระดูกเชิงกรานไว้กับกระดูกสันหลังเอวและกระเบนเหน็บนั่นเอง

STL แผ่คล้ายพัดเกาะทางด้านหลังของกระดูกเชิงกรานและเป็นส่วนสำคัญในการยึดกระดูกกระเบนเหน็บไว้กับ Ilium สิ่งสำคัญคือ STL เต็มไปด้วยเส้นใยคอลลาเจนเนื่องจากต้องรับน้ำหนักของกระเบนเหน็บและต้องป้องกันอันตรายในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง ไม่ว่าจะยืน เดิน หรือวิ่ง

หลักในการจำการเกาะของ STL ง่าย ๆ ค่ะ คือเกาะจาก กระเบนเหน็บ กระดูกหาง กระดูก ilium และลู่เข้าไปเกาะที่ ischial tuberosity แนวการเกาะของ STL ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ของเชิงกรานด้านหลังคือ greater และ lesser sciatic foramen ส่วนหนึ่งของเอ็นนี้ผสานไปกับเอ็นกล้ามเนื้อ Biceps femoris สมาชิกของ hamstrings ดังนั้นจึงมีความสำคัญในการป้องกันการหมุนไปทางด้านหน้ามากเกินไปของกระดูกกระเบนเหน็บ นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อก้นมัดใหญ่มีที่เกาะมั่นคงมากขึ้น

พอทราบจุดเกาะแล้วเราก็มาดูหน้าที่ของเขากันดีกว่า

1.เสริมความมั่นคงของเชิงกราน แนวการเกาะเฉียงของ STL ทำให้เขาป้องกันการหมุนของกระดูกกระเบนเหน็บไปทางด้านหน้ามากเกินไป หรือป้องกัน excessive nutation

2.ขณะที่ยืน ก้มตัวไปทางด้านหน้า STL จะช่วยป้องกันการหมุนของกระเบนเหน็บไม่ให้หลุดไปทางด้านหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลากระโดด ยิมนาสติก ตีกอล์ฟ หรือกระโดดตบวอลเล่ย์บอล เป็นต้น

3.ช่วยกระจายแรงจากลำตัวผ่านขาได้ดีขึ้น และจากการวิจัยพบว่า หาก STL สองด้านมีความตึงไม่เท่ากัน หรือการเอียงลำตัวไปทางด้านข้างอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้เชิงกรานหมุน และอาจทำให้เกิด SIJ strain และอาการปวดหลังส่วนล่างได้

หากมีการหนาตัวมากเกินไปของ STL อาจทับเส้นประสาท pudendal ทำให้ชาไปยังบริเวณฝีเย็บได้ เมื่อ STL หนาตัวมากขึ้นอาจทำให้เกิดอาการปวดแผ่ร้าวจากก้น ด้านหลังของต้นขา หรือหากเขาฉีกขาดรุนแรงอาจทำให้ปวดร้าวลงน่องหรือส้นเท้าได้ค่ะ และมักพบร่วมกับอาการปวดแผ่ร้าวเมื่อเกิดรอยโรคกับกล้ามเนื้อ hamstrings ได้

ในด้านเวชศาสตร์การกีฬา การออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก้น จะมีส่วนช่วยการเกิดอันตรายต่อ STL ได้มากค่ะ ดังนั้น งานวิจัยหลายเรื่องพบว่า การฝึกเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และทำร่วมกับการยืด hamstrings กล้ามเนื้อ iliopsoas จะมีส่วนสำคัญให้การกระจายแรงและป้องกันแรงกระแทกจากลำตัวลงขาค่ะ
ในด้าน manual therapy เราใช้เทคนิคการนวดคลึง STL ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่กดไถล STL แรงเกินไป เพราะเวลาเจ็บหรืออักเสบมาจะปวดก้น และร้าวลงขารุนแรงค่ะ เดี๋ยวจะลงคลิปการใช้หัตถบำบัดกับ STL นะคะ

ความลับของ SIJ น่าจะต้องเขียนได้ 100 ตอน
ยังไงคิดว่าท่านคงเมตตาอ่านไปเรื่อย ๆ นะคะ
วีเรศวร
7 กพ 68
บรรณานุกรม
Oetgen ME, Andelman S, Martin BD. Age-Based Normative Measurements of the Pediatric Pelvis. J Orthop Trauma. 2017 Jul;31(7):e205-e209.
Rana SH, Farjoodi P, Haloman S, Dutton P, Hariri A, Ward SR, Garfin SR, Chang DG. Anatomic Evaluation of the Sacroiliac Joint: A Radiographic Study with Implications for Procedures. Pain Physician. 2015 Nov;18(6):583-92.
Prather H. Pelvis and sacral dysfunction in sports and exercise. Phys Med Rehabil Clin N Am. 2000 Nov;11(4):805-36.
Sgambati E, Stecco A, Capaccioli L, Brizzi E. Morphometric analysis of the sacroiliac joint. Ital J Anat Embryol. 1997 Jan-Mar;102(1):33-8.
Park YH, Huang GS, Taylor JA, Marcelis S, Kramer J, Pathria MN, Clopton P, Resnick D. Patterns of vertebral ossification and pelvic abnormalities in paralysis: a study of 200 patients. Radiology. 1993 Aug;188(2):561-5.

May you have a good day.
02/02/2025

May you have a good day.

Address

Dorbett Drive Crosby
Crosby
L230RY

Opening Hours

Monday 9am - 8pm
Tuesday 9am - 8pm
Wednesday 9am - 8pm
Thursday 9am - 8pm
Friday 9am - 7pm
Saturday 9am - 5pm

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Banthai Therapy Crosby posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram