25/08/2023
สวัสดีครับผม วันนี้หมอยาแมวดำมาพร้อมกับสาระความรู้ที่น่าสนใจมากครับผม นั่นคือ เกี่ยวกับ “ตาแห้ง” ครับ
กับหัวข้อที่ได้มาจากการเข้าร่วมประชุมแบบออนไลน์ เรื่อง “การดูแลคนไข้ตาแห้งในร้านขายยา” เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2566 บรรยายโดย แพทย์หญิงสมพร จันทรา จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกระจกตา โรงพยาบาลราชวิถี จัดงานประชุมโดย เภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสนับสนุนการถ่ายทอดสดโดย DKSH และ AbbVie
ใช้สายตาเยอะ ๆ ระวังตาแห้ง !
ตาแห้ง ! เราลองมารู้จักภาวะนี้กันครับ
อาการตาแห้ง มีอะไรบ้างนะ ?
1. ระคายเคืองตาเหมือนมีเม็ดทรายในตา
2. แสบตา
3. ตาแดง
4. ตาไวต่อแสง
5. มีการผลิตน้ำตามากเกินไป
6. ตาพร่ามัว
โรคตาแห้งเป็นโรคที่พบได้บ่อย และพบว่าพบเยอะขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น จนถึงวัยทำงาน อันดับแรกเราต้องแยกสาเหตุของตาแห้งให้ได้ก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ?
สาเหตุหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ คือ
1. เราใช้ความชุ่มชื้นในดวงตามากจนเกินไป นั่นคือเกินไปกว่าที่ดวงตาผลิตความชุ่มชื้นให้เพียงพอสำหรับ 1 วัน จึงทำให้ตาแห้ง ยกตัวอย่างเช่น เราจ้องจอคอมพิวเตอร์นานจนเกินไป หรือ ใช้งานมือถือ หรือไอแพดนานเกินไป จึงทำให้ตาเราแห้งเร็วกว่าปกติ
2. ดวงตาผลิตความชุ่มชื้นต่อวันน้อยเกินไป ซึ่งจะพบได้มากในผู้สูงอายุ หรือ คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดเลสิคมาครับ จึงอาจจะทำให้ดวงตาค่อยๆฟื้นฟู
เมื่อแยกสาเหตุเสร็จแล้ว ก็อาจจะซักประวัติความเจ็บป่วยโดย แพทย์ หรือ เภสัชกร เพื่อจะได้แนะนำการรักษาเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมครับผม
1. สอบถามรายละเอียดเยื่อบุตาขาวอาจมีสีแดงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่มีความผิดปกติ
2. ลักษณะของขี้ตา มี หรือ ไม่มี มีการเปลี่ยนสีหรือไม่? กรณีที่ที่เข้าข่ายการติดเชื้อจะได้มีการพิจารณายาฆ่าเชื้อร่วมด้วย
3. มีการคันระคายเคือง, รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในตา รู้สึกไม่สบายตา
4. เป็นข้างเดียว หรือ เป็นทั้งสองข้าง
อาจจะมีการซักถามเกี่ยวกับอาชีพ หรือ Lifestyles เพื่อจะถามหากิจกรรมที่อาจจะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตาแห้งว่า มีอะไรบ้าง? จะได้แนะนำหาวิธีป้องกัน หรือ แก้ไข ร่วมกัน
ในบางกรณีจข้อมูลจากการซักประวัติ ก็พบว่า คนไข้ที่ตาแห้งบางส่วนมีอาการตาแห้งมาจากการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงคืออาการตาแห้ง ยกตัวอย่างเช่น ยาในกลุ่มยาแก้แพ้ first generation antihistamine ที่อาจจะมีอาการข้างเคียงเรื่อง ตาแห้ง,ปากแห้ง,คอแห้งได้
ทั้งนี้หากการซักประวัติเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยมีการมองเห็นที่ลดลง และมีอาการปากแห้งร่วมด้วย อาจจะเข้าข่าย sjogren's syndrome(กลุ่มอาการโจเกรน) เป็นโรคภูมิต้านทานผิดปกติชนิดหนึ่ง โดยเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกายจะถูกระบบภูมิคุ้มกันทำร้าย จากการที่ต่อมผลิตน้ำตาเป็นเป้าหมายแรกของระบบภูมิคุ้มกันจึงทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ หากพบอาการที่เข้าข่ายดังกล่าว อาจจะต้องส่งต่อการรักษาไปยังจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
เมื่อรู้ข้อมูลทั้งหมดของคนไข้แล้ว แพทย์ หรือ เภสัชกร ก็จะประเมินความรุนแรง และแนะนำการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดย การรักษาภาวะตาแห้ง จะแนะนำ “น้ำตาเทียม” ที่มีส่วนประกอบสำคัญเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในดวงตา โดยตัวยาที่มักนิยมใช้ได้แก่ carboxymethylcellulose ; CMC , hydroxypropyl methylcellulose ; HPMC , hyaluronate ; HA เป็นต้น
ร่วมกับมีการใช้สารหล่อลื่นชนิดอื่นๆ ได้แก่ glycerin, polysorbate, caster oil ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบ O/W (Oil in Water emulsion) จะเป็นการช่วยเพิ่มชั้นไขมัน หรือ หรือชั้นน้ำมัน ให้กับ ความชุ่มชื้นในดวงตาให้เกาะลูกตาได้นานขึ้น
ยกตัวอย่างสารให้ความชุ่มชื้นในดวงตาที่ใช้ในปัจจุบันได้แก่ CMC พบว่ามีคุณสมบัติเข้ากับได้กับดวงตา ไม่มีอันตราย และมีคุณสมบัติหล่อลื่นดวงตา มีส่วนช่วยเพิ่มความหนืดน้ำตา ทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น ตัวสารจะยึดเกาะกับดวงตาทำให้การมองเห็นราบรื่น สบายตาไม่ฝืดเคือง ข้อมูลจากงานวิจัยเมื่อปี 2015 พบว่า CMC มีค่าการยึดเกาะกระจกตา จะสูงกว่า โพลีเมอร์ อื่นๆ อาทิเช่น HPMC คือ Hydroxypropyl methylcellulose หรือ PEG เป็นต้น ซึ่งค่าการยึดเกาะของสาร(โพลีเมอร์) ที่เป็นผลที่ดีกับดวงตา เรื่องส่งเสริมให้เกิดความชุ่มชื้นในดวงตา และเข้ากันได้ กระจกตา
นอกจากนั้นพบว่าน้ำตาเทียมส่วนใหญ่จะมี additive ที่เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อเสริมฤทธิ์ของน้ำตาเทียมให้ดีขึ้น ยกตัวอย่าง “Glycerin” คือสารที่มีส่วนช่วยลดการระเหยของน้ำตา มีคุณสมบัติเป็น Osmoprotectant นั่นคือช่วยคงสมดุลของแร่ธาตุและสารประกอบอื่นๆในน้ำตาและดวงตาในคนที่ตาแห้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีตาแห้งได้ง่ายๆ เกิดขึ้นง่ายมากๆ และเกิดขึ้นบ่อยๆ สาเหตุส่วนใหญ่คือ เกิดจากภาวะที่น้ำตาไม่คงสภาพ และ ระเหยเร็วเกินไป จึงทำให้ตาแห้งเร็วกว่าคนปกติ ยกตัวอย่าง กลุ่มคนที่มีสภาพดังกล่าว ได้แก่
1. คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายนอกอาคาร เจอความร้อน แสงแดด อยู่ประจำ หรือ โดนลมแรงพัดตาอยู่บ่อยๆ เช่น คนขับวินมอไซต์, แม่ค้าข้างถนน เป็นต้น
2. คนที่ใช้สายตานานๆ และบ่อยๆ ไม่ได้พักสายตาระหว่างวัน เช่น พนักงานออฟฟิศ, นักเรียน,นักศึกษา เป็นต้น
3. คนที่ผ่าตัดตาด้วยโรคใดๆ หรือ คนที่ผ่า LASIK
4. คนที่ใส่เลนส์สัมผัส (Contact lens)
คนเหล่านี้ มีความเสี่ยงมากที่จะตาแห้งได้ง่ายและเร็วกว่าคนปกติครับผม ฉะนั้นแล้วนะครับผม หากเรารู้ตัวเองว่าเราเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะตาแห้งได้ง่ายกว่าคนปกติ เราจึงควรหาวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อชะลอการตาแห้ง หรือทำให้เราการมองเห็นของดวงตาเรายังคงชุ่มชื้นอยู่
ปัญหาเรื่องยาหยอดตา .. หรือ .. น้ำตาเทียม ปรึกษาเภสัชกร นะครับผม
#ตาแห้ง
#น้ำตาเทียม
#ปรึกษาเภสัชกรร้านยา
#เภแคร์
ข้อมูลบางส่วนผมอ้างอิงมาจาก .. . . .
1. สมพร จันทรา, การดูแลคนไข้โรคตาแห้งในร้านขายยา; 30 กรกฎาคม พ.ศ.2566; รูปแบบการประชุมออนไลน์. กรุงเทพมหานคร.
2. วิวรรธน์ อัครวเชียร. โรคตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca). การบริบาลผู้ป่วยเจ็บป่วยเล็กน้อยที่พบบ่อยในร้านยาและหลักฐานเชิงประจักษ์. 2557; หน้า 276.
3. Lee JS, Lee SU, Che CY, Lee JE. Comparison of cytotoxicity and wound healing effect of carboxymethylcellulose and hyaluronic acid on human corneal epithelial cells. 2015;8(2):215-221.