ศูนย์ดูแลกระดูกและไขข้อ สายด่วน 0895369792

ศูนย์ดูแลกระดูกและไขข้อ สายด่วน 0895369792 อาการปวดหลัง ปวดบ่า ปวดเข่า หมอนรองกระดูกทับเส้น ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเก๊าท์ รูมาตรอยด์

13/03/2018
06/02/2018

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การติดตามและถูกใจเพจ ทางศูนย์จะขอนำเสนอข้อมูลดีๆและเป็นประโยชน์ต่อไปครับ

อาการปวดหลัง ปวดบ่า ปวดเข่า หมอนรองกระดูกทับเส้น ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเก๊าท์ รูมาตรอยด์

ปวดหลังแบบไหน อันตราย?อาการปวดหลังที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป หรือ...
14/01/2018

ปวดหลังแบบไหน อันตราย?

อาการปวดหลังที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดจากการใช้
กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป หรือเกิดอุบติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อาจจะหายได้เอง
หากงดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นสักพัก หรือมียาทาภายนอกที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บ
ของกล้ามเนื้อ แต่หากมีอาการปวดหลังที่พ่วงด้วยอาการอื่นๆ ดังต่อไปนี้
ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็คอย่างละเอียด

- มีอาการปวดที่เดิมๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์

- ปวดมากจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อาการไม่ทุเลาลง
- ปวดแบบเจ็บแปลบจิ๊ดๆ เหมือนเข็มจิ้ม

- ปวดร้าวยาวลงไปจนถึงต้นขา จนอาจมีอาการขาอ่อนแรง
ปวดปลีน่อง จนทำให้เดินลำบาก หรือเดินได้นิดหน่อยก็ปวด

- ปวดบริเวณก้นกบ ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ

- มีอาการปวดปัสสาวะแสบขัด มีสีขุ่น หรือมีไข้ ร่วมกับอาการปวดหลัง
บริเวณเอว (อาจเป็นอาการเริ่มต้นของอาการนิ่วในไต หรือไตอักเสบ)

- ปวดจนขา หรือเท้ามีอาการชา

- เคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้ เช่น ก้มตัว ยืดตัวตรง

- กลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระเริ่มไม่ค่อยอยู่

หากไม่สามารถหาสาเหตุของอาการปวดหลังได้ และยังมีอาการปวดหลังอย่างต่อเนื่อง
มากกว่า 6 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
และแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุจะดีที่สุด เพราะถึงทานยาคลายกล้ามเนื้อ
ทายาแก้ปวดภายนอกหมดไปมากเท่าไร อาการอาจไม่ดีขึ้นหากเราไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

ปรึกษาปัญหาสุขภาพฟรี
โทร 089-536-9792 ภัทรชัย
คลิก👉https://line.me/R/ti/p/%40vcn6104c

Happy new year 2018ขอให้ทุกท่านสุขกายสบายใจร่ำรวยร่ำรวยกันด้วยเถิด
01/01/2018

Happy new year 2018
ขอให้ทุกท่านสุขกายสบายใจร่ำรวยร่ำรวยกันด้วยเถิด

โรคเกี่ยวกับปวดหลัง พร้อมวิธีสังเกตุอาการ      สาระดี ... อ่านแล้วแชร์นะคะ1) โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (herniated di...
23/12/2017

โรคเกี่ยวกับปวดหลัง พร้อมวิธีสังเกตุอาการ
สาระดี ... อ่านแล้วแชร์นะคะ

1) โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (herniated disc pulposus : HNP)

ผมจะอธิบายแบบสรุปเลยนะครับ โรคนี้เกิดจากเจลในหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นออกมาไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง (spinal cord) หรือรากประสาท (spinal nerve root) ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งพบได้บ่อยมาก ทีนี้ผมจะแนะวิธีการสังเกตุอาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทกัน

อาการ ของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

- ปวดหลังรุนแรง ปวดมากจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ (ในกรณีที่ทับโดนเส้นประสาทไขสันหลัง)
- ปวดเมื่อไอ จาม เบ่งถ่ายขณะเข้าห้องนํ้า (อันนี้คือหัวใจสำคัญของโรคนี้เลยครับ)
- ไม่สามารถแอ่นหลังได้ ต้องก้มหลังตลอดเวลา ถ้าแอ่นหลังจะปวดมากขึ้น
- ขาชา
- ปวดหลังร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างเลย
- บางรายไม่มีอาการปวดหลังเลย แต่จะรู้สึกขาชาอย่างเดียว พอเบ่งถ่ายก็รู้สึกขาชามากขึ้น
- บางรายก็ไม่มีอาการชาขา หรือปวดหลังเลย แต่จะปวดขาอย่างเดียว จะบีบจะนวดขายังไงก็ไม่รู้สึกดีขึ้น รู้สึกปวดขาแบบหน่วงๆ เหมือนขาหนักๆครับ
- หากเป็นมานานขาจะอ่อนแรง ล้มพับง่าย ยืนไม่มั่นคง
- กล้ามเนื้อขาฝ่อลีบ ของมัดที่เส้นประสาทถูกกดทับ
- ในกรณีที่ถูกทับมากๆ แค่พูด ผู้ป่วยก็รู้สึกปวดหลังจนนํ้าตาไหลแล้ว
- ปวดมากเมื่อกดลงไปที่กระดูกสันหลังตรงๆ

# # ยินดีให้คำแนะนำ ปรึกษา ฟรี..!! โทรเลย!!
👉สนใจติดต่อคุณภัทรชัย
📲โทร 089-536-9792
👉คลิกลิ้งค์ https://line.me/R/ti/p/%40vcn6104c
http://dboonshop.blogspot.com

ส า ระ ดี ที่ ฝ า ก แ ช ร์🔊🔊ปวดหลังเรื้อรัง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม🕪🕪พบการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังเต็มรูปแบบกับสถาบันโร...
03/08/2017

ส า ระ ดี ที่ ฝ า ก แ ช ร์

🔊🔊ปวดหลังเรื้อรัง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม🕪🕪

พบการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังเต็มรูปแบบกับสถาบันโรคกระดูกสันหลังกรุงเทพ รพ.กรุงเทพ

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️ 0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก 👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

🔊🔊 โรค Office Syndrome เป็นปัญหาสุขภาพที่มักพบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งอยู่กับที่ และ

จ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรค Office Syndromeได้มากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดจาก

การอักเสบ และเกร็งตัวของกล้ามเนื้อทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดตามตัวรวมถึงการปวดหลังเรื้อรังตามมา🕪🕪



นพ.สาริจฉ์ ศรีสุภาพ ศัลยแพทย์กระดูกสันหลัง สถาบันโรคกระดูกสันหลังกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การปวดหลังเรื้อรังถือเป็น

ลักษณะอาการสำคัญอย่างหนึ่งของโรค Office Syndrome ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทำงานออฟฟิศในทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหาร พนักงานปฏิบัติการ

รวมถึงงานในสายการผลิต ซึ่งเกิดจากมูลเหตุสำคัญ 2 ประการด้วยกันคือ คุณภาพของกล้ามเนื้อที่แย่ลง จากการขาดความเอาใส่ใจในการออกกำลังกาย

และประการที่สองอิริยาบทในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งนาน การนั่งหลังค่อม นั่งยกไหล่ หรือแม้แต่การปรับตำแหน่งจอคอมพิวเตอร์สูง หรือ

ต่ำจนเกินไป ส่งผลให้ต้องก้มหรือเงยจนก่อให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลังเรื้อรัง แต่ก็นับว่าโชคดีที่อาการปวดตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณหลังที่

เกิดจากโรค Office Syndrome ส่วนใหญ่เมื่อเป็นแล้วมักจะไม่รุนแรง สามารถทุเลาได้เองหากได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอหรือได้รับการรักษา

ในเบื้องต้นอย่างเช่น การประคบเย็น ประคบร้อน หรือการรับประทานยา เป็นต้น



“โรค Office Syndromeสามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30 นาที ทุกๆ 4-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเพิ่ม

ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้คนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งนานๆ ทั้งหลายยังควรพักและเปลี่ยนอิริยาบทในทุกๆ 1-2 ชม.เพื่อให้กล้ามเนื้อ

ที่ทำงานหนักและล้าได้ผ่อนคลาย ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างเช่น การบิดขี้เกียจหรือที่เรียกว่า การ Streching คือการเหยียดกล้ามเนื้อให้ตึงและทิ้งไว้

ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและลดอาการเกร็งตัว ตลอดจนอาการปวดกล้ามเนื้อได้มาก”



อย่างไรก็ดีจะพบว่ามีโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังบางโรคที่มีรูปแบบอาการคล้ายคลึงและแฝงตัวมาในลักษณะของโรค Office Syndrome แต่มี

ความรุนแรงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางกระดูกสันหลังที่ร้ายแรง เช่น กระดูกสันหลังตีบแคบไปเบียดเส้นประสาท หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

วิธีสังเกตอาการของโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ส่วนใหญ่เมื่อมีอาการปวดร่วมกับการชา ปวดร้าวไปยังบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย การควบคุมการทำงาน

ของอวัยวะผิดเพี้ยน เช่น ลายมือเปลี่ยน หรือมีอาการ night pain คือการปวดอย่างรุนแรงในตอนกลางคืน นอกจากนี้เมื่อได้พักผ่อนและรับการรักษา

ในเบื้องต้นแล้วอาการดังกล่าวยังคงไม่ดีขึ้น ให้สงสัยว่าเป็นอาการปวดหลังที่ไม่ปกติจึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

#แชร์เป็นวิทยาทาน
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด

อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️ 0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก 👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

ความรู้ที่ดีค่ะกระดูกคอเสื่อม (cervical spondylosis )สาเหตุ ของโรคกระดูกคอเสื่อม #แชร์เป็นวิทยาทานเ รี ย น รู้ วิ ธี บำ ...
12/07/2017

ความรู้ที่ดีค่ะ

กระดูกคอเสื่อม (cervical spondylosis )

สาเหตุ ของโรคกระดูกคอเสื่อม

#แชร์เป็นวิทยาทาน
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด

อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️ 0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก 👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

- อายุมากกว่า 40 ปี
- ช้งานศีรษะในท่าก้ม เงย หรือหมุนคอบ่อยๆ
- อยู่ในอิริยาบทที่ไม่เหมาะสมเป้นเวลานานๆ เช่น ทำงานที่ต้องเงยหน้าต้างไว้นานๆเป้นประจำ
- เกิดอุบัติเหตุ เกิดการกระแทกที่กระดูกสันหลังโดยตรง
- การเล่นกีฬาที่มีการกระแทก การปะทะกันบ่อยๆ เช่น อเมริกันฟุตบอล หรือการเล่นโยคะในท่าหัวโหม่งพื้นนานๆ

อาการ ของโรคกระดูกคอเสื่อม

- โดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีอาการปวดใดๆที่บ่งชี้ได้ว่าเป็นกระดูกคอเสื่อม แต่จะมีอาการเมื่อยคอ เป็นๆหายๆมากกว่า
- ปวดคอเรื้อรัง ทานยาก็หายปวด เมื่อหมดฤทธิ์ยาก็กลับมาปวดใหม่ซํ้าแล้วซํ้าเล่า
- เมื่อเงยหน้าค้างไว้นานๆจะทำให้เกิดอาการปวดเพิ่มมากขึ้น บางรายมีอาการปวดร้าวลงสะบัก หรือมีอาการชาร้าวลงแขนร่วมด้วย
- รู้สึกแขนอ่อนแรง เมื่อเทียบกับข้างปกติ กำมือได้ไม่สุด ยกของหนักไม่ได้ เมื่อยกแล้วรู้สึกปวดตึงคอเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกระดูกงอกทับเส้นประสาท ทำให้การส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อมัดนั้นๆทำได้ไม่เต็มที่ และหากยังปล่อยทิ้งไว้จะพบว่าแขนข้างนั้นฟ่อลีบจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเลยละครับ (แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยก็ไม่ยอมให้ถึงขั้นฟ่อลีบหรอกครับ)
- ในรายที่กระดูกงอกทับเส้นประสาทนั้น จะทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนได้ไม่ดีดังเดิม เช่น การเขียนหนังสือ การเย็บผ้า การติดกระดุมเสื้อ เป็นต้น
- กล้ามเนื้อรอบๆคอ บ่า และสะบักเกิดการตึงตัว ในรายที่เป็นโรคคอเสื่อมมาระยะเวลานานแล้วไม่ได้เข้ารับการรักษาจะสังเกตุเห็นว่ากล้ามเนื้อบ่าตึงแข็งเป็นลำ เมื่อให้ยืนส่องกระจกจะพบว่าหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างสูงตํ่าไม่เท่ากัน

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ

- กระดูกคอของคนเรามีทั้งหมด 7 ข้อ โดยข้อที่มีการเสื่อมมากที่สุดคือข้อที่ C5-C6 ครับ เนื่องจากเป็นข้อที่มีการเคลื่อนไหวได้มากที่สุด ต้องรับนํ้าหนักมากที่สุดเมื่อเทียบกับข้อต่อทั้ง 7 ชิ้น ด้วยภาระงานของข้อที่ 5 และ 6 รับอยู่นั้นมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดการเสื่อมได้ง่าย

#แชร์เป็นวิทยาทาน
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด

อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️ 0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก 👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

💢สั ญ ญ า ณ อั ต ร า ย 💢5 อาการปวดหลัง ที่บ่งบอกโรค    หากตอนนี้ใครที่กำลังปวดหลังอยู่ รีบ เช็คตัวเองด่วนนะค่ะ   ช่วยแชร...
07/07/2017

💢สั ญ ญ า ณ อั ต ร า ย 💢

5 อาการปวดหลัง ที่บ่งบอกโรค

หากตอนนี้ใครที่กำลังปวดหลังอยู่ รีบ เช็คตัวเองด่วนนะค่ะ ช่วยแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ

# #ปรึกษาฟรี โทรเลย
☎️090-9715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

1. อาการปวดหลังร่วมกับแขนขาชาไม่มีแรง

กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าวเป็นไปได้ว่าไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการเอกซเรย์ตรวจดูกระดูกสันหลังและหาตำแหน่งที่บาดเจ็บ บางรายเพียงให้นอนพักรักษาตัวก็อาจหายจากอาการดังกล่าวได้ แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด

2. ปวดหลังบริเวณเอวและมีไข้หนาวสั่น

สาเหตุของอาการอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบของไต หรืออาจเป็นโรคกรวยไตอักเสบ โดยสาเหตุเหล่านี้เกิดได้จากการทานน้ำในแต่ละวันน้อยเกินไป การอั้นปัสสาวะ

โดยการรักษาแพทย์จะใช้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาอื่น ๆ ตามแต่การวินิจฉัยโรค รวมถึงแนะให้ทานน้ำมาก ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการอั้นปัสสาวะ และเมื่อรักษาไตจนเป็นปกติดีแล้ว อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไป

3. ปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง

หากมีอาการปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง และเมื่อพบแพทย์แล้ว แพทย์อาจคลำพบก้อนบริเวณไต รวมถึงมีเลือดปนในปัสสาวะ มีความดันโลหิตสูง และมีภาวะโลหิตจางร่วมด้วย ในกรณีนี้เป็นสัญญาณบอกโรคถุงน้ำในไต ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

เมื่อมีถุงน้ำในไต ก็จะทำให้ไตทำงานได้น้อยลง เมื่อไตทำงานได้ลดลงส่งผลเสียต่อร่างกายเกิดโรคความดันโลหิตสูง ไตอาจติดเชื้อได้ง่ายและไตวายเรื้อรังจน ถึงไตหยุดทำงานถาวร และนอกจากปัญหาที่ไตแล้วยังทำให้เกิดถุงน้ำที่อื่นได้ด้วยเช่น ตับ ตับอ่อน รังไข่ อัณฑะ และเกิดหลอดเลือดสมองโป่งพองได้ด้วย

4. อาการปวดหลังที่เกิดในสตรีมีครรภ์

อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อยึดกระดูกหย่อนยาน การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของทารก หรือมดลูกที่โตขึ้น กดทับเส้นประสาททำให้ปวดหลังจนร้าวไปถึงขาได้

5. ปวดหลังเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ

หากเป็นในคนอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ หรือกระดูกสันหลังสึกกร่อน การรักษาในกรณีนี้แพทย์จะให้ยาแก้ปวดมาทาน ให้รับการทำกายภาพบำบัด สวมเสื้อดามหลัง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นคนอ้วนมากก็จะต้องให้ลดน้ำหนัก

# #ปรึกษาฟรี โทรเลย
☎️090-9715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

 #แชร์เป็นวิทยาทานให้ความรู้ปวดคอ ปวดบ่า มึนงง บ้านหมุน มือชาอาจมาจากกระดูกคอเคลื่อน เสื่อม ทับเส้นประสาทคอของเราประกอบด...
07/07/2017

#แชร์เป็นวิทยาทานให้ความรู้

ปวดคอ ปวดบ่า มึนงง บ้านหมุน มือชา
อาจมาจากกระดูกคอเคลื่อน เสื่อม ทับเส้นประสาท
คอของเราประกอบด้วยกระดูกคอ (cervical spine) ทั้งหมด 7 ข้อ หรือที่เรียกว่ากระดูก c1-c7 ระหว่างกระดูกแต่ละข้อมีแผ่นกระดูก
อ่อนหรือที่เรียกว่าหมอนรองกระดูกคั่นกลางทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและเป็นเสมือนโช๊คอัพเพื่อดูดซับและกระจายแรงอัด ส่วนกระดูกที่เราคลำได้เป็นตุ่มๆ ที่อยู่
ด้านหลังของคอนั้นเป็นกระดูกที่ยื่นออกจากส่วนหลังของกระดูกคอ ตรงกลางของกระดูกนี้มีลักษณะเป็นรูให้ประสาท
ไขสันหลังและหลอดเลือดสอดผ่าน ระหว่างรอยต่อของกระดูกคอแต่ละข้อจะมีช่องว่างให้รากประสาทงอกออกมา เพื่อนำคำสั่งจาก
สมองไปยังกล้ามเนื้อที่ไหล่ แขนและมือ และรับความรู้สึกส่วนต่างๆ กลับไปยังสมอง
กระดูกคอมีขนาดเล็กแต่ต้องแบกรับน้ำหนักของศีรษะที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จึงเกิดความบอบช้ำบาดเจ็บได้ง่ายและ
เสื่อมได้เร็วกว่า ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท หลอดเลือดและไขสันหลังที่อยู่บริเวณเดียวกัน ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวด
ต้นคอ ไหล่และสะบัก ปวดร้าวและชาที่แขนและมือ พร้อมทั้งอาการอื่นๆ ที่สลับซับซ้อน จนบางครั้งนึกไม่ถึงว่าการเจ็บปวดทรมานนี้มาจากกระดูกคอเรานี่เอง
สาเหตุโรคกระดูกคอที่พบบ่อย...
- ภาวะกระดูกคอเสื่อม กระดูกคอที่เสื่อมลงตามวัยนั้นอาจจะไปกดทับเส้นประสาท หลอดเลือดหรือไขสันหลังที่อยู่บริเวณเดียวกัน ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- อิริยาบถหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ เช่น การหนุนหมอนสูงเกินไป การทำงานในท่าเดียวนานๆ นั่งเขียนหนังสือ นั่งดูเอกสาร นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งดูทีวี เป็นต้น
- คอเคล็ดหรือยอก เกิดจากคอมีการเคลื่อนไหวเร็วเกินไปหรือรุนแรงเกินไป เช่น การก้มเพื่อมองหาของใต้โต๊ะ การเอี้ยวตัว
เพื่อหยิบของข้างหลัง การหกล้ม การเล่นกีฬาหรือโยคะ การนวดหรือการดัดตัว เป็นต้น ทำให้เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อคอถูกยืดมากหรือมีการฉีกขาดจนเกิดอาการปวดคอ
- ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ข้ออักเสบ ข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจทำให้กระดูกคออักเสบไปด้วย เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์
เป็นต้น
- อาการอักเสบของร่างการ เช่น คออักเสบ หูอักเสบ เป็นต้น อาจทำให้เป็นโรคกระดูกคอหรือกระตุ้นให้อาการหนักขึ้น
- ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคอตึงตัวเป็นประจำจนส่งผลกระทบต่อกระดูกคอได้
โรคกระดูกคอมีชนิดใดบ้าง...
- กระดูกคองอกกดทับรากประสาท กระดูกคอแต่ละข้อมีรากประสาทงอกออกจากไขสันหลังเพื่อควบคุมการทำงานของไหล่แขน
และมือ เมื่อกระดูกคอเสื่อมลงตามวัย ข้อต่อจะหลวงหรือไม่แข็งแรง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดคอเรื้อรัง ถึงแม้ว่าบางรายอาจไม่มีอาการปวดคอก็ตาม แต่ก็จะรู้สึกเมื่อยคอเป็นประจำ
ต่อมาร่างกายมีการปรับสภาพโดยพยายามสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่เสื่อมไป กระดูกที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้เรียกว่า
หินปูน หรือ กระดูกงอก ประกอบกับหมอนรองกระดูกที่เสื่อมและบางลง ทำให้ช่องว่างระหว่างข้อกระดูกคอแคบลง ในที่สุดไปกดทับจากประสาทและเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอและสะบัก
บางครั้งรู้สึกเสียวหรือชาและมีเสียงกรอบแกรบเวลาหันคอ หากปล่อยไว้เรื้อรังจะมีอาการปวดร้าวเสียวหรือชาที่แขนและมือ อาการจะเป็นมากเวลาเงยหน้า อาจมีการฝ่อตัวของกล้ามเนื้อที่แขนและมือด้วย
- กระดูกคอกดทับไขสันหลัง หินปูนที่เกาะตามกระดูกคอหรือกระดูกคอที่เสื่อมจะทรุดลงมากดทับไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการ
ปวดมึนศีรษะ แขนชา ปวดเมื่อย อ่อนแรงโดยเฉพาะหัวเข่าจะรู้สึกอ่อนแรง เวลายืนจะโคลงเคลง ก้าวขาไม่ค่อยออก ผิวหนังปวดแสบ
ปวดร้อน อาจควบคุมปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้และสุดท้ายอาจเป็นอัมพาต
- กระดูกคอกดทับหลอดเลือดแดง กระดูกคอมีรูให้เส้นประสาทและหลอดเลือดแดงสอดผ่าน เมื่อกระดูกคอและหมอนรอง
กระดูกเสื่อม ลงจะทำให้รูนี้แคบลง หลอดเลือดแดงก็จะเป็นตะคริวหรือถูกกดทับเลือดจึงไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ทำให้เกิดอาการปวดเวียนศีรษะ ปวดตุบๆ ที่ท้ายทอย สายตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ วูบล้มลงอย่าง
กะทันหัน แต่ไม่หมดสติ สามารถลุกขึ้นได้เองอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แขนขาอ่อนแรง แขนชา หยิบของแล้วร่วง เวลาเงยหน้าหรือหันคออย่างกะทันหันจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ฯลฯ
- กระดูกคอกดทับประสาทซิมพาเธติก ประสาทซิมพาเธติกควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ความดันโลหิต การขยับตัว
ของกระเพาะอาหารและลำไส้ ตลอดจนกล้ามเนื้อเรียบในอวัยวะและต่อมขับหลั่งต่างๆ ในร่างกาย หากกระดูกคอหรือหมอนรอง
กระดูกคอเสื่อมและกดทับเส้นประสาท ก็จะเกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน รู้สึกศีรษะหนักๆ ปวดท้ายทอย สายตาพร่า ปวดแน่น
เบ้าตา ตาแห้ง เห็นแสงว็อบแว็บ ใจสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูงขึ้น ฯลฯ
- ปวดคอเนื่องจากกล้ามเนื้อตึงตัว กล้ามเนื้อบริเวณคอมีโครงสร้างซับซ้อนและทอสานเกี่ยวพันกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเรา
อยู่ในท่าเดียวนานๆ เช่น ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งดูทีวี เขียนหนังสือ เป็นต้น กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณคอก็จะตึงตัว ทำให้
เลือดไหลเวียนไม่ดีจนเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยต้นคอ และไหล่แล้วจะลามไปที่สะบักและแขนด้วย
เมื่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตึงเกร็งนานๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อกระดูกคอ ทำให้กระดูกคอเคลื่อนและเกยทับกันได้เช่นกัน ส่วนการ
หนุนหมอนที่สูงเกินไปหรือผิดท่าจนทำให้เกิดอาการคอตกหมอนนั้นก็เกิดจากการตึงตัวของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อคอเช่นกัน แต่ผู้ที่มีอาการคอตกหมอนเป็นประจำแสดงว่ากระดูกคอเริ่มเสื่อมแล้ว
ขอบคุณทุกท่านน่ะค่ะ..ที่เลือกศูนย์กระดูกและข้อ ให้เป็นการแพทย์ทางเลือก...
ที่นี่เราใช้สารอาหารในการฟื้นฟูบำบัดรักษา..เราไม่ใช้การผ่าตัดค่ะ

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️ 0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก 👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

รู้ทันโรคสลักเพชรจม หรือ​‎โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท‬ (Piriformis Syndrome)ใครสงสัยโรคนี้อ่านดู..นะค่ะ เราอาจเป็นอ...
07/07/2017

รู้ทันโรคสลักเพชรจม หรือ​‎โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท‬ (Piriformis Syndrome)

ใครสงสัยโรคนี้อ่านดู..นะค่ะ เราอาจเป็นอยู่แต่ไม่รู้ก็ได้ กดแชร์ได้เลยค่ะ

โรคสลักเพชรจม หรือ ‎โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท‬ (Piriformis Syndrome)

เกิดจากกล้ามเนื้อสะโพกมีการหนีบทับเส้นประสาทเกิดขึ้น กล้ามเนื้อที่พบบ่อยว่ากดทับหรือหนีบทับเส้นประสาท คือ กล้ามเนื้อ (Piriformis) ชึ่งโรคนี้ชื่อว่า (Piriformis Syndrome) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขาเรื้อรัง และมีอาการปวดสะโพกบริเวณที่นั่งทับ อาจจะมีอาการเล็กน้อย จนถึงขั้นรุนแรง และเดินไม่ได้

อาการปวดสะโพกร้าวลงขาจากกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท มักถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการนี้ อย่างไรก็ตามพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง ที่มีอาการปวดร้าวลงขานั้น ไม่ได้เกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาทเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยบางรายได้รับการทำ MRI เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท (Herniated disc) แต่พบว่ากระดูกสันหลังปกติทั้งหมด แต่ยังมีอาการปวดขาอย่างรุนแรงอยู่ ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

‎สาเหตุของโรค‬
การนั่งทำงานหรือขับรถเป็นเวลานาน,นั่งบนเก้าอี้แข็งๆนานๆ,ตั้งครรภ์ นอกเหนือจากนี้ก็มาจากสาเหตุกล้ามเนื้อ Piriformis มีขนาดสั้น และมีความตึงตัวมากผิดปกติ หรือมีการอักเสบของกล้ามเนื้อ Piriformis

‪‎การรักษา
- ประคบร้อนที่บริเวณสะโพก ประมาณ 15-20 นาที
- ออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อ Piriformis เพื่อลงความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ‪‎
- การรักษา‬กายภาพ"อัลตราซาวน์" บริเวณกล้ามเนื้อ Piriformis ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- กินยาระงับอาการปวด

# #ปรึกษาฟรี # #
☎️0909715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนเพื่อติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

☆☆☆ 5 อาการปวดหลัง ที่บ่งบอกโรค ☆☆☆    หากตอนนี้ใครที่กำลังปวดหลังอยู่ รีบ เช็คตัวเองด่วนนะค่ะ   ช่วยแชร์เพื่อเป็นวิทยาท...
07/07/2017

☆☆☆ 5 อาการปวดหลัง ที่บ่งบอกโรค ☆☆☆

หากตอนนี้ใครที่กำลังปวดหลังอยู่ รีบ เช็คตัวเองด่วนนะค่ะ ช่วยแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ

# #ปรึกษาฟรี โทรเลย
☎️090-9715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

1. อาการปวดหลังร่วมกับแขนขาชาไม่มีแรง

กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าวเป็นไปได้ว่าไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการเอกซเรย์ตรวจดูกระดูกสันหลังและหาตำแหน่งที่บาดเจ็บ บางรายเพียงให้นอนพักรักษาตัวก็อาจหายจากอาการดังกล่าวได้ แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด

2. ปวดหลังบริเวณเอวและมีไข้หนาวสั่น

สาเหตุของอาการอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบของไต หรืออาจเป็นโรคกรวยไตอักเสบ โดยสาเหตุเหล่านี้เกิดได้จากการทานน้ำในแต่ละวันน้อยเกินไป การอั้นปัสสาวะ

โดยการรักษาแพทย์จะใช้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาอื่น ๆ ตามแต่การวินิจฉัยโรค รวมถึงแนะให้ทานน้ำมาก ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการอั้นปัสสาวะ และเมื่อรักษาไตจนเป็นปกติดีแล้ว อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไป

3. ปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง

หากมีอาการปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง และเมื่อพบแพทย์แล้ว แพทย์อาจคลำพบก้อนบริเวณไต รวมถึงมีเลือดปนในปัสสาวะ มีความดันโลหิตสูง และมีภาวะโลหิตจางร่วมด้วย ในกรณีนี้เป็นสัญญาณบอกโรคถุงน้ำในไต ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

เมื่อมีถุงน้ำในไต ก็จะทำให้ไตทำงานได้น้อยลง เมื่อไตทำงานได้ลดลงส่งผลเสียต่อร่างกายเกิดโรคความดันโลหิตสูง ไตอาจติดเชื้อได้ง่ายและไตวายเรื้อรังจน ถึงไตหยุดทำงานถาวร และนอกจากปัญหาที่ไตแล้วยังทำให้เกิดถุงน้ำที่อื่นได้ด้วยเช่น ตับ ตับอ่อน รังไข่ อัณฑะ และเกิดหลอดเลือดสมองโป่งพองได้ด้วย

4. อาการปวดหลังที่เกิดในสตรีมีครรภ์

อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อยึดกระดูกหย่อนยาน การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของทารก หรือมดลูกที่โตขึ้น กดทับเส้นประสาททำให้ปวดหลังจนร้าวไปถึงขาได้

5. ปวดหลังเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ

หากเป็นในคนอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ หรือกระดูกสันหลังสึกกร่อน การรักษาในกรณีนี้แพทย์จะให้ยาแก้ปวดมาทาน ให้รับการทำกายภาพบำบัด สวมเสื้อดามหลัง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นคนอ้วนมากก็จะต้องให้ลดน้ำหนัก

# #ปรึกษาฟรี โทรเลย
☎️090-9715006 คุณเจนนี่
กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
👉 https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o

ประเภท ของโรค ปวดหลังอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดหลังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยก...
07/07/2017

ประเภท ของโรค ปวดหลัง

อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน

อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดหลังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า แต่ไม่ได้ปวดร้าวลงไปตามแนวขา เรียกว่า อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากกล้ามเนื้อเอวตึงเคล็ด หรือข้อต่อ เอ็นบริเวณรอบกระดูกสันหลังอักเสบส่งผลให้เกิดอาการปวด ทรมาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะอาการค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2 - 3 วัน หลังจากได้รับการรักษา

อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน

อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน เป็นอาการประเภทหนึ่งของโรคปวดหลัง ซึ่งจะแสดงอาการปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า และยังปวดร้าวลงไปยังบริเวณสะโพกและขาอีกด้วย อาการประเภทนี้อาจจะเกิดจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท ระยะเวลาที่อาการจะทุเลาจะกินเวลานานกว่าอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน และการกระทบกระเทือนของเส้นประสาทบริเวณหลังมักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงกว่า
อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขา แบบเรื้อรัง (ปวดหลังเรื้อรัง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม)
อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขาที่กินระยะเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ จัดเป็นอาการในกลุ่มโรคเรื้อรัง อาทิเช่น กระดูกสันหลังตีบแคบเบียดเส้นประสาท การรักษาเฉพาะทางถือเป็นสิ่งจำเป็น แพทย์ประจำตัวท่านอาจจะแนะนำท่านไปยังแพทย์ผู้ที่ชำนาญเฉพาะทางด้านโรคที่เป็นต้นเหตุของปัญหาปวดหลังเรื้อรัง อาทิเช่น แพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ศัลยแพทย์กระดูกสันหลัง ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือศัลยแพทย์ระบบประสาท

ประเภทของโรคปวดหลัง อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดหลังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า แต่ไม่ได้ปวดร้าวลงไปตามแนวขา เรียกว่า อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากกล้ามเนื้อเอวตึงเคล็ด หรือข้อต่อ เอ็นบริเวณรอบกระดูกสันหลังอักเสบส่งผลให้เกิดอาการปวด ทรมาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะอาการค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2 - 3 วัน หลังจากได้รับการรักษา อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน เป็นอาการประเภทหนึ่งของโรคปวดหลัง ซึ่งจะแสดงอาการปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า และยังปวดร้าวลงไปยังบริเวณสะโพกและขาอีกด้วย อาการประเภทนี้อาจจะเกิดจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท ระยะเวลาที่อาการจะทุเลาจะกินเวลานานกว่าอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน และการกระทบกระเทือนของเส้นประสาทบริเวณหลังมักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงกว่า อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขา แบบเรื้อรัง (ปวดหลังเรื้อรัง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม) อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขาที่กินระยะเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ จัดเป็นอาการในกลุ่มโรคเรื้อรัง อาทิเช่น กระดูกสันหลังตีบแคบเบียดเส้นประสาท การรักษาเฉพาะทางถือเป็นสิ่งจำเป็น แพทย์ประจำตัวท่านอาจจะแนะนำท่านไปยังแพทย์ผู้ที่ชำนาญเฉพาะทางด้านโรคที่เป็นต้นเหตุของปัญหาปวดหลังเรื้อรัง อาทิเช่น แพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ศัลยแพทย์กระดูกสันหลัง ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือศัลยแพทย์ระบบประสาท

กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o
ปรึกษาฟรี 090-9715006 คุณเจนนี่

ไปหามากินด่วน!! แพทย์ เผย! “ผลไม้” เพียงชนิดเดียวที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง และ ป้องกันการติดเชื้อได้! บอกเลยทั้งอร่อยทั...
06/07/2017

ไปหามากินด่วน!! แพทย์ เผย! “ผลไม้” เพียงชนิดเดียวที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง และ ป้องกันการติดเชื้อได้! บอกเลยทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์!!

กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o
ปรึกษาฟรี 090-9715006 คุณเจน

เวลาไปเดินตลาด เดินห้าง หรือเดินผ่านรถเข็นขายผลไม้ตามข้างทาง แล้วสังเกตดีๆ จะพบว่า “สับปะรด” มักเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวางขายอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะสับปะรดออกผลให้เราได้กินตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอตามฤดูกาล และยังจัดเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพไม่น้อยเลย ซึ่งนอกจากจะกินได้แบบสดๆ แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง สับปะรดกวน แยมสับปะรด หรือปรุงเป็นอาหารก็ได้รสชาติที่อร่อยถูกปากหลายคนทีเดียวล่าสุดทางการแพทย์ยังยกให้ “สับปะรด” ถือเป็นผลไม้มหัศจรรย์ตัวจริง นอกจากจะเป็นเครื่องมือช่วยลดน้ำหนักได้ดีแล้ว สับปะรด ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์จากสารอาหารต่างๆ ได้แก่ วิตามินซี, แมงกานีส, วิตามินบี 1, โฟเลต, ทองแดง, วิตามินบี 6, ไฟเบอร์ และวิตามินบี 5 หรือ แพนโทเธนิค…
ดังนั้น เราจะบอกเหตุผล 10 ข้อที่เราควรรับประทานสับปะรด ผลไม้ที่มีแร่ธาตุ วิตามิน และไฟโตนิวเทรียนท์สูงและช่วยเสริมสร้างสุขภาพของคุณให้ดีขึ้นนี้ด้วย
1. เป็นเหมือนยาแก้ไอชั้นดี
น้ำสับปะรดให้ประโยชน์ได้ดั่งยาแก้ไอ เนื่องจากสับปะรดสามารถต่อต้าน ไม่ทำให้ร่างกายเกิดอาการอักเสบ โดยมันจะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต่อสู้กับการติดเชื้อ และบรรเทาอาการไอของเราลงได้ นอกจากนี้ เราสามารถใส่น้ำผึ้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มคอได้อีกด้วย
2. การบรรเทาอาการหอบหืดสับปะรดมีสารอาหารมากมายที่ช่วยบรรเทาอาการหายใจไม่ทันของผู้ที่มีอาการหอบกำเริบ เนื่องจากมีวิตามินซีสูง และยังสามารถป้องกันการทำลายจากอนุมูลอิสระได้อีกด้วย
3. แมงกานีสดีต่อผิวและกระดูก
ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างแมงกานีสขึ้นมาเองได้ แต่ก็สามารถได้จากอาหารทั่วไปซึ่งสับปะรดก็เป็นหนึ่งนั้นที่มีแมงกานีสเยอะ มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นและเร่งให้บาดแผลหายเร็ว 4. ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
สับปะรดเต็มไปด้วยไฟเบอร์และเอนไซม์ย่อยโปรตีนที่ช่วยในการย่อยอาหาร ในขณะที่เอนไซม์บรอมีเลนช่วยร่างกายย่อยโปรตีนจากอาหาร และบรรเทาโรคท้องร่วง เสียดท้อง และปวดท้องอ
5. พัฒนาสุขภาพหัวใจ
บรอมีเลนทำให้การแข็งตัวของเลือดดี โดยกระตุ้นให้เลือดไหลไปตามหลอดเลือดฝอย หลอดเลือดดำและเส้นเลือดได้ดี ด้วยเหตุนี้มันจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวายเฉียบพลันและโรคหลอดเลือดในสมองได้
6. ทำให้เหงือกสุขภาพดี
วิตามินซีช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของช่องปากและลดความเสี่ยงโรคเหงือกอักเสบ และ โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกับอวัยวะที่อยู่รอบๆ ฟัน ไม่ว่าจะเป็น กระดูกเบ้าฟัน เอ็นยึดปริทันต์ และผิวรากฟัน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างประโยชน์ของร่างกายเพื่อสู้กับสารพิษและเชื้อ
7. ไม่ทำให้เกิดอาการอักเสบ
สับปะรดมีบรอมีเลนมากซึ่งช่วยลด CD4 + T lymphocytes ที่เป็นต้นตอของอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย การบริโภคสับปะรดเพียงไม่กี่ชิ้นช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดจากโรคเกาต์ โรคข้ออักเสบ และบาดแผลได้
8. ป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ
การรับประทานสับปะรดจึงเป็นผลดี เนื่องจากสับปะรดอุดมไปด้วยประโยชน์ของวิตามินซีที่สามารถทำลายอนุมูลอิสระได้ และวิตามินซียังเป็นสารต้านออกซิเดชันชนิดละลายได้ในน้ำ ลดความเสี่ยงในการเติบโตของโรคร้ายแรงและมะเร็ง
9. ทำลายเซลล์มะเร็ง
สับปะรดป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระและยังต้านอาการอักเสบได้ ดังนั้น พวกมันลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยบรอมีเลนควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงส่งผลให้ไม่เป็นโรคมะเร็ง
10. ฟอสฟอรัสทำให้กระดูกแข็งแรง
สับปะรดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เต็มไปด้วยฟอสฟอรัสที่ช่วยรักษาสุขภาพฟันและกระดูกให้ดีขึ้น โดยสับปะรด 1 แก้วกาแฟให้ฟอสฟอรัสมากถึง 14 มิลิกรัม

อย่าละเลยปวดคอ..สาเหตุของโรคกระดูกคอเสื่อม    อาการปวดคอร้าวไปที่สะบักและไหล่ บางทีก็มีอาการปวดร้าวไปที่แขนเป็นโรคที่พบ ...
06/07/2017

อย่าละเลย

ปวดคอ..สาเหตุของโรคกระดูกคอเสื่อม
อาการปวดคอร้าวไปที่สะบักและไหล่ บางทีก็มีอาการปวดร้าวไปที่แขนเป็นโรคที่พบ บ่อยมากในวัยกลางคน และในวัยสูงอายุซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากการเสื่อมของกระดูกคอ

อาการของกระดูกคอเสื่อม

เมื่ออายุย่างเข้าวัยกลางคนคือ 30 ปีขึ้นไปหมอนรองกระดูกซึ่งเป็นกระดูกอ่อนจะเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมตัวคือองค์ประกอบที่เป็นน้ำที่ทำให้เกิดการยืดหยุ่นในตัวของหมอนรองกระดูกคอจะลดลงไปทำให้คุณสมบัติในการยืดหยุ่นของหมอนรองกระดูกเสียไป ทำให้กระดูกคอปล้องที่หมอนรองกระดูกมีการเคลื่อนไหวไปในลักษณะที่ไม่ราบเรียบเป็นปกติ ถ้าเราไม่ระมัดระวังปล่อยให้กระดูกคอเคลื่อนไหวมากเกินขอบเขตก็จะทำให้เกิดการชำรุดของหมอนรองกระดูกคอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีผลทำให้ข้อต่อของกระดูกคอปล้องนั้นๆเสียไป

อาการเริ่มต้นของหมอนรองกระดูกคอเสื่อมคือจะมีอาการปวดคอและคอแข็งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ตกหมอน” บางทีก็มีอาการปวดตื้อๆ ลึกๆ ที่บริเวณสะบัก ที่ชาวบ้านเรียกว่า “สะบักจม” อาการทั้งสองอย่างนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าหมอนรองกระดูกคอเริ่มมีอาการเสื่อมตัวแล้ว ถ้าการเสื่อมตัวของหมอนรองกระดูกคอมากขึ้นก็จะมีการทรุดตัวของหมอนรองกระดูกคอมากขึ้น ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกคอแคบลง และมีกระดูกงอกตามขอบของข้อต่อกระดูกคอ ที่เรียกว่า “กระดูกงอก” หรือ “หินปูนเกาะ” มีผลทำให้เกิดการตีบแคบของช่องประสาทที่ผ่านลงไป เมื่อตีบแคบถึงระดับหนึ่งก็จะเกิดการกดทับเส้นประสาท และประสาทไขสันหลัง ถ้าเป็นการกดทับเส้นประสาทก็จะทำให้เกิดการปวดร้าวลงไปตามแขนจนถึงนิ้วมือ ถ้ากดมากๆ จะทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ถ้ามีการกดประสาทไขสันหลังก็จะทำให้เกิดอาการเกร็ง

กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o
ปรึกษาฟรี 090-9715006 คุณเจนนี่

ปวดหลัง    ปวดหลัง (Backache) เป็นอาการปวดเมื่อย ตึง ร้าว หรือเจ็บที่หลัง สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่บริเวณคอลงไปจนถึงก้นแล...
06/07/2017

ปวดหลัง

ปวดหลัง (Backache) เป็นอาการปวดเมื่อย ตึง ร้าว หรือเจ็บที่หลัง สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่บริเวณคอลงไปจนถึงก้นและขา ส่งผลมาจากหลายสาเหตุ เช่น กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ยืน เดินหรือนั่งไม่ถูกท่า ยกของหนักเกินไป อุบัติเหตุ การกระแทก การเล่นกีฬา หรือเป็นผลมาจากโรคต่าง ๆ ปวดหลังเป็นอาการที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่กับผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะเผชิญกับอาการปวดหลัง แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนวัยทำงาน

ปวดหลัง

สาเหตุของอาการปวดหลัง

อาการปวดหลังสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การทำท่าทางที่ไม่ถูกต้องสะสมเป็นเวลานาน การเคล็ดขัดยอก การตึง การอักเสบของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบริเวณหลัง ปัญหาของหมอนรองกระดูก ปัญหาของกระดูกสันหลังและเส้นประสาท ปัญหาจากโรค หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งอาการปวดหลังจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายและการดำเนินชีวิตประจำวัน

ภาวะแทรกซ้อนของอาการปวดหลัง

ภาวะแทรกซ้อนของอาการปวดหลังสามารถเกิดขึ้นได้ หากปล่อยไว้นานและไม่รีบเข้ารับการรักษาให้ทันเวลา หากพบว่ามีอาการปวดหลังติดต่อกันนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ ไม่บรรเทาหรือมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์

การป้องกันอาการปวดหลัง

การป้องกันอาการปวดหลังสามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้หลัง การยืน การเดิน การนั่ง หรือการนอน รวมไปถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงขึ้น ทำให้ยากต่อการอักเสบหรืออ่อนล้าและไม่กลับไปสู่อาการปวดหลังอีก

กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o
ปรึกษาฟรี 090-9715006 คุณเจนนี่

 #แชร์เป็นวิทยาทานให้ความรู้ปวดคอ ปวดบ่า มึนงง บ้านหมุน มือชาอาจมาจากกระดูกคอเคลื่อน เสื่อม ทับเส้นประสาทคอของเราประกอบด...
06/07/2017

#แชร์เป็นวิทยาทานให้ความรู้

ปวดคอ ปวดบ่า มึนงง บ้านหมุน มือชา
อาจมาจากกระดูกคอเคลื่อน เสื่อม ทับเส้นประสาท
คอของเราประกอบด้วยกระดูกคอ (cervical spine) ทั้งหมด 7 ข้อ หรือที่เรียกว่ากระดูก c1-c7 ระหว่างกระดูกแต่ละข้อมีแผ่นกระดูก
อ่อนหรือที่เรียกว่าหมอนรองกระดูกคั่นกลางทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและเป็นเสมือนโช๊คอัพเพื่อดูดซับและกระจายแรงอัด ส่วนกระดูกที่เราคลำได้เป็นตุ่มๆ ที่อยู่
ด้านหลังของคอนั้นเป็นกระดูกที่ยื่นออกจากส่วนหลังของกระดูกคอ ตรงกลางของกระดูกนี้มีลักษณะเป็นรูให้ประสาท
ไขสันหลังและหลอดเลือดสอดผ่าน ระหว่างรอยต่อของกระดูกคอแต่ละข้อจะมีช่องว่างให้รากประสาทงอกออกมา เพื่อนำคำสั่งจาก
สมองไปยังกล้ามเนื้อที่ไหล่ แขนและมือ และรับความรู้สึกส่วนต่างๆ กลับไปยังสมอง
กระดูกคอมีขนาดเล็กแต่ต้องแบกรับน้ำหนักของศีรษะที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จึงเกิดความบอบช้ำบาดเจ็บได้ง่ายและ
เสื่อมได้เร็วกว่า ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท หลอดเลือดและไขสันหลังที่อยู่บริเวณเดียวกัน ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวด
ต้นคอ ไหล่และสะบัก ปวดร้าวและชาที่แขนและมือ พร้อมทั้งอาการอื่นๆ ที่สลับซับซ้อน จนบางครั้งนึกไม่ถึงว่าการเจ็บปวดทรมานนี้มาจากกระดูกคอเรานี่เอง
สาเหตุโรคกระดูกคอที่พบบ่อย...
- ภาวะกระดูกคอเสื่อม กระดูกคอที่เสื่อมลงตามวัยนั้นอาจจะไปกดทับเส้นประสาท หลอดเลือดหรือไขสันหลังที่อยู่บริเวณเดียวกัน ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- อิริยาบถหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ เช่น การหนุนหมอนสูงเกินไป การทำงานในท่าเดียวนานๆ นั่งเขียนหนังสือ นั่งดูเอกสาร นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งดูทีวี เป็นต้น
- คอเคล็ดหรือยอก เกิดจากคอมีการเคลื่อนไหวเร็วเกินไปหรือรุนแรงเกินไป เช่น การก้มเพื่อมองหาของใต้โต๊ะ การเอี้ยวตัว
เพื่อหยิบของข้างหลัง การหกล้ม การเล่นกีฬาหรือโยคะ การนวดหรือการดัดตัว เป็นต้น ทำให้เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อคอถูกยืดมากหรือมีการฉีกขาดจนเกิดอาการปวดคอ
- ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ข้ออักเสบ ข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจทำให้กระดูกคออักเสบไปด้วย เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์
เป็นต้น
- อาการอักเสบของร่างการ เช่น คออักเสบ หูอักเสบ เป็นต้น อาจทำให้เป็นโรคกระดูกคอหรือกระตุ้นให้อาการหนักขึ้น
- ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคอตึงตัวเป็นประจำจนส่งผลกระทบต่อกระดูกคอได้
โรคกระดูกคอมีชนิดใดบ้าง...
- กระดูกคองอกกดทับรากประสาท กระดูกคอแต่ละข้อมีรากประสาทงอกออกจากไขสันหลังเพื่อควบคุมการทำงานของไหล่แขน
และมือ เมื่อกระดูกคอเสื่อมลงตามวัย ข้อต่อจะหลวงหรือไม่แข็งแรง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดคอเรื้อรัง ถึงแม้ว่าบางรายอาจไม่มีอาการปวดคอก็ตาม แต่ก็จะรู้สึกเมื่อยคอเป็นประจำ
ต่อมาร่างกายมีการปรับสภาพโดยพยายามสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่เสื่อมไป กระดูกที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้เรียกว่า
หินปูน หรือ กระดูกงอก ประกอบกับหมอนรองกระดูกที่เสื่อมและบางลง ทำให้ช่องว่างระหว่างข้อกระดูกคอแคบลง ในที่สุดไปกดทับจากประสาทและเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอและสะบัก
บางครั้งรู้สึกเสียวหรือชาและมีเสียงกรอบแกรบเวลาหันคอ หากปล่อยไว้เรื้อรังจะมีอาการปวดร้าวเสียวหรือชาที่แขนและมือ อาการจะเป็นมากเวลาเงยหน้า อาจมีการฝ่อตัวของกล้ามเนื้อที่แขนและมือด้วย
- กระดูกคอกดทับไขสันหลัง หินปูนที่เกาะตามกระดูกคอหรือกระดูกคอที่เสื่อมจะทรุดลงมากดทับไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการ
ปวดมึนศีรษะ แขนชา ปวดเมื่อย อ่อนแรงโดยเฉพาะหัวเข่าจะรู้สึกอ่อนแรง เวลายืนจะโคลงเคลง ก้าวขาไม่ค่อยออก ผิวหนังปวดแสบ
ปวดร้อน อาจควบคุมปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้และสุดท้ายอาจเป็นอัมพาต
- กระดูกคอกดทับหลอดเลือดแดง กระดูกคอมีรูให้เส้นประสาทและหลอดเลือดแดงสอดผ่าน เมื่อกระดูกคอและหมอนรอง
กระดูกเสื่อม ลงจะทำให้รูนี้แคบลง หลอดเลือดแดงก็จะเป็นตะคริวหรือถูกกดทับเลือดจึงไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ทำให้เกิดอาการปวดเวียนศีรษะ ปวดตุบๆ ที่ท้ายทอย สายตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ วูบล้มลงอย่าง
กะทันหัน แต่ไม่หมดสติ สามารถลุกขึ้นได้เองอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แขนขาอ่อนแรง แขนชา หยิบของแล้วร่วง เวลาเงยหน้าหรือหันคออย่างกะทันหันจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ฯลฯ
- กระดูกคอกดทับประสาทซิมพาเธติก ประสาทซิมพาเธติกควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ความดันโลหิต การขยับตัว
ของกระเพาะอาหารและลำไส้ ตลอดจนกล้ามเนื้อเรียบในอวัยวะและต่อมขับหลั่งต่างๆ ในร่างกาย หากกระดูกคอหรือหมอนรอง
กระดูกคอเสื่อมและกดทับเส้นประสาท ก็จะเกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน รู้สึกศีรษะหนักๆ ปวดท้ายทอย สายตาพร่า ปวดแน่น
เบ้าตา ตาแห้ง เห็นแสงว็อบแว็บ ใจสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูงขึ้น ฯลฯ
- ปวดคอเนื่องจากกล้ามเนื้อตึงตัว กล้ามเนื้อบริเวณคอมีโครงสร้างซับซ้อนและทอสานเกี่ยวพันกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเรา
อยู่ในท่าเดียวนานๆ เช่น ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งดูทีวี เขียนหนังสือ เป็นต้น กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณคอก็จะตึงตัว ทำให้
เลือดไหลเวียนไม่ดีจนเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยต้นคอ และไหล่แล้วจะลามไปที่สะบักและแขนด้วย
เมื่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตึงเกร็งนานๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อกระดูกคอ ทำให้กระดูกคอเคลื่อนและเกยทับกันได้เช่นกัน ส่วนการ
หนุนหมอนที่สูงเกินไปหรือผิดท่าจนทำให้เกิดอาการคอตกหมอนนั้นก็เกิดจากการตึงตัวของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อคอเช่นกัน แต่ผู้ที่มีอาการคอตกหมอนเป็นประจำแสดงว่ากระดูกคอเริ่มเสื่อมแล้ว
ขอบคุณทุกท่านน่ะค่ะ..ที่เลือกศูนย์กระดูกและข้อ ให้เป็นการแพทย์ทางเลือก...
ที่นี่เราใช้สารอาหารในการฟื้นฟูบำบัดรักษา..เราไม่ใช้การผ่าตัดค่ะ

กดเพิ่มเพื่อนติดตามข้อมูลดีๆ
คลิก https://line.me/R/ti/p/%40cne4485o
ปรึกษาฟรี 090-9715006 คุณเจนนี่

ที่อยู่

242 ถ สุวิงทวงค์ แขวงแสนแสบ
Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0895369792

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ดูแลกระดูกและไขข้อ สายด่วน 0895369792ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ศูนย์ดูแลกระดูกและไขข้อ สายด่วน 0895369792:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท

ตำแหน่งใกล้เคียง คลินิก