Chiang Mai Caregiving เชียงใหม่ รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล

Chiang Mai Caregiving เชียงใหม่ รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล We provide both transportation and experienced caregivers with the knowledge to assist you.

29/09/2025

Matchmaking Bus Tours Gain Popularity Among Older Adults in Japan

Although divorce rates in Japan are rising even after long-term marriages, there is also a growing trend of older adults seeking new relationships. In particular, “Matchmaking Bus Tours” targeting people over 50 have become increasingly popular.
These tours offer participants opportunities to meet and interact with potential partners during the journey and at various destinations. Men pay a participation fee of ¥16,000, while women pay ¥15,000.

Some participants on these tours have reportedly found love quickly, with a few even going on to marry shortly after.

23/09/2025

อ่านแล้วชอบจัง 🥹

21/09/2025

17 ค่านิยมไทยที่ทำให้คุณจนลงๆ

ประเทศไทยมีเอกลักษณ์นะคะ ไม่ว่าจะอาหาร รอยยิ้ม หรือความอบอุ่น
แต่ก็มี “กับดัก” ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากทำงานทั้งชีวิตแต่ไม่มีวันรวย
สิ่งนั้นคือ…ค่านิยมทางสังคมที่เผาเงิน

บางทีคุณไม่ได้อยากหรอก แต่สังคมบังคับ
บางทีคุณรู้ว่าไม่คุ้ม แต่กลัวโดนว่า “จน”

มาดูกันทีละข้อค่ะ ว่าอะไรบ้างที่ทำให้คุณจนลงเรื่อยๆ พร้อมทางแก้ที่จะช่วยให้คุณหลุดออกจากวงจรนี้

1. งานแต่ง = โรงละครหนี้

ต้นทุนจริงๆ
• ชุดเจ้าสาว 80,000 รองเท้าเจ้าสาว Jimmy Choo 25,000 ค่าแต่งหน้าเจ้าสาว 30,000
• ชุดเจ้าบ่าว 50,000
• ถ่ายพรีเวดดิ้งต่างประเทศ 100,000
• ค่าโรงแรม+จัดเลี้ยงแขก 500,000–1,000,000
รวมๆ = 850,000–1,350,000 บาท

ถามจริงค่ะ → ใช้เงิน 1 ล้านบาท เพื่อให้คนมางาน 3 ชั่วโมงแล้วกลับบ้าน?

Mindset ที่ผิด:
แต่งงานต้องใหญ่ ต้องสมศักดิ์ศรี ไม่งั้น “อายญาติ”
คือคุณเริ่มชีวิตคู่ด้วยการสร้างโชว์ ไม่ใช่สร้างรากฐาน

เพราะพอคุณจ่ายค่าจัดงานเยอะๆ คุณก็จะคาดหวังเงินใส่ซองมากๆ แต่ถ้าสุดท้ายนับซองแล้วไม่พอ คุณก็โกรธแขกและเพื่อนๆคุณอีก เฮ้อ เหนื่อยค่ะคุณ

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• จัดงานเล็กลง แค่นั้นเองค่ะคุณ😅
• เงินที่เหลือ → วางดาวน์บ้าน 20% ได้ทันที หรือเปิดกองทุนรวมคู่ชีวิต
• ใช้ mindset: งานแต่งไม่ใช่เป้าหมาย แต่คือการเริ่มต้นการลงทุนชีวิตคู่

2. รถ = บัตรประชาชนทางสังคม

ต้นทุนจริงๆ
• รถญี่ปุ่นกลางๆ 800,000 → ค่างวด 12,000/เดือน 5 ปี = 720,000
• รถยุโรป 3,000,000 → ค่างวด 45,000/เดือน 7 ปี = 3,780,000
ต่างกัน 3 ล้าน แต่ทำงานพาไปถึงที่ทำงานเหมือนกัน

Mindset ที่ผิด:
“ถ้าไม่มีรถหรู แสดงว่าฉันยังไม่ประสบความสำเร็จ”
คือคุณยอมให้รถเป็นคนขับชีวิตคุณ แทนที่จะเป็นเครื่องมือ

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• ใช้สูตรรถค่าผ่อนงวดรถต้องห้ามเกิน 20% ของรายได้ สุดๆๆๆๆจริงๆคือ ได้แค่ 30% ค่ะคุณไม่งั้นเจ๊ง
• คิดเสมอว่ารถคือ “ค่าเสื่อม” ไม่ใช่ “การลงทุน”
• เงินส่วนต่าง 30,000/เดือน ถ้าเอาไปลงทุนกองทุนหุ้น 7% ต่อปี → 7 ปีได้เกือบ 3 ล้าน

3. บ้านต้องใหญ่มาก ถึงจะสมศักดิ์ศรี แต่คือหนี้ 30 ปี

ต้นทุนจริงๆ
• บ้าน 5 ล้าน กู้ 30 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6% → จ่ายจริงเกือบ 11 ล้าน
• บ้าน 10 ล้าน กู้ 30 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6% → จ่ายจริง 22 ล้าน

คุณซื้อบ้าน 1 หลัง → แถมบ้านให้ธนาคารอีก 1 หลังฟรีๆ

Mindset ที่ผิด:
“ถ้าไม่ซื้อบ้าน = ไม่มีอนาคต”
คือคุณซื้อศักดิ์ศรี แต่ยกชีวิตให้ธนาคาร

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• ค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน40% ของรายได้ต่อเดือน
• ถ้าการเงินยังไม่มั่นคง เริ่มจากเช่าก็ไม่ตาย แต่หนี้บ้านอาจทำให้คุณตายก่อน
• mindset ใหม่: บ้านคือที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เครื่องวัดคุณค่า ซื้อให้พอประมาณ กำลังดี แบบที่คุณผ่อนแล้วไม่เดือดร้อน

มุมมองการลงทุนบ้าง : ถ้าคุณเก่งแล้วรู้จักใช้leverageจากการใช้เงินแบงค์ซื้อบ้าน อันนี้คือ อีกเรื่องนึงของลงทุนการเก็งกำไรจากอสังหาค่ะ ทำได้คือ เอาค่าเช่า มาจ่ายดอกเบี้ยแบงค์ แล้วบริหารความเสี่ยงให้ดีให้รอด ไม่กู้หนักเกิน conceptนีทำกันเป็นเรื่องปกติ ให้ศึกษาเรื่องทำเลดีๆเพราะมีผลสูงมากต่อราคาขายในอนาคตของคุณ และให้ดูsupply -demand ของการปล่อยเช่าในแต่ละช่วงเวลาด้วย

4. ลูกต้องเรียนแพง = พ่อแม่ต้องแห้ง

ต้นทุนจริงๆ
• โรงเรียนอินเตอร์ 600,000/ปี → 12 ปี = 7.2 ล้าน
• มหาวิทยาลัยเอกชน 1.2 ล้าน → รวมแล้วลูก 1 คน = เกือบ 9 ล้าน

พ่อแม่ไทยคือ ATM แบบไม่คิดดอกเบี้ย

Mindset ที่ผิด:
“ยอมจน แต่ลูกต้องเรียนอินเตอร์”
คือคุณซื้อหน้าพ่อแม่ ไม่ใช่อนาคตลูก

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• เลือกโรงเรียนตามฐานะที่คุณไหวจริงๆแบบไม่โกหกตัวเอง และเสริมskillลูกเพิ่มเอง (ภาษา/การเงิน/เทคโนโลยี)
• ระวังช่องโหว่ในใจคุณที่กัดฟันทำเพราะกลัวน้อยหน้าเพื่อนร่วมงาน เงินก้อนนี้จะเป็น fixed cost ที่กัดกินฐานะการเงินของครอบครัวคุณไปอีกสิบปี
• mindset ใหม่: ลูกไม่ได้อยากได้ค่าเทอมแพง แต่ต้องการพ่อแม่ที่ไม่เครียดเรื่องหนี้ และมีเวลาให้

5. งานศพ–งานบุญ = เวทีโชว์

ต้นทุนจริงๆ
• งานศพใหญ่ 500,000 รีเควสดอกไม้แบบสรวงสวรรค์
• งานบวช+เลี้ยงแขก 300,000–600,000

รวมแล้วบางบ้านหมดเงินเป็นล้าน…เพื่อให้ชาวบ้านชมวันเดียว

Mindset ที่ผิด:
“บุญต้องใหญ่ คนจะได้เห็น”
แต่หนี้ที่เหลือ → คนที่เห็นคือธนาคาร

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• งบงานบุญไม่เกิน 5–10% ของทรัพย์สินที่มี
• ทำบุญแบบยั่งยืน เช่น กองทุนการศึกษาเด็กกำพร้า
• mindset ใหม่: บุญแท้คือไม่สร้างหนี้ให้ลูกหลาน

6. เจ้านายที่ดี = เจ้านายที่โคตรเปย์

ต้นทุนจริงๆ
• outing บริษัท 500,000
• เลี้ยงข้าวลูกน้อง 30,000/เดือน = 360,000/ปี

เจ้านายไทยบางคนหมดเงินล้านกับ “เปย์ลูกน้อง” แต่ไม่เหลืองบพัฒนาธุรกิจ

Mindset ที่ผิด:
“เจ้านายที่ดี = ต้องเลี้ยง”
คือคุณทำให้ลูกน้องเคยตัว แทนที่จะทำให้โต

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• สวัสดิการแทนเลี้ยง → กองทุนสุขภาพ, ประกัน, training
• mindset ใหม่: เจ้านายคือโค้ช ไม่ใช่ตู้ ATM

7. ผู้ชาย = ต้องออกค่าเดทเสมอ

ต้นทุนจริงๆ
• กินข้าวดีๆ 2,000/ครั้ง x 4 ครั้ง/เดือน = 8,000
• ปีละ = 96,000 (เกือบแสน/ปี แค่ค่าเดท)

Mindset ที่ผิด:
“ผู้ชายไม่จ่าย = ไม่แมน”
ความรักเลยกลายเป็นระบบผ่อน 0%

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• แชร์บิล → ความรักต้องแชร์ ไม่ใช่แช่หนี้
• สร้างเดทแบบใช้ใจ เช่น ทำอาหารด้วยกัน วิ่งสวนสาธารณะ
• mindset ใหม่: โรแมนติกไม่จำเป็นต้องแพง

8. ซื้อของแพง = พิสูจน์รัก

ต้นทุนจริงๆ
• กระเป๋า Louis Vuitton 80,000
• Rolex เริ่มต้น 250,000
รวมแล้วความรักปีนึงอาจหมดไปครึ่งล้าน

Mindset ที่ผิด:
“ไม่ซื้อ = ไม่รัก”
คือคุณตีราคาความรักเป็นสินทรัพย์หรู

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• แทนที่จะซื้อของ → ลงทุนคู่กัน เช่น กองทุนหุ้น 5,000/เดือน
• ของแท้ที่พิสูจน์รัก = การสร้างอนาคต ไม่ใช่กระเป๋าที่ตกรุ่น
• mindset ใหม่: ความรักพิสูจน์ได้ด้วยการ “สร้าง” ไม่ใช่การ “ซื้อ”

9. ลูก = กองทุนบำนาญพ่อแม่?

ต้นทุนจริงๆ
ลูกส่งให้พ่อแม่เดือนละ 10,000 → ปีละ 120,000 → 30 ปี = 3.6 ล้าน
เงินก้อนนี้ ถ้าคุณไหว จ่ายไปเลยค่ะ ดูแลให้ท่านมีความสุขแต่ตัวคุณต้องรอดด้วย ถึงจะรอดทั้งบ้าน ถ้าทำไม่ไหวให้กล้าบอกว่าไม่ไหว แล้วช่วยท่านดูว่าลดรายจ่ายกันยังไงได้บ้าง

Mindset ที่ผิด:
“โตไปลูกต้องเลี้ยงพ่อแม่เสมอ”
ฟังดูอบอุ่น แต่ถ้าลูกเองยังไม่มั่นคง การแบกทั้งครอบครัวอาจกลายเป็นภาระเกินกำลังได้

วิธีแก้ (นักการเงิน)
• พ่อแม่: วางแผนเกษียณเองตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำนาญ หรือการลงทุนระยะยาว
• ลูก: ดูแลพ่อแม่ในแบบที่ตัวเองไหว — อาจเป็นการแบ่งเงินบางส่วน บวกกับเวลาและการอยู่เคียงข้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นภาระทั้งหมด
• mindset ใหม่: กตัญญูคือการสร้างความสุขร่วมกัน ไม่ใช่การแบกภาระเพียงฝ่ายเดียว

10. ระบบสินสอด = ความรักตีราคา

ต้นทุนจริงๆ
สินสอดเฉลี่ย 500,000–2,000,000
บางบ้านโชว์ทองกิโล → ฝ่ายชายกู้หนี้ยาว

Mindset ที่ผิด:
“สินสอดเยอะ = รักมาก”
แต่ที่ได้จริงคือหนี้ก้อนโต

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• เปลี่ยนสินสอดเป็นกองทุนคู่ชีวิต
• คุยตรงๆ ว่าเงินนี้จะใช้เพื่ออะไร ไม่ใช่แค่โชว์
• mindset ใหม่: รักไม่ใช่การตีราคา แต่คือการสร้างมูลค่าร่วมกัน

11. เที่ยว = หลักฐานว่าฉันมีชีวิต

ต้นทุนจริงๆ
ทริปญี่ปุ่น 80,000
ทริปยุโรป 200,000
ลงสตอรี่ 50 รูป แต่หนี้อยู่อีก 2 ปี

Mindset ที่ผิด:
“ถ้าไม่โพสต์ = เหมือนไม่ได้ไป”
คุณเลยเที่ยวเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อใจคุณ

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• เที่ยวเท่าที่เงินเก็บอนุญาต ไม่ใช่บัตรเครดิตอนุญาต
• เก็บเล็กแต่เที่ยวบ่อย สุขภาพใจก็ได้ กระเป๋าก็ไม่พัง
• mindset ใหม่: เที่ยวเพื่อสุข ไม่ใช่เพื่อสตอรี่

12. กลัวคำว่า “จน” มากกว่ากลัว “หนี้”

ตัวอย่าง
• ไม่กล้าใส่เสื้อธรรมดา เพราะกลัวเพื่อนว่า
• เลยรูดซื้อเสื้อ 5,000 ทั้งที่เงินเหลือ 2,000

Mindset ที่ผิด:
“ให้คนอื่นคิดว่ารวย ดีกว่ามีเงินเก็บจริง”

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• ศักดิ์ศรีที่แท้จริงคือการไม่มีหนี้
• mindset ใหม่: ไม่ต้องอวดใคร แต่มีจริง

13. ของมันต้องมี โชว์ก่อน คิดทีหลัง

ต้นทุนจริงๆ
บัตรเครดิตไทยดอกเบี้ยเฉลี่ย 16–18%
ซื้อ iPhone ใหม่ทุกรอบที่ออก 50,000 → ถ้าผ่อนไม่ตรง = เสียเพิ่มอีกเกือบ 10,000

Mindset ที่ผิด:
“อยากได้ก่อน เดี๋ยวอนาคตค่อยคิด”

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• ใช้สูตร 48 ชั่วโมง rule → อยากได้อะไร ให้รอ 2 วัน ถ้ายังอยากได้อยู่ค่อยซื้อ
• mindset ใหม่: ซื้อเพราะต้องใช้ ไม่ใช่เพราะลดราคา

14. ไม่กล้าแตกต่าง

ตัวอย่าง
• อยากแต่งเล็กๆ แต่กลัวญาติว่า
• อยากเช่าบ้าน แต่กลัวโดนว่าไม่มีอนาคต

Mindset ที่ผิด:
“กลัวสังคมด่า มากกว่ากลัวดอกเบี้ย”

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• เลือกสิ่งที่เหมาะกับฐานะตัวเอง
• mindset ใหม่: คนที่กล้าแตกต่าง คือคนเดียวที่รอดจากวงจรหนี้

15. รวยต้องโชว์

ต้นทุนจริงๆ
• กระเป๋าแบรนด์ 100,000
• นาฬิกาหรู 300,000
• รถยุโรป 5,000,000

รวมแล้วหมดไป 5–6 ล้าน เพื่อซื้อคำว่า “ดูรวย”

Mindset ที่ผิด:
“รวยแล้วต้องเห็น”

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• Ultra Rich จริงๆ ลงทุนเงียบๆ
• mindset ใหม่: เงินอยู่ในพอร์ต ไม่ใช่บนแขน

16. ฉันจน เพราะกรรมเก่า 😅

ต้นทุนจริงๆ
• หนี้บัตร 200,000
• หนี้บ้าน 3 ล้าน
• หนี้รถ 1.5 ล้าน

แต่ดันโทษว่า “กรรมเก่า” ทั้งที่กดรูดเองในชาตินี้

Mindset ที่ผิด:
“ความจนเป็นเวรกรรม”

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• หยุดโทษกรรมเก่า → สร้างบุญใหม่ด้วยการเก็บก่อนใช้
• mindset ใหม่: หนี้ทุกก้อนคือผลจากการตัดสินใจ ไม่ใช่กรรมเก่า

17. พิธีกรรม 8.8 / 9.9 / 10.10

ต้นทุนจริงๆ
• กด flash sale เดือนละ 5,000
• ปีละ = 60,000 (โดยไม่รู้ตัว)
5 ปี = 300,000 → ได้ของเต็มบ้าน แต่ไม่มีเงินเก็บ

Mindset ที่ผิด:
“ลดราคา = ประหยัด”
แต่จริงๆ = ซื้อสิ่งที่ไม่ได้อยากได้แต่แรก

วิธีแก้ (นักการเงิน):
• ใช้ 48 ชั่วโมง rule ก่อนซื้อ
• เปลี่ยน “พิธีกรรมช้อป” → “พิธีกรรมลงทุน” ทุกวันที่ 9 ของเดือนโอนเข้ากองทุนแทน

✨ คุณคะ

คุณไม่ได้จนเพราะขี้เกียจ
คุณไม่ได้จนเพราะไม่มีโอกาส

คุณจนเพราะ “ค่านิยม” ที่ทำให้คุณใช้เงินเพื่อซื้อสายตาคนอื่น
แล้วพอเงินหมดก็บอกว่า “เพราะกรรมเก่า” 😅

แต่จริงๆ แล้วนี่คือ กรรมสดๆ ที่คุณสร้างเองจากการรูดบัตร

💡 คำตอบใหม่
• ใช้เงินสร้างชีวิต ไม่ใช่สร้างโชว์
• ซื้อสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ไม่ใช่ที่สังคมบอกว่าต้องมี
• ศักดิ์ศรีแท้จริง = ไม่มีหนี้ ไม่ใช่มีของแพง

ใช้เงินแบบนี้ก็เจ๊งไง!
ถ้าอยากรอด → เปลี่ยน mindset + ใช้หลักการเงินง่ายๆ
เก็บก่อนใช้ ลงทุนก่อนอวด แล้วคุณจะมั่งคั่งจริง ไม่ใช่รวยแต่รูป (ไอจี) และทำทุกอย่างตามรายได้ของคุณนะคะ อย่าเลียนแบบชีวิตใคร

ใครคิดค่านิยมอะไรออกเพิ่ม มาช่วยกันเขียนเพิ่มหน่อยในcomment ค่ะ

11/09/2025

1. The Secret Life of Walter Mitty

ในโลกที่ความธรรมดาคล้ายกล่องใส่ชีวิตชายคนหนึ่งไว้ Walter Mitty เปลี่ยนความธรรมดานั้นด้วยจินตนาการสุดฟุ้งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แต่เมื่อโอกาสแห่งการผจญภัยจริงมาเยือน ความฝันและความกล้าสัมผัสกันในที่สุด ทำให้ชายธรรมดากลายเป็นฮีโร่ในชีวิตของตัวเอง

2. Blue Giant

เสียงแซกโซโฟนก้องกังวานในหัวใจ เด็กหนุ่มผู้หลงใหลในแจ๊สยืนหยัดท้าทายเส้นทางดนตรีในโตเกียว Blue Giant ถ่ายทอดความหวัง ความฝัน และหยาดเหงื่อที่บรรเลงจนเกิดเสียงแห่งชีวิต

3. Cast Away

เมื่อลมหายใจถูกฝากไว้กับเกาะร้าง ชายคนหนึ่งต้องเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดในโลกที่ไม่มีใคร นอกจากลูกวอลเลย์บอลและความหวังที่เลือนราง Cast Away เป็นบทกวีของการเผชิญหน้ากับธรรมชาติและความโดดเดี่ยว

4. CODA

เสียงเพลงที่ไร้เสียง ชีวิตที่ห้อมล้อมด้วยความเงียบ เด็กสาวคนหนึ่งต้องบาลานซ์ระหว่างความฝันในการร้องเพลงและหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบในครอบครัวผู้พิการทางการได้ยิน CODA เป็นบทเพลงของความรักและความเสียสละ

5. 12 Fail

ความล้มเหลว 12 ครั้งที่มากพอจะล้มใคร แต่ชายคนหนึ่งกลับหยิบมันมาสร้างสะพานไปสู่ความสำเร็จ 12 Fail สอนเราว่าความผิดพลาดไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นบทเรียนอันล้ำค่า

6. Whiplash

ความฝันไม่ได้ถูกบรรเลงด้วยเสียงดนตรีที่สวยงามเสมอไป สำหรับ Andrew ความสำเร็จมาพร้อมเสียงฉาบและกลองที่ฟาดฟันจนเลือดซิบในห้องเรียนสุดโหด Whiplash สะท้อนการเสียสละเพื่อความสมบูรณ์แบบ

7. Up in the Air

ชายผู้บินเหนือเมฆด้วยงานที่ไม่มีใครต้องการ ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยแตะพื้นโลกถูกท้าทายด้วยคำถามที่ว่า อะไรคือจุดหมายปลายทางของชีวิต? Up in the Air คือบทสะท้อนของความเหงาในยุคแห่งความเชื่อมต่อ

8. The Intern

ชายวัยเกษียณที่มองหาความหมายใหม่ในชีวิต พบโอกาสในบริษัทสตาร์ตอัปที่เต็มไปด้วยพลัง The Intern เป็นเรื่องราวของมิตรภาพต่างวัยที่แสนอบอุ่น และการพิสูจน์ว่าประสบการณ์ไม่มีวันเกษียณ

9. Slumdog Millionaire

จากเด็กข้างถนนสู่คำถามมูลค่าหลายล้าน ความรู้และประสบการณ์ชีวิตกลายเป็นคำตอบที่ไม่มีใครคาดคิด Slumdog Millionaire เผยเส้นทางที่ไม่เคยสวยงาม แต่เต็มไปด้วยความหวัง

10. Soul

เมื่อชีวิตที่วุ่นวายชะงักลงด้วยคำถามว่า “จุดหมายที่แท้จริงคืออะไร?” Soul พาเราดำดิ่งเข้าสู่ดนตรีของจิตวิญญาณ และค้นหาความสุขจากการเป็นตัวเอง

11. Billy Elliot

ในเมืองเหมืองถ่านหิน เด็กชายผู้หลงใหลการเต้นบาลเลต์ต้องฝ่าฟันสายตาของผู้คนและความไม่เข้าใจ Billy Elliot สะท้อนความกล้าที่จะฝันในโลกที่ไม่ยอมรับ

12. Hidden Figures

เบื้องหลังความสำเร็จในยุคอวกาศคือหญิงผิวสีสามคนที่ต่อสู้กับทั้งแรงโน้มถ่วงและอคติทางสังคม Hidden Figures คือการเฉลิมฉลองความฉลาดและความกล้าหาญ

13. Ford vs Ferrari

สนามแข่งที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความเร็ว แต่คือการปะทะกันของวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น Ford vs Ferrari คือบทเรียนแห่งการต่อสู้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์

14. Good Will Hunting

อัจฉริยะที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของบอสตันถูกดึงออกมาสู่แสงสว่าง ด้วยความรักและการชี้นำ Good Will Hunting พิสูจน์ว่าพรสวรรค์ต้องการมากกว่าตัวมันเองเพื่อเปล่งประกาย

15. The Shawshank Redemption

ในคุกที่ดูเหมือนว่าจะกักขังทุกสิ่งไว้ Shawshank Redemption คือการปลดปล่อยความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์

16. The Pursuit of Happiness

ชายคนหนึ่งและลูกชายเล็กๆ ต้องฝ่าฟันความยากลำบากที่ดูเหมือนไร้ทางออก The Pursuit of Happiness คือเรื่องราวของความมุ่งมั่นและความรักที่ไม่เคยสิ้นสุด

17. Sing Street

ในดับลินยุค 80 วงดนตรีที่เกิดขึ้นจากความรักและความฝันทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ค้นพบตัวตน Sing Street คือจดหมายรักถึงวัยเยาว์และเสียงดนตรี

18. The Terminal

เมื่อสนามบินกลายเป็นบ้าน ชายคนหนึ่งต้องสร้างโลกใหม่ด้วยตัวเอง The Terminal เป็นเรื่องราวของการปรับตัวและมนุษยธรรม

19. A Beautiful Mind

ความฉลาดที่ล้ำเลิศมักมาพร้อมกับความโดดเดี่ยว A Beautiful Mind ถ่ายทอดชีวิตของนักคณิตศาสตร์ที่ต่อสู้กับศัตรูในจิตใจ

20. The Fighter

การต่อสู้ในเวทีมวยไม่ยากเท่ากับการต่อสู้เพื่อครอบครัว The Fighter แสดงถึงความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ

21. Million Dollar Baby

นักมวยหญิงที่ไม่มีใครเชื่อมั่น นอกจากโค้ชที่เหมือนจะหมดไฟ Million Dollar Baby คือเรื่องราวของความหวังและการเสียสละ

22. The Wrestler

อดีตนักมวยปล้ำผู้พยายามหาความหมายใหม่ในชีวิต The Wrestler เป็นบทกวีแห่งการกลับตัวที่ขมขื่นและงดงาม

23. Into the Wild

ชายหนุ่มผู้ทิ้งทุกสิ่งเพื่อค้นหาอิสรภาพในธรรมชาติ Into the Wild เป็นการเดินทางที่เปลี่ยนทุกจุดหมายให้เป็นคำถาม

24. Moneyball

เกมเบสบอลที่เล่นด้วยสถิติและตัวเลขเปลี่ยนวงการกีฬาไปตลอดกาล Moneyball สอนว่าความสำเร็จเกิดจากการมองต่างมุม

25. Minari

ครอบครัวเกาหลีที่ย้ายมาอเมริกาค้นหาความฝันในดินแดนใหม่ Minari เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นและลึกซึ้งเกี่ยวกับรากเหง้า

26. Life of Pi

เด็กหนุ่มกับเสือเบงกอลล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร Life of Pi คือการเดินทางที่เชื่อมโยงจินตนาการกับความเชื่อ

27. I Am Sam

พ่อผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญาต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลี้ยงดูลูกสาว I Am Sam คือการเฉลิมฉลองความรักที่ไม่มีขอบเขต

28. The Fault in Our Stars

ความรักของวัยรุ่นที่เปราะบางในโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด The Fault in Our Stars คือเรื่องราวที่ทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นบทกวี

29. มหาลัยเหมืองแร่

บันทึกชีวิตในเหมืองแร่ของชายหนุ่มที่เรียนรู้บทเรียนจากชีวิตจริง มหาลัยเหมืองแร่ เป็นบทกวีแห่งความงดงามในความธรรมดา

30. Forrest Gump

ชายหนุ่มที่แม้จะมีความแตกต่าง แต่ไม่เคยหยุดเดิน เขาเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง สร้างความมหัศจรรย์ของชีวิตที่ไม่เหมือนใคร Forrest สอนให้เราเห็นว่าบางครั้งความพิเศษนั้นไม่ได้อยู่ในตัวตน แต่อยู่ในใจที่ไม่เคยหยุดฝัน

________
แนะนำ Projector มาฉายดูชิลๆ
📌https://s.lazada.co.th/s.Cz8Ya?cc
📌https://s.shopee.co.th/8AKnvVYVQu

13/08/2025

[Work & Life] เคยบริหารทีม 150 คน แต่วันนี้เขาตกงานมา 21 เดือน เพราะค่าตัวสูงเกินไป เทรนด์ใหม่ขององค์กร ‘The Great Flattening’ เมื่อประสบการณ์ไม่ใช่ข้อได้เปรียบ ในยุคที่บริษัทเลิกจ้างผู้จัดการระดับกลาง
เรื่องจริงจาก ‘Alexander Valen’ ผู้มีประสบการณ์ในสายเทคโนโลยีกว่า 20 ปี เคยบริหารทีมขนาด 150 คนให้กับองค์กรระดับโลกอย่าง Accenture แต่หลังจากถูกเลิกจ้างในปี 2023 เขากลับเดินเตะฝุ่นอยู่นานถึง 21 เดือนโดยไม่มีงานทำ และทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้โอกาสใหม่ เสียงตอบกลับจากฝั่งนายจ้างมักจะลดทอนคุณค่าของเขาด้วยคำว่า “ค่าตัวคุณแพงเกินไป”
สถานการณ์นี้คือสัญญาณเตือนของปรากฏการณ์ระดับโลกที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้บริหารองค์กรเริ่มเรียกกันว่า ‘The Great Flattening’ หรือเทรนด์การลดจำนวนผู้จัดการเพื่อสร้างโครงสร้างที่ lean ขึ้น เร็วขึ้น และถูกลง
[ ในยุคที่ประสบการณ์ ไม่ใช่แต้มต่ออีกต่อไป ]
Alexander Valen คืออดีตผู้จัดการโครงการจาก Accenture ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการไอทีนานกว่า 20 ปี รายได้ในช่วงก่อนถูกเลิกจ้างของเขาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อชั่วโมง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าโปรไฟล์แบบนี้จะส่งผลเสียต่อตัวเอง ตลอด 21 เดือนหลังถูกเลิกจ้าง Valen เข้าร่วมสัมภาษณ์งานมากกว่า 20 แห่ง โดยขยายขอบเขตงานจาก Project Management ไปยัง Business Analyst และ Sales แม้กระทั่งยื่นสมัครเป็นพนักงานในร้าน Chick-fil-A แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากที่ไหนเลย
และคำตอบจากฝั่งนายจ้างหรือบริษัทจัดหางานก็มักจะคล้ายกันคือ “ค่าตัวคุณแพงเกินไปสำหรับตลาดตอนนี้”
[ The Great Flattening โครงสร้างองค์กรแบบไม่มีหัวหน้า ]
ตั้งแต่ปี 2022–2024 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Amazon, Intel และ Walmart ต่างประกาศแผนที่จะลดจำนวนผู้จัดการลง โดยอ้างเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และการลดต้นทุน
ข้อมูลจาก Gusto แพลตฟอร์มด้าน Payroll และ Benefits ของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางในอเมริกา พบตัวเลขที่น่าสนใจว่า
✉️ การเลย์ออฟผู้จัดการในช่วงอายุ 35–44 ปี เพิ่มขึ้น 400%
✉️ และสำหรับกลุ่มอายุ 45–54 ปี เพิ่มขึ้น 66% ตั้งแต่ต้นปี 2022 ถึงปลายปี 2024
นี่เป็นสัญญาณการหายไปของชนชั้นกลางในองค์กร คนที่เคยเป็นผู้นำทีม กลายเป็นต้นทุนที่บริษัทไม่อยากแบกรับอีกต่อไป เพราะระบบกำลังเปลี่ยนเป็น ‘Flat Hierarchy’ ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมงานมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านมือคนกลาง
[ นำไปสู่การตั้งคำถามเรื่องค่าใช้จ่าย หรือคุณค่า? ]
ในอดีตการมีผู้จัดการประสบการณ์สูงเป็นเครื่องหมายของความมั่นคงและคุณภาพ แต่ในวันนี้บริษัทกลับมองประสบการณ์เป็นค่าใช้จ่ายไม่ใช่คุณค่า
→ ผู้มีประสบการณ์มากเท่ากับค่าจ้างสูง
→ ค่าจ้างสูงเท่ากับลดกำไร
และในยุคที่ AI ช่วยจัดการการทำงานได้มากขึ้นทุกวัน บริษัทจึงตั้งคำถามว่า เรายังต้องการผู้จัดการระดับกลางอีกหรือไม่?
คำถามนี้สะท้อนออกมาในเชิงโครงสร้างองค์กรที่ลดความซับซ้อน (de-layering) ด้วยการตัดหัวหน้าระดับกลางออก และปล่อยให้ทีมเล็กลง วิ่งเร็วขึ้น ควบคุมด้วยระบบมากกว่าคน นำไปสู่ผลข้างเคียงคือ คนกลุ่มที่อยู่ตรงกลางกลับไม่มีที่ยืนในระบบใหม่นี้
และนั่นคือการเปลี่ยนเกมที่ผู้มีประสบการณ์ไม่ทันตั้งตัว สิ่งที่ Valen พบเจอคือการเปลี่ยนแปลงระหว่างสิ่งที่ องค์กรยุคเก่าฝึกมา กับ สิ่งที่ตลาดงานยุคใหม่ต้องการ
องค์กรต้องการคนที่ hands-on, multi-skilled, adaptive, และ cost-efficient แต่คนที่เติบโตมาจากระบบองค์กรแบบเก่า มักถูกฝึกให้บริหารคนมากกว่าทำงานเอง เมื่อ AI และเครื่องมือ Collaboration ทำให้ทีมเล็กๆ บริหารตัวเองได้ บริษัทจึงเลือกทำให้องค์กรแบนราบ โดยไม่ต้องพึ่งคนที่เคยอยู่ในบทบาท command-and-control แบบเดิม
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์

12/08/2025

Mother's Day might not be a working day for us, but at CMC, we're ready to assist you every single day. Cheers to all the amazing mothers out there! We love and appreciate you! 🥰

10/04/2025

When you play sports, you enter a different world. For a little while, you forget the stress, the noise, and all your worries. All that matters is the game.

You focus. You give it your all. You smile when you get it right. You stay strong when you make a mistake. You feel proud when you win—and even when you don’t, you know you tried your best.

After the game, you feel lighter, stronger, and ready to face life again. Sports don’t just help your body—they heal your mind. They give you energy, confidence, and peace.

Not everyone sees it, but sports can truly save your mental health. So keep playing. Keep showing up. Because every time you do, you become a better, stronger version of yourself. ❤️

02/04/2025

A retired couple have been living on back-to-back cruises for two years, and claim it’s ‘cheaper’ than if they stayed in a nursing home in their retirement years.

Marty and Jess Ansen are a married couple hailing from Australia, and have gone on exactly 51 cruises in a row since June 2022.

They’ve stayed loyal to Princess Cruises along the way, trusting them with their retirement trips across the world.

29/03/2025

เมื่อแผ่นดินไหว ⛑
..มันน่ากลัวดีครับ ใจสั่นไปหมดเลย ตึกหยุดสั่นแล้ว มือกับใจยังสั่นอยู่เลย เพราะไม่เคยเจอมาก่อน เลยอยากจะขอเล่าผ่านตัวอักษรครับ

☀️ประมาณบ่ายโมง ผมกำลังอยู่ในห้องประชุม ขณะที่แพทย์ประจำบ้าน ผู้ซึ่งผมเป็นที่ปรึกษา เธอกำลังนำเสนอ ผลงานโครงร่างวิจัยอย่างเข้มข้นอยู่นั้น ก็มีเสียง “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” 💥สักสามถึงสี่ครั้ง ออกจากเพดานห้องประชุม ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกเวียนศีรษะ มีความรู้สึกโครงเครง จึงลุกขึ้นยืน พบว่ายืนแล้วเซเล็กน้อย

❤️พร้อมกันนั้น มีรุ่นพี่รีบเดินออกมาจากห้องด้านในถัดไปอีกห้องหนึ่ง พร้อมตะโกนว่า... “แผ่นดินไหว รีบออกจากตึก”... ขณะนั้น ผมและทุกคนในห้องประชุมพยายามรีบเอาตัวออกจากตึกให้เร็วที่สุด โดยรีบเดินไปที่บันไดหนีไฟ ที่เราเดินกันอยู่ทุกวี่วัน แต่วันนี้นั้น มันไม่เหมือนเดิม ผู้คนพยายามวิ่งบ้าง เดินเร็วบ้าง เกาะราวบันไดบ้าง บ้างก็ช่วยกันพยุงลงจากบันได กันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะขยับตัวไหว 🏃🏻‍♂️

🏨ผมลงมาถึงชั้นล่างสุด และออกจากตึกมาได้ อาจารย์รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ดึงแขนผมและพูดว่า “ออกไปให้ห่างจากตัวตึกนะเต้” ผมจึงรีบเดินไปให้อยู่ในที่โล่งที่สุดและไกลจากตึกที่สุด
..เดินไปเกือบๆจะถึงทางเลี้ยวออกหน้าโรงพยาบาล ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเป็นอาจารย์วิสัญญีที่เคารพรักขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ ว่ามีสายเรียกเข้า

ผมรับสาย เสียงปลายสายนั้น เป็นเสียงชายหนุ่มทุ้มๆ ซึ่งผมเพิ่งจะพูดคุยด้วย หลังจากผ่าตัดเสร็จไปในช่วงเช้า

👨🏻‍⚕️เสียงในสายพูดว่า “อาจารย์เต้ ออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหรือยังครับ รบกวนขึ้นมาช่วยผ่าตัดคลอดที่ชั้น 5 ได้ไหมครับ จะได้เสร็จไว เพราะตอนนี้ แพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดอยู่”
ในใจก็คิดว่าเอาไงดี ภาพในหัวที่ปรากฎขึ้นคือ ภาพในข่าว ที่คนติดอยู่ภายใต้ซากตึกที่ถล่มลงมา แต่ก็คิดต่อไปอีกว่า “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”

🏃🏻‍♂️🏃🏻ผมจึงหยุดเดินและวิ่งสวนทางกลับ วิ่งไปคิดว่าเร็วกว่าตอนลงมาเสียอีก วิ่งกลับเข้าตึก ชั้น 1 เริ่มไม่มีคนแล้ว พอไปถึงบันไดหนีไฟ ผู้คน เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ก็กำลังทะยอยออกมาจากตึก มีเสียงพูดจากผู้คนที่ผมวิ่งสวนทางไปว่า “อาจารย์เต้ไปไหน” “อาจารย์เต้ไปทางนี้” “ลงครับ ออกด้านนี้”

🆗พอผมขึ้นไปถึงชั้น 5 ตอนนั้น ด้านนอกห้องผ่าตัดไม่มีคนแล้ว ผมวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด หยิบเสื้อคลุม และเดินเข้าไปยังห้องผ่าตัดห้องที่ 4 พบว่าแพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดเพื่อทำคลอดทารกอยู่ คุณพยาบาลที่รักท่านหนึ่ง เดินมาแล้วพูดว่า “เข้าเคสเลยนะคะ” ผมพยักหน้า แล้วเข้าเคสไปช่วยผ่าตัด ขณะผ่าตัดนั้น ก็ยังมีความโครงเครง และตึกยังโยกอยู่บ้างเบาๆ

🔪การผ่าตัดราบรื่นดี มารดาและทารกปลอดภัย หลังจากผ่าตัดเสร็จในไม่นาน เราก็วิ่งอีกรอบเพื่อลงจากตึก

🙂เมื่อวิ่งแบบช้าๆลงมาตรงบันไดหนีไฟทางเดิม พบว่า มีผู้ป่วยที่ผมเพิ่งผ่าตัดมดลูกให้กับเธอไปเมื่อเช้า นั่งอยู่ตรงทางเชื่อมชั้น 4 เพราะญาติๆของเธอได้พยายามอุ้มเธอลงมาแต่ เพราะหลายชั้น จึงหยุดพัก

💪🏻ผมผู้ซึ่ง adrenaline หลั่งพุ่งพล่านมาก จึงขออาสาแบกเธอขึ้นหลัง และพาเธอลงมาได้อย่างปลอดภัย แล้วเราก็มาดูแลกันต่อด้านนอก โชคดีว่า after shock ไม่รุนแรง และความร่วมมือร่วมใจของคนในโรงพยาบาล มีให้กันอย่างมากมาย เราจึงผ่านเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนก ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในเมืองไทยครั้งนี้มาได้

❤️
จอบอ
#พบหมอเต้

ปล ขออนุญาตนำภาพของแพทย์ประจำบ้านท่านหนึ่งที่โพสในไอจีมาประกอบครับ 🙂

20/03/2025

The Real Luxuries 💜✨️

21/02/2025

คิม อึงยง – อัจฉริยะระดับโลกที่มีไอคิวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
คุณรู้หรือไม่?
คิม อึงยง (Kim Ung-Yong) เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับว่ามีไอคิวสูงที่สุดในโลก ที่ระดับ 210 เขาเริ่มแสดงศักยภาพอันน่าทึ่งตั้งแต่อายุยังน้อย
- พูดได้ 4 ภาษา ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
- เข้าใจพีชคณิต ตอนอายุ 3 ขวบ
- เป็นนักเรียนรับเชิญ ในสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
- ได้รับเชิญจาก NASA ให้ไปศึกษาที่อเมริกา ตอนอายุ 7 ขวบ
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (Ph.D.) ตอนอายุ 15 ปี
แม้ว่าคิมจะเป็นเด็กอัจฉริยะที่น่าทึ่ง แต่ในช่วงวัยผู้ใหญ่เขาเลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในเกาหลีใต้ โดยทำงานด้านวิศวกรรมโยธาและสอนหนังสือให้กับเยาวชน เขาเชื่อว่า "ความฉลาดไม่ได้วัดจากตัวเลข แต่เป็นความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"
ไม่ใช่แค่ไอคิวที่ทำให้คนยิ่งใหญ่ แต่เป็นการใช้ชีวิตในแบบที่มีความหมายต่างหาก ✨💡

04/01/2025

Bryan Johnson มหาเศรษฐี Silicon Valley
ใช้ร่างตัวเองทดลองย้อนวัยขั้นโหด
ด้วยงบปีละ 70 ล้าน เป็นคุณจะทำไหม? 🥤

Anti-Aging ที่ไม่ใช่แค่เพื่อความ "สวยหล่อ-ดูดี" เหมือนการศัลยกรรม แต่คือการปรับสุขภาพให้ "โกงความตาย" ทดลองทะลุอายุขัยที่มนุษย์เคยทำได้

🔴 จากอายุ 46 ปี Bryan Johnson ย้อนอายุหัวใจให้กลับไปเทียบเท่าคนอายุ 37 ปี และปอดของเขาสดใหม่เหมือนเด็กอายุ 18 ปี ไม่ใช่แค่อัดเงินมากถึง 70 ล้านบาทต่อปี แต่มาพร้อมกฏการใช้ชีวิตและวินัยขั้นสุด

–––

🔴 ใครคือ Bryan Johnson?

อดีต CEO ของ Braintree ธุรกิจที่ขายให้ PayPal ประมาณ 28,000 ล้านบาท (800 ล้านดอลลาร์)

แต่ชีวิตของเขาก็เคยติดอยู่ในวังวนของความเครียด เทรนด์การทำงานนอนน้อยเท่ากับคนเก่ง ภาวะซึมเศร้า การกินเพื่อเยียวยาจิตใจ ความพังจนหย่าร้าง หลังจากเปลี่ยนเส้นทางมาโฟกัสที่สุขภาพ เขาก็เลือกจะเป็นคนที่ลุกขึ้นมาท้าทายกฎธรรมชาติด้วยร่างกายของตัวเอง

–––

🔴 ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้อยู่กับลูก

เวลาคือของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เขาสามารถมอบให้กับครอบครัวได้ เขามองว่าการดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของการสร้างคุณภาพชีวิตที่จะส่งต่อความสุขไปยังลูกชายของเขาและคนที่เขารัก

เขาต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวพอที่จะเห็นลูกชายเติบโต ผ่านช่วงเวลาสำคัญในชีวิต เช่น การเรียนจบ มหาวิทยาลัย หรือการเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเอง

–––

🔴 ผลลัพธ์ กับอายุที่ย้อนกลับ

Bryan Johnson ในวัย 46 ปี สามารถปรับอายุชีวภาพของอวัยวะต่างๆ ให้ย้อนกลับไปได้หลายปี เช่น

‣ 🫀 หัวใจ: อายุชีวภาพเท่าคนอายุ 37 ปี
‣ 🫁 ปอด: สดใหม่ราวอายุ 18 ปี

อวัยวะอื่นๆ แข็งแรงเกินกว่าที่คนในวัยเดียวกันจะมีได้ ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มันคือความจริงที่เกิดจากการลงทุนทุกหยดเหงื่อ ทุกดอลลาร์ และทุกนาทีในชีวิต

–––

🔴 ไม่ใช่แค่อัดเงิน แต่วินัยขั้นสุด

เขามีชีวิตประจำวันที่วางแผนไว้ทุกวินาที
‣ ตื่น 🌄 4.30
‣ กิน 🥗 มื้ออาหารที่คำนวณทุกอย่าง กินมื้อสุดท้ายตอน 11.00
‣ อาหารเสริม 💊 มากกว่า 100 เม็ดต่อวัน!!
‣ ออกกำลังกาย 💪 โปรแกรมเฉพาะที่เขียนขึ้นสำหรับเขาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
‣ นอน 💤 20.30 ในห้องที่เหมาะสม

และอีกมากที่ทุกอย่างวางแผนมาเพื่อจุดเดียว — คืนอายุคืนสุขภาพให้เขา

–––

🔴 การทดลองบนร่างของตัวเอง

แค่ดูแลร่างกายจน "ชะลอวัย" ได้ก็สุดยอดแล้ว แต่ Bryan Johnson ไม่หยุดแค่นั้น ผลักดันตัวเองและวิทยาศาสตร์ไปข้างหน้า ด้วยการทดลองที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน

💉 Plasma Exchange

เขาทดลองเปลี่ยนพลาสมากับลูกชายวัยหนุ่ม รวมถึงแบ่งของเขาให้พ่อของเขาเอง เพื่อศึกษาแนวคิดที่ว่า พลาสมาของคนหนุ่มสาวอาจช่วยฟื้นฟูร่างกายและยืดอายุของผู้สูงวัยได้

แม้ว่าผลลัพธ์จะยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์ แต่การทดลองนี้สร้างความสนใจและจุดประกายงานวิจัยในด้าน anti-aging อย่างมาก

💉 Gut Microbiome Optimization

วิเคราะห์จุลชีพในลำไส้ (gut microbiome) เพื่อปรับสมดุลแบคทีเรียที่ดีในระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อภูมิคุ้มกัน สุขภาพจิต และการอักเสบในร่างกายของเขา วิเคราะห์ละเอียดถึงระดับพันธุกรรม เพื่อปรับอาหารและการเสริมสารอาหารให้เหมาะสมกับร่างกายของเขาอย่างแม่นยำ

💉 Brain Training และ Cognitive Enhancement

สแกนคลื่นสมองด้วย MRI และ EEG เพื่อศึกษากิจกรรมของสมองและป้องกันการเสื่อมถอย เขายังฝึกสมองด้วยโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อเพิ่มความจำ สมาธิ และประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

💉 Nanotechnology Health Monitoring

ใช้เซ็นเซอร์ระดับนาโนเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในระดับเซลล์ เช่น การอักเสบหรือความผิดปกติของโมเลกุลในเลือด ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เช่น โรคเรื้อรังหรือมะเร็ง

💉 Experimental Drug Trials

Bryan เป็นผู้ทดลองยาและเทคโนโลยีที่อยู่ในระยะการพัฒนา เพื่อปรับปรุงการทำงานของเซลล์และยืดอายุขัย

เขาเชื่อว่ายาและนวัตกรรมที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเหล่านี้ อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิวัติวิธีที่มนุษย์ดูแลสุขภาพในอนาคต

💉 Advanced Skin and Organ Testing

วิเคราะห์อวัยวะและผิวหนังอย่างละเอียด เช่น การวัดอายุชีวภาพของผิวหนังและตรวจการทำงานของตับ ไต และหัวใจในระดับเซลล์ เพื่อหาวิธีฟื้นฟูอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานเหมือนในช่วงวัยหนุ่มสาว

นี่แค่บางส่วน และยังมีการทดลองที่เสี่ยง ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของเขาทั้งหมด inspire วงการสุขภาพและวิทยาศาสตร์การแพทย์ไปตลอดกาล

–––

🔴 Feedback ต่อ Project Blueprint

💬 คำชื่นชม: มองว่าเป็นจุดเปลี่ยนของวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ สร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาสนใจสุขภาพและการชะลอวัยมากขึ้น การทดลองของเขาเป็นการเปิดประตูสู่อนาคต

💬 ข้อวิจารณ์: ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งคำถามถึงความยั่งยืน เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละประมาณ 70 ล้านไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ ยังมีข้อถกเถียงในวงการแพทย์ว่าเทคโนโลยีบางอย่าง เช่น การถ่ายพลาสมา มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ และอาจส่งผลเสียในระยะยาวหรือไม่ หรือการทดลองในคนเดียว ไม่อาจชี้วัดผลได้อย่างแท้จริง

–––

🔴 Netflix ยังเอาไปทำ

1 JAN 2025 วันปีใหม่ 🎇 Netflix ปล่อย Documentary เรื่อง "Don't Die: The Man Who Wants To Live Forever" เรื่องราวของคนที่ไม่ยอมให้ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิต จะพาคุณลึกเข้าไปในความคิดและการทดลองจากชีวิตของตัวเขา

ซึ่งไม่ได้มาแค่มุมมองในการอวย Bryan Johnson แต่เปิดมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในโลกที่เห็นต่างด้วยเช่นกัน

–––

🔴 มีไม่ถึง 70 ล้าน ทำอะไรตามได้บ้าง?

แม้ Bryan Johnson จะลงทุนในสุขภาพด้วยงบประมาณมหาศาล แต่บทเรียนจากเขาแสดงให้เห็นว่ามีหลายสิ่งที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

1. กินอาหารที่เหมาะสม

เริ่มต้นจากการปรับอาหารในชีวิตประจำวัน เช่น ลดน้ำตาล ลดการบริโภคอาหารแปรรูป และเพิ่มผักผลไม้ที่สดใหม่ การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมที่ซับซ้อน แต่การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือยกน้ำหนักเพียง 30 นาทีต่อวัน ก็ช่วยเพิ่มการทำงานของหัวใจและกล้ามเนื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

3. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

การนอนหลับอย่างเพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ส่งผลดีต่อการฟื้นฟูร่างกายและสมอง การตั้งเวลาเข้านอนและตื่นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

4. ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจร่างกายประจำปีหรือการทดสอบสุขภาพที่จำเป็น ช่วยให้เราตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที

5. จัดการความเครียด

Bryan เน้นการฝึกสมาธิและการจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ หรือแม้แต่การหากิจกรรมที่ช่วยสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

6. ลงทุนในสุขภาพจิต

สุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย การพูดคุยกับนักบำบัดหรือการให้เวลากับตัวเองในการสะท้อนความคิด ช่วยสร้างสมดุลในชีวิตและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางอารมณ์

7. ใช้เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

แม้ว่าเทคโนโลยีบางอย่างอาจมีราคาแพง แต่ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้ เช่น Smartwatch ที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจ การติดตามการนอนหลับ หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยในการวางแผนออกกำลังกายและโภชนาการ

❤️‍🩹 สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะมีเงินมากน้อยเพียงใด เพราะสุดท้ายแล้ว สุขภาพที่ดีคือการลงทุนที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของเรา

แล้วถ้าคุณมีเงินเป็นพันล้าน
คุณจะใช้ชีวิตยังไง?

ที่อยู่

1
Chiang Mai
50000

เบอร์โทรศัพท์

+66918540771

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Chiang Mai Caregiving เชียงใหม่ รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram