10/09/2025
#10กันยายนวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก วันนี้จัดกิจกรรมโครงการรณรงค์ป้องกันแก้ไขการฆ่าตัวตายในเยาวชนโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุมโรงเรียนโกวิทธำรงเชียงใหม่ 
มีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จทั่วโลกปีละประมาณแปดแสนคน สำหรับประเทศไทยปีละประมาณ สี่พันคน ทั้งนี้ยังมีผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายแต่ทำไม่สำเร็จอีกมากมายมหาศาล
เครื่องมือสำคัญเบื้องต้นของการช่วยเหลือและป้องกันการฆ่าตัวตายคือ “ #ความรู้ความเข้าใจ” ไม่ใช่อุปกรณ์การแพทย์ใดๆ
สถิติการฆ่าตัวตายในประเทศไทยจะลดลงก็ต่อเมื่อ
1) #เมื่อคนไทยทุกคนตระหนักรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นในชีวิตแล้วส่งผลให้ตัวเองมีอาการเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หวาดระแวง นอนไม่หลับ จนรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว เมื่อนั้นแหละคือป่วยด้านสุขภาพจิตแล้ว ควรรีบไปหาหมอเพื่อรับการรักษา ยิ่งหากทวีความรุนแรงถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตายยิ่งต้องตระหนักรู้ว่าตนเองป่วยรุณแรงแล้ว หรือคนใกล้ชิดก็ต้องรู้ว่านั่นคือการป่วยทางสุขภาพจิตที่ต้องรีบช่วยเหลือกันพาไปหาหมอทันที ไม่ใช่แสวงหาวิธีการฆ่าตัวตาย ก็เหมือนป่วยด้วยโรคฝ่ายกายปวดท้องปวดหัวจนทนไม่ไหวก็รีบไปหาหมอไงครับ
2) #เมื่อทุกคนลดอคติต่อการเจ็บป่วยด้านจิตใจลง มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเช่นป่วยฝ่ายกายนั่นแหละ เมื่อป่วยก็ไปรักษาเสียเท่านั้นเอง การมีความคิดถึงขั้นฆ่าตัวตายเป็นการป่วยของเคมีในสมองแล้วครับ เมื่อได้รับประทานยาความคิดอยากฆ่าตัวตายจะหายไป อะไรที่รับประทานยาแล้วอาการหายไป ย่อมตีความได้ว่าคือป่วย ต้องรีบไปรักษาครับ
3. เมื่อทุกคนเข้าใจว่าคนคิดฆ่าตัวตายคือคนป่วย ไม่ใช่ความอ่อนแอแต่เขาต่อสู้มาจนหมดกำลังอยู่แล้ว ไม่ใช่เรียกร้องความสนใจแต่คือการร้องขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ความน่ารำคาญแต่คืออาการป่วย ไม่ใช่การตัดช่องน้อยแต่พอตัวแต่คือการหวาดกลัวจากความทุกข์ใจ
3) #เมื่อทุกคนตระหนักรู้ในสัญญาณเตือนของความคิดจะฆ่าตัวตาย เช่นการบอกว่า“อยากตาย” “ไม่อยากมีชีวิตอยู่” หรือการสื่อสารใดๆที่ตีความหมายได้ว่าเป็นการ “สั่งเสียฝากฝังและสั่งลา” เหล่านี้คือสัญญาณเตือนของการคิดฆ่าตัวตาย เจ้าตัวต้องมีสติรู้เลยว่าตอนนี้ป่วยและคนอยู่ใกล้ชิดก็พึงรู้ว่านี่คือสัญญาณป่วย และต้องเชื่อว่าเขาจะทำจริงๆเพราะการเชื่อจะนำมาสู่การช่วย พาไปหาหมอทันทีไม่รีรอ
4) #เมื่อทุกคนดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน มีความเป็นมิตรต่อกันตั้งใจรับฟังสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน ให้กำลังใจกัน เป็นสายสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนต่อกัน เมื่อเจอปัญหาสุขภาพจิตใดๆก็จะได้ช่วยเหลือกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะตั้งใจรับฟังหรือทำกิจกรรมอื่นใดต่างๆแล้วยังมีความคิดฆ่าตัวตายอยู่ต้องไปหาหมอทันทีไม่รีรอ
แล้วจะทำอย่างไร? ให้คนไทยทุกคนทั้งประเทศรู้และเข้าใจในสี่ข้อที่กล่าวมาอย่างจริงจังจริงใจไร้อคติครับ
แล้วทุกวันนี้ทั้งในระดับชุมชน ในระดับจังหวัดและในระดับประเทศ #เราเล่นเรื่องนี้กันเหมือนเล่นดนตรีโฟล์คซองหรือวงออเคสตร้าครับ
วุฒิพงศ์
10กันยายน 2568