Thara Massage ธารา นวดไทย

03/10/2025

สโตรคหลังนวดส่วนมากไม่ได้เกิดจากการกดหรือนวดไปที่คอด้านหน้าแถวแคโรทิดนะครับ เพราะบริเวณนั้นมันกดเเล้วจะไม่สบาย คนถูกนวดจะไม่ชอบให้กด ยิ่งกดกันเองยิ่งเป็นไปได้ยากไปใหญ่ ส่วนมากสโตรคหลังนวดมันจะมาจากการเอียงศีรษะ เงย-ก้ม ค้างนาน (เช่น 5 นาที) หรือกดแช่ตำแหน่งเดียวนานๆ (เช่น 30 วินาที) ในตำแหน่งคอด้านหลัง-ด้านข้าง

ซึ่งต่อให้ร่างกายแแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวก็ห้ามประมาทเด็ดขาดครับ

https://www.facebook.com/share/p/172RCbhdr7/

#อุทาหรณ์ Stroke มาเยือน !!!
สาววัย 32 เเชร์ประสบการณ์เฉียดตาย
หูอื้อ ปากเบี้ยว เซลส์สมองหาย 20%
เกือบตีตั๋วไปทัวร์สวรรค์ เเต่ #ทันเวลาทอง
ทั้งหมดนี้เพราะใช้ชีวิตหนัก พักผ่อนน้อย

📌 ใครไลฟ์สไตล์เเย่ หรือ ไม่บาลานซ์ชีวิต ต้องอ่าน
คุณเบอร์ดี้ สาวสวย วัย 32 ปี เธอออกมาเเชร์ประสบการณ์เฉียดตายค่ะ Stroke มาเยือนทั้งที่สุขภาพดีมาก ไม่มีโรคประจำตัว เเต่…การทำงานล่าสุดของเธอ ที่ถ่ายเเบบต้องเอียงคอนานถึง 17 ครั้งเป็นเหตุให้อาการออก

📌 อาการออก
วันนั้นเธอผนังเส้นเลือดคอฉีก ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดในสมอง อาการแรกที่มาคือ
1.หูอื้อไม่ค่อยได้ยินเสียง
2. รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
3. ปวดหัวซีกขวามากๆ
4. ปากเบี้ยว พูดแล้วไม่เป็นคำ

สุดท้ายไปจบที่ห้องไอซียูค่ะ หมอเอ็กซเรย์ พบว่า เซลส์สมองเสียหายไป 20% เส้นเลือดหายไปครึ่งซีก

📌 เกือบได้ตีตั๋วไปทัวสวรรค์
บอกตรงๆว่า เธอโชคดีมาก ที่มาทันช่วงเวลาทอง
stroke จะมีเวลาทองนะทุกคน ให้รีบไปหาหมอภายใน 4.5 ชั่วโมง หลังเกิดอาการ ทุกนาที คือ โอกาสรอด
ใช่ค่ะ คุณเบอร์ดี้ไปทัน สิ่งแรกที่หมอรักษา คือ ผ่าตัดคีบลิ่มเลือดออกจากสมอง ให้ยาสลายลิ่มเลือดแต่ไม่ได้ผล เพราะ เธอกินน้ำน้อย พักผ่อนน้อย ทำแต่งาน นอนดึก ตื่นเช้า เครียดตลอดเวลา โดยรวมไลฟ์สไตล์แย่มาก

📌 หลังผ่าตัด เหมือนได้ชีวิตคืน
หลังผ่าตัด เธอมีแรงปกติทั้งซ้ายขวา หมอบอก โชคดีมาก 1 ใน 100,000 คนที่จะเจอเเบบนี้ เพราะจากการเป็น Stroke จะทำให้เซลส์สมองเสียหายไปถึง 20% กระทบเรื่องการพูดและการออกเสียงอีกด้วย

คุณเบอร์ดี้ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลถึง 2 อาทิตย์ หมอให้ทำกายภาพบำบัดและทำแบบฝึกหัดสมอง เพื่อตรวจดูว่าสมองยังทำตามที่เราสั่งได้ไหม สรุปว่าจะต้องรักษาตัวให้ครบ 1 ปี ออกกำลังกายเบาๆ โชคดีมากๆ

📌 ใครไม่อยากเป็นรีบเปลี่ยนการใช้ชีวิตด่วน !
เธอบอกว่า เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ดีขึ้น นอนเร็วตื่นเช้า กินน้ำเยอะๆ ลดความเครียดในชีวิต

1. หยุดพักบ้าง ไม่เครียด
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
3. ทานอาหารที่ดี ลดหวาน มัน เค็ม
4. ออกกำลังกายแข้งแรง

#ฟังร่างกายก่อนที่จะสายเกินไปนะทุกคน
อุทาหรณ์ Storke ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกอายุ
ขอบคุณอุทาหรณ์ของคุณเบอร์ดี้ด้วยนะคะ น่าจะเตือนใจใครได้หลายคน แล้วก็ขอให้คุณเบอดี้หายป่วยไวๆนะคะ 🤍

03/10/2025

💡 ตรวจเส้นประสาทมือแบบง่ายและรวบรัด ด้วยท่า "เป่ายิ้งฉุบ-โอเค" (RPSOK) ง่ายกว่าที่คิด! ✊🖐️✌️👌

​เราอาการบาดเจ็บของเส้นประสาทบริเวณแขนเบื้อต้นโดยใช้ท่าง่ายๆที่เราสามารถจำได้ จากเกมที่เราคุ้นเคย

​นี่คือสรุปการตรวจเช็ก 4 ท่า ที่ครอบคลุมเส้นประสาทสำคัญในแขนของเราครับ:

​1. ✊ ท่าค้อน (Rock) = เส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve)
• ​วิธีทำ: กำมือให้แน่นที่สุด โดยพยายาม ซ่อนนิ้วโป้ง ไว้ด้านใน
• ​ตรวจอะไร: กล้ามเนื้อที่ใช้ งอนิ้ว และ กำมือ
• ​สัญญาณเตือน: ถ้ากำมือได้ไม่แน่น หรืองอนิ้วโป้งไม่ได้ อาจมีปัญหาที่เส้นประสาทมีเดียน

​2. 🖐️ ท่ากระดาษ (Paper) = เส้นประสาทเรเดียล (Radial Nerve)
• ​วิธีทำ: เหยียดข้อมือและนิ้วมือ ให้เหยียดตรงและกางออกให้สุดเหมือนแผ่นกระดาษ
• ​ตรวจอะไร: กล้ามเนื้อที่ใช้ เหยียด และ ยก ข้อมือกับนิ้วมือ
• ​สัญญาณเตือน: ถ้าทำแล้วข้อมือตก หรือไม่สามารถเหยียดนิ้วได้ จะเรียกว่าอาการ "ข้อมือตก" (Wrist Drop) ซึ่งบ่งชี้ถึงปัญหาที่เส้นประสาทเรเดียล

​3. ✌️ ท่ากรรไกร (Scissors) = เส้นประสาทอัลนาร์ (Ulnar Nerve)
• ​วิธีทำ: กางนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วชี้และนิ้วกลางให้แยกออกจากกันคล้ายกรรไกร
• ​ตรวจอะไร: กล้ามเนื้อที่ใช้ กางและหุบนิ้วมือ
• ​สัญญาณเตือน: ถ้ากางนิ้วมือออกจากกันได้ไม่สุด หรือรู้สึกอ่อนแรงเวลาทำท่านี้ อาจมีปัญหาที่เส้นประสาทอัลนาร์
•
​4. 👌 ท่าโอเค (OK Sign) = เส้นประสาท AIN (Anterior Interosseous Nerve)
• ​วิธีทำ: แตะปลายนิ้วโป้งกับปลายนิ้วชี้ ให้เป็นวงกลมที่สมบูรณ์
• ​ตรวจอะไร: การทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมการงอของ ปลายนิ้ว ทั้งสอง
• ​สัญญาณเตือน: ถ้าทำแล้วเป็นรูปทรงแบนๆ คล้าย ปากคีบ ไม่เป็นวงกลม อาจบ่งชี้ถึงปัญหาของเส้นประสาท AIN

​👉 การตรวจนี้เป็นเพียงการคัดกรองเบื้องต้น หากทำแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นตะคริวทุกที หรือมีอาการ ชา หรือ อ่อนแรง ที่มือและแขนอย่างผิดปกติ อย่าละเลยและรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ!

​ #ตรวจเส้นประสาท

02/10/2025

😱 แก้คอชั้นลึกตึง & ดับเบิ้ลครอสซินโดรม! 💥

​อาการปวดหัวเรื้อรัง เวียนหัว บ้านหมุน เสียงดังในหู เบลอ... คุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่หรือเปล่า?

​สาเหตุสุดฮิตในยุคนี้มักมาจากพฤติกรรมการใช้ มือถือ โดยเฉพาะการนอนเล่น ไม่ว่าจะนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ท่าเหล่านี้ทำให้ กล้ามเนื้อคอชั้นลึก ตึงตัวอย่างหนัก ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอาการที่เรากล่าวมาทั้งหมด หรือที่เรียกว่า "ดับเบิ้ลครอสซินโดรม" นั่นเอง!

​✅ แก้ปัญหาด้วยท่า "เท้าสะเอว" (2 ท่า)

​เรามีวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้มากกว่า 50%! เราจะใช้หลักการ "ชีวกลศาสตร์" (Biomechanics) ในการปรับสมดุลกล้ามเนื้อและแนวผังผืดให้กลับเข้าที่ ด้วยการ "เท้าสะเอว" 2 ท่า ที่ต้องทำ พร้อมกับการเดิน ท่าละ 5 นาที

​🚶‍♀️ ท่าที่ 1: เท้าสะเอวแบบปกติ (ข้อมือหันลง)
​การวางมือ: เอามือเท้าสะเอวในระดับบั้นเอว โดยให้ นิ้วโป้งและนิ้วชี้เกาะตามแนวเชิงกราน และให้ ข้อมือหันลงด้านล่าง

​💡 เกิดอะไรขึ้น?
​คอเข้าที่ทันที: ท่านี้จะช่วย ลดโทนการทำงานของกล้ามเนื้อ Trapezius และกล้ามเนื้อชั้นตื้นทั้งหมด ทำให้กล้ามเนื้อคอชั้นลึกกลับมาเป็นแกนหลักในการทำงาน คอจะถูกดึงกลับเข้าสู่แนวที่ถูกต้องในทันที

​ปรับแกนลำตัว: ขณะเดิน มือที่เท้าสะเอวจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหลังชั้นลึกทำงาน หลังที่แอ่นจะตรงขึ้น กล้ามเนื้อท้องและ Deep Front Line จะถูกกระตุ้นให้ทำงานพร้อมกัน
​การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน: คุณจะสังเกตได้ว่า อกจะแอ่น, กรามยกตัว, หายใจเข้าได้ลึกขึ้น
​การลงน้ำหนักเท้าเปลี่ยน: แนวการลงน้ำหนักจะเปลี่ยนจากหน้าเท้ามาเป็น เฉพาะนิ้วโป้งเท้า โดยทำงานผ่าน นาวิคูล่าโบน เป็นหลัก (และส่งผลต่อกล้ามเนื้อ Adductor Magnus ให้เปลี่ยนเป็น Extensor Magnus)

​🚶‍♂️ ท่าที่ 2: แตะสะโพกด้านหลัง (เน้นเกาะขอบกางเกง)

​การวางมือ: เอามือแตะสะโพกด้านหลัง โดยให้ เนินฝ่ามือเกาะตามขอบกางเกง (พยายามให้เกาะที่ Iliac Tubercle) ส่วนปลายมือให้เกาะโค้งไปตามก้น

​💡 เกิดอะไรขึ้น?
​ชีวกลศาสตร์ส่วนบน ยังคงเหมือนเดิม
​ช่วงล่างทำงานเต็มที่: ตัวรับสัญญาณรับรู้ตำแหน่งที่หลังส่วนล่างทั้งหมดจะ เปิดทำงานพร้อมกับน่องทันที!

​การทรงตัวเปลี่ยน: ตำแหน่งทรงตัวจะย้ายจากเท้าฝั่งนิ้วโป้งมาเป็นที่ ส้นเท้า โดยเซ็นเซอร์ที่น่องชั้นลึกจนถึงเอ็นร้อยหวายจะทำงานอย่างเต็มกำลัง คุณจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของการทรงตัวระหว่างเดิน

​📌 สรุปวิธีปฏิบัติ:
​ทำทั้งสองท่า ท่าละ 5 นาที รวมเป็นการเดิน 10 นาทีต่อครั้ง
​✅ พยายามทำวันละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด! อาการปวดและเวียนหัวต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นแน่นอน!

​ #ไมเกรน #บ้านหมุน #ปวดคอ #สุขภาพ

01/10/2025

แนวนวด #เส้นสามตระกูล

เส้นสามตระกูลเกิดจากการผสมกันของเส้น อิทา+ปิงคลา+สุมนา ด้านหน้า เมื่อผสมเส้นสุมนาเข้าไป เราพึงระลึกทุกครั้งว่าการนวดจะบังคับให้ค้องดันลิ้นขึ้นเพดานปากบนเสมอ

ตามคัมภีร์ว่าไว้ว่าเส้นสามตระกูลลดอาการปวดศีรษะ หนักหัว เบลอ คิดอะไรไม่ออก และหากนวดตามกล้ามเนื้อจะไม่ค่อยได้ผลตามที่ว่าไว้ในคัมภีร์เท่าที่ควร

แนวเส้นนี้ตรงกันกับเส้นทางผ่านของน้ำในสมองซึ่งมีกลไกแบบ Glymphatic ที่ช่วยระบายของเสียจากสมองทิ้ง และการนวดเเนวเส้นนี้สามารถช่วยให้สมองระบายน้ำในสมองและของเสียออกได้ไวกว่าปรกติหลายเท่าตัวและให้ผลที่ยาวนานเมื่อนวดต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าการนวดเเนวเส้นนี้มีผลฟื้นฟูสภาพเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆที่ทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียจากสมองทิ้งไปโดยที่ไม่ต้องรอให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะหลับลึก และไม่ต้องจำลองสภาวะนั้นเหมือนอย่างเทคนิคการนวดระบายน้ำในสมอง (เทคนิคการนวดล้างสมอง) ที่ทำผ่านการกระตุ้นที่ myodura bridge และ กล้ามเนื้อฐานกระโหลกชั้นลึก ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเทคนิคนี้ทำง่ายกว่า ประหยัดเวลากว่า เพราะใช้เวลาพียงครั้งละ 5 นาที (เทคนิคเดิมใช้เวลา 30-45 นาที) และให้ผลต่อเนื่องระยะยาวตลอดเวลา ทั้งเวลานอนและเวลาตื่น (เทคนิคเดิมไม่มีผลต่อเนื่อง)

อย่างไรก็ตามข้อจำกัดของการนวดวิธีนี้คือจะต้องใช้น้ำหนักเพียงสองบาท หรืออย่างมากไม่เกินสามบาทเท่านั้น ถ้าหากใช้เกินจะส่งผลเสียเเทนคือการระบายน้ำในสมองจะยิ่งลดลงกว่าเดิมเกินครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าทำถูกก็จะช่วยให้ระบายได้เร็วขึ้นหลายเท่า ดังนั้นผู้นวดจะต้องฝึกการควบคุมน้ำหนักและฝึกนิ้วให้เคยชินกับแรงต้านเสียก่อน

ในการฝึกเราจะใช้เหรียญ 10 บาทจำนวน 2 เหรียญ พันเทปติดกันวางบนนิ้ว แล้วคอยขยับนิ้วช้าๆ (ดูจากโพสต์ก่อนๆที่เคยสอนไว้แล้ว) เมื่อเคยชินกับแรงต้านเเล้วจึงทำการนวด

การนวดแนวนี้จะเริ่มด้วยการใช้ลิ้นดันเพดานปากบน เพื่อกระตุ้นให้การไหลเเรงขึ้น จากนั้นเริ่มนวดจากปลายเส้น อิทา-ปิงคลา ที่ข้างจมูก (ดูภาพประกอบ) จนมาสิ้นสุดที่เดรนจากใต้คางไปลงที่รากขวัญ

หวังว่าความรู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่จะเอาไปใช้ และอย่าลืม ฝึกให้ชำนาญก่อนนำไปใช้จริงนะครับ

01/10/2025

🧐 ตรี-ผะ-หลา ที่ไม่ใช่ ตรี-ผะ-ลา: ไขข้อสงสัยในตำรับยาไทย!
​เชื่อว่าหมอไทยหลายท่านอาจจะเคยสับสนว่า คำว่า "ผลา" ใน "ตรีผลา" นั้น แท้จริงแล้วควรออกเสียงว่า "ผะ-หลา" หรือ "ผะ-ลา" กันแน่?
​บางท่านบอกว่าต้องอ่านว่า ตรี-ผะ-ลา ถ้าอ่านว่า ตรี-ผะ-หลา ถือว่าผิด เพราะคำว่า "ผะ-ลา" ที่แปลว่า "ผล" นั้นต้องออกเสียงเรียงตัว
​แต่ในทาง แผนไทย เราใช้คำว่า "ผล" ในความหมายเดียวกันกับที่เรารู้จักหรือไม่? อย่างคำว่า "จะ-ตุ-ผะ-ลา-ธิ-กะ" อันนี้แปลว่าผลไม้แน่นอน และเราก็ออกเสียงชัดเจนว่า ผะ-ลา แต่ "ตรีผลา" มันจะแปลว่าผลไม้ด้วยไหม? 🤔
​⚔️ "ง้าว 3 คู่" และ "บุญกริยาวัตถุ 3" ในตำนานไทย
​เมื่อย้อนกลับไปในตำนานการแพทย์แผนไทย เราจะพบว่า ตรีผลา มีบทบาทที่ลึกซึ้งกว่าแค่ผลไม้สามชนิด:
​การบุกของกองทัพอสูรจาก "เขาตรีกูฎ" หรือ "อันตัง" (แดนแห่งทุกข์และอุปาทาน) มักจะบุกขึ้นมาที่ "ทางสามแห่ง" เพื่อยึดครองร่างกายเรา การต่อสู้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
• ​มี เมฆลา (นาคากึ่งนางฟ้าบุตรตรีของพญามังกร) พร้อมแก้ววิเชียร คอยปล่อยสายฟ้าไล่ฆ่าอสูรที่บุกขึ้นมา
• ​หากอสูรมีฤทธิ์แรงมาก หมอยาไทยยังมี เบญจโลกวิเชียร (ฟ้าผ่า 5 โลก คือ 4 ทวีปที่เขิงเขาพระสุเมรุ และตัวเขาพระสุเมรุ) เพื่อกวาดล้างอสูรที่ฝ่าขึ้นมาได้
• ​และสุดท้ายคือ "ตรีผลา" ที่ถูกใช้เพื่อ ปักหลักสู้รบกับอสูร ในสนามรบที่เรียกว่า "หนทางสามแห่ง" มันคือ "ง้าวคู่" ที่เป็นสัญลักษณ์ของ "เจ้าผู้ปกครองนคร"
​นี่คือหัวใจสำคัญ: "ตรีผลา" เป็นตัวที่ใช้ ปกป้อง "หนทางทั้งสามแห่ง" ตามคำกลอนที่ว่า: “หนทางทั้งสามแห่ง เร่งจัดแจงอยู่รักษา อย่าให้ข้าศึกมา รุกรานได้จะเสียที”
​ความหมายที่แท้จริงของ "ผะ-หลา"
• ​"ผลา" ในบริบทนี้ คือ "สัญลักษณ์ของเจ้าผู้ครองนคร" เป็น "ง้าวคู่" ดังนั้นจึงต้องออกเสียงว่า "ผะ-หลา"
• ​นอกจากนี้ "ผะ-หลา" ในอีกนัยยะหนึ่งยังหมายถึง ผลบุญเดิม จาก ทาน ศีล ภาวนา (บุญกริยาวัตถุ 3) ที่นำมาช่วยลดแรงกรรม หรือไฟของพวกอสูรให้เบาบางลง และตัดอุปาทานที่เป็นที่มั่นของเหล่าอสูร
​"ผะ-หลา" ทั้งสองตัวนี้ (ง้าวคู่ และ ผลบุญ) อ่านว่า "ผะ-หลา" ทั้งคู่ ซึ่งหมอไทยนำมาใช้ในการต่อสู้กับเหล่าอสูร (จุลินทรีย์ไม่ดีในร่างกาย) นั่นเอง
​รู้ตำนาน... รู้สรรพคุณ
​เมื่อเราเข้าใจตำนานเบื้องหลัง เราก็จะเข้าใจสรรพคุณยาอย่างลึกซึ้งว่า...
​ตรี-ผะ-หลา ถูกใช้เฝ้ารักษา ทางสามแห่ง คือ:
• ​ปกป้อง จมูก-ช่องปาก-ปอด
• ​ปกป้อง กระเพาะอาหาร-สำไส้ส่วนต้น
• ​ลดอำนาจของจุลินทรีย์ไม่ดีในลำไส้ส่วนปลาย
​ในขณะที่ เบญจโลกวิเชียร มีฤทธิ์กวาดล้างทำลายที่รุนแรงกว่า แบบนี้เป็นต้น
​💡 สรุปให้ชัด!
• ​ตรี-ผะ-ลา คือตำรับยาของ อินเดีย (เน้นความหมายของ "ผลไม้")
• ​ตรี-ผะ-หลา คือ ภูมิปัญญาของไทย (เน้นความหมายของ "ง้าว/ผลบุญ")
​ดังนั้น จึงไม่ได้มีการออกเสียงผิดครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังอ้างอิงถึงตำรับยาหรือภูมิปัญญาจากแหล่งใดนั่นเอง!
​คุณคิดว่าความเรื่องราวและตำนานเหล่านี้น่าสนใจขนาดไหนครับ? มาแลกเปลี่ยนความรู้กันได้เลย! 👇
​ #ตรีผลา #การแพทย์แผนไทย #ตำรับยาไทย #สมุนไพร

01/10/2025

เวียนหัวที่ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำในหู หรือหินปูนหลุด
🧠ว่าด้วยเรื่องกล้ามเนื้อเล็กๆ ชั้นลึกสุดที่ฐานกะโหลกศีรษะ

กล้ามเนื้อหลายๆ มัดในหลายๆ ตำแหน่งของร่างกาย สามารถมีปรากฏการณ์ที่แน่นอนตายตัวในการสร้างผลทางสรีรวิทยาของเรา ดังนั้น เมื่อมันตึง หรือเมื่อถูกนวด เราจึงคาดเดาได้ว่ามันจะส่งผลบางอย่างอย่างแน่นอน และการที่ผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนทำซ้ำได้ จึงเกิดเป็นองค์ความรู้ด้านการนวดไทยขึ้นมา

กล้ามเนื้อบริเวณใต้ฐานกะโหลก เป็นกล้ามเนื้อที่สามารถแสดงอาการหลายอย่างได้ ทั้งในแง่ของระบบประสาทอัติโนมัติและระบบประสาทโซมาติก รวมถึงระบบประสาทส่วนกลางด้วย ดังนั้นในบริเวณนี้เลยกลายเป็นจุดสำคัญของอาการที่แสดงออกมาของมหาสดมภ์ทั้งห้า (เสาหลักทั้ง 5 ของจักรวาล)

🔍 ความสำคัญในทางการนวดไทย
ในทางการนวดไทยนั้น อาการเจ็บที่นี่ร่วมกับจุดเจ็บอื่นในแผนคว่ำจะเป็นตัวยืนยันว่าความผิดปกติของร่างกาย หรืออาการปวดที่เกิดขึ้น นั้นได้มาจากระบบอวัยวะภายในหรือต่อมต่างๆในขณะเดียวกัน ความผิดปกติหรือการตึงตัวของกล้ามเนื้อส่วนนี้ ส่งผลเป็นวงกว้างต่อระบบประสาทส่วนกลาง ต่อมต่างๆ และระบบประสาทอัติโนมัติ (ส่งผลตอบรับหากันได้)ดังนั้นบริเวณกล้ามเนื้อส่วนนี้จึงมักจะทำให้รู้สึกปวด หนัก ไม่สบายตัวอยู่บ่อยๆ และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

⚠️ อาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึง
กล้ามเนื้อมัดนี้ กรณีที่ตึงจากการที่กล้ามเนื้อตึง (ไม่เกี่ยวกับระบบภายใน) สามารถทำให้:
บ้านหมุน
เสียงดังในหู
คลื่นไส้
เวียนหัว
ไมเกรน
หนักหัว
เบลอ คิดอะไรไม่ออก
ระบบย่อยผิดปกติ
เป็นต้น

💡 ความจริงที่หลายคนไม่รู้แต่กล้ามเนื้อพวกนี้โดยปกติจะออกแบบมาให้ตึงเล็กน้อย สัก 10-20% ของความยาว เพื่อให้ทำงานกับ myodural bridge ได้ดีคือจะตึงและดึงเพื่อจะดึงให้ท่อของน้ำในสมองและไขสันหลังเปิดในจังหวะที่เราหายใจด้วยท้องเข้าไป โดยจะทำงานร่วมกับเส้นสุมนาด้วยการเอาลิ้นแตะเพดานปากบน และจะทำให้ท้ายทอยตึงตอนหายใจซึ่งอาการตึงท้ายทอยตอนหายใจนี้หลายคนไม่ชอบ เลยแก้ปัญหาด้วยการเอาลิ้นตกลงมาด้านล่าง (อาการนี้เรียกเส้นสุมนาพิการ)ซึ่งถ้าทำตั้งแต่เด็กกระดูกใบหน้าจะผิดรูป พอมองหน้าก็รู้ทันทีเลยว่าสุมนาพิการแน่ๆ และจะทำให้โรคเรื้อรังจำนวนมากถามหาในอนาคต

🚨 ผลกระทบจากการปรับท่าเมื่อเอาลิ้นตกลงมาด้านล่าง
คนเราจะปรับตัวได้สองแบบคือ:คอยื่นมาด้านหน้าแหงนคอขึ้นเล็กน้อย ทำให้หน้าเชิดตลอดเวลาแต่ไม่ว่าแบบไหน มองด้วยตาก็สังเกตออกทั้งคู่ครับแล้วเวลาที่คอเป็นแบบนั้น มันจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ ตึงอย่างมาก (ในระดับ 30-40% ของความยาวกล้ามเนื้อ) หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือ อ่อนแออย่างมากจากการที่มันถูกยืดให้ยื่นออกไป หรือโดนยืดด้วยแรงจากภายนอกที่หวังจะให้มันหายเมื่อย

⛔ ข้อควรระวัง: อย่ายืดมากเกินไป!
ดังนั้นพอรู้แบบ เราจะเห็นเลยว่า กล้ามเนื้อพวกนี้ ยืดมากไม่ได้ (เพราะมัดนี้มันต้องตึง)ยิ่งยืดเกิน ยิ่งกลับมาเป็นซ้ำบ่อย และอาการหนักขึ้น ถึงขั้นว่า:เวลานอนหลับ มีอะไรนิดหน่อยก็รู้ตัวตลอด ไม่ได้หลับดีเลยแถมยังเป็นไมเกรนถี่มากๆ จากปกติที่เป็นกันสองสามเดือนครั้งยิ่งยืดมากๆ ยิ่งเป็นไมเกรนทุกสัปดาห์ หรือสัปดาห์ละหลายครั้งเลยก็มีไว้มีเวลาเรามาคุยกันเรื่องวิธีการยืดและเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความปลอดภัย รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ กันครับ✨ ติดตามต่อในโพสต์หน้านะครับ

19/09/2025

🌿 วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง “อสุรินธัญญานธาตุ” กันสักนิดครับ
หลายคนสนใจ แต่พออ่านแล้วมักรู้สึกว่าเข้าใจยาก ลองมาไล่กันทีละขั้นนะครับ

โดยทั่วไป “อสุริน” หรือ “ราหู” ในทางแพทย์แผนไทย ถือเป็น ฐานลมกองหนึ่ง และยังเป็นตัวสร้างไฟประจำหนึ่งกอง เรียกว่า ไฟกรรม
ซึ่ง “อสูร” ทั้งหลายนั้น จะมีที่อยู่คือ เขาตรีกูฏ และบางครั้งก็ยกทัพขึ้นมาต่อสู้กับเทพพระอาทิตย์และเทพพระจันทร์ บริเวณที่เรียกว่า “อุทร” (ตำแหน่งคอดที่สุดของร่างกาย)

การรบตบตีกันนี้ ทำให้เกิด ลมพัดขึ้นบน ลมพัดลงล่าง สองอย่างหมุนเวียนทำปฏิกิริยากัน จนเกิดเป็นลมหลากหลายทั่วร่างกาย

ทีนี้คำว่า อสุรินธัญญานธาตุ นั้น หมายถึงกองทัพอสูรที่มหึมา แข็งกล้า มีจำนวนมากมาย
ในคัมภีร์ยังมีอีกชื่อเรียกว่า “อันตพฤฒิ” (อันตัง + พฤฒิ) ซึ่งมีความหมายตรงกันเลยครับ

“อสูร” ก็คือพวกที่อยู่ในอันตัง

“ธัญญ” แปลว่าเจริญเติบโต เยอะแยะมากมาย เหมือนกับคำว่า “พฤฒิ”
ดังนั้น “อสุรินธัญญานธาตุ” และ “อันตพฤฒิ” ก็คือสิ่งเดียวกัน

ในบรรดา เส้นสิบ เส้นที่ทำงานกับอาการนี้ก็คือ เส้นกาละธารี
ถ้าไปดูแผนนวดของวัดโพธิ์ จะเห็นว่า ทุกแผนภาพทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่างก็มีเส้นกาละธารีเป็นแกนหลัก ไม่มีข้อยกเว้นเลย

ส่วนเส้นอื่นที่ช่วยแก้ไขได้ เช่น

เส้นอิทา

เส้นปิงคลา

เส้นสุมนา

เส้นจันทภูสัง

เส้นรุชัง

การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับว่าอาการกระทบตรงไหน แต่ถ้านวด 6 เส้นหลัก ที่คัมภีร์แนะนำไว้ ได้แก่ สามตระกูล อัพยา และอัษฏากาศบน-ล่าง (ชื่ออาจต่างกันไปตามคัมภีร์ แต่หลักคือ 6 เส้นนี้) ไม่ว่าอย่างไร อาการก็ดีขึ้นแน่นอน

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่านวดมาถูกทาง?
สิ่งแรกที่สังเกตได้ชัดคือ อาการไม่สบายท้องจะดีขึ้น

ความรู้สึกหิวที่กวนใจหายไป

ความพะอืดพะอม หน่วงท้อง หรืออึดอัดจะเบาลง

ถ้าอาการเหล่านี้ทุเลา แสดงว่าเราเดินถูกทางแล้วครับ ✨

หวังว่าความรู้นี้จะเป็นประโยชน์กับหมอนวดทุกๆท่านครับ

#เส้นประธานสิบ #อสุรินธัญญานธาตุ #เส้นกาละธาลี

13/09/2025

🌿 อัมพฤกษ์ กับ อันตพฤฒิ สัมพันธ์แต่ไม่สับสน

ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานของเส้นที่น่าสนใจมาก ซึ่งทำให้บางคนอาจจะสับสนระหว่าง อัมพฤกษ์ กับ อันตพฤฒิ เพราะทั้งสองชื่อดูคล้ายกันและมีผลลัพธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับโรคอัมพาตเหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วสองเส้นนี้มีที่มาและหน้าที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

#อัมพฤกษ์ #อันตพฤฒิ #เส้นประธานสิบ #แพทย์แผนไทย
---

🌀 อัมพฤกษ์

ตามตำนาน เส้นอัมพฤกษ์เกิดจากการที่ พระลักษมีนวดฝ่าเท้าให้พระวิษณุ (พระนารายณ์) ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของเส้นนี้ขึ้นจากเท้า

เพื่อให้ พระพฤหัสบดี ที่ฝ่ามือของพระแม่ลักษมี ไปกำราบเส้นอัมพาต และทำให้เส้นอัมพฤกษ์ทำงานได้เป็นปกติ

คำว่า ทำงานได้เป็นปกติ ในที่นี้ หมายถึงการทำให้ พระอาทิตย์และพระจันทร์กลับมาคืนดีกัน ซึ่งความขัดแย้งของทั้งสองนั้น มาจากเส้นอัมพาตที่กำเริบนั่นเอง

---

🌱 อันตพฤฒิ

คำว่า อันตพฤฒิ มีความหมายว่า “เติบโตมาจากทางตอนล่าง” (หรือ แผ่ขยายมาจากไส้ใหญ่) หรือมาจากส่วนของ ไส้ใหญ่ ในร่างกาย

ตามหลักการของคัมภีร์แพทย์แผนไทย ได้แบ่งหนทางออกเป็น 3 ส่วน คือ
1️⃣ ตอนบน
2️⃣ ตอนกลาง
3️⃣ ตอนล่าง (ซึ่ง อันตัง = ไส้ใหญ่ ถือเป็นทางตอนล่างที่สุด)

อันตพฤฒิจะอยู่บนเส้น กาละธารี และเรียกว่า มหิดล เส้นนี้สามารถกำเริบได้จากการ “ทับ” แล้วจึงแปรไปเป็นโรคต่างๆ

---

✨ สรุปความแตกต่าง

แม้ว่า อัมพฤกษ์ และ อันตพฤฒิ จะสัมพันธ์กับโรคอัมพาต แต่ก็มีต้นกำเนิดและที่มาที่ต่างกันอย่างชัดเจน

อัมพฤกษ์ → มีต้นกำเนิดจากเท้า และสัมพันธ์กับการนวดของพระลักษมีเพื่อกำราบเส้นอัมพาต

อันตพฤฒิ → มีต้นกำเนิดจากส่วนล่างของร่างกาย (อันตัง หรือไส้ใหญ่) ซึ่งอยู่บนเส้นกาละธารี และจะกำเริบเมื่อมีการทับเกิดขึ้น

---

📖 การทำความเข้าใจตำนานและที่มาของเส้นเหล่านี้ จะช่วยให้เราแยกแยะและเข้าใจความแตกต่างระหว่าง อัมพฤกษ์ กับ อันตพฤฒิ ได้ชัดเจนขึ้น ไม่สับสนว่าสองสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกันอีกต่อไป 🌿

07/09/2025

🌿✨ เทคนิคการนวดเส้นสามตระกูล ✨🌿

ในการนวดเส้นสามตระกูลเพื่อลดอาการหนักศรีษะ ปวดศรีษะ และช่วยระบายน้ำในสมองออกนั้น จะมีเทคนิคการลงน้ำหนักที่แตกต่างจากการนวดปรกติทั่วๆไป

---

✋ การลงน้ำหนักในการนวดไทยโดยทั่วไป
ผู้ฝึกส่วนมากจะผ่านการฝึกบีบขี้ผึ้งหรือฝึกยกกระดานมาแล้ว ทำให้แรงกดของนิ้วนั้นมีมาก
หากวัดเป็นหน่วย “ชั่ง” จะได้ว่า

1️⃣ นวดเบา = หนึ่งชั่ง → เทียบได้กับการใช้นิ้วสองนิ้วคีบมือถืออย่างมั่นคงขึ้นจากโต๊ะแล้วขยับไปมา
2️⃣ นวดปานกลาง = ประมาณสามชั่ง
3️⃣ นวดหนัก = ประมาณ 5-6 ชั่ง (ถ้าทุ่มสุดตัวอาจถึง 8 ชั่ง)
4️⃣ หมอผู้ชายบางคน = อาจหนักได้ถึง 10 ชั่ง (ถ้ายกกระดานได้)

---

⚖️ การลงน้ำหนักสำหรับเส้นสามตระกูล
ต่างออกไปจากการนวดทั่วไป เพราะเรา จะไม่ใช้แรงในระดับชั่ง เนื่องจากมันหนักเกินไป แต่จะใช้น้ำหนักเพียง 1 บาท และมากที่สุด ไม่เกินบาทครึ่ง เท่านั้น

ดังนั้น หมอนวดจึงจำเป็นต้องฝึกน้ำหนักให้ชำนาญเสียก่อนที่จะทำการนวดจริง

ทั้งนี้ หากใช้น้ำหนักมากเกินไปเราจะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าอาการจะแย่ลงกว่าก่อนนวด ดังนั้นการนวดเส้นนี้ หากคุมน้ำหนักยังไม่ได้ ก็ไม่ควรนวดดีกว่า
---

💡 วิธีฝึกง่ายๆ
ใช้เหรียญสิบบาท 2 เหรียญ วางบนนิ้ว แล้วขยับไปมาช้าๆ ให้นิ้วเคยชินกับน้ำหนักที่กระทบลงนิ้ว
เมื่อถึงเวลานวดจริง ให้กดจนมีแรงต้านในระดับเท่าๆกันกับเหรียญสิบบาทสองเหรียญนั่นเอง

---

📌 สรุป: เทคนิคการนวดเส้นสามตระกูล ไม่ได้อาศัยแรงมาก จึงต้องอาศัยความประณีตและการฝึกน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวัง

---

✨ #การนวดไทย #เส้นสามตระกูล #แพทย์แผนไทย #ภูมิปัญญาไทย

07/09/2025

🌿✨ เส้นสุมนา กับระบบภูมิคุ้มกัน : ภูมิปัญญาไทย x วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ✨🌿

🧘‍♂️ เส้นสุมนาด้านหน้า & กลไกลิ้นกับภูมิคุ้มกัน
ตามแนวคิดแพทย์แผนไทย เส้นสุมนาด้านหน้า มีบทบาทสำคัญที่ลิ้น หากเส้นทำงานปกติ ปลายลิ้นจะสัมผัสเพดานปาก ทำให้เกิดกลไกการหายใจแบบ diaphragmatic breathing (หายใจลงท้อง) ซึ่งส่งผลต่อ การไหลเวียนน้ำเหลือง (lymphatic drainage) และการทำงานของ ต่อมไทมัส (thymus) อวัยวะหลักในการสร้างเม็ดเลือดขาว T-cell

---

💨 Breathing & Immune System
การหายใจไม่ใช่แค่เอาอากาศเข้าออก แต่ยังเชื่อมโยงกับภูมิคุ้มกันอย่างลึกซึ้ง

🔹 Lymphatic Drainage – การหายใจลึกๆ ช่วยสูบน้ำเหลืองให้เคลื่อนที่ กระตุ้นการสื่อสารระหว่างระบบภูมิคุ้มกันและไทมัส
🔹 Immune Connection – น้ำเหลืองพาเม็ดเลือดขาวไปดักจับสิ่งแปลกปลอมและส่งสัญญาณให้ไทมัสสร้างภูมิคุ้มกัน
🔹 Nose Breathing vs Mouth Breathing – การหายใจทางจมูกกรองสิ่งแปลกปลอมได้ดีกว่า ลดภาระต่อภูมิคุ้มกัน

---

🫁 Thymus & Breathing Mechanics
ต่อมไทมัสอยู่กลางทรวงอก เคลื่อนไหวตามการหายใจ

หายใจลึก: ตำแหน่งไทมัสเปลี่ยนและได้แรงกระตุ้นเชิงกล

หายใจตื้นหรือหายใจทางปาก: ทำให้ระบบสื่อสารภูมิคุ้มกันช้าลง และเพิ่มโอกาสที่สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย

---

⚡ Cortisol: ฮอร์โมนเครียดกับภูมิคุ้มกัน
แม้การหายใจช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ Cortisol ฮอร์โมนแห่งความเครียด กลับบั่นทอนระบบนี้
(จากการอ่อนแอหรือพิการจองเส้นกาละธารี)

🧠 ผลต่อ Thymus

ระดับสูงเรื้อรัง → ทำให้ไทมัสฝ่อตัว (thymic involution)

ลดฮอร์โมนจากไทมัสที่จำเป็นต่อการพัฒนา T-cell

🧬 ผลต่อ White Blood Cells (WBCs)

เครียดเฉียบพลัน: เม็ดเลือดขาวบางชนิดเพิ่มขึ้น แต่เซลล์ภูมิคุ้มกันหลักลดลง

เครียดเรื้อรัง: กดการทำงานของเม็ดเลือดขาว ยับยั้งการซ่อมแซมและป้องกันโรค

เปลี่ยนการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ

---

🌱 สรุป
เส้นสุมนาด้านหน้า + กลไกลิ้น = หายใจลึก → กระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลือง → เสริมภูมิคุ้มกัน
แต่ถ้าความเครียดสูง → Cortisol กดภูมิคุ้มกัน ทำให้ไทมัสและเม็ดเลือดขาวอ่อนแอลง ซึ่งตรงนี้ตะต้องไปดูที่เส้นกาละธารีอีกทีครับ

06/09/2025

#เส้นกาลอัมพฤกษ์ #เส้นประธานสิบ

​▶️ หมอนรองกระดูกสันหลัง (Intervertebral disc หรือ IVD) มีรูปแบบการรับเส้นประสาทที่เฉพาะเจาะจง โดยนิวเคลียสพัลโพซัส (Nucleus pulposus) และส่วนด้านในสุดของแอนนูลัสไฟโบรซัส (Annulus fibrosus) ไม่มีเส้นประสาท อย่างไรก็ตาม ส่วนนอกสุดของแอนนูลัสไฟโบรซัสจะประกอบด้วย ตัวรับความรู้สึกทางกล (sensory mechanoreceptors) ซึ่งถูกเลี้ยงด้วยใยประสาทนำเข้า (afferent fibers) ที่เดินทางผ่านวิถีประสาทซิมพาเทติก (sympathetic pathways)
​👉 ใยประสาทนำเข้าจากส่วนต่าง ๆ ของหมอนรองกระดูกมีเส้นทางการเดินทางที่แตกต่างกัน
​⬆️ ใยประสาทจากส่วนหน้า จะรวมตัวกับเอ็นตามยาวด้านหน้า (anterior longitudinal ligament) ก่อนจะเข้ารวมกับลำประสาทซิมพาเทติก (sympathetic trunk) และเดินทางผ่านรามีคอมมูนิแคนเทส (rami communicantes) เพื่อไปยังปมประสาทรากบน (dorsal root ganglia)
​⬇️ ในทางตรงกันข้าม ใยประสาทจากส่วนหลัง จะเชื่อมต่อกับเอ็นตามยาวด้านหลัง (posterior longitudinal ligament) และโครงสร้างอื่น ๆ ก่อนจะเดินทางผ่านเส้นประสาทซินูเวอร์ทีบรัล (sinuvertebral nerves) และรามีคอมมูนิแคนเทสส่วนหลัง (posterior rami communicantes) แทน
​💡 เนื่องจากเส้นประสาทเหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างหนาแน่น ทำให้เกิด ข่ายประสาทซินูเวอร์ทีบรัล (sinuvertebral plexus) ที่กว้างขวางและซับซ้อน เครือข่ายนี้อธิบายได้ว่าเหตุใดความเจ็บปวดที่เกิดจากหมอนรองกระดูกจึงสามารถรับรู้ได้ที่ฝั่งตรงข้าม หรือแม้กระทั่งในระดับกระดูกสันหลังที่แตกต่างจากพยาธิสภาพหลักได้
​🔎 ในทางการแพทย์ การรับเส้นประสาทที่ใช้ระบบประสาทซิมพาเทติกนี้มีความเชื่อมโยงกับ อาการปวดจากหมอนรองกระดูกส่วนเอว (lumbar discogenic pain)

ในการนวดไทย การใช้ประโยชน์จากเส้นกาลอัมพฤกษ์ ด้วยการยืด ดัด เหยียด ที่มีเป้าหมายไปยังแนวเส้นประสาทซิมพาเทติกที่อยู่รอบๆหมอนรองกระดูกสันหลัง พบว่ามีผลช่วยให้สมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติดีขึ้นได้ครับ จึงเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังต่างๆ รวมถึงผู้ที่มีภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ และอื่นๆ

​📷 ภาพประกอบ: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/40717265