ดีคอนแทค D-Contact เพื่อดวงตา

ดีคอนแทค D-Contact เพื่อดวงตา ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูดวงตา แก้ไขปัญหาสายตา อาหารเสริมเพื่อดวงตา
(2)

5 พฤติกรรมอันตราย! ที่ทำร้ายสายตาอย่างเงียบๆ1. การเผชิญหน้าดวงตากับแสงแดดเมื่อพูดถึงความอันตรายจากรังสียูวี (UV) ในแสงแด...
08/04/2018

5 พฤติกรรมอันตราย! ที่ทำร้ายสายตาอย่างเงียบๆ

1. การเผชิญหน้าดวงตากับแสงแดด
เมื่อพูดถึงความอันตรายจากรังสียูวี (UV) ในแสงแดด ผู้คนส่วนมากมักมุ่งไปในเรื่องของมะเร็งผิวหนังเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งความจริงแล้วรังสียูวีทำลายเซลล์ที่บริเวณดวงตาของเราได้มากพอๆกับการที่มันทำลายเซลล์ผิวหนังของเราเลย เมื่อดวงตาของเราต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยไม่มีการป้องกัน รังสียูวีนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับเซลล์ที่จอประสาทตาได้ทีละเล็กทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว นี่จึงถือว่าเป็นภัยเงียบสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีแสงแดดมากเกือบตลอดทั้งปีอย่างประเทศไทย เพราะเมื่อเราเคยชินกับแสงแดดไปแล้ว เราก็ไม่คิดที่จะพยายามหลีกเลี่ยงมันอีกต่อไป ซึ่งการละเลยการป้องกันตัวเราจากแสงแดดและรังสียูวีนี่แหละคือปัจจัยอันตรายที่ทำลายประสิทธิภาพในการมองเห็นของเราได้อย่างที่เราไม่รู้ตัวเลย

2. การสูบบุหรี่ส่งผลต่อประสาทตา
การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยที่ทำลายสายตาได้ไม่ต่างอะไรไปจากแสงแดดเลย เราได้ยินได้ฟังมามากมายว่าการสูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งปอด แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักว่าการสูบบุหรี่นั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อมด้วย? การสูบบุหรี่ทำให้การหมุนเวียนเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย รวมไปถึงดวงตาของเรามีปัญหา ซึ่งนั่นก็หมายถึงการที่ดวงตาของเราขาดออกซิเจนและสารอาหารที่มากับเลือดด้วย ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดก็คือการสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวร

3. การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์
[caption id="" align="aligncenter" width="640"]ล้าสายตา จากหน้าจอคอม[/caption]

การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานสามารถทำลายประสิทธิภาพในการมองเห็นของเราได้ด้วย เชื่อว่าหลายคนต้องงัดเอาข้อถกเถียงเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ป้องกันรังสีต่างๆจากหน้าจอขึ้นมา ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ป้องกันสายตาของเราได้ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ยังสามารถทำลายสายตาของเราได้อยู่ก็คือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่กระพริบตา เมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ เรามักจะจดจ่อกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้วยดวงที่เบิกกว้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดวงตาของเราแห้งและทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบๆดวงตาเกิดอาการล้า นี่จึงเป็นที่มาของการมองเห็นที่พร่ามัวก่อนวัยอันควรนั่นเอง

4. การบาดเจ็บของดวงตาทั่วไป
หลายคนคงคาดไม่ถึงว่าการทำกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวันสามารถทำให้เราสูญเสียการมองเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการกวาดบ้าน การตัดหญ้า การเจาะสว่าน หรือแม้แต่การล้างรถทั่วไป แต่เพราะเราคาดไม่ถึงนี่แหละ...จึงทำให้เราทำกิจกรรมเหล่านี้โดยไม่ระวังเนื้อระวังตัว

จักษุแพทย์หลายท่านกล่าวว่า คนไข้บางรายไม่ยอมตรวจเช็คดวงตาทันทีที่พบว่ามีสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หรือแม้แต่การที่ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนจากการหกล้มทั่วไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในขั้นที่สูญเสียการมองเห็นบางส่วนไปเสียแล้ว

5. การละเลยสุขภาพโดยรวม
สุขภาพโดยรวมของเราส่งผลกระทบต่อดวงตาได้ด้วยเช่นกัน จากการสำรวจพบว่าผู้ที่สูญเสียการมองเห็นมักมีการละเลยการดูแลสุขภาพโดยรวม ทำให้มีระดับไขมันในเลือดและระดับความดันเลือดที่สูง ปัญหาสุขภาพเหล่านี้นำมาซึ่งโรคต่างๆที่เกี่ยวกับการหมุนเวียนเลือด จึงมักทำให้หลอดเลือดรอบๆดวงตาทำงานได้ไม่เต็มที่หรืออาจถึงขึ้นถูกทำลาย ผลลัพธ์ก็คือการสูญเสียการมองเห็นนั่นเอง

พฤติกรรมทั้ง 5 นี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำลายสายตาของเราได้โดยที่เราคาดไม่ถึง เราจึงควรหันมาดูแลสุขภาพดวงตาของเราโดยการหยุดพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ก่อนที่จะสายเกินแก้

🚨 สั ญ ญ า ณ อั น ต ร า ย จ า ก "โ ร ค ต า"ที่ ไ ม่ ค ว ร ม อ ง ข้ า ม !! ✔ตามัว ✔สายตาฝ้าฟาง ✔มองไม่ชัด✔เคือง คัน แสบ ✔...
04/04/2018

🚨 สั ญ ญ า ณ อั น ต ร า ย จ า ก
"โ ร ค ต า"ที่ ไ ม่ ค ว ร ม อ ง ข้ า ม !!

✔ตามัว ✔สายตาฝ้าฟาง ✔มองไม่ชัด✔เคือง คัน แสบ ✔ต้อเนื้อ ✔ต้อลม ✔ต้อกระจก ✔ต้อหิน ✔จอประสาทตาเสื่อม ✔ตาแห้ง ✔เยื่อบุตาอักเสบ ✔วุ้นในตาเสื่อม

 #ต้อหิน (Glaucoma) เป็นโรคของดวงตาชนิดหนึ่งที่เกิดจากความเสื่อมของเส้นประสาทตา หรือเส้นประสาทตาถูกทำลาย โดยเป็นเส้นประส...
03/04/2018

#ต้อหิน (Glaucoma) เป็นโรคของดวงตาชนิดหนึ่งที่เกิดจากความเสื่อมของเส้นประสาทตา หรือเส้นประสาทตาถูกทำลาย โดยเป็นเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างตากับสมอง ปัจจัยหลักมาจากความดันในลูกตาสูง ซึ่งเกิดจากการระบายน้ำออกของลูกตามีการอุดตันและเสื่อมสภาพ ทำให้ระบายน้ำออกจากลูกตาได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้ความดันภายในลูกตาเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ จนทำลายประสาทตาในที่สุด
ต้อหินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นตามอายุ แต่จะเกิดขึ้นบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติของคนในครอบครัวเป็นต้อหิน หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เป็นต้น นอกจากนั้น องค์กรอนามัยโลก (WHO) ยังระบุว่า ต้อหินเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นของคนทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก พบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วโลกถึง 70 ล้านคน โดยเกือบ 10% ของผู้ป่วยหรือประมาณ 6.7 ล้านคน ต้องตาบอด หรือสูญเสียการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง ในประเทศไทย ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2555 พบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วประเทศ จำนวน 17,687 ราย

#อาการของต้อหิน
โดยทั่วไป ต้อหินจะไม่มีอาการ หรือสัญญาณปรากฏเด่นชัดในตอนแรก และจะเกิดอาการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของต้อหิน ดังนี้
ต้อหินมุมเปิด (Open-angle Glaucoma)
 เป็นต้อหินชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการไหลเวียนของน้ำในลูกตาลดลง ไม่ทราบกลไกที่แน่นอน สันนิษฐานว่าเกิดจากความเสื่อมของช่องระบายน้ำออกจากลูกตา ส่งผลให้น้ำในลูกตาไม่สามารถไหลเวียนออกได้อย่างปกติ ทำให้เกิดความดันในลูกตาสูงจนส่งผลให้ประสาทตาถูกทำลาย
 ส่วนมากจะไม่มีอาการแสดงในระยะแรก แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้นจะส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นอย่างช้า ๆ ตามัวลงเล็กน้อยคล้ายมีหมอกมาบังทางด้านข้าง ซึ่งนำไปสู่การตาบอดในที่สุด ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว ยกเว้นคนที่มีการสังเกตค่อนข้างดี
ต้อหินมุมปิด (Angle-closure Glaucoma)
 เป็นต้อหินที่พบได้น้อยกว่าต้อหินมุมเปิด อาการจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะโครงสร้างในการระบายน้ำออกจากลูกตามีการอุดตันอย่างทันทีทันใด ซึ่งที่มุมตาจะมีเนื้อเยื่อลักษณะคล้ายตะแกรงที่เรียกว่า trabecular meshwork เป็นทางผ่านของน้ำในลูกตา เมื่อเกิดการอุดตันขึ้น จึงทำให้เกิดความดันในลูกตาสูงตามมาจนส่งผลให้ประสาทตาถูกทำลาย
 อาการที่จะเกิดขึ้นได้ คือ ปวดศีรษะ ตาแดง ตามัว เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ และคลื่นไส้ อาเจียน
 ในกรณีที่เกิดขึ้นเฉียบพลันจะมีอาการปวดตา หรือปวดศีรษะข้างเดียวกับตา
ต้อหินตั้งแต่กำเนิด หรือกรรมพันธ์ุ (Congenital Glaucoma)
 เกิดในทารก หรือเด็ก อาการมักรุนแรงและควบคุมโรคได้ยาก หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกอาจพัฒนาไปจนทำให้ตาบอดได้ การตรวจหาโรคอาจทำได้ยากแต่สามารถสังเกตพฤติกรรมของเด็กและสังเกตทางกายภาพได้ เช่น
 มีดวงตาที่ใหญ่กว่าคนปกติ
 ไม่ชอบแสงสว่างจ้า
 ไม่สามารถควบคุมการกระพริบตาได้
 มีตาแดง ตาแฉะ หรือตาขุ่นมัว
 ขยี้ตาบ่อย ๆ
ต้อหินชนิดแทรกซ้อน (Secondary Glaucoma)
 อาจเกิดมาจากภาวะแทรกซ้อนจากความผิดปกติทางตา หรือเกิดจากโรคตาอื่น ๆ เช่น ได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ตา มีเนื้องอก หรือใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน ทำให้พัฒนามาเป็นต้อหิน

#ภาวะแทรกซ้อนของต้อหิน
หากพบว่าเป็นโรคต้อหินไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม ถ้าผู้ป่วยไม่เริ่มทำการรักษาอย่างทันท่วงที ปล่อยเอาไว้ก็จะทำให้อาการของโรคค่อย ๆ พัฒนาไปทางที่แย่ลง ประสาทตาก็จะค่อย ๆ ถูกทำลายและเสื่อมลง หรือหากผู้ป่วยที่เป็นต้อหิน ได้ทำการรักษาแล้ว แต่ไม่ทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ไปพบแพทย์ตามนัด หรือไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษาที่วางเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หลังจากการรักษาต้อหินด้วยการผ่าตัด อาจทำให้เกิดเลือดออกในตาหรือเกิดการติดเชื้อในตา หรือแม้แต่การใข้ยาหยอดตาที่ไม่ถูกต้อง ด้วยการซื้อมาใช้เองไม่ปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรซื้อมาใช้เอง และควรปรีกษาแพทย์ ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น

🌻 🌻 ดวงตาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา รีบดูแลเพราะดวงตามีคู่เดียว !! 🌻 🌻
🎯 ต้อเนื้อ 🎯 ต้อลม 🎯 ต้อกระจก 🎯 ต้อหิน
🎯 วุ้นในตาเสื่อม 🎯 ตาพล่ามัว 🎯 แสบตา 🎯 ตาแดง

ดวงตาย่อมมีวันเสื่อมลงทุกวันเป็นธรรมดา 🤓
👉🏻 แล้วเราจะปล่อยให้ดวงตาแย่ลงทุกวันได้จริงหรอ ??
เราควรเลือกหาสิ่งดีๆ มาบำรุงดวงตาดีกว่าไหม ? ไม่ว่าจะเป็น …
🎯 ใส่แว่น เพื่อป้องกันฝุ่นละออง , ป้องกันลม , ป้องกันแสง
🎯 ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่นผัก ผลไม้ เพื่อบำรุงดวงตา
หรืออีก 1 ทางเลือกง่ายๆ ที่ดูแลได้ทุกวัน

🔴 🔴 D-Contact 🔴 🔴 หนึ่งทางเลือกที่จะบำรุง ดูแลดวงตาของคุณให้ดวงตาสวย สดใส สม่ำเสมอน

😎เลือกแว่นกันแดดอย่างไรให้ปลอดภัย😎สามารถป้องกันทั้งรังสียูวีเอและบีได้ 99-100 เปอร์เซนต์ โดยต้องมีป้ายระบุชัดเจน ทั้งนี้...
12/03/2018

😎เลือกแว่นกันแดดอย่างไรให้ปลอดภัย😎

สามารถป้องกันทั้งรังสียูวีเอและบีได้ 99-100 เปอร์เซนต์ โดยต้องมีป้ายระบุชัดเจน ทั้งนี้ประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสีหรือระดับความเข้มของเลนส์
เลนส์ควรมีขนาดใหญ่และกว้างสามารถปิดบังดวงตาจากแสงแดดได้ทุกองศา
นอกจากจะป้องกันรังสียูวีแล้ว แว่นกันแดดที่ดี ควรมีคุณสมบัติอื่นๆร่วมด้วย ได้แก่
Blue-blocking lenses ช่วยให้เห็นวัตถุไกลๆได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในหิมะหรืออากาศขุ่นมัว เลนส์ที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้ทั้งหมด คือ สีเหลืองอำพัน แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ใช้เลนส์สีเทาในการขับรถเพื่อให้เห็นแสงสีสัญญาณไฟจราจรได้อย่างถูกต้อง
Polarized lenses ช่วยตัดแสง ลดการเกิดแสงแตกกระจาย เช่น แสงแดดสะท้อนจากหิมะหรือผิวน้ำ
Photochromic lenses สามารถปรับความเข้มของสีเลนส์ได้ตามปริมาณแสงที่เปลี่ยนแปลง
Polycarbonate lenses ช่วยป้องกันการกระแทกหรืออุบัติเหตุที่ดวงตา
Mirror-coated lenses ช่วยลดแสงที่มองเห็นด้วยตา
Gradient lenses มี 2 ชนิด คือ single-gradient lenses ซึ่งมีสีเข้มด้านบน สีอ่อนด้านล่าง ช่วยลดแสงแตกกระจายและเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการขับรถ อีกชนิดหนึ่ง คือ double-gradient lenses ซึ่งจะมีสีเข้มด้านบนและล่าง สีอ่อนตรงกลาง เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำหรือกีฬาฤดูหนาว

📌อันตรายของแสงแดดต่อดวงตา📌เป็นที่ทราบกันดีว่าแสงแดด ประกอบด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลต (ultraviolet) หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า ...
12/03/2018

📌อันตรายของแสงแดดต่อดวงตา📌

เป็นที่ทราบกันดีว่าแสงแดด ประกอบด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลต (ultraviolet) หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า รังสียูวี (UV rays) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่มองเห็นด้วยตา กล่าวคือ แสงที่มองเห็นด้วยตามีความยาวคลื่น 400-700 นาโนเมตร รังสียูวีจึงมีความยาวคลื่นสั้นกว่า 400 นาโนเมตร มีพลังงานสูง และไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ

รังสียูวี ซี (UV C rays,100-280 nm) เป็นรังสียูวีที่มีพลังงานสูงที่สุดและสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังและดวงตาได้มากที่สุด โอโซนในชั้นบรรยากาศสามารถกรองไว้ได้หมด แต่ปัจจุบันชั้นโอโซนในบรรยากาศกำลังถูกทำลายมากขึ้น จึงทำให้รังสีชนิดนี้อาจทะลุผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลกมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
รังสียูวี บี (UV B rays, 280-320 nm) เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยกว่ารังสียูวี ซี ถูกกรองโดยชั้นโอโซนได้บางส่วน รังสีบางส่วนที่ทะลุผ่านลงมายังโลก ในปริมาณน้อยจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) ทำให้สีผิวคล้ำขึ้น ส่วนรังสีในปริมาณมากจะทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น และเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนัง
รังสียูวี เอ (UV A rays, 320-400 nm) เป็นรังสีที่มีพลังงานต่ำกว่า 2 ชนิดแรก แต่สามารถทะลุผ่านกระจกตา เข้าไปสู่เลนส์ตาและจอตาได้ การได้รับรังสีชนิดนี้เป็นปริมาณมากอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดต้อกระจกและบางการวิจัยพบว่าอาจมีผลต่อการเกิดจุดภาพชัดเสื่อมด้วยเช่นกัน
โดยปกติเราสามารถปกป้องผิวหนังจากแสงแดดด้วยการใช้ครีมกันแดด แต่ทราบหรือไม่ว่า แม้ดวงตาของเราจะคิดเป็นเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวทั่วร่างกาย แสงแดดก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อส่วนต่างๆของดวงตาได้มากมาย ดังนั้น เพื่อปกป้องดวงตาซึ่งเป็นอวัยวะที่บอบบางให้ปลอดภัยจากอันตรายภายนอกรวมทั้งแสงแดด ดวงตาของเราจึงถูกสร้างให้ถูกห่อหุ้มด้วยกระดูกเบ้าตา มีเปลือกตา ขนคิ้วและขนตาเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้การหดแคบลงของรูม่านตา การหลับตาหรือการหรี่ตา ก็เป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยปกป้องดวงตาตามธรรมชาติเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงที่สามารถมองเห็นด้วยตา แต่จะไม่ถูกกระต้นด้วยรังสียูวี ดังนั้น แม้ในวันที่ไม่มีแสงแดดจ้า เราจะยังคงได้รับรังสียูวีในปริมาณมากอยู่ กล่าวคือ ประสิทธิภาพของกลไกป้องกันดวงตาตามธรรมชาติจึงอาจมีข้อจำกัด

10/03/2018
ต้อลมอยู่บนตาขาว ต้อเนื้อเข้าในตาดำ ปิดมองไม่ชัด พร่ามัว แสบ เคือง เราช่วยได้ปรึกษาสุขภาพดวงตาสอบถามและสั่งซื้อโทร.083-7...
07/03/2018

ต้อลมอยู่บนตาขาว ต้อเนื้อเข้าในตาดำ ปิดมองไม่ชัด พร่ามัว แสบ เคือง เราช่วยได้

ปรึกษาสุขภาพดวงตา
สอบถามและสั่งซื้อ
โทร.083-711-7185 เตยค่ะ

 #ดีคอนแทคเหมาะสำหรับ👇👇👇 #ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ควรพลาด👇👇👇✅ แสบตา น้ำตาไหล คันตา แพ้ลม แพ้แสง✅ รู้สึกฝืดเคืองเวลากระพร...
05/03/2018

#ดีคอนแทคเหมาะสำหรับ

👇👇👇 #ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ควรพลาด👇👇👇

✅ แสบตา น้ำตาไหล คันตา แพ้ลม แพ้แสง
✅ รู้สึกฝืดเคืองเวลากระพริบตา
✅ เบาหวานขึ้นตา เบาหวานทำลายเซลล์ดวงตา
✅ พล่ามัว ภาพซ้อน ฝ้าขาว
✅ จอประสาทตาเสื่อม จอประสาทตาหลุดลอก
✅ ต้อเนื้อ ต้อลม ต้อหิน ต้อกระจก
✅ ใช้คอนแทคเลนส์แล้วตาแห้ง
✅ ขับรถ เป็นเวลานาน เมื่อยล้าดวง
✅ มองเห็นจุดดำลอยไปมา
✅ มองเห็นใยแมงมุม มาคลุมตา
✅ บำรุง เพื่อ ป้องกัน
✅ ฟื้นฟูให้ดีต่อใจ ดีต่อตา

#ทุกปัญหาของดวงตาโดยเฉพาะ📌

“อาหารเบาหวาน” ไม่ใช่อาหารที่มีความพิเศษแตกต่างจากอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวันแต่อย่างไร ดังนั้น ผู้ที่เป็นเบาหวา...
04/03/2018

“อาหารเบาหวาน” ไม่ใช่อาหารที่มีความพิเศษแตกต่างจากอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวันแต่อย่างไร ดังนั้น ผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถรับประทานอาหารได้เหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังในการเลือกชนิดอาหารที่มีคุณภาพ และควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานให้เหมาะสมมากขึ้นสักหน่อย เพื่อที่จะไม่ให้ได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากจนเกิน เมื่อมาถึงจุดนี้เรามักจะพบเจอประเด็นคำถามเกี่ยวกับกินอย่างไรเมื่อเป็นเบาหวาน มากมายหลายคำถาม วันนี้เรามาดูประเด็น คำถามที่พบได้บ่อยคำถามหนึ่ง คือประเด็นคำถามที่ว่า “อาหารอะไรบ้างที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น” เพื่อเป็นการตอบคลายข้อสงสัยดังกล่าว เรามาดูกันเลยว่ามีอาหารประเภทใดกันบ้าง

โดยปกติอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าว-แป้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ล้วนมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ในปริมาณมากน้อยที่แตกต่างกัน และเราพบว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบจะมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารประเภท โปรตีน หรือไขมัน ดังนั้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงควรมีการควบคุมปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วอาหารอะไรบ้างที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ คำตอบคือคาร์โบไฮเดรตเราพบในอาหารประเภทต่างๆดังต่อไปนี้ คือ ข้าว-แป้ง น้ำตาล ผัก ผลไม้ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ซึ่งเราไม่พบคาร์โบไฮเดรตในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ และไขมัน

อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต

1. น้ำตาล : น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว โดยน้ำตาลจะเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดได้ 100% ในระยะเวลาเพียง 15-30 นาทีเท่านั้น ซึ่งนั่นคือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างอาหารที่มีน้ำตาลมาก ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำหวาน น้ำอัดลมทุกประเภท และเยลลี่ เป็นต้น แม้ปัจจุบันมีหลักฐานงานวิจัยอนุญาตให้บริโภคน้ำตาลได้ 10% ของพลังงานที่ควรได้รับใน 1วัน แต่เรายังคงแนะนำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยงหรือบริโภคน้ำตาลในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากน้ำตาลให้เพียงพลังงาน ไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือใยอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้แล้วการรับประทานอาหารประเภทน้ำตาลทำให้ไม่อิ่ม จึงทำให้เราต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดยิ่งเพิ่มสูงขึ้น นอกเสียจากในกรณีที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การดื่มน้ำอัดลม สัก 150 ml หรือ กินน้ำตาลก้อนสัก 2 ก้อน สามารถช่วยแก้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

3. อาหารประเภทข้าว-แป้ง : อาหารประเภทข้าว-แป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว และขนมจีน เป็นต้น ข้าว-แป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้ 90-100% โดยใช้เวลา 30-90 นาที อาหารประเภทข้าว-แป้ง นอกจากมีคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะข้าว-แป้งที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง หรือ ขนมปังโฮลวีท เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานไม่ควรงดหรือจำกัดอาหารประเภทข้าว-แป้งมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ควรรับประทานในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีอาหารบางชนิดที่จัดอยู่อาหารประเภทข้าว-แป้ง เช่น มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต เม็ดแปะก๊วย เกาลัด แห้ว ฟักทอง และ วุ้นเส้น เป็นต้น มาถึงจุดนี้เมื่อพูดถึงวุ้นเส้น หลายท่านเกิดประเด็นคำถามว่า วุ้นเส้นคือโปรตีน ไม่ใช่หรือ คำตอบคือ วุ้นเส้นคืออาหารประเภทข้าว-แป้ง รับประทานแล้วมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกับการรับประทานข้าวสวย ดังนั้นถ้ารับประทานวุ้นเส้นและอาหารดังกล่าว ควรมีการวางแผนลดปริมาณข้าวในมื้ออาหารนั้นๆ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดียิ่งขึ้น

3. ผลไม้ : ผลไม้ทุกชนิดมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นไม่ว่าจะรับประทาน ส้ม มะม่วง ฝรั่ง แอปเปิ้ล กล้วย หรือทุเรียน ก็ล้วนมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดทั้งสิ้น ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ผลไม้ยังคงอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานไม่จำเป็นต้องงดรับประทานผลไม้ ขอเพียงแค่จำกัดปริมาณผลไม้ที่รับประทานแต่ละมื้อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ก็สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยปริมาณที่เหมาะสมต่อมื้อ เช่น แอปเปิ้ล 1 ผลกลาง, ส้ม 1 ผลกลาง, ฝรั่ง 1 ผลเล็ก, กล้วยหอม 1/2 ผล, กล้วยไข่/กล้วยน้ำว้า 1 ลูก, เงาะ/มังคุด 4-5 ผล, แตงโม 10 ชิ้นคำ หรือ ส้มโอ 2 กลีบ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยงหรืองดน้ำผลไม้ทุกชนิด ทั้งน้ำผลไม้สำเร็จรูป หรือน้ำผลไม้สดที่คั้นเองกับมือแม้ไม่ได้เติมน้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้งก็ตามที เพราะอย่าลืมว่าผลไม้ทุกชนิดมีคาร์โบไฮเดรต ในการทำน้ำผลไม้ 1 แก้ว จะต้องใช้ผลไม้สดปริมาณค่อนข้างเยอะ ให้ลองนึกภาพว่าถ้ารับประทานปริมาณผลไม้เหล่านั้นแบบสด จะอิ่มนานแค่ไหน ในขณะที่ถ้ารับประทานในรูปของน้ำผลไม้ใช้เวลาดื่มเร็วมาก ไม่รู้สึกอิ่ม ให้พลังงานที่สูง และในขณะเดียวกันทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกเว้นในกรณีที่มีภาวะน้ำตาในเลือดต่ำ การดื่มน้ำผลไม้สัก 120 ml สามารถช่วยแก้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

4. ผัก : ผักเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณน้อย จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ช่วยชะลอน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ควรรับประทานผักทุกมื้อ จะรับประทานในรูปของผักสด หรือผักต้มก็ได้ แต่ไม่แนะนำในรูปของน้ำผักปั่น โดยเฉพาะน้ำผักปั่นแยกกาก ทำให้เราไม่ได้รับใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเลย ทั้งนี้ควรควบคุมปริมาณการบริโภคผักที่มีแป้งสูง เช่น ฟักทอง แครอท มันแกว เมล็ดถั่วลันเตา เป็นต้น ดังนั้นน้ำผักสุขภาพอย่างน้ำแครอท ในผู้ที่เบาหวาน ควรมีการควบคุมปริมาณในการดื่ม

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bangkokhospital.com

5อาหารบำรุงสมองเพิ่มประสิทธิภาพเสริมความจำ1. ไข่ในทุกบ้านย่อมมีไข่ติดไว้เสมอ เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และสามารถทำอาหารได้ห...
04/03/2018

5อาหารบำรุงสมองเพิ่มประสิทธิภาพเสริมความจำ

1. ไข่

ในทุกบ้านย่อมมีไข่ติดไว้เสมอ เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และสามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู หากไม่รู้จะกินอะไร ไข่ มักจะเป็นสิ่งแรกที่นึกถึงเสมอ คิดอย่างนี้ได้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะในไข่มีสารตัวหนึ่งชื่อว่า “โคลิน” ซึ่งช่วยในการพัฒนาระบบการทำงานของสมอง ดังนั้นอย่าลืมกินไข่กันด้วยล่ะ วันละ 2 ฟองกำลังดีเลย แต่ใครที่มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอล อาจจะต้องลดไข่แดงหน่อยนะ

2. ปลา

“กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาด” คำนี้ที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก บอกเลยว่า มันคือเรื่องจริง เราควรกินปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพราะในปลาทะเลน้ำลึกมีกรดไขมันและโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยบำรุงเซลล์สมองและเสริมสร้างผนังเซลล์ประสาทในสมองของเราให้แข็งแรง ปลามีหลากหลายชนิด อย่ากินแค่ชนิดเดียวล่ะ จะได้ป้องกันสารพิษที่อาจอยู่ในเนื้อปลาได้

3. ถั่ว

ถั่ว อาหารว่างสุดโปรดของใครหลายคน เช่น อัลมอนด์ ฮาเซลนัท หรือจะเป็นถั่วลิสงที่เราคุ้นเคยกันดี ใครที่ไม่ชอบกิน ลองหันมากินดูนะ เพราะในถั่วมีไขมันดี โปรตีนเยอะ ไฟเบอร์สูง แถมยังมีวิตามินอีซึ่งช่วยในเรื่องกระบวนการคิด ความจำ และวิตามินบี1 ที่ช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองของเราแข็งแรง รู้อย่างนี้ ไม่ลองไม่ได้แล้ว

4. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

การทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ นอกจากจะทำให้เราสดชื่นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพสมองของเราให้มีระดับไอคิว และกระบวนการคิดดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดี และปรับความดันเลือดให้สมดุล เอามาทานเป็นอาหารว่างระหว่างวันก็ไม่เลวนะ

5. ช็อคโกแลต

แค่พูดชื่อก็อยากกินซะแล้วสิ ใครจะรู้ว่าในช็อคโกแลตที่เรากินกันอยู่บ่อยๆ นอกจากเรื่องความอร่อยแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองให้ทำงานดีขึ้นด้วย รู้แล้วอยากออกไปซื้อเลย แต่ก็อย่ากินมากเกินไปล่ะ กินแค่พอดี เพราะมีแคลอรี่สูงเหมือนกันนะ เดี๋ยวจะอ้วนเอา ถ้าเอาให้ดีเลือกดาร์คช็อคโกแลตที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำก็จะดียิ่งขึ้น



อาหารเหล่านี้หาได้ไม่ยากเลย สมองของเราถ้าเราไม่ดูแลก็ไม่มีใครช่วยได้ สำหรับคนที่ชอบคิดมาก สมองก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีก ดังนั้นเพื่อสมองที่ดีและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หันมาทานอาหารบำรุงสมองและมองโลกในแง่ดีกันเถอะ



ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก กรมประชาสัมพันธ์, Thaibodycare
ภาพประกอบจาก istockphoto
Story : Martmatt

ลองแล้วดีจริง กลับมาสั่งเพิ่ม 😎ถ้าคุณมีปัญหาเหล่านี้ 😎👉ต้อลม👉ต้อเนื้อ👉ต้อหิน👉ต้อกระจก 👉วุ้นในตาเสื่อม👉จอประสาทตาเสื่อม👉ส...
02/03/2018

ลองแล้วดีจริง กลับมาสั่งเพิ่ม

😎ถ้าคุณมีปัญหาเหล่านี้ 😎
👉ต้อลม👉ต้อเนื้อ👉ต้อหิน👉ต้อกระจก 👉วุ้นในตาเสื่อม👉จอประสาทตาเสื่อม👉สายตาสั้น👉สายตายาว👉แสบตา👉เคืองตา 👉คันตา 😬ตาพร่ามัว👉น้ำตาไหล และอาการอื่นๆ สำหรับดวงตาถ้าไม่อยากผ่า ไม่อยากลอก

คอนแทค ช่วยให้อาการเหล่านี้ดีขึ้น

ใครมีปัญหาสายตา เลือกดีคอนแทคดูแลดวงตาคุณค่ะ

บางครั้งเมื่อรู้สึกเคืองตาบ่อยๆ ปวดๆที่ดวงตา หรือแสบๆที่ดวงตา อาการเหล่านี้อาจเป็นอาการบ่งบอกเริ่มต้นของผู้ที่เป็น "ต้อล...
01/03/2018

บางครั้งเมื่อรู้สึกเคืองตาบ่อยๆ ปวดๆที่ดวงตา หรือแสบๆที่ดวงตา อาการเหล่านี้อาจเป็นอาการบ่งบอกเริ่มต้นของผู้ที่เป็น "ต้อลม" ก็เป็นได้

ต้อลม(Pinguecula) เป็นการเสื่อมของเยื่อบุตาขาวที่พบได้บ่อย ไม่ใช่เนื้องอก มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อขนาดเล็ก นูน สีขาวหรือเหลืองอยู่บริเวณเยื่อบุตาขาว มักพบบริเวณทางด้านหัวตามากกว่าทางด้านหางตา หากไม่ได้รับการป้องกันอย่างถูกต้องอาจมีการลุกลามขนาดใหญ่ขึ้นกลายเป็นแผ่นเนื้อเข้ามาในบริเวณกระจกตาดำได้เรียกว่าต้อเนื้อ

สาเหตุ:
ต้อลมจากชื่อ อาจทำให้คิดได้ว่าสาเหตุหลักๆเกิดจากลม แต่จริงๆ แล้วสาเหตุเกิดได้จากหลายอย่าง ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) ที่มีในแสงแดด การสัมผัสกับลม ฝุ่น ควัน ความร้อนที่ทำให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุตาขาว

ต้อลมป้องกันได้ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
อาการที่พบ: ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ กรณีที่ต้อลมมีขนาดใหญ่หรืออักเสบอาจมีอาการรู้สึกเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล หรือมีอาการตาแดงในตำแหน่งของต้อลมร่วมด้วยเนื่องจากมีการอักเสบขยายตัวของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณต้อลม อาการจะเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง โดนแดด โดนลม

ต้อลมสามารถป้องกันและรักษาได้:
เป็นภาวะที่ไม่มีอันตราย กรณีที่ไม่มีอาการหรือไม่มีการอักเสบ ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยา เพียงแต่ปฏิบัติตนหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดการลุกลามมากขึ้น
1. ป้องกันและหลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ เช่น การใส่แว่นป้องกันแสงแดดหรือลมเมื่ออยู่ในที่กลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แสงแดดหรือลมแรง
2. ยาหยอดตาเพื่อลดอาการ สำหรับผู้ที่เป็นต้อลมที่มีอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงอักเสบ จักษุแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดตาเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว ทั้งนี้ยาหยอดตาไม่สามารถทำให้ต้อลมที่มีหายไปได้ แต่เมื่อไม่มีการอักเสบและได้รับการป้องกันอย่างถูกวิธี ต้อลมนั้นอาจนูนแดงลดลงได้
3. การผ่าตัดโดยทั่วไปต้อลมไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเนื่องจากมักมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ เป็นภาวะที่ไม่มีอันตราย ไม่ทำให้สูญเสียการมองเห็น อาจพิจารณาการผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองอักเสบบ่อยและได้รับการรักษาด้วยยาหยอดตาแล้วไม่ทุเลา

การป้องกัน
หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองได้แก่ ลม แสงแดด ฝุ่น ควัน รวมทั้งควันบุหรี่ ควรใส่แว่นกันแดดเป็นประจำเพื่อช่วยป้องกันแสงและลม

🥕เบต้าแคโรทีน🥕มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี...
10/02/2018

🥕เบต้าแคโรทีน🥕

มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย เป็นลิพิด (lipid) กลุ่มรงควัตถุ (pigment) ที่มีสีส้ม สีเหลือง อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) จัดเป็นแคโรทีนอยด์พวกที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ (pro vitamin A) เพราะสามารถเปลี่ยนรูปเป็นเรตินอล (retinol) ได้ที่เยื่อบุผนังลำไส้เล็กและตับ

ประโยชน์ของเบต้าแคโรทีน :

บำรุงสุขภาพของดวงตา เบต้าแคโรทีน เมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วน เรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย

ชะลอความแก่ เบต้าแคโรทีนให้ผลในการลดความเสื่อมของเซลล์จากอนุมุลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดกระบวนการแก่

ดูแลรักษาผิวพรรณอันเป็นส่วนของร่างกายที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแล้วหรือยัง เช่น ผิวเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ผ่องใส

ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีน ให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
เบต้าแคโรทีน นับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญสำหรับสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีรายงานของการขาดเบต้าแคโรทีนเลย แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะระบุว่า การเสริมด้วยเบต้าแคโรทีนใช้ในคนที่มีอาการขาดวิตามินเอ แต่ก็ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัดที่แสดงถึงอาการขาดเบต้าแคโรทีน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการแนะนำว่าเราควรรับประทานเบต้าแคโรทีนเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภคผักสดและผลไม้สด

แหล่งอาหารของเบต้าแคโรทีน
อาหารประเภทผักและผลไม้ที่มีแคโรทีนอยด์สูง ได้แก่ ผักที่มีสีเขียวเข้ม และผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม เช่น ผักหวาน ผักตำลึง ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ชะอม บร็อกโคลี่ มะระ ผักคะน้า แครอต ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน มะม่วงสุก มะละกอสุก มะเขือเทศสุก แตงไท และอะโวกาโด เป็นต้น

ส่วนเหตุที่อาหารบางชนิดมีสีเขียว เป็นเพราะสีของเบต้าแคโรทีนถูกสีเขียวของคลอโรฟิลล์บดบัง ปริมาณเบต้าแคโรทีนจะลดลงได้จากการประกอบอาหาร เช่น ต้ม นึ่ง (steaming) ผัด ที่ใช้ความร้อนสูงเป็นเวลานาน

ในความเป็นจริง ต้อหินเรื้อรัง มีทั้งที่รู้สาเหตุและไม่รู้สาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุ ชนิดที่รู้สาเหตุซึ่งพบได้น้อยกว...
07/02/2018

ในความเป็นจริง ต้อหินเรื้อรัง มีทั้งที่รู้สาเหตุและไม่รู้สาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุ ชนิดที่รู้สาเหตุซึ่งพบได้น้อยกว่า เช่น เกิดจากมีการอักเสบภายในดวงตาเรื้อรัง เช่น จากโรคเบาหวาน เป็นต้น การรักษาต้อหินเรื้อรังเมื่อรู้สาเหตุจึงต้องมุ่งรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมด้วย
ใครบ้างที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคต้อหินเรื้อรัง?
บุคคลที่เสี่ยงต่อการเป็นต้อหินเรื้อรัง ได้แก่
ต้อหินชนิดนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถ้ามีญาติผู้ใหญ่ ปู่ย่า ตายาย เป็นโรคนี้ ก็มีโอกาสถ่ายทอดมายังท่านได้

🌻สรรพคุณของดาวเรือง🌻 สารสกัดดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นหนึ่งส่วนผสมใน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา LATINA Eye care (เลติน่า)สา...
05/02/2018

🌻สรรพคุณของดาวเรือง🌻

สารสกัดดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นหนึ่งส่วนผสมใน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา LATINA Eye care (เลติน่า)

สารสกัดอกดาวเรืองคือ(ซานโทฟิวและไคลป์ท๊อกซาติน) ซานโทฟิวและไคลป์ท๊อกซาติน หรือลูทีนและซีแซนทีน จากการศึกษากายวิภาคของมนุษย์พบว่า สารสีเหลืองในผลึกเลนส์ตาและจอประสาทตา Macula Lutea ส่วนใหญ่เป็นซานโทฟิวและไคลป์ท๊อกซาติน ซึ่งองค์ประกอบ 2 ตัวนี้เท่านั้นที่สามารถจะผ่านเข้าไปในเลนส์ผลึกและจอประสาทตา Macula Lutea เพื่อเป็นอาหารบำรุงตา , ช่วยบรรเทาการผลกระทบจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย, ช่วยดูดซับแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายต่อตาและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากลำแสง ที่มากระทบดวงตา
การเปลี่ยนแปลงของจอประสาทตา Macula Lutea กลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุสูญเสีย ประสิทธิภาพการมองเห็น แต่ถ้าพวกเขาสามารถบำรุงดวงตาด้วยการเสริมซานโทฟิวและไคลป์ท๊อกซาตินเข้าไป ก็จะเป็นประโยชน์ในการรักษาสายตาของพวกเขาและอาจลดอุณหภูมิของจอประสาทตาและ เลนส์ตาด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจกด้วย
คุณสมบัติของสารสกัดจากดอกดาวเรือง แยกตามหน้าที่

ส่ง เสริมการมองเห็น: เมื่อแสงสว่างและออกซิเจนมากระทบลูกตา จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตา แต่ซานโทฟิว ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นสูงมากจะช่วยกรองแสงสีน้ำเงินและลดการ เกิดปัญหาที่จะทำให้การมองเห็นไม่ดี ช่วยทำให้การมองเห็นชัดเจนแม่นยำมากขึ้น
ป้องกัน จอตา: จอตาประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว (DHA) ดังนั้นซานโทฟิวเป็นสารที่มีประโยชน์สำหรับจอตา ช่วยในการหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายโดยการทำปฏิกริยาออกซิเดชันเมื่อจอตาจะรับ แสง
ลด การเกิดต้อกระจก: ซานโทฟิวซึ่งเป็นแคโรทีนตัวเดียวเท่านั้น ที่สามารถอยู่ในผลึกเลนส์ตาได้ ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายโปรตีนในเลนส์ตาและก่อให้เกิดต้อกระจก
ช่วย รักษาการรับสีของตา: เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการรับสีของจอตาผิดปกติ, เซลล์รับแสงรูปแท่งและรูปพีระมิดจะเกิดน้อยลง หากเราเสริมด้วยซานโทฟิวก็จะช่วยในการรับสีของจอตาได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ในดอกดาวเรืองยังมีสาร Phosphatidylserine ซึ่งคือสารประกอบประเภทไขมัน phospholipid ที่เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง สกัดจากเลซิติน (lecithin) ที่อุดมด้วยสาร Phosphatidylserine มากกว่า 70% เป็นสารสื่อประสาทในเนื้อเยื่อเซลล์สมอง (ช่วยสื่อสารการทำงานระหว่างเซลล์สมอง) ช่วยบำรุงและเพิ่มความสามารถของสมองกลีบท้ายทอย(Occipital Lobe) ที่ใช้ควบคุมการมองเห็น

🥕แครอท🥕 เป็นพืชในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง เป็นที่นิยมปลูกและรับประทานทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหลายขนาดตั้งแต่ขน...
03/02/2018

🥕แครอท🥕

เป็นพืชในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง เป็นที่นิยมปลูกและรับประทานทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าดินสอไปจนถึงขนาดใหญ่ และมีหลากหลายสี เช่น สีเหลือง สีม่วง แต่ที่นิยมรับประทานนั้นจะเป็นแครอทสีส้มและยังจัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย

🥕แครอทเป็นผักหรือผลไม้ ?🥕

ตอบ แครอทเป็นผัก เพราะแครอทคือส่วนของราก ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพืชนั่นเอง แครอทจึงไม่ใช่ผลไม้

แครอทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังมีสารสำคัญคือสาร “ฟอลคารินอล” (falcarinol) ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น สำหรับประโยชน์ของแครอทนั้นที่เด่น ๆ ก็เห็นจะเป็นการนำมาใช้ประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว ทั้งผัด ทอด แกง ต้ม ซุป สลัด ยำ ก็มีแครอทเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น และยังมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างน้ำแครอทปั่นอีกด้วย ยังไม่หมดเท่านี้สรรพคุณของแครอทที่ใช้เป็นยารักษาโรคก็ใช้รักษาได้อย่างหลากหลายเช่นกัน

🥕สรรพคุณของแครอท🥕

ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง
ช่วยป้องกันเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายจากมลภาวะแสงแดดต่าง ๆ
ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย
ช่วยบำรุงกระดูก ฟัน เหงือก เล็บ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
รูปแครอทช่วยสร้างสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
ช่วยยับยั้งต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือด
ช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนัง
ช่วยบำรุงเส้นผม
ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต
ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว
ช่วยบำรุงและรักษาสายตา รักษาโรคตาฟาง และต้อกระจก
ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทยรอยด์เป็นพิษ
ช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้และบรรเทาท้องผูก
แครอทมีสรรพคุณใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน
ช่วยรักษาฝี แผลเน่าต่าง ๆ

จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้วค่ะ 👍ดีคอนแทค ดีต่อตา👍
31/01/2018

จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้วค่ะ

👍ดีคอนแทค ดีต่อตา👍

30/01/2018
มีผู้กล่าวถึงคุณ👇👇👇🔻วุ้นในตาเสื่อม ภัยใกล้ตัว⁉️❌ภัยหนุ่มสาออฟฟิตกับชีวิตติดจอ‼️ ➡️ปัจจุบันคนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอม...
26/01/2018

มีผู้กล่าวถึงคุณ👇👇👇

🔻วุ้นในตาเสื่อม ภัยใกล้ตัว⁉️
❌ภัยหนุ่มสาออฟฟิตกับชีวิตติดจอ‼️

➡️ปัจจุบันคนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมและโทรศัพท์เป็นเวลานาน

💢อาการก็คือคุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนยักใย่ ลอยไปลอยมา เหมือนคราบที่ติดกระจกน่ะค่ะ

💢จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา(น่ากลัวมากๆ)และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด

สอบถามเพิ่มเติมโทร
📞083-711-7185 เตย

ทุกปัญหาดวงตา ดีคอนแทคช่วยคุณได้https://timeline.line.me/post/_dU-TdNFbR6hjgL_DBCN_McwXTUv1fKBB3bQvmQ4/11516549774060770...
22/01/2018

ทุกปัญหาดวงตา ดีคอนแทคช่วยคุณได้
https://timeline.line.me/post/_dU-TdNFbR6hjgL_DBCN_McwXTUv1fKBB3bQvmQ4/1151654977406077069

#การบำรุงสายตาบำบัดสกัดจากธรรมชาติ 🚩ต้อกระจก 🚩ต้อเนื้อ 🚩ต้อลม 🚩ต้อหิน 🚩สายตายาว 🚩สายตาพร่ามัว 🔰แก้ได้ไม...

📌สาเหตุของต้อกระจก📌ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 80% ต้อกระจกจะเกิดจากภาวะเสื่อมตามวัยหรือจากวัยชรา โดยผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้...
29/12/2017

📌สาเหตุของต้อกระจก📌

ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 80% ต้อกระจกจะเกิดจากภาวะเสื่อมตามวัยหรือจากวัยชรา โดยผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปจะเป็นต้อกระจกกันแทบทุกราย แต่อาจจะเป็นมากหรือน้อยแตกต่างกันไป เรียกว่า “ต้อกระจกในผู้สูงอายุ” (Senile cataract) และในส่วนน้อยอีกประมาณ 20% อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่จากวัยชรา เช่น

เป็นต้อกระจกมาแต่กำเนิด ได้แก่ ต้อกระจกในเด็กทารกที่เกิดจากแม่ซึ่งเป็นหัดเยอรมันในช่วงระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์, ต้อกระจกในเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการหรือขาดอาหาร และต้อกระจกแต่กำเนิดชนิดกรรมพันธุ์ที่ไม่ทราบสาเหตุ
เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือนที่ตาอย่างแรง (โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว) เช่น การเล่นกีฬาบางประเภท อาทิ โดนลูกเทนนิสพุ่งเข้าตา โดนลูกขนไก่, การประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะโดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา, การเกิดอุบัติเหตุถูกของมีคมทิ่มแทง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วถูกกระจกทิ่มแทงในตา หรือมีเศษเหล็กกระเด็นเข้าตาในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แม้ว่าจะให้การรักษาอุบัติเหตุระยะต้นถูกต้องแล้วก็ตาม แต่อาจเป็นต้อกระจกได้ในอีก 2-3 ปีต่อมา
โรคประจำตัวในวัยกลางคน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ โรคขาดสารอาหาร ก็มักจะเกิดต้อกระจกก่อนวัยได้
เกิดจากความผิดปกติของตาหรือเป็นโรคเกี่ยวกับตา เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ ตาติดเชื้อ
เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น การใช้ยาลดความอ้วนบางชนิด การใช้ยาหยอดตาที่เข้าสเตียรอยด์หรือกินยาสเตียรอยด์นาน ๆ (เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ซึ่งเป็นยาที่นิยมใช้รักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่างโรคภูมิแพ้ โรคหืด โรคไต โรคข้อ ถ้าผู้ป่วยได้รับยาในกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำ ควรพึงระลึกไว้เสมอว่าตนก็อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัยอันควรได้ เพราะมีผู้ป่วยอยู่จำนวนไม่น้อยที่เป็นโรคภูมิแพ้และซื้อยามารับประทานเอง พอนาน ๆ เข้าตาก็เริ่มมัวลงเรื่อย ๆ จากการเป็นโรคต้อกระจก แต่หากหยุดใช้ยาดังกล่าว แม้ว่าต้อที่เป็นแล้วจะไม่หายไป แต่ก็ช่วยระงับไม่ให้โรคลุกลามเร็วขึ้นได้)
เกิดจากการถูกรังสีที่บริเวณตาเป็นเวลานาน (เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่เบ้าตาและรักษาด้วยรังสีบ่อย ๆ) หรือถูกแสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดต้อกระจกได้เช่นกัน
เกิดจากการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์จัด อาจทำให้เกิดต้อกระจกได้เร็วกว่าปกติ

ต้อหินเป็นโรคของขั้วประสาทตาผิดปกติ ทำให้สูญเสียการมองเห็น โดยมีภาวะความดันลูกตาสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ  ความดันลูกต...
26/12/2017

ต้อหิน
เป็นโรคของขั้วประสาทตาผิดปกติ ทำให้สูญเสียการมองเห็น โดยมีภาวะความดันลูกตาสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ความดันลูกตา เกิดจากภายในลูกตาของเราจะมีการสร้างของเหลวใสขึ้นมาในช่องด้านหน้าของลูกตา และระบายออกทางมุมตา เรียกว่า น้ำเลี้ยงตา ทำหน้าที่ปรับความดันภายในลูกตาให้สมดุล ไม่ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำเลี้ยงภายในลูกตา และคงรูปร่างของดวงตาไว้ ความดันลูกตาปกติ จะมีค่าน้อยกว่า 21 มิลลิเมตรปรอท
ชนิดของต้อหิน

1. ต้อหิน มุมปิด
ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน จะทำให้เกิดอาการปวดตา ตาแดง ตามัว เมื่อมองไปที่ดวงไฟจะเห็นเป็นวงกลมจ้ารอบดวงไฟ อาการอาจรุนแรงมากจนเกิดคลื่นไส้อาเจียน และมักไม่หายด้วยการรับประทานยาแก้ปวด ถ้าไม่รักษา ตาจะบอดอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นชนิดมุมปิดเรื้อรังผู้ป่วยมักไม่ทราบ และไม่มีอาการ บางคนอาจมีอาการปวดเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เป็น ๆ หาย ๆ อยู่หลายปี และได้รับการรักษาแบบโรคปวดศีรษะโดยไม่ทราบว่าเป็นต้อหิน

2. ต้อหินมุมเปิด
เป็นชนิดที่พบบ่อย มักจะไม่มีอาการปวดตาหรือตาแดง แต่สายตาจะค่อย ๆ มัวลงอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเป็นเดือน หรือเป็นปี หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันท่วงทีก็จะทำให้ตาบอดได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามหากได้รับการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องรวดเร็วก็มักจะรักษาสายตาไว้ได้

3. ต้อหินแทรกซ้อน
ต้อหินชนิดนี้เกิดเนื่องจากมีความผิดปกติอย่างอื่นของดวงตา เช่นการอักเสบ ต้อกระจกที่สุกมาก อุบัติเหตุต่อดวงตา เนื้องอก การใช้ยาหยอดตาบางชนิด และภายหลังการผ่าตัดตา เช่นเปลี่ยนกระจกตาหรือการผ่าตัดต้อกระจก

4. ต้อหินในเด็กเล็กและทารก
ต้อหินในเด็กเล็กเกิดร่วมกับความผิดปกติตั้งแต่แรกคลอดของดวงตา อาจมีความผิดปกติทางร่างกายร่วมด้วย ต้อหินในเด็กทารกมักพบตั้งแต่แรกเกิด แม่อาจสังเกตว่าลูกน้อยของตนมีขนาดลูกตาใหญ่กว่าเด็กปกติ กลัวแสง กระจกตาหรือส่วนตาดำจะไม่ใสจนถึงขุ่นขาว และมีน้ำตาไหลมาก หากพบต้องรีบเข้ารับการรักษา

ปัจจัยเสี่ยง

1. มีประวัติบุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่ พี่น้อง เป็นโรคนี้

2. อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

3. มีโรคที่มีผลต่อระบบหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคที่ทำให้หลอดเลือดเล็ก ๆ อักเสบเรื้อรัง

4. เป็นโรคปวดหัวไมเกรน หรือมีภาวะปวดปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า อย่างรุนแรงเวลาโดยความเย็นเนื่องจากเส้นเลือดหดตัวไวต่อภาวะอุณหภูมิต่ำ

5. สูบบุหรี่เป็นประจำ

6. สายตาผิดปกติมาก ๆ เช่น สั้นมาก ๆ หรือยาวมาก ๆ (แต่ไม่ใช่ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ)

7. เคยได้รับอุบัติเหตุอย่างแรงที่กระทบต่อลูกตาโดยตรง

8. เคยมีประวัติเสียเลือดอย่างมาก

ที่อยู่

54/4-5 ถนนสุวินทวงศ์ มีนบุรี
Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0837117185

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีคอนแทค D-Contact เพื่อดวงตาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ดีคอนแทค D-Contact เพื่อดวงตา:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

การแพทย์และสุขภาพ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด